ชีวิตคือการเดินทาง

****หมายเหตุ***ห้ามผู้ใดนำข้อความ และ ภาพในบล๊อกนี้ไปใช้หรือนำไปตัดต่อดัดเเปลงโดยไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของเป็นอันขาด หากละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ******

This road is mine
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ชีวิตคือการเดินทางบนถนนที่เราเลือกเอง เลือกที่จะเป็น ขอให้ทุกคนมีความสุขที่ได้เดินบนเส้นทางของตัวเอง เเล้วคุณจะรู้ว่าทางเดินนี้มันสวยงามเพียงใด
New Comments
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add This road is mine's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 
....พระจันทร์กลางคืน......






ฉันอยากเขียนทิ้งไว้ในนี้ เพราะมันคือห้องสมุดลับของฉัน เเละอีกเหตุผลนึงคือ เราสองคน เริ่มรู้จักกันที่ตรงนี้...............
เผื่อว่าวันนึง เธอจะกลับมาอ่านความคิดของฉันบ้าง




ฉันเคยคิดสงสัย วันหนึ่งเมื่อชีวิตเราถูกกาลเวลาทำให้เปลี่ยนสถานะไป
เราจะทำยังไงกับความทรงจำที่ดีแสนดี ที่เราเคยสร้างด้วยกันมา
เพื่อนฉันเคยแนะนำมาว่า ลองแปรรูปความทรงจำนั้นเป็นอย่างอื่นดูสิ
เขียน เขียน เขียนมันออกมา รีดความทรงจำมันออกมา ให้เราเข้าใจมัน อยู่กับมันจนถึงที่สุด....

....แล้วมันจะหมด แล้วมันก็จะจบ....

หากเป็นยังงั้นจริง ฉันจะลองดู....




ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ เหมือนหัวใจมันสั่งแบบไร้สาเหตุ วันนี้ฉันกลับไปยืนถามหาความทรงจำเก่าๆมา ที่สะพานพระรามแปด

แสงไฟมัวสลัวสีเหลืองของสะพาน พาหัวใจฉันล่องลอยไป อากาศเริ่มเย็นเนื่องจากลมหนาวเข้ามาทักทายในต้นธันวาคมแบบนี้ เมื่อสามเดือนที่แล้ว ฉันไม่ได้มาเดินคนเดียวแบบนี้ ฉันเดินจูงมือมากับคนๆนึง ที่เวลานี้ เขาตัดสินใจออกจากชีวิตฉันไปแล้ว

ฉันแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า อย่างที่เคยแหงนมองวันนั้น วันนั้นสายฝนโปรยอ่อน บรรยากาศสุดแสนโรแมนติค เราจับมือโอบกัน ฉันชอบเวลาที่มือของเธอมาวางที่แก้มฉัน ลูบที่คางเบาๆ เหมือนฉันเป็นแมวน้อยๆตัวนึง เรายืนจ้องมองแม่น้ำข้างหน้าอยู่นานสองนาน ก่อนจะเดินจูงมือกลับลงมาจากบนสะพาน

ไม่กี่วันหลังจากวันนั้น เราตกลงกันว่า เราจะดูดูกันไป ด้วยเค้ามีเหตุผลอะไรอื่นๆในใจอย่างคนที่ยังไม่พร้อมจะรักใคร และนิสัยต่างๆของเค้ามากมายที่ยังไม่คิดอยากจะเปลี่ยนมัน เค้าบอกกับฉันว่า ถ้าฉันรับได้ ค่อยว่ากันอีกที และก็บอกฉันว่า ฉันอย่าเพิ่งรักเค้านะ เค้ากลัวแอมจะเสียใจ อยากให้เราชอบกันไปเรื่อยๆ ไปนานๆ

ตอนนั้น ฉันคงไม่เข้าใจโดยถ่องแท้ละมั้งว่า คำพูดพวกนี้ มันแปลว่าอย่างไร...




หนึ่งเดือนก่อนหน้านั้น เราเพิ่งทำความรู้จักกันบนเฟสบุ๊ค อืมมม... จะเรียกว่าเพิ่งรู้จักกันมันก็ไม่ถูก อันที่จริง ฉันและเขา เรารู้จักกัน 3-4 ปีมาแล้ว เราเคยพบกัน พูดคุย ผ่านทางตัวหนังสือ หรือที่สมัยนั้นเขาเรียกกันว่าบล๊อคแก้งค์ ทุกครั้งที่ฉันเข้าไปทักทายที่บ้านของเขา ก็มักจะเห็นเสมอๆว่าผู้ชายคนนี้ อะไรกัน...ทำไมชีวิตเค้ามันเศร้า ทำไมมันมืด แทบจะตลอดเวลาเลย ทำไมชีวิตมันดาร์คไปซะเกือบทุกอย่าง เข้ามาทีไรก็บ่นว่าปิดบล๊อคแล้ว เลิกเขียนแล้ว แป๊บโผล่มาทักกันอีกก็บอกว่า กลับมาแล้ว แล้วก็หายหน้าไปอีกแล้ว เป็นๆหายๆอยู่อย่างนี้ แต่ฉันทำอะไรไม่ได้ นอกจากเขียนถ่ายทอดความห่วงใยผ่านไปกับตัวหนังสือ ส่งให้เค้าได้อ่านแค่เพียงเท่านั้น เผื่อว่าคำพูดของฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง

ห่างหายกันไปนาน อย่างไม่ผูกพัน ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง ...จู่ๆ วันดีคืนดี ฉันก็นึกถึงเพื่อนเก่าที่อยู่ในบ้านหลังนั้นที่ฉันทิ้งมันมาตั้งนานร่วมสองปีเห็นจะได้ แล้วผู้ชายคนนี้ ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริง นับตั้งแต่นั้นมา...




ทุกเรื่องราวแลกเปลี่ยน ทุกความห่วงใยถ่ายทอด บทเพลงทั้งหลายส่งผ่าน... ฉันได้รับรู้ว่าเค้าเป็นคนยังไง คิดอะไรยังไง และแน่นอนล่ะ ด้วยเหตุผลในวัยเยาว์ บวกกับการเติบโตมาแบบที่ค่อนข้างจะไม่อบอุ่นนัก ที่ทำให้เค้าเป็นคนแบบนี้ ที่ทำให้เค้าคิดกับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตในอีกแง่มุมนึง และเค้าเรียกตัวเองว่า “พระจันทร์กลางคืน”

ในเดือนแรก ฉันมีความสุขมาก กับการได้คุยกัน แม้มันจะเป็นการคุยกันแค่เพียงอักษรเท่านั้น ฉัน...ไม่อาจจะปฏิเสธหัวใจได้เลยว่า เปิดหัวใจจนหมด จดจำทุกอย่าง ตั้งใจทุกเรื่องราว ตลอดเวลาที่เราได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวส่วนตัวทั้งหลาย เรียกได้ว่า ไม่กลัวกันเลยทีเดียว ถ้าหากว่ามันจะเจ็บ ยิ่งเขาทำท่าทางสนอกสนใจฉัน กับการแชทที่เรียกได้ว่า แทบจะตลอดเวลาขนาดนั้น มันทำให้ฉันคิดไปไกล หรือไม่รู้ว่า จะคิดเข้าข้างตัวเองไปฝ่ายเดียว มันจะถูกไหม....

ฉันยอมรับ ฉันเป็นคนใจร้อน แต่ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครเลย ตั้งแต่แรกๆที่ได้เจอหน้ากัน ความรู้สึกที่อยากจะใกล้ชิด มันเกิดขึ้นเอง และฉันไม่ได้ควบคุมมัน เวลาที่ฉันจับมือเธอ ฉันอบอุ่นและฉันก็ได้ยินเธอฮัมเพลง “บีบมือ” เบาๆให้ฉันได้ยิน เวลาที่ฉันซบไหล่เธอ มันเหมือนกับว่ามันเป็นที่ที่ปลอดภัยที่หนึ่งสำหรับฉัน

และคำพูดว่า “ฝันดี” เราก็มีให้กันทุกคืนไม่เคยขาด..... และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันนอนหลับสบายจริงๆ.....




เวลา 2-3 เดือนที่ผ่านไป ทำให้ได้เรียนรู้นิสัยของเขาที่ไม่ค่อยจะเหมือนใคร เขาไม่ได้เป็นคนที่คอยเอาอกเอาใจใคร เขาไม่ได้เป็นคนที่คอยเชียร์อัพใครรวมถึงฉันในเวลาที่ฉันเหนื่อย และเขาก็ไม่เคยถามไถ่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยใครก่อนเลย (เขาชอบพูดว่า ถ้าฉันมีเรื่องอะไร ฉันจะพูดเอง)

ติดเพื่อน ติดเกมส์ ติดแอลกอฮอล์ ซึ่งทั้งหมดนี้ ฉันรู้และเข้าใจ และในบางทีลึกๆ น่าจะเรียกว่า “พยายาม”เข้าใจ เสียด้วยซ้ำ เมื่อท่าทีของเขาต่างจากระยะแรก มันมาปรากฏให้เห็น แรกๆเลยอ่ะ ฉันบอกตรงๆได้เลยว่า ฉันไม่เข้าใจ จนบางทีฉันแอบน้อยใจลึกๆ แต่ไม่เคยพูดออกมาให้เขาได้ยิน แอบไม่เข้าใจในความไม่สม่ำเสมอ หรือฉันจะพูดแบบนี้ถูกไหมว่า.... เนี่ยแหละ คือนิสัยจริงๆของเขา ฉันก็เคยถามไปตรงๆว่าทำไมแต่ก่อนเธอจิ๊จ๊ะมากๆเลย เค้าตอบแค่ว่า เค้าทำแล้วแต่อารมณ์ของเขา

นิสัย ความชอบ เราสองคนต่างกันมาก แทบจะทุกอย่าง วิธีคิดก็ต่าง ความรู้สึกต่ออะไรสักอย่างก็ต่าง บางที ต่างมากกกด้วยซ้ำไป และหลายครั้งที่นัดเจอเขาไม่เคยสำเร็จ เพราะว่า เค้าไม่มีอารมณ์อยากไป ไม่อยากทำอะไรในวันนั้น แต่เรื่องดีๆเขาก็มีนะ ฉันน่ะแอบชื่นชมเค้าทุกครั้งที่สรรหาเรื่องราวต่างๆมาใส่เป็นความรู้เข้าตัว มาเผยแพร่ในแฟนเพจ และจะบอกฉันก่อนเสมอๆ และคุณรู้มั้ย เขาน่ะเป็นผู้ริเริ่มลัทธิถ่ายภาพก่อนกิน ของอร่อยร้านไหนเขารู้หมด ....และเขา...ทำให้ฉันรู้ว่า ความสุขหน้าตามันเป็นยังไง คนที่กำลังจะมีความรักมันรู้สึกยังไง

เราคุยกันเยอะมากๆ จนติดอันดับเพื่อนที่มีการสนทนามากที่สุดอันดับหนึ่งในหน้าเฟสบุ๊คฉัน ... อย่างที่ไม่มีเพื่อนคนไหนเคยทำได้




แล้วจุดร้าวมันก็เกิด.....

เดือนที่แล้ว.... ฉันว่าฉันทำเรื่องพลาดเรื่องหนึ่งไป ที่มันไม่อาจจะทำให้อะไรหวนคืนมาได้

เพราะเหตุผลอย่างที่ฉันเล่ามา จึงตัดสินใจชั่ววูบไปในคืนนึงที่ฉันเหงาและหว้าเหว่ที่สุด ในยามที่ฉันต้องไกลจากบ้าน จากเพื่อน ครอบครัว ซึ่งฉันรู้แต่โดยดีว่า ถ้าฉันออกมาอยู่ข้างนอกบ้านนานๆแบบนี้ ฉันจะเหงาสุดๆและอารมณ์จะมากกว่าปกติมากๆ

ในค่ำคืนนั้น ฉันส่งข้อความไปในอินบ๊อกซ์เขา.... บอกว่า ”หมอกหรือควัน... ที่เธอเคยบอกให้ฉันตัดสินเอง ฉันรู้แล้ว...เธอคือควัน ก่อนที่ฉันจะรักเธอไปมากกว่านี้... ฉันไม่อยากจะหลอกตัวเองว่าเธอคือหมอกอีกต่อไป ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องดีๆที่ผ่านเข้ามา ขอบคุณที่เคยบีบมือฉัน ดูแลตัวเองดีๆ ฝันดีทุกๆคืนนะ :) ”

เหตุผลง่ายๆ ที่ฉันทำลงไป...เพราะฉันเริ่มรู้สึกรักเธอเข้าแล้ว ฉันกำลังตัดช่องของฉัน ไม่ให้ตัวเองเจ็บ

ไม่ได้ยั้งคิดเลยว่า เขาเสียใจมากเหมือนกัน เค้าบอกกับฉันในอีกวันต่อมา ขณะที่ฉันรู้สึกผิดเต็มหัวใจ และพูดคำว่า”ขอโทษ”กับเขา.... เขาพูดว่า “เราเป็นเพื่อนกันเถอะ เพราะเธอต้องการคนที่เอาอกเอาใจใส่ ถามไถ่ ซึ่งเราไม่ใช่คนแบบนั้น และที่ผ่านมาก็เหนื่อยในการเอาใจใส่ใครมากเหมือนกัน (หมายถึงฉันเนี่ยแหละ) เค้าไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างเลยสักนิดเดียว อีกนานอ่ะ กว่าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อใคร” คำตอบของเขาทำฉันอึ้ง

“เธอยังชอบฉันอยู่ไหม...” ฉันถามด้วยใจที่สั่นระรัว
“ชอบ อย่างที่เคยบอก จนถึงเมื่อเช้าเมื่อวานนี้” เขาอตอบอย่างเรียบเฉย
รู้สึกราวกับโลกหยุดหมุน มือสั่น ไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่ฉันรู้สึกตัวเล็กเสียจนไม่อยากยอมปล่อยเขาไป....

“ฉันจะพยายามเข้าใจเธอมากกว่านี้ ฉันจะคาดหวังกับเธอให้น้อยลง” และก็คิดว่า จะให้คนกว่าเธอจะรับ ... เพราะที่จริงแล้ว ความรู้สึกดีๆ ความหวังดี เป็นห่วง มันยังอยู่เต็มข้างในใจฉันอยู่เลย ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด

เราคุยกันได้เหมือนเดิม แต่เค้าบอกว่า จะเป็นแบบที่เขาเป็น จะไม่เปลี่ยนอะไรอีกแล้ว จากวันนั้นมันเริ่มรู้สึกยากมากขึ้น ยากไปซะทุกอย่าง เขาไม่เริ่มอะไรอีกแล้ว มีเพียงแต่ฉันที่ส่งผ่านความหวังดีไปให้ฝ่ายเดียว ...การพูดคุยที่ลดลงเหลือไม่กี่คำต่อวัน คำพูดที่เฉยชา และนี่ใช่มั้ย คือตัวตนจริงๆของเธอ .....คำว่า”ฝันดี” มันไม่มีให้กันอีกต่อไปแล้ว ฉันต้องทนทรมานกับการนอนไม่หลับถึงเกือบสัปดาห์

“เธอช่วยฉันไม่ได้แล้วใช่มั้ย” ฉันถามในที่สุด
“เคยบอกไปแล้ว”
“ฉันไม่น่าพูดคำนั้นวันนั้นเลย วันนี้เมื่อเดือนที่แล้ว ฉันยังเห็นเธอยิ้มอยู่เลย....ฉันเสียใจจัง เสียใจมาก”
“ไม่ทันแล้ว เสียใจเนิ่นๆ ดีกว่ายื้อกันไปแล้วเสียใจทีหลัง”
“แม้ฉันจะขอโทษเธอเป็นร้อยครั้งก็ไม่ทันใช่มั้ย”
“อืม”




จากนี้แล้วแหละ มันคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ในตอนนี้...
เคยตั้งใจเอาไว้ว่า จะขอเจอเค้าอีกครั้งก่อนที่จะยอมรับจริงๆว่าเราเข้ากันไม่ได้ ให้โอกาสตัวเองไว้สามครั้ง ถ้าเกิดว่า ถูกปฏิเสธฉันถึงสามครั้ง ฉันจะไม่ขอเจอหน้าอีกเลย... แล้วมันก็เป็นยังงั้นจริงๆ

