พระสายกรรมฐานผู้มีบทบาทในทางใหม่ "บิณฑบาตเงินทองช่วยชาติ" ซึ่งประสบวิกฤติเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 40 ครั้นได้เงินทองเข้าคลังแล้ว รัฐบาลนายชวน หลีกภัย เห็นชอบให้รวมบัญชีเข้ากับบัญชีอื่นๆ ของกระทรวงการคลัง ครั้งนั้น
หลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาดกระโดดขึ้นธรรมาสน์ เทศน์ด่าพรรคประชาธิปัตย์จนสูญพันธุ์ไปจากภาคอีสาน เปิดโอกาสให้ศิษย์รักทักษิณคว้าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปครอง แต่ต่อมาก็มีปัญหาเรื่องคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช หลวงตาบัวออกโรงโจมตีทักษิณแบบไม่เหลือเยื่อไย และสุดท้ายทักษิณก็ถูกปฏิวัติไปในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 หลังจากนั้น หลวงตาบัวก็เงียบหายไป
แต่วันนี้ หลังจากมีข่าวว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ (พรรคประชาธิปัตย์ของนายชวน หลีกภัย) ได้เห็นชอบให้ทำการรวมบัญชีเหมือนสมัยนายชวนเป็นนายกฯ อีกครั้ง เราจึงได้เห็นการเคลื่อนไหวจาก
วัดป่าบ้านตาดทันที
ก็ไม่รู้สิว่าปัญหาครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร จะเปิดโอกาสให้ทักษิณรีเทิร์นรอบสองได้หรือเปล่า ก็ไม่มีใครรู้ใจพระอรหันต์ยุคปัจจุบันอย่างหลวงตาบัว
"ศิษย์หลวงบัว" บุก ธปท. ปกป้องทองคำ 13 ตัน - เงิน 10 ล้านดอลล์ หวั่นรัฐบาลรวบไปใช้หนี้หมดคลัง
ศิษย์
หลวงตามหาบัวบุกธปท.ทวงความชัดเจนเรื่อง รวมบัญชีนำเงินบริจาคแก้ปัญหาหนี้ให้รัฐบาล เตรียมส่งทีมเข้ามาดูแลเงินเงินคงคลังร่วมด้วย "แบงก์ชาติ"ยันหากมีแนวทางนำเงินทุนสำรองมาใช้จะให้ส่งตัวแทนมาศึกษา
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พระครูอรรถกิจนันทคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร และกรรมการมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน นำคณะลูกศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ประกอบด้วยตัวแทนพระจากวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี 2 รูป พระจากกรุงเทพฯ 1 รูป พระจาก จ.กำแพงเพชร 2 รูป และฆราวาสอีก 7 คน เข้าพบเจ้าหน้าที่ ธปท.เพื่อสอบถามความชัดเจนถึงแนวคิดของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ที่เสนอให้รวมบัญชีของ ธปท.เพื่อแก้ปัญหาหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ทั้งนี้ในบัญชีดังกล่าวมีทองคำที่มาจากการรับบริจาคของหลวงตามหาบัวรวมอยู่ด้วย
พระครูอรรถกิจกล่าวว่า ได้สอบถามถึงท่าทีของ ธปท.เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลที่จะรวมบัญชีทุนสำรอง ซึ่งเรื่องนี้หลวงตามหาบัวก็ต้องการรับทราบความชัดเจนเช่นกัน เพราะหากจะมีการนำเงินทุนสำรองมาใช้จริง คณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัวก็จะคัดค้านการแก้กฎหมาย เพราะคิดว่าการแก้ปัญหาหนี้กองทุนฟื้นฟูฯที่รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยปีละ 5-6 หมื่นล้านบาทนั้น น่าจะมีแนวทางอื่นที่ดีกว่า จากนี้คณะหลวงตามหาบัวจะเข้าร่วมกับ ธปท.ดูแลเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เป็นเงินคงคลังของประเทศอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
"ที่ฟังจากทางเจ้าหน้าที่แบงก์ชาติก็ไม่ได้ลงอะไรในรายละเอียดแต่อย่างใด แต่ที่เรามาก็เพื่อทำความชัดเจนกันว่า เราจะทำงานด้วยกันเพื่อรักษาคลังหลวงไว้ให้ดีที่สุด โดยที่เป็นความพอใจของประชาชนจริงๆ ที่สำคัญแบงก์ชาติไม่ได้เป็นคนทำอะไรเพื่อที่ให้มันยุ่งขึ้นมาเอง แต่ฝ่ายนโยบายรัฐ ซึ่งโดยหน้าที่ก็ต้องคิดว่าอะไรที่เป็นการแก้ปัญหาบ้านเมือง และรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วย เราก็เข้าใจกัน แบงก์ชาติก็เข้าใจ ว่าอะไรที่จะช่วยแก้ปัญหาของบ้านเมืองได้เราก็จะช่วยกันแก้ปัญหา" พระครูอรรถกิจกล่าว
พระครูอรรถกิจ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลคิดก็มีทั้งที่ตรงใจและไม่ตรงใจ แม้แต่รองนายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังมีบางคำตอบที่ตรงใจกัน และมีบางคำตอบที่ไม่ถูกใจกัน อย่างไรก็ตามคงจะต้องไปตกลงกันถึงวิธีการจะทำงานร่วมกัน แต่หากเป็นไปแนวทางการรวมบัญชี โดยการแก้ พ.ร.บ.เงินตราฯ ก็พร้อมจะคัดค้านให้ถึงที่สุด
"เท่าที่คุยกับแบงก์ชาติก็มองในแง่ของประโยชน์สูงสุด และแบงก์ชาติยังไม่มีรัฐบาลเข้ามากดดันใดๆ ทั้งสิ้น ก็สบายใจด้วยกันได้ทุกฝ่าย สามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีแรงกดดัน" พระครูอรรถกิจกล่าว
นายอรรคบุษย์ ไกรฤกษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสาย