'บอย-พิษณุ' สนุกงานรุม โวรัก4ปีแฮปปี้แต่ยังไร้แพลนแต่ง

คอลัมน์ "เทรนดี้" โดย "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" คุยกับนักร้องนักแสดงและพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดี "บอย-พิษณุ" ถึงผลงานต่างๆ ที่ยังมีเข้ามาต่อเนื่องจนถูกมองเป็นลูกรักผู้ใหญ่ รวมทั้งอัพเดตความรักกับสาวนอกวงการที่ดูใจมากว่า 4 ปี...

หากพูดถึง หนึ่งในผู้เข้าประกวดจากเวที "อคาเดมี แฟนเทเชีย" ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้จะต้องรวมชื่อของนักร้องนักแสดงและ พิธีกรหนุ่มขี้เล่นอารมณ์ดี บอย-พิษณุ นิ่มสกุล เข้าไปด้วยแน่นอน และเพราะความน่ารักนิสัยดีแบบเสมอต้นเสมอปลายแบบนี้จึงทำให้หนุ่มบอยมีงาน เข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่เคยขาดเลยทีเดียว เพราะแค่ในเวลานี้หนุ่มบอยก็มีละครซิทคอม "ตลก 6 ฉาก" ทางช่อง 5 พิธีกรรายการ "บันเทิง 5 หน้า 1" ทางช่อง 5 รวมทั้งยังมีผลงานใหม่อย่างการเป็นหนึ่งในผู้สรรหาสาวงามเพื่อเข้าร่วม ประกวดในรายการ "มิสคันทรี่เกิร์ล ไทยแลนด์" ทางช่อง 3 และละครใหม่อีก 2 เรื่อง "พ่อไก่แจ้" และ "อย่าลืมฉัน" ทางช่อง 3 คอลัมน์ "เทรนดี้" โดย "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" เลยให้เจ้าตัวอัพเดตผลงานที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอัพเดตเรื่องหัวใจกับสาวนอกวงการ หลังคบหาดูใจกว่า 4 ปีแล้วด้วย

Q : ถามถึงรายการ "มิสคันทรี่เกิร์ล ไทยแลนด์" เห็นว่าได้ไปลงพื้นที่หาสาวงามมาร่วมรายการแล้วเป็นไงบ้าง?
A : คือรูปแบบรายการตอนแรกที่ได้รับมาก็พอเห็นภาพอยู่บ้างนะ แต่ว่าไม่มีโอกาสได้ลงไปทำจริง ซึ่งพอลงไปทำจริงแล้วคือมันเป็นเรียลิตี้ มันเหนื่อยน่ะ ต้องออกไปตากแดด ไปหาสาวสวย เราก็ต้องไปเจออะไรใหม่ๆ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีนะที่เราได้ไปเจออะไรใหม่ๆ แบบนี้ แต่มันก็ลำบากในการไปค้นหาสาวงาม เพราะในตำบลที่เราไปค่อนข้างใหญ่พอสมควร เหมือนเราไปจับปลาในแม่น้ำน่ะ แล้วเราไม่รู้วิธีจับที่ถูกต้อง เราก็ค่อยๆ ก้าวเข้าไปทีละหน่อยว่าจะไปหลังไหน ต้องไปถามเขาว่าบ้านหลังไหนมีสาวสวยบ้าง เขาก็ชี้มา ซึ่งสวยรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะบางทีไม่รู้มาตรฐานของเขาอยู่ตรงไหน แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น ต้องเชิญชวนให้เขาไปดูคอนเสิร์ตตอนกลางคืน เพราะมันจะมีงานอีเวนท์ตอนกลางคืน แล้วพาเด็กที่เราไปเชิญให้เขามาประกวดมาแสดงความสามารถให้เขาเห็นอีก ซึ่งภารกิจมันเยอะแต่ใช้เวลาแค่ 2 วันเองครับ

Q : สิ่งที่เราได้รับหลังจากไปลงพื้นที่เป็นยังไงบ้าง?
A : จริงๆ ผมชอบรูปแบบรายการเพราะว่ามันทำให้เห็นของดีที่อยู่ตามจังหวัดต่างๆ ของเมืองไทย เราอยู่ในสังคมเมืองจนเราลืมไปแล้วว่าเราเกิดมากับความเป็นไทย วัฒนธรรมประเพณีแบบไทย ซึ่งอยู่ตามท้องถิ่นต่างๆ จนลืมไปแล้วว่ามันมีอยู่ หรือมีสิ่งดีๆ ที่อยู่ตามของดีของจังหวัดนั้น บางทีเราเพิ่งรู้ว่าของชิ้นนี้เจ๋ง ทำไมมันไม่ดังไม่เป็นที่รู้จักของประเทศและทุกคนให้การสนับสนุนเหมือนที่ ต่างประเทศเขาทำให้ของของเขาเป็นวาระแห่งชาติที่ทำให้ทุกคนต้องซื้อกลับ แล้วการที่จะได้ของแต่ละชิ้นมันต้องใช้ฝีมือนะ มันต้องใช้ศิลปะความละเอียดอ่อนทุกอย่าง เราได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน ซึ่งเราเป็นเด็กบ้านนอกแล้วเราได้กลับไปอีกที เหมือนได้กลับไปดมกลิ่นโคลนสาบควาย เหมือนเราได้ระลึกถึงตอนเด็กว่าเราชอบอยู่ตามทุ่งนาป่าเขาลำธารครับ

Q : คาดหวังเมื่อรายการนี้ออนแอร์ไว้มากน้อยแค่ไหน?
A : อยากให้คนสนใจแค่นั้นเอง อยากให้คนลองเปิดใจรับรายการใหม่ๆ ซึ่งเป็นรายการที่ซื้อมาจากต่างประเทศและถือเป็นรายการใหญ่ที่โปรดักชั่น ใหญ่มาก อยากให้ลองสนับสนุนดูเพราะว่าอยากให้ดูตั้งแต่เทปแรกๆ จนถึงเทปสุดท้ายว่าเราควรจะเชียร์ใครให้เป็นมิสคันทรี่เกิร์ล ไทยแลนด์ เพราะสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับคนดูตัดสินครับ

Q : ถามถึงงานพิธีกรเป็นไงบ้าง เห็นว่าทำมาได้พักใหญ่แล้ว?
A : ตอนนี้ก็ทำพิธีกรรายการ "บันเทิง 5 หน้า 1" มาเกือบ 3 ปีแล้ว พอมาเป็นพิธีกรข่าวบันเทิงก็ต้องบอกตรงๆ ว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำรายการข่าวบันเทิงได้ เพราะตัวบอยเองบอกตรงๆ ว่าไม่ได้สนใจเรื่องดาราเพราะมันไม่เกี่ยวกับเรา แต่พอมาทำมันก็เป็นเรื่องของเราแล้ว แล้วพอเรามาอยู่ตรงนี้ คนในวงการที่เป็นเพื่อนเราบางทีเขามองเราหรือสิ่งที่เขาจะพูดกับเรา อย่างกล้าที่จะเปิดเผยกับเราเนี่ยบางทีก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยกับเรานะ เพราะกลัวเราจะเอามาพูดต่อในรายการ แต่อยากจะบอกว่าเราไม่เคยมีนิสัยแบบนั้น เราไม่เคยเสริมเติมแต่งในสิ่งที่เรารู้มา ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราแค่อ่านตามข่าวแค่นั้นจบ เราก็อิงมาจาก นสพ. จากนักข่าวที่ไปสัมภาษณ์เขามาแล้วถึงค่อยพูดออกมา ซึ่งคนในวงการเองก็ไม่มีพูดนะ แต่บางทีเราจะรู้สึกเองว่าบางทีเขามีอะไรนิดนึง เหมือนมีกำแพงน่ะครับ แต่ถ้าคนไหนที่เราสนิทเราจะพูดเลยว่าไม่ต้องกลัวเราหรอก เราแมนพอที่จะรู้ว่าอันไหนคืองาน อันไหนคือความสัมพันธ์ของความเป็นส่วนตัว

Q : แบบนี้ทำให้ความมั่นใจในการทำงานลดลงไหม?
A : ไม่ลดครับ เพราะว่าเวลาเราทำงานเราเต็มที่กับมัน เราสนุกกับมันมากกว่า รายการนี้เป็นรายการที่เราทำแล้วสนุกมากนะ มันเหมือนได้เป็นตัวเองสูงมากจริงๆ เพราะว่าเราอยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูดครับ

Q : ฟีดแบ็กที่กลับมาถึงเราเป็นยังไงบ้าง?
A : เขามีความสุขมากครับ แฟนรายการมีเยอะมากจนเรารู้สึกว่าเราก็ประสบความสำเร็จ เราเชื่ออย่างนั้นเพราะว่าคนดูมีความสุขจริงๆ ที่ได้ดูเรากับพิธีกรคู่ซึ่งก็คือต้นหอม (ศกุนตลา เทียนไพโรจน์) หรือตอนนี้อาจจะเป็นน้องมิ้น (มิณฑิตา วัฒนกุล) ซึ่งตอนนี้เรา 3 คนค่อนข้างจะรู้ใจ คือทำงานกันมาสักระยะหนึ่งแล้วจะรู้ใจว่าแกจะเล่นอะไร ฉันจะเล่นอะไรกลับ เหมือนบางทีไม่ได้เม้าท์ข่าว มาเม้าท์กันเองมากกว่า (หัวเราะ) กัดสนุกๆ กันเอง แล้วคนดูทางบ้านก็ชอบไง ชอบที่มันกัดกันเองแล้วดูตลก ทำงานอยู่ก็ต้องหยุดมาดูเราก่อน

Q : งานก็เยอะแบบนี้แล้วเห็นว่ายังรับละครอีก 2 เรื่อง?
A : ตอนนี้งานเยอะมากครับ ละครก็มี 2 เรื่อง แชร์คิวกันวันจันทร์-พุธ (ยิ้ม) ถามว่ามันจะมีปัญหาระหว่างการทำงานไหมคือผู้จัดเขาจะคุยกันเองครับ คือจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมรับละครของพี่ไก่ (วรายุทธ มิลินทจินดา) ไว้แล้ว คือเรื่อง "พ่อไก่แจ้" อยากเล่นมากเพราะเป็นละครพี่ไก่ เรื่องไหนก็ได้เราขอเล่น ทีนี้พอเรารับแล้วและกำลังจะเปิดกล้องก็มีละครเรื่อง "อย่าลืมฉัน" ของพี่ดา (หทัยรัตน์ อมตวณิชย์) ก็กำลังจะเปิดเหมือนกัน แล้วเขาขาดตัวเล่นตัวนึงแล้วเขาอยากให้ผมเล่น เขาก็ถามว่าอยากเล่นไหมเราก็บอกว่าอยากเล่นครับ แต่ตอนนี้ติดละครอยู่ พี่ดาเลยบอกว่าถ้าโทรเคลียร์กับพี่ไก่เองบอยจะโอเคไหม ผมก็โอเคอยู่แล้วแต่ก็เกรงใจพี่ไก่เพราะรับมาก่อน แต่ถ้าพี่ไก่โอเคผมก็โอเคอยู่แล้วเพราะกับพี่ดาผมก็เคยทำงานด้วยแล้วแฮปปี้ กับพี่ไก่ก็แฮปปี้เหมือนกัน พี่เขาก็เลยไปจัดการกันเอง พอเขาโอเคแล้วเราก็มีหน้าที่ทำงานอย่างเดียว.

Q : แสดงว่าผู้ใหญ่ค่อนข้างเมตตาเรามาก รู้สึกยังไงบ้าง?
A : ก็มีความสุขครับ รู้สึกดีครับที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสเราและยังเลือกเราให้ไปทำงานกับเขาบ่อยๆ ครับ เราก็มีความสุข เป็นพระคุณจริงๆ ก็ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ ถามว่าส่วนตัวเราเลือกงานเองไหมตัวบอยก็มีผู้จัดการส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่ได้รับงานเอง เขาก็สกรีนให้อยู่แล้วครับ ซึ่งการที่จะรับแต่ละงานมันก็มีหลายอย่างรวมกัน ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เราคนเดียว ผู้จัดการต้องเป็นคนตัดสินใจเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ แต่การรับงานก็ต้องให้มันดูดีหน่อย บางทีก็มีเรื่องนิดๆ หน่อยๆ ที่ดูเหมือนนิดหน่อยแต่มันก็ไม่นิดหน่อยครับ มันอธิบายไม่ได้ครับ ดูองค์ประกอบรวมๆ มากกว่า

Q : งานเยอะแบบนี้ชีวิตส่วนตัวโดยเฉพาะเรื่องหัวใจเป็นไงบ้าง?
A : ก็ปกติครับ เพราะเราไม่ได้ทำงานจนโอเวอร์เวลาหรือเยอะเกินไปจนเราไม่มีเวลาส่วนตัว เรายังไปออกกำลังกาย ไปปาร์ตี้กับเพื่อนสนุกสนานกัน ส่วนเรื่องความรักก็ดีครับ ถือว่าเรื่อยๆ ก็คบกันมา 4 ปีกว่าแล้ว เขาก็เข้าใจงานของเรา อย่างปีแรกที่เราคุยกันมันก็อาจจะมีปัญหาเยอะแยะไปหมด แต่พอปีต่อๆ มาก็ดีขึ้นแหละ ความรักมันคือความเข้าใจ สุดท้ายถ้าเข้าใจความเป็นกันและกันก็จบ ไม่มีอะไรครับ

Q :ช่วงแรกที่คบกันแล้วมีปัญหา อะไรที่ทำให้เราผ่านมันไปได้?
A : ประสบการณ์ครับ ความจริงที่มันจะพิสูจน์ความเป็นตัวเราครับ ไม่มีใครรู้จักกันมาลึกซึ้งตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันหรอก เขาก็ค่อยๆ รู้ไปว่าเราเป็นคนยังไง ทุกอย่างพิสูจน์ที่ตัวเรา อย่าไปพิสูจน์ที่คนอื่น ถ้าคุณไม่เชื่อใจผมในเรื่องนี้ แล้วตรงไหนที่ผมทำให้ไม่เชื่อใจ หรือคุณคิดว่าเราเป็นคนแบบนี้ แล้วสิ่งไหนที่ทำให้คิดว่าใช่อย่างนี้ สุดท้ายมันก็พิสูจน์ที่ตัวเราว่าเราเป็นแบบไหนแค่นั้นพอ แล้วทุกอย่างก็จะจบครับ ตอนนี้ก็คุยกันรู้เรื่องมากขึ้น หมายถึงว่ามันอาจจะไม่ได้รุนแรงหรือคุยเพื่อความเข้าใจแต่ไม่ได้มานั่ง ทะเลาะกัน ผมไม่ใช่วัยรุ่นเลือดร้อนแล้วน่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่เคยยอมใคร เดี๋ยวนี้ก็ยอมๆ ไปซะไม่เป็นไร แล้วค่อยมาเคลียร์ทีหลัง ไม่ใช่ยอมทุกเรื่องจนไม่เป็นตัวเองนะ

Q : 4 ปีที่ผ่านมา เขาทำให้เราประทับใจตรงไหนบ้าง?
A : คนเรามีทั้งดีและไม่ดี เอาเป็นว่าดีเยอะกว่าไม่ดีแล้วกัน (หัวเราะ) มันก็มีมุมที่เรารู้สึกว่าเอ๊ะ ทำไมเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายมันไม่มีคนใดเพอร์เฟ็กต์ที่สุดในโลก เขาก็ดีหลายอย่าง จริงๆ แค่เรารับความเป็นตัวเขาได้ก็พอแล้ว

Q : คบกันมา 4 ปีก็แฮปปี้ดี แบบนี้เริ่มมองถึงอนาคตชีวิตคู่ไว้รึยัง?
A : ถ้าตัวบอยจริงๆ ก็อยากแต่งงาน แต่มันอาจจะยังไม่ใช่ช่วงนี้ ทุกอย่างต้องมีความลงตัวมากกว่า ชีวิตนี้ผมก็คิดไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องแต่งงาน ต้องมีลูก เป็นครอบครัวปกติชน แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ผมจะไม่กำหนด ผมจะบอกเองเลย ณ ตอนนั้นว่าจะแต่งแล้วนะ เซอร์ไพรส์เลย คือผมไม่อยากกำหนดว่าอีก 2 ปีผมต้องแต่ง พอถึงเวลาแล้วยังไม่ใช่แล้วถ้าต้องเลิกไปล่ะจะไม่เสียใจสุดๆ เลยเหรอที่แพลนว่าจะแต่งแล้ว ผมไม่อยากกดดันตัวเอง เอาให้ตัวเองพร้อมดีกว่าครับ

Create Date : 03 เมษายน 2556
Last Update : 3 เมษายน 2556 3:42:19 น.		0 comments
Counter : 2177 Pageviews.
Share Tweet