Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
"Black propaganda" อัปยศ

ไทยอีนิวส์ตีแผ่วงการสื่อกระแสหลัก ซึ่งกลายเป็นกระแส "หลักลอย" ไร้จรรยาบรรณ ไร้ความเป็นกลาง จากฐานันดรสี่ เหลือค่าเพียงกระดาษเปื้อนหมึก ใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อให้ทรราชชนิดทำขาวเป็นดำ (Black propaganda) คร่าทำลายประชาธิปไตย คร่าทำลายมติมหาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างไร้ยางอาย


นับจากเครือผู้จัดการ กับปฏิบัติการล่าสุดพลิกขาวเป็นดำ จาก ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ TIMESONLINE จงรักภักดีสุดใจ ให้เป็นบทสัมภาษณ์ล้มสถาบัน ส่วน เปลวสีเงิน ไทยโพสต์สุดอัปยศไร้ยางอายเอาความแค้นส่วนตัวมาสั่งฆ่าแม้ว แต่ตัวเองเชลียร์ รัฐมนนตรี เจ้าของอาบอบนวดแลกเงินโฆษณาอย่างไร้ศักดิ์ศรี

ด่าไปทั่ว แต่เวลาโดนฟ้องลูกน้องขึ้นศาลรับกรรม ล่าสุดปลด "ใบตองแห้ง" ที่ยืนข้างประชาธิปไตย โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ส่วนเนชั่นสัมพันธ์ลึกแก๊ง หยุ่น+เปรม+มาร์ค สุมหัวทำลายประชาธิปไตย เชิดชูอำมาตย์ สวาปามผลประโยชน์โฆษณา และประเคนทีวีให้กัน ล่าสุดนำหุ้นเน่า NBC เข้าตลาด โดนนักเล่นหุ้นเมินแก้เผ็ด


กรณีที่ 1. ตีแผ่ขบวนการฤาษีแปลงสารของค่ายผู้จัดการ จากบทสัมภาษณ์จงรักภักดี ให้กลายเป็นจะล้มสถาบัน



ทักษิณ พยายามตอบสัมภาษณ์ว่า ในเวลานี้ สมเด็จพระบรมฯยังไม่ได้เป็นกษัตริย์ ก็ทำให้ดูเหมือนว่าท่านยังไม่เปล่งรัศมีทอแสงเจิดจ้า แต่หากถึงเวลาที่เสด็จขึ้นเป็นกษัตรยิ์ ก็จะทรงเป็นกษัตริย์ที่ดีแน่ เพราะทรงเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว กอรปกับได้เรียนรู้การทรงงานจากในหลวงมานานปีแล้ว

ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ Times online ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก ไปพาดหัวข่าวทำนองว่า ทักษิณ เชื่อมั่นว่าเมื่อพระบรมฯเสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ จะทรงมีพระราชบารมีทอแสง

ทำให้ ASTV ผู้จัดการ กระบอกเสียงพันธมิตร นำไปขยายผลเป็นข่าวพาดหัวว่า สุดชั่ว! “ทักษิณ” ยืมมือสื่ออังกฤษ ให้ร้าย “ในหลวง” รุนแรง โดยขยายเนื้อข่าวว่า "เป็นข้อความที่ พ.ต.ท. ทักษิณ สัมภาษณ์ให้ร้าย และล่วงละเมิดองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงประทับรักษาพระวรกายอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 ที่ผ่านมา อย่างรุนแรง โดยมีการกล่าวอ้างถึงองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และการสืบราชสันตติวงศ์อีกด้วย"

จากนั้นเข้าตำราที่ว่า "ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด" อาจจะไม่เคยอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ สื่อกระแสหลักต่างๆก็นำข้อความจากเวบผู้จัดการ ASTV ไปขยายผลทำลาย ทักษิณ อย่างเป็นกระบวนการ และขบวนการอำมาตย์ ทั้งรัฐบาล อภิสิทธิ์ แม้แต่ กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ในฐานะตัวแทนของประเทศไทย นำไปขยายผลอย่างกว้างขวาง


อย่างไรก็ดีผู้จัดการ ASTV ได้ พยายามแปลรายละเอียดบทสัมภาษณ์ทั้งหมด สุดท้าย ก็หาเรื่องใส่ร้าย ทักษิณ ไม่ได้และได้หันไปโจมตีเรื่องอื่นๆแทน นั่นแสดงว่าเมื่อฝ่ายแปลข่าวต่างประเทศแปลออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ความจริงก็คือ ทักษิณ ได้กล่าวเทิดทูนในหลวง ราชินี พระบรมฯ พระราชวงศ์ และอาจดูเหมือนแก้ต่างกับสื่อต่างชาติ ที่จี้ถามเรื่องสถาบันกษัตริย์ แทรกแซงการเมืองอยู่ตลอดเวลาในการสัมภาษณ์นี้

ที่น่าเศร้าก็คือมาถึงเช้าวันที่ 10พ.ย.52 บรรดาสื่อกระแสหลัก ซึ่งรวมทั้งรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา รายการเล่าข่าวภาคเช้ายอดนิยม และขบวนการอำมาตย์เผด็จการ ก็ยังคงขยายผลเรื่องที่พวกเขาบิดเบือนและสร้าง "black propaganda" ต่อไป โดยไร้ยางอาย เราได้ถอดความที่ ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ Timeonline ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์ชั้นสูง ซึ่งกระบอกเสียงพันธมิตรอย่างผู้จัดการ ASTV ได้บิดเบือน ดังต่อไปนี้


1. ทักษิณย้ำในหลวงไม่เคยแทรกแซงการเมือง

ในตอนต้น ทักษิณ กล่าวถึงชัยชนะอย่างท่วมท้นของเขา และก้าวมาเป็นรัฐบาลที่มั่นคง ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่าง ประชาธิปัตย์อ่อนแอ จึงมีการใช้สื่อมวลชน มาทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านโจมตีเขาอย่างไร้เหตุผล ครั้งหนึ่ง เมื่อเขาได้พบกับลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง ก็เลยถามไปว่า ทำไมหนังสือพิมพ์ของคุณถึงได้โจมตีผมอย่างไร้เหตุผลนัก? เขาก็ตอบว่า "คุณอาครับ ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะคุณพ่อผมถูกล็อบบี้จากองคมนตรี 2 คนที่มาทานข้าวเย็นกัน แล้วก็แจ้งพ่อผมว่า พระเจ้าอยู่หัวฯไม่ต้องการ ทักษิณ ต่อไปแล้ว..


ซึ่งผมก็แจ้งเขาไปว่า ผมไม่เชื่อหรอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงมีพระราชประสงค์เช่นนั้น เพราะพระองค์ท่านไม่เคยทรงแทรกแซงการเมือง อาจจะเป็นเพียงการที่องคมนตรีกระทำไปเอง เพื่อต่อต้านผมเท่านั้น" (I said I don't believe that – His Majesty never wants to become involved in politics. Maybe it's because of their own prejudice against me.)


2. ยันไม่เคยคิดล้มสถาบัน ขึ้นเป็นประธานาบดีตามข่าวลือ


ทักษิณ กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า เหตุที่ องคมนตรีต่อต้านเขา ก็เพราะมีการแพร่ข่าวลือออกไปว่า ทักษิณ ต้องการเปลี่ยนประเทศ เป็นสาธารณัฐ และขึ้นเป็นประธานาธิดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในความคิดผมเลย เพราะผมมีความจงรักภักดีอย่างสูงยิ่ง ในตอนที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรีหนแรก และได้เข้าเฝ้าฯ ผมได้กราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัวว่าฯ ขอเดชะ กระหม่อมฯ มีความจงรักภักดีต่อพระองค์เป็นที่ยิ่ง กระหม่อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่เกิดมาในรัชสมัยของพระองค์ท่าน อายุของกระหม่อมก็ไล่เลี่ยกับพระราชโอรส พระราชธิดาในพระองค์ท่าน


ดังนั้นขอให้พระองค์ท่านโปรดทอดพระเนตรกระหม่อม และสั่งสอนกระหม่อมเสมือนว่าเป็นคนในรุ่นลูกของพระองค์ท่านเถิด... กระหม่อมฉันเทิดทูนจงรักภักดีอย่างยิ่ง พระองค์ท่านทรงงานหนัก เพื่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดอย่างมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย มานานปี แม้พระชนมายุมากแล้ว ขอให้ใช้กระหม่อมฉัน กระหม่อมฉันจะน้อมรับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ถวายงานรับใช้แก้ไขปัญหาให้พสกนิกรของพระองค์ท่าน..


นี่เป็นคำถวายปฏิญญาณนับแต่แรกที่ผมเข้ารับตำแหน่ง (So I very much respect Your Majesty. Whatever I need to do properly, please teach me.’ This is how I present myself. And, ‘Your Majesty has been working hard for the Thai people for many years and you may be tired and you're getting old. Please use me. I will shoulder all the burdens and I will work hard for you to solve the problems of your citizens.)


3. เทิดพระเกียรติราชินีไปงานศพพันธมิตร ก็ด้วยน้ำพระทัยแห่งพระมหากรุณาคุณ

ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณรู้สึกประหลาดใจไหม ที่พระราชินีเสด็จไปงานพระราชทานเพลิงศพเสื้อเหลือง พันธมิตรคนหนึ่งที่เป็นศัตรูทางการเมืองของคุณ? (The Queen attended the funeral of one of the Yellow Shirt supporters [the ‘Yellow Shirts’, Mr Thaksin’s opponents]. You must have been very surprised about that.)

ทักษิณ กล่าวตอบว่า ทุกคนในประเทศไทยก็ประหลาดใจเรื่องนี้ แต่ผมทราบว่า พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระองค์ท่านทรงเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ก็อาจมีใครไปให้ข้อมูลกับพระองค์ท่านในทางที่ผิดเป็นต้นว่า "สตรีผู้นี้เสียชีวิตลง เพราะพยายามปกป้องสถาบันกษัตริย์" ก็ทำให้พระองค์ท่านคล้อยตามข้อมูลที่คนแวดล้อมถวายรายงานที่ผิดๆ


(Everybody, the whole of Thailand, was surprised. But I know Her Majesty. Her Majesty is very kind when someone gives her wrong information [such as] ‘That lady's dying because she tried to protect the monarchy.’ I think she was lied to. People around her circles try to give her the wrong impression, to give wrong information to Their Majesties.)

4. ผู้สื่อข่าวถามนำเรื่องพระบรมฯจะขึ้นเป็นกษัตริย์ จะแตกต่างจากในหลวงในปัจจุบันอย่างไร?

ในหน้า 4 ของบทสัมภาษณ์นั้น ผู้สื่อข่าวถามนำว่า "วันหนึ่ง เมื่อสมเด็จพระบรมฯเสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์จะมีพระราชบุคลิกลักษณะ หรือสไตล์ที่แตกต่างจากในหลวงองค์ปัจจุบันอย่างไร? ( One day the Crown Prince will become King. How will his style be different from that of the current King?)

ทักษิณ กล่าวตอบว่า ก็น่าจะแตกต่างกัน แต่ผมคิดว่าคงราบรื่นดี เพราะพระองค์ท่านเป็นกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ คนแวดล้อม ข้าราชบริพารก็คงเป็นคนใหม่ ส่วนแวดวงในวังของพระองค์ท่าน ก็คงไม่ใหญ่โตอัครฐานนัก เพราะเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ เนื่องจากพระองค์ท่านยังใหม่ ก็อาจจะยังไม่เป็นที่นิยมมากเทียบเท่ากับในหลวงองค์ปัจจุบัน แต่ก็คงไม่มีเรื่องยุ่งยากนัก เพราะแวดวงในวังก็ขนาดย่อมกว่า ก็เนื่องจากเป็นรัชสมัยใหม่


(It may be different, but I think it will go smoothly because he's a constitutional monarch. The people around the Crown Prince will be new, and the palace circle will not be that big because he will be new. The Crown Prince, because he will be new, may not be as popular as His Majesty the King. However, he will have less problem because the palace circle will be smaller, because of being new in the reign)

ผู้สื่อข่าวย้ำถามว่า ช่วยอธิบาย พระราชอริยาบถบุคคลิกลักษณะ ของพระบรมฯให้ฟังด้วย (What kind of personality does he have? ) ทักษิณ ตอบว่า พระองค์ท่านเป็นผู้ที่ทรงเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวที่จะกระทำการสิ่งใดให้สำเร็จ พระองค์ท่านมีความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น (He has a very strong determination to do what he really wants to achieve. He has a strong determination.)


เชื่อมั่นพระบรมฯเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ จะเป็นกษัตริย์ที่ดี เพราะเรียนรู้จากในหลวงมามาก ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พระบรมฯทรงต้องการมุ่งมั่นจะทำอะไรให้สัมฤทธิ์ผล (What does he want to achieve? )

ทักษิณ ตอบว่า พระองค์ท่านยังไม่ได้เป็นกษัตริย์ ดังนั้นก็เป็นธรรมดาว่า ตอนนี้ท่านก็ยังไม่เปล่งรัศมีทอแสง แต่หลังจากเสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว ผมเชื่อมั่นว่า พระองค์ท่านจะทรงเปล่งรัศมีทอแสง สมสง่ากับความเป็นขัติยราชได้ เพราะพระบรมฯได้เฝ้าสังเกตเรียนรู้จากในหลวง ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชบิดามานานปี พระองค์ทรงเรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัวฯ


แต่เวลานี้ ยังไม่ถึงเวลาของพระองค์เท่านั้น แต่เมื่อเวลาที่พระองค์เสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์มาถึง ผมคิดว่าพระองค์ท่านจะมีพระราชบารมีที่เหมาะสมกับฐานะกษัตริย์แน่ (He's not the King yet, he may not be shining. But after he becomes the King I'm confident he can be shining to perform Kingship, because he has observed His Majesty, his father, for many years. He learns a lot from His Majesty. It's not his time yet. But when the time comes I think he will be able to perform.)

จากการอ่านคำสัมภาษณ์ และการตอบแบบสัมภาษณ์นี้ จะเห็นว่า ทักษิณ ได้กล่าวเทิดทูนในหลวง พระราชินี พระบรมโอรสถาธิราช ในทางถวายพระเกียรติ กระทั่งแก้ต่างกับสื่อต่างชาติตลอดเวลาการให้สัมภาษณ์ แต่เมื่อ ผู้จัดการ นำเสนอกลับเป็นให้สัมภาษณ์ ล้มสถายัน แล้วสื่อกระแสหลักทั้งออนไลน์ สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ก็นำข่าวต้นฉบับจาก ผู้จัดการ ไปขยายผลอย่างบิดเบือน ไร้ยางอาย ไร้การตรวจสอบใดๆ


กรณีที่ 2. เปลว สีเงินสวมบทสื่อคลั่งสั่งฆ่าทักษิณ เปิดเบื้องหลังสุดอัปยศไร้ยางอาย



สำหรับเปลว สีเงินนั้น ได้เขียนบทความลงในไทยโพสต์ แล้วผู้จัดการ ASTV กระบอกเสียงพันธมิตรนำไปขายผล โดยระบุว่า คนที่มีความสุขจากการเห็นคนชาติอื่นมาเหยียบย่ำชาติตัวเอง โทษสถานเดียวของคนพรรค์นี้คือ “ฆ่าทิ้ง” ก่อนที่มันจะ “ฆ่าชาติ”(ดูลิ้งค์ข่าว)



เปลว สีเงิน หรือ นายโรจน์ งามแม้น เคยเป็นคอลัมนิสต์ใหญ่ในไทยรัฐยุค นายกำพล วัชรพล ยังมีชีวิตอยู่ ต่อมาได้ออกมาทำหนังสือพิมพ์สยามโพสต์ โดยถือคติว่าคนหนังสือพิมพ์ต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านกับทุกรัฐบาล สยามโพสต์ ไม่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย ขณะที่ถูกฟ้องร้องสารพัด แต่คนรับเคราะห์คือ นายอรุณ ลานเหลือ ซึ่งเปลวตั้งให้เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลสู้คดี ขณะที่ เปลว ปิดสยามโพสต์หนีไปเปิดหัวใหม่คือ ไทยโพสต์

มาเปิดหัวใหม่ ไทยโพสต์ พอดี ทักษิณ มาเป็นรัฐบาล เปลว ก็ตามจิกด่า ตามคติว่าคนหนังสือพิมพ์ต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านด่าทุกรัฐบาล แต่โดน ทักษิณ ตรวจสอบในเรื่องฐานะการเงิน โดยให้ สตง.ตรวจสอบ พร้อมผู้บริหาร เครือเนชั่น และไปบีบโรงพิมพ์ของนาย ระวิ โหลทอง แห่งสยามกีฬา ที่เปลวนำ ไทยโพสตฺ ไปพิมพ์ จน ระวิเลิกพิมพ์ให้ ไทยโพสต์ และประการหนึ่ง ก็เป็นโอกาสที่ ระวิ อยากเลิกพิมพ์ให้อยู่ด้วย เพราะติดหนี้ค้างชำระไว้มาก ทำให้ เปลว แค้น ทักษิณ ต้องหาเรื่องเอาคืนมาแต่นั้น

พอพันธมิตรปิดสนามบิน จบลงด้วยการโค่น รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลงและ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นรัฐบาล เปลวสีเงิน รีบเกาะขบวนเชลียร์ รัฐบาล อภิสิทธิ์ ทันที โดยมุ่งไปเชียร์ นางพรทิวา นาคาศัย ที่เข้ามาเป็น รัฐมนตรีพาณิชย์ เพราะเวลานั้นถูกตั้งคำถามเรื่องภูมิหลังที่ครอบครัว นางพรทิวา ทำสถานอาบอบนวด "โพไซดอน" ไม่ควรมาเป็น รัฐมนตรีด้านการค้า

เปลวเขียนบทความลงใน ไทยโพสต์ เมื่อ11 ก.พ. 2552 เชีย ร์พรทิวา แบบออกนอกหน้า ว่า พรทิวา "ถูกใส่ร้าย" อย่างไม่เป็นธรรม สร้างความเสียหาย ชื่อเสียง "ประเทศไทย" เพราะ พรทิวา อยู่ในฐานะ "ตัวแทนประเทศไทย"! เปลว เขียนเชลียร์ว่า "พรทิวา" จะไม่แค่ "นาคาศัย" เท่านั้น นักการเมืองน้อยใหญ่ ไม่ว่าใคร ก็หวังจะอาศัยเธอทั้งนั้น เธอจะเป็นนักการเมืองหญิงที่ "หญิงยุคใหม่" ซูฮก และยกให้เป็น "ต้นแบบ-หญิงห้าว"!

ผมสังเกตว่า เธอเป็นคน "หัวไว-ใจนักเลง" โครงสร้างเสียง บ่งอนาคตไปได้ใหญ่โต เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจว่า การนอบน้อม และรับฟังผู้ใหญ่ที่เป็น "คณะปรึกษา" นั้น เป็นคุณสมบัติที่ดีของนักบริหาร "คุณพรทิวา นั้น มีรอยยิ้มที่เรียกว่า "ยิ้มเหมือนโลกเศร้า" เป็นยิ้มของคน "ไม่สิ้นโศก" จากส่วนลึก!?


เมื่อประกอบเข้าทั้งใบหน้า แววตาที่ค่อนข้างเหม่อลอย และในเสียงผิดลักษณ์หญิง แต่เป็นเอกลักษณ์ "หญิงทรงอำนาจ" และเด็ดขาด นั้น ก็บังเอิญปลายเส้นเสียงเป็นกังวานที่แตกพร่า ตรงจมูกฮวบเหล็งดี ปากดี กรามดี คางดี สรุปว่า ถ้ายึดมั่นใน ทาน ศีล ภาวนา ให้สม่ำเสมอเขาไว้ จะเสริมให้ยิ่งแก่ยิ่งรวย และยิ่งแก่ ยิ่งดัง นั่นแล" นี่เป็นความไร้ยางอายของ เปลว เวลาที่เขาจะเชียