เที่ยวชมสวนพฤกษศาสตร์ฯเชียงใหม่ สร้างประสบการณ์-ทักษะการเรียนรู้ด้านพืช

ด้วยความวุ่นวายในสังคมเมืองและอากาศร้อนอบอ้าวในช่วงนี้ สิ่งที่ใครหลายคนอยากทำที่สุด คงหนีไม่พ้นการได้หลบไปพักร้อนตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีธรรมชาติอันงดงาม ร่มรื่นเย็นสบายและเงียบสงบห่างไกลจากความวุ่นวาย ซึ่งในปัจจุบันก็หาได้ยากเต็มที ด้วยสังคมเมืองที่ขยายไปสู่ชนบทอย่างรวดเร็วและรุกล้ำพื้นที่ธรรมชาติ หลาย ๆ คนอาจเลือกที่จะหลบร้อนตามห้างสรรพสินค้าที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายใต้บรรยากาศที่เย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ แต่เชื่อว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย ที่เลือกใช้เวลาในการพักผ่อนกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง คนรัก ในช่วงหน้าร้อนด้วยการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ทางธรรมชาติที่ร่มรื่นสวยงาม เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศแห่งความสงบเย็นท่ามกลางขุนเขา สำหรับ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสถานที่ดังกล่าว ที่ให้ทั้งความสวยงาม ร่มรื่น สมกับเป็นสวนแห่งการเรียนรู้คู่ความเพลิดเพลิน ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนดินแดนล้านนาแห่งนี้

ดร.สุญาณี เวสสบุตร รักษาการผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ฯ กล่าวว่า สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มีพื้นที่ 6,500 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศเหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของพรรณไม้นานาชนิด มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติ ที่พร้อมให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสความงดงามของพรรณไม้ในบรรยากาศของป่าธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะเพลิดเพลินชมพันธุ์ไม้หายากในกลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สวน 77 พรรษามหาราชินี แปลงรวมพันธุ์ไม้ดอกขาว และสวนรุกขชาติ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 27 กิโลเมตรเท่านั้น  จึงใคร่ขอเชิญชวนทุกท่านมาพักผ่อนหย่อนใจและทำความรู้จักกับพืชพรรณไม้ต่าง ๆ ที่ทางสวนพฤกษศาสตร์ฯได้รวบรวมไว้และนำมาจัดแสดง สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์แห่งนี้เป็นสวนพฤกษศาสตร์สากลที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของประเทศไทยซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่ในการรวบรวมอนุรักษ์พรรณไม้นานาชนิด โดยเฉพาะไม้ประจำถิ่น และไม้หายากในประเทศไทยแล้วยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจสำหรับสมาชิกทุกวัยในครอบครัว

สำหรับพรรณไม้ที่น่าสนใจในช่วงนี้นั้นปัจจุบันสวนพฤกษศาสตร์ฯได้รวบรวมและจัดแสดงพรรณไม้ไว้มากมายหลายชนิดพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพรรณไม้ไทยหรือพรรณไม้จากต่างประเทศ อาทิ ใบไม้สีทอง หรือชื่อท้องถิ่นเรียก ย่านดาโอ๊ะ พันธุ์ไม้หายากจากทางภาคใต้ของประเทศไทย  เป็นพืชเฉพาะถิ่นพบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเท่านั้น พืชชนิดนี้มีลักษณะพิเศษที่ส่วนกลางของใบเชื่อมติดกัน ส่วนปลายทั้งสองด้านแยกออกจากกัน มองดูคล้ายผีเสื้อ หรือบางคนอาจมองดูคล้ายหัวใจ ใบอ่อน นิยมนำมาทำแห้งใส่กรอบด้วยมีความเชื่อว่าเป็นพืชมงคล นอกจากนี้ยังมี กล้วยศรีนรา กล้วยช่อตั้งที่หาดูได้ยาก มีช่อดอกสีม่วงอ่อนสวยงาม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ พบขึ้นกระจายเฉพาะภาคใต้ของประเทศไทย ที่จังหวัดนราธิวาส และหากพูดถึงพรรณไม้น้ำที่มีความสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ต้องยกให้ บัว ราชินีแห่งไม้น้ำ ซึ่งมีหลากหลาย ชนิดพันธุ์ที่โดดเด่นและมีลักษณะพิเศษได้แก่ บัวจงกลนี เป็นบัวที่พบในประเทศไทยเท่านั้น มีลักษณะสำคัญก็คือ ดอกสีขาวอมชมพูอ่อนที่มีกลีบซ้อนกันแน่น ดอกบานได้นานถึง 5 วัน และจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากชมพู เป็นสีขาวและสีเขียวแซมบ้างเมื่อใกล้โรย ส่วนบัวกระด้ง หรือ บัววิคตอเรีย เป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใบลักษณะคล้ายกระด้ง มีขนาดใหญ่ได้ถึง 6 ฟุต สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 5 กิโลกรัม และในช่วงอากาศร้อนแบบนี้หากไม่พูดถึงกลุ่มพืชทนแล้งก็ดูเหมือนจะขาดอะไรไป เพราะนอกจากกลุ่มกระบองเพชรที่เริ่มผลิดอกสีสันสดใสในฤดูนี้เป็นส่วนใหญ่แล้ว สวนพฤกษศาสตร์ฯ ยังได้นำปิศาจทะเลทราย (Welwitschia mirabilis) พืชโบราณเก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งของโลกที่มีอายุได้ยาวนานถึง 1,000 ปี เป็นพืชไร้ดอกเขตร้อนมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทะเลทรายทางใต้ของประเทศนามิเบียและแองโกลา ชอบอยู่รวมกันเป็นกอคล้ายกับมีใบหลายใบ ทั้งที่ในความเป็นจริงมีเพียง  2 ใบเท่านั้น

ภายในสวนพฤกษศาสตร์ฯ นอกจากมีพันธุ์ไม้ที่หาชมได้ยากยังมีน้ำตกแม่สาน้อยที่มีสายน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปี เหมาะแก่การให้ผู้ที่มาเยือนได้หลบร้อน ผ่อนคลาย รื่นรมย์ ชมพรรณไม้งาม และดื่มด่ำกับความสุนทรีย์ของธรรมชาติเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30– 17.00 น. สนใจสอบถามได้ที่ ส่วนสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ โทร. 0-5384-1234 หรือที่ qsbg.org.