ฉันเคยถามเขาว่า ความสุขของเขาคืออะไร เขาตอบว่า “การทำตามใจตัวเอง ไม่ต้องแคร์ใคร”

ฉันอยากจะบอกว่า จนถึงตอนนี้ ฉันว่าฉันเข้าใจเขามากเลย แต่ฉันจะแสดงออกอย่างไรให้เขารู้ว่า ฉันโคตรเข้าใจเขาเลย.... มากกว่านั้น ฉันก็รู้สึกละอายใจที่ตัดสินใจอะไรเร็ว ใจร้อน รีบรัก รีบเลิก จนน่าเกลียดขนาดนั้น ทั้งๆที่เรายังเรียนรู้กันและกันไม่มากพอเลย ...มันไม่มีเหตุผลเลยที่ใครสักคนจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร หลังจากที่ได้รู้จักกันเพียงแค่สี่เดือน เพราะเขาเป็นเขาแบบนี้มาทั้งชีวิต

ขณะที่เดินสะพานพระรามแปดในค่ำคืนนี้ มีข้อความเด็กมือบอนที่เขียนเอาไว้ตรงราวสะพาน ตรงที่ๆเราเคยยืนแนบชิดกัน มันเขียนว่า “ขอบคุณที่ทนกันมา”

ฉันโพสรูปนีในเฟสบุ๊คฉัน แล้วก็เป็นเขาที่กดไลท์รูปนี้.....

พอแล้วล่ะ.... มันไม่มีเหตุผลอะไรเป็นอย่างอื่นได้อีกแล้ว...

ตอนนี้สิ่งที่ฉันคิด มีเพียงว่า การแสดงออกให้เขารู้ว่าเราเข้าใจเขา ในตอนนี้ที่ฉันทำได้คือ.... “การตัดใจ”



........................



เอาล่ะ.... ในที่สุด ฉันก็ลองเขียนมันออกมาดูแล้ว (แถมยาวเสียด้วย)....
รู้สึกเหมือนได้ทบทวนเหตุการณ์ คุยกับความรู้สึกตัวเอง เข้าใจกับตัวเอง กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น
และเพื่อที่จะ “ลบ”

จากนี้มันคงจะมีประโยชน์เค่เผื่อเก็บไว้วันนึงข้างหน้า หากได้อ่านมันอีก แทนที่จะนั่งร้องไห้ ฉันคงหัวเราะเยาะตัวเองกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดนี้มากกว่า
แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ฉันควรทำ มันคงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่า “ยอมรับ”ความจริงที่มันเกิดขึ้น ที่มันเป็นอยู่ตอนนี้

และยอมรับโดยดีว่า.....ไม่มีเค้าอีกต่อไปแล้วจริงๆ








Create Date : 02 ธันวาคม 2554
Last Update : 2 ธันวาคม 2554 3:49:41 น. 7 comments
Counter : 1915 Pageviews.

 
คนเรามีเหตุผลร้อยแปดจริงๆ นะค่ะ
เรามองอย่าง เค้ามองอย่าง แต่ว่าทุกอย่าง
เราว่าล้วนมีเหตุผลในตัวเอง ...

ความรักก็เช่นกัน พอมองไม่เหมือนกันมันก็
ทำให้เราต้องทำอะไรบางอย่างไปบ้าง ..

ส่งกำลังใจให้นะค่ะ
.................

นานเลยไม่ได้เข้ามาคุยกันแต่ยังคิดถึงและก็
ไม่ลืมกันนะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:8:35:09 น.  

 
ว้าย เจิม


โดย: เชิญจุติ วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:10:57:13 น.  

 
เคยใช้ log in ชื่อนึงที่มีอยู่ในรายชื่อด้านซ้ายครับ ไม่ได้เล่นบล๊อกมานานมากแล้วเหมือนกัน และรู้จักเจ้าของบล๊อกตั้งแต่สมัยเรียนยังไม่ จบ และเจ้าของบล๊อกก็ไปประจำที่ multiply

จำได้ว่าน่าเคยเครียดหนักช่วงเรียน แต่ที่สุดก็ผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้ ครั้งนี้ก็น่าจะเช่นกันนะครับ แล้วมันก็จะผ่านไปครับ เก็บความทรงจำดีๆไว้ อย่างน้อยเราก็เคยมีความสุขกับมันนะครับ

เป็นกำลังใจให้


โดย: มอซอ วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:23:02:20 น.  

 
มีเรื่องราวมากมายในชีวิตที่เราต้องเผชิญกับมัน
แม้ว่ามันจะทำให้เรามีความสุขหรือขื่นขมแค่ไหน
มันผ่านมา และมันก็ผ่านไป.. คงเหลือไว้แค่ความทรงจำจางๆ

ความรู้สึกดีดีจากใครบางคน
มันก็มีค่าพอที่จะแลกที่นั่งในใจเราได้แล้ว
แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าต้องใช้แต้มรู้สึกดีดีแค่ไหนในแต่ละคน

ใช้ชีวิตต่อไป หายใจต่อไป ใครจะรู้พรุ่งนี้กระแสน้ำจะพัดอะไรมา
อาจจะพัดพาความสุข อาจจะพัดพาความทุกข์ หรืออาจพัดพา
ลมเย็นๆ ให้เราคฃายร้อนมาก็เป็นได้ เราไม่รู้
สิ่งที่ทำได้คือ ยอมรับ และก้าวต่อไป

Trying to move on from someone is like trying to walk after being hit by a car.
For some people they can do it after a recovery, but for some the rest of life is pain.

ขอให้โชคดีครับ
เราหล่อมาก


โดย: เราหล่อมาก วันที่: 4 ธันวาคม 2554 เวลา:5:08:31 น.  

 
ยังไม่เฉลยนะครับ เป็นผู้ชาย เอ มีส่งโปสการ์ดปีใหม่มาให้ด้วยหรือเปล่าน๊า นานมากๆแล้วด้วย

พอดียังจำเหตุการณ์ที่ช่วงนึงเจ้าของบล๊อกเคยระบายในบล๊อกเครียดมากๆ เรื่องเรียนหรืองานที่ต้องส่งอาตารย์ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะรอยต่อระหว่างปีเก่ากับปีใหม่มั้ง แต่แล้วเหตุการณ์นั้นมันก็ผ่านพ้นไปครับ

เลยคิดว่า นี่ก็เป็นอีกแค่เหตุการณ์นึง แล้วมันก็จะผ่านไปอีกครั้งนึงครับ ไงก็จะเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นไปนะครับ

อืม background สีทึมๆ นี่พิมพ์ยากมากๆ กลัวพิมพ์ผิด นี่เคลียร์กันยาวเลย




โดย: มอซอ วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:21:24:35 น.  

 
คงไม่ถามว่ารู้หรือยัง ไม่ว่าจะเดาถูกหรือเปล่า แต่ความประทับใจเก่าๆ ก็ยังคงอยู่เสมอครับ

คล้ายกันก็คือ ไม่ได้ประจำที่บล๊อกอีกแล้ว ต่างคนก็ต่างมีวิถีชีวิตแต่ละคน เพื่อนบล๊อกส่วนใหญ่ก็แยกย้ายกันไปเกือบหมดแล้วเหมือนกัน

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ครับ ถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมที่ multply เอ ล็อคอินตัวเองอะไรหว่า


โดย: มอซอ วันที่: 6 ธันวาคม 2554 เวลา:21:14:32 น.  

 
อ้าว เห็นมาทักทายคราวก่อน นึกว่ารู้แล้วนะครับ

ชื่อล็อคอินคือ ordinary_hero หรือที่เรียกกันว่า ฮิโระ นะครับ
อืม อุตส่าห์แอบดีใจที่จำกันได้ แต่จำไม่ได้ก็ไม่แปลกครับ ขนาดตัวผมเองยังจำไรไม่ค่อยได้เลย


โดย: มอซอ วันที่: 7 ธันวาคม 2554 เวลา:11:04:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.