ตั้งแต่มีเป้าหมายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ประกาศเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าต้องการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 58 ทำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะแม่งานหลัก ได้ร่วมกันวางกลยุทธ์เพื่อเดินหน้าไปให้ถึงฝั่งฝัน
แม้ว่าเวลานี้ไทยเป็นประเทศแหล่งท่องเที่ยวที่ติดอันดับโลกอยู่แล้ว ทั้งเรื่องแหล่งท่องเที่ยวที่สวย งามและนักท่องเที่ยวนิยมที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว แต่เมื่อมีนโยบายว่าต้องทำให้รายได้ให้ถึง 2 ล้านล้านบาท ในส่วนของการทำแผนการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามา ก็ต้องมีแผนการที่เข้มข้นมากขึ้นโดยในระยะแรก ได้เน้นการดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมา รายได้ก็ย่อมต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถือว่าเป็นไปได้ตามเป้าหมาย เพราะจำนวนนักท่องเที่ยว แทบจะล้นทะลัก เห็นได้จากสนามบินสุวรรณภูมิและภูเก็ตที่เห็นปัญหาได้ชัดเจนเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ล้นสนามบิน
แน่นอนว่าเมื่อมีคนเยอะย่อมต้องมีสารพัดเรื่อง แม้ว่าไทยจะได้ชื่อว่าเป็น สยามเมืองยิ้ม (แลนด์ ออฟ สมายล์) แต่ไม่ได้หมายรวมไปซะทุกกลุ่มคนที่จะยิ้ม อย่างไรก็ยังมีกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ยิ้มและแอบแฝงกลโกงมากมาย เพื่อจ้องหากินหรือก่ออาชญากรรมกับนักท่องเที่ยวจนเป็นที่มาของ การเกิด ปัญหาความไม่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่ง
เป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต้องลดลง เพราะคงไม่มีนักท่องเที่ยวชาติใดอยากมาเที่ยว แต่กลับได้อ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือดูโทรทัศน์แล้วรับรู้ว่ามีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาไทยและต้องประสบเคราะห์ร้าย โชคดีหน่อยอาจเป็นเพียงแค่เสียทรัพย์สิน แต่หากโชคร้ายนักท่องเที่ยวบางรายถึงขั้นต้องเสียชีวิต
เจ้ากระทรวง อย่าง สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า ปัญหาเรื่องความปลอดภัย ถือเป็นปัญหาใหญ่และเป็นปัญหาสำคัญ ที่รัฐบาลควรหันมาให้ความสนใจและควรผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากถ้าอยากได้รายได้ 2 ล้านล้านบาทอย่างที่หวังก็ต้องดูแลนักท่องเที่ยวให้ปลอดภัยและสามารถเดินทางท่องเที่ยวในไทยได้อย่างสบายใจ เพราะ...รายได้ที่เข้ามาจะเข้ามาอย่างยั่งยืนหรือไม่? ขึ้นอยู่กับความปลอดภัยเป็นสำคัญ...
เมื่อได้เข้ามาทำงาน ก็มองเห็นถึงปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะถ้านักท่องเที่ยวรู้สึกไม่ปลอดภัยก็ไม่อยากเดินทางมา และเมื่อไม่เดินทางก็จะไม่ก่อให้เกิดรายได้ แต่เพราะกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงในทุก ๆ เรื่องที่จะจัดการแก้ไขปัญหาได้ เช่น นักท่องเที่ยวที่บาดเจ็บเพราะอุบัติเหตุทางเรือเจ็ตสกี หากต้องการแก้ไขจริง ๆ ต้องไปดูกฎหมายที่เกี่ยวกับเจ็ตสกี ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม หรือปัญหานักท่องเที่ยวถูกทำร้ายร่างกาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเป็นผู้เข้าไปรับผิดชอบ สิ่งที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต้องทำคือ การเป็นพ่องานในการประสานงานเพื่อบูรณาการงานกับกระทรวงหรือหน่วยงานอื่น เพื่อให้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้รับการแก้ไขหรือได้รับการเยียวยาได้โดยเร็ว
ทั้งนี้จากสถิติอาชญากรรมของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ในปี 55 มีการจับและดำเนินคดีเกี่ยวกับคดีท่องเที่ยวได้ทั้งสิ้น ประมาณ 3,805 คดี จากการรับแจ้ง 1,938 คดี เพิ่มขึ้นจากปี 54 ถึง 50.57% ซึ่งจากตัวเลขนี้ทำให้เห็นได้ว่าถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปจะยิ่งกลายเป็นผลกระทบไปทางลบเกี่ยวกับท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ
ดังนั้นเมื่อได้เข้ามานั่งเก้าอี้ รมว.การท่องเที่ยวฯ อีกทั้งยังเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด จึงคร่ำหวอดอยู่กับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม ซึ่งจุดนี้เองที่จุดประกายให้ก่อเกิดแนวคิด การตั้งศาลท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อนแล้วจะไปร้องเรียนหรือดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมก็จะใช้เวลาการดำเนินการนาน กลายเป็นประเทศไทยละเลยนักท่องเที่ยว หากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงการดำเนินการก็จะสะดวกรวดเร็วขึ้น
แต่...ใช่ว่าการตั้งศาลท่องเที่ยวจะทำได้ง่ายอย่างใจนึก ทั้งขั้นตอนทั้งงบประมาณ ต้องใช้เวลาในการขออนุมัติเพื่อดำเนินงาน ที่ทำได้เวลานี้ และถือเป็นหนทางที่ดีที่สุด คือ การเดินหน้าเข้าหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาและเร่งแก้ไขโดยเร็ว
เพราะ...หากยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวออกมา จะกลายเป็นว่าเมืองไทยละเลยเรื่องที่ไม่ควรละเลย อีกทั้งในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เอกอัครราชทูตจะเข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่จ.ภูเก็ต โดยมีวาระสำคัญเป็นประเด็น เรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมอยู่ด้วย ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามไปอย่างเด็ดขาด
แม้จะมองว่าเป็นมวยแทนเพื่อรอตัวจริง เข้ามาทำหน้าที่ แต่การพิสูจน์กึ๋นในช่วงที่ยังนั่งตำแหน่งสำคัญแบบนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ต้องติดตามชมกันต่อไปว่า รมว.มวยแทนคนนี้ จะสร้างทีเด็ดอะไรให้วงการท่องเที่ยวไทยได้บ้าง.
เอวิกานต์ บัวคง
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [