BlogGang.com : : amulet108 : เจาะลึกโอกาส!! 'บังยี' ท้าชน 3 อาหรับ 'ได้' หรือ 'วืด'? ศึกชิงเก้าอี้ ปธ.เอเอฟซี

เจาะลึกโอกาส!! 'บังยี' ท้าชน 3 อาหรับ 'ได้' หรือ 'วืด'? ศึกชิงเก้าอี้ ปธ.เอเอฟซี

เจาะลึกโอกาส!! 'บังยี' ท้าชน 3 อาหรับ 'ได้' หรือ 'วืด'? ศึกชิงเก้าอี้ ปธ.เอเอฟซี

วันที่ 2 พ.ค.นี้ ถือเป็นอีกวาระหนึ่ง ที่แฟนบอลชาวไทย และชาวเอเชีย ต่างติดตามให้ความสนใจไม่น้อย กับการเลือกตั้งประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) คนใหม่ แทนที่ โมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม ชาวกาตาร์ ที่ถูกแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลตลอดชีวิต จากข้อหา ติดสินบน เลือกตั้งประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า)

และเชื่อแน่ว่า จะเป็นอีกครั้งที่จะมีการขับเคี่ยวแย่งชิงเก้าอี้กันอย่างดุเดือด ระหว่าง 4 ผู้สมัคร ได้แก่ "บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี จากไทย, ชีค ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คาห์ลิฟา จากบาห์เรน, ยูซูฟ อัล เซอร์กัล จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ ดร.ฮาเฟซ อัล-เมดเลจ์ จากซาอุดีอาระเบีย

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ละคนต่างก็แสดงความมั่นใจว่า ตนเองเหมาะสมกับตำแหน่งประมุขลูกหนังเอเชีย อย่างไรก็ตาม "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ขอรวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งจากสื่อไทยและต่างประเทศ มาวิเคราะห์ให้เห็นชัดเจนไปเลยว่า ชั่วโมงนี้ "ใครกันแน่ ที่มีโอกาสมากที่สุด?"

เจาะเบื้องหลัง เบื้องลึก ใครเป็นใคร

มาเริ่มกันที่ คนเคยๆ อย่าง นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่มีข่าวมากที่สุดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หนึ่งเดียวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยเส้นทางการทำงานฟุตบอลของ "บังยี" ไต่เต้ามาจากตำแหน่งเลขาฯ สมาคมฯ เมื่อประมาณ 11 ปีที่แล้ว ก่อนจะได้รับเลือกนั่งเก้าอี้นายกฯ ครั้งแรก ในปี 2007 จนถึงปัจจุบัน และยังทำงานในเอเอฟซี พร้อมดำรงตำแหน่ง สมาชิกกรรมการบริหารของฟีฟ่า มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 1997

ชีค ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คาห์ลิฟา (คนขวา)

ต่อ มาคือ ชีค ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คาห์ลิฟา ประธานสมาคมฟุตบอลของบาห์เรน ซึ่งมีเชื้อสายราชวงศ์อันมั่งคั่ง ตั้งแต่ปี 2002 นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่ ประธานกรรมการด้านระเบียบวินัยของ เอเอฟซี และ รองประธานกรรมการด้านระเบียบวินัยของ ฟีฟ่า ในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ เช่น ฟุตบอลโลก, ฟุตบอลชายหาดโลก, สโมสรชิงแชมป์โลก รวมถึงล่าสุด ในโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่ปักกิ่ง ของจีน ขณะเดียวกัน อัล คาห์ลิฟา ถือได้ว่าเป็นคนกีฬาตัวจริงคนหนึ่ง โดยเขายังดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกของ บาห์เรน และ เลขาธิการทั่วไปของสภาสูงสุดของเยาวชนและกีฬาอีกด้วย

ด้าน ยูซูฟ อัล เซอร์กัล ประธานสหพันธ์ฟุตบอลของยูเออี และรองประธานเอเอฟซี คนปัจจุบัน โดยเขาทำงานให้กับหน่วยงานต่างๆ ของ เอเอฟซี มาตั้งแต่ปี 1991 รวมถึงมีประสบการณ์โชกโชน ในการทำงานกับ องค์กรด้านฟุตบอลระดับนานาชาติ มากว่า 20 ปี

คนสุดท้าย ดร.ฮาเฟซ อัล เมดเลจ์ มีดีกรีปริญญาโท ด้านการจัดการธุรกิจ และ ปริญญาเอก การจัดการพฤติกรรม โดยเขาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลซาอุดีอาระเบีย ในปี 2001 จากนั้น ในปี 2008 เป็นหัวหน้ากรรมการด้านการตลาดและการเงินของ ลีกฟุตบอลในบ้านเกิด และปัจจุบัน เป็นประธานกรรมการด้านการตลาดให้กับ เอเอฟซี

โมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม (ขวา) อดีตประธานเอเอฟซีฉาว

หาก ดูจากโปรไฟล์แต่ละคน ต้องยอมรับ นายวรวีร์, อัล คาห์ลิฟา และ อัล เซอร์กัล เหนือกว่า ดร.เมดเลจ์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นรองในการเลือกตั้งครั้งนี้มากที่สุด และที่ผ่านมาเขาก็มีท่าทีไม่แน่นอน ในการชิงตำแหน่งฯ มาตลอด อย่างไรก็ตาม ดร.เมดเลจ์ ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ บินฮัมมัม เช่นเดียวกับ อัล เซอร์กัล และ "บังยี" ส่วน อัล คาห์ลิฟา แสดงจุดยืนเป็นฝั่งตรงข้ามกับบินฮัมมัม อย่างชัดเจน โดยเคยท้าชิงตำแหน่งนี้มาแล้ว เมื่อปี 2009 ก่อนพ่ายให้กับ อดีตประธานชาวกาตาร์ ไปอย่างหวุดหวิด แต่นั่นก็อาจเป็นจุดที่น่าสนใจของเขาก็ได้

ส่องนโยบาย ยกระดับ ฟุตบอลเอเชีย

นาย วรวีร์ ใช้แคมเปญการเลือกตั้งว่า "ตัวเลือกที่เหมาะสมของ เอเอฟซี" โดยมีเป้าหมายหลัก พยายามทำให้เอเอฟซี รวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อการพัฒนาลูกหนังเอเชีย ขณะที่นโยบายเรียกคะแนน "บังยี" ระบุว่า จะเพิ่มที่นั่งของเอเอฟซีในบอร์ดฟีฟ่า รวมถึงปรับโครงสร้างแบ่งรายได้ชาติสมาชิก นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาฟุตบอลระดับรากหญ้าและเยาวชนชาย-หญิงมากขึ้น มีการก่อตั้งวิทยาลัยฟุตบอล และ ปรับรูปแบบศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมให้สโมสรจากชาติสมาชิกต่างๆ

ถ้าบังยีได้เป็นประธานเอเอฟซี จะส่งผลดีกับฟุตบอลไทยอย่างไร

ด้าน อัล เซอร์กัล ใช้สโลแกนว่า "ฟุตบอลที่หัวใจ" ได้ออกนโยบาย 6 ข้อ ได้แก่ 1. การรวมฟุตบอลเอเชียให้เป็นหนึ่ง 2. การพัฒนาจัดการองค์กร 3. เพื่อให้มีความสมดุลระหว่างฟุตบอล อาชีพและ สมัครเล่น 4. กระจายอำนาจกิจกรรมของ เอเอฟซี 5. การแบ่งสรรรายได้ที่สมดุล และ 6.รวมความหลายหลายของเอเชีย ไว้ที่ สำนักงานเอเอฟซี ซึ่งตั้งอยู่ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม หมัดเด็ดของ อัล เซอร์กัล น่าจะอยู่ที่การให้ความสำคัญเรื่อง การเปลี่ยนภาพลักษณ์ด้านลบต่างๆ ของวงการฟุตบอลเอเชียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการล้มบอล, ติดสินบน, คอรัปชัน, พนันผิดกฎหมาย พร้อมกับมีแผนที่จะแนะนำโปรแกรมซึ่งจะช่วยให้คนให้ความร่วมมือรายงานถึงสิ่ง ผิดปกติในเกมฟุตบอลแบบไม่เปิดเผยตัวเอง เข้ามายังเจ้าหน้าที่อีกด้วย

ส่วน อัล คาห์ลิฟา ซึ่งโชว์วิสัยทัศน์ "เอเชีย ยูไนเต็ด" หยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการล้มบอล, สารกระตุ้น และ การพัฒนาผิดกฎหมายมาเป็นอันดับแรกเช่นกัน นอกจากนี้ ยังให้มีการพัฒนาความสัมพันธ์ฟีฟ่า กับ เอเอฟซี, การบริหารงานโปร่งใส, การันตีการแบ่งรายได้ที่มีคุณภาพจากรายได้ผลประโยชน์ของเอเอฟซีและโปรเจกต์ ต่างๆ และสุดท้าย ให้คำมั่นว่าจะช่วยสนับสนุนและยกระดับฟุตบอลหญิง

วงการลูกหนังเอเชียกำลังเติบโต

อย่าง ไรก็ดี ดร.อัล เมดเลจ์ จนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีการออกมาหาเสียง ออกมาแถลงถึงนโยบายใดๆ ชัดเจน ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า เขาอาจเป็นเพียงผู้สมัครหุ่นเชิดของ บิน ฮัมมัม ที่หวังแค่ส่งลงมาตัดคะแนนของ อัล คาห์ลิฟา ฝั่งตรงข้ามของตนเอง ไม่ให้ได้รับตำแหน่งเท่านั้น เพื่อเปิดทางให้กับ อัล เซอร์กัล และอาจรวมถึง นายวรวีร์ ได้รับคะแนนโหวตคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ไปครอง

หยั่งเสียงสมาชิก 47 ชาติเอเชีย

การ เลือกตั้งประธานเอเอฟซี ครั้งนี้ จะเปิดให้ สมาชิกทั้ง 47 ประเทศในทวีปเอเชีย ได้ออกเสียงโหวตกัน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 ภูมิภาคใหญ่ๆ ได้แก่ สมาพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (AFF) 12 ชาติ ได้แก่ ไทย, ออสเตรเลีย, บรูไน, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, ลาว, มาเลเซีย, เมียนมาร์, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ติมอร์-เลสเต และ เวียดนาม, สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันตก (WAFF) 13 ชาติ ได้แก่ บาห์เรน, อิหร่าน, อิรัก, จอร์แดน, คูเวต, เลบานอน, โอมาน, ปาเลสไตน์, กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, ซีเรีย, ยูเออี และ เยเมน, สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันออก (EAFF) 10 ชาติ ได้แก่ จีน, กวม, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, เกาหลีเหนือ, เกาหลีใต้, มาเก๊า, มองโกเลีย, นอร์เธิร์น มาเรียนา ไอส์แลนด์ และ ไต้หวัน และ สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียกลางและใต้ (SAFF) 12 ชาติ ได้แก่ อัฟกานิสถาน, บังกลาเทศ, ภูฏาน, อินเดีย, คีร์กีสถาน, มัลดีฟส์, เนปาล, ปากีสถาน, ศรีลังกา, ทาจิกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน และ อุซเบกิสถาน

อย่าง ที่ทราบกันแล้วว่า "บังยี" จะได้รับคะแนนเสียงเอกฉันท์ 12 เสียง จากอาเซียน (รวม ออสเตรเลีย) แน่นอน และทำให้ไม่แปลกที่ผู้สันทัดกรณีมองว่า ประธานลูกหนังชาวไทย เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้รับตำแหน่งมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้สมัครทางฟากฝั่งอาหรับ 3 คน อาจตัดคะแนนกันเอง จาก 13 ชาติ นอกจากนี้ ก็มีโอกาสที่ประเทศแถบเอเชียตะวันออก จะช่วยหนุน "บังยี" ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะประเด็นชาตินิยม และอยากเปลี่ยนขั้วอำนาจ แต่ที่มองข้ามไม่ได้เลย คือเสียงจากเอเชียกลางและใต้ ที่อาจแตกกระจาย แล้วแต่ความสัมพันธ์ของผู้สมัครแต่ละคน ซึ่งในส่วนของ "บังยี" เองก็มีไม่น้อยเช่นกัน

12 ชาติสมาชิก อาเซียน เทคะแนนให้ บังยี หมด

ดัง นั้น เมื่อประเมินคร่าวๆ "บังยี" น่าจะมีโอกาสได้ถึง 20 เสียงขึ้นไปเลยทีเดียว ส่วน อัล เซอร์กัล กับ อัล คาห์ลิฟา อาจได้พอๆ กัน ประมาณคนละ 13-14 เสียง โดยทาง อัล เซอร์กัล อาจได้เปรียบเล็กๆ จากการทำงานในตำแหน่งรองประธานเอเอฟซี และสนิทกับ บินฮัมมัม แต่ก็อาจเป็นดาบสองคมให้กลุ่มฝั่งตรงข้ามที่อยากเปลี่ยนแปลง เทคะแนนไปให้ อัล คาห์ลิฟา ได้เช่นเดียวกัน แถมยังมีข่าวแว่วๆ เขาอาจได้รับการสนับสนุนจาก สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) หนุนหลังอีกแรงด้วย ในฐานะที่ เขามีความสัมพันธ์อันดีกับ ประธานโอซีเอชาวคูเวต ชีค อาเหม็ด อัล ฟาฮัด

ด้าน ดร.อัล เมดเลจ์ คงเป็นเพียงแค่ไม้ประดับ อย่างไรก็ดี ก็มีโอกาสที่ชาติที่แบ็กอัพเขาอย่างซาอุดีอาระเบีย จะเทคะแนนไปให้ อัล เซอร์กัล เพิ่มได้อีก ซึ่งหากใครได้เสียงส่วนใหญ่ 24 เสียงขึ้นไป ก็จะคว้าชัยชนะไปอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าไม่มีใครทำได้ ก็จะตัดคนที่ได้คะแนนน้อยสุด แล้วเลือกใหม่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลือ 2 คนสุดท้าย

อย่าเพิ่งชะล่าใจ แต่ละคนก็มีจุดอ่อน?

จะ ว่าไปแล้ว ผู้สมัครทั้ง 4 คน ก็ไม่ได้เป็นผ้าขาวไปซะหมด เพราะต่างกันก็โดนกระแสสังคมวิจารณ์ต่างๆ นานา เหมือนกัน ถึงความเหมาะสม และข่าวคราว ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะจริง หรือเท็จ ก็ตาม

อย่างกรณีของ "บังยี" แฟนบอลชาวไทย คงรู้ดีเป็นที่สุด ทั้งเรื่องคดีฉ้อโกง บ.แดอัน ของเกาหลีใต้, ติดสินบนอังกฤษ โหวตประธานฟีฟ่า และเรื่องนำเงินฟีฟ่ามาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใด "บังยี" ก็เคลียร์ตัวเองได้หมดแล้ว ส่วน อัล คาห์ลิฟา ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้อำนาจสั่งทำร้ายร่างกาย นักฟุตบอลประเทศตัวเอง ที่มีส่วนร่วมกับเหตุประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในบ้านเกิด เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา

บังยี เจอกระแสข่าวฉาวเล่นงานมาตลอดเหมือนกัน

ขณะ ที่ อัล เซอร์กัล กับ ดร.อัล เมดเลจ์ ก็ตกเป็นบุคคลต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับ คดีฉาวต่างๆ ของ อดีตประธานเอเอฟซี คนเก่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะที่ทำงานร่วมกันมา แม้ทาง อัล เซอร์กัล จะออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจอย่างหนักแน่นว่า แม้จะรู้จักกับ บินฮัม มานาน แต่ก็เขาก็ไม่เคยเอาประเด็นส่วนตัวมายุ่งกับการทำงานแต่อย่างใด และมีหลายครั้งที่เขาเองก็มีไอเดียและความเห็นต่างกับ บินฮัมมัม เช่นกัน

เหตุประท้วงต่อต้านที่ประเทศบาห์เรน

เอเอฟซี จะได้ประธานคนใหม่ ชาติใหม่

สำหรับ การเลือกตั้ง ประธานเอเอฟซี ซึ่งเป็นครั้งที่ 11 ในปีนี้ จะจัดขึ้นในการประชุมพิเศษ 2013 วันที่ 2 พ.ค.ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยที่ไม่ว่า นายวรวีร์ (ไทย), อัล คาห์ลิฟา (บาห์เรน), อัล เซอร์กัล (ยูเออี) หรือ ดร.อัล เมดเลจ์ (ซาอุดีอาระเบีย) ได้รับเลือกให้ชนะการเลือกตั้ง พวกเขาก็จะเป็นประธาน เอเอฟซี คนแรก ของชาติตัวเอง ที่ได้ดำรงตำแหน่ง หลังจากก่อนหน้านี้ เป็นชาว ฮ่องกง 4 คน, มาเลเซีย 3 คน และ อิหร่าน, กาตาร์ และ จีน อย่างละ 1 คน

และ ใน ฐานะคนไทย ส่วนใหญ่ลึกๆ แล้ว เราก็คงอยากเห็นคนไทยด้วยกัน ได้ทำหน้าที่ ดำรงตำแหน่งระดับสูงระดับนี้ เพราะถือเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของชาติเราไม่น้อย ยังไม่รวมถึงโอกาสต่างๆ ที่จะตามมา อย่างไรก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใด เชื่อว่า แฟนบอลทั้งชาวไทย และชาวเอเชีย ก็อยากได้คนดีและเก่ง ผลักดันให้วงการลูกหนังชาวเอเชียประสบความสำเร็จระดับโลกเข้ามาบริหารงาน มากกว่า โดยที่ไม่เกี่ยงว่าจะต้องเป็นชาติไหน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่แฟนบอลทุกคนอยากเห็น.

Create Date : 30 เมษายน 2556

Last Update : 30 เมษายน 2556 12:31:07 น.

0 comments

Counter : 1223 Pageviews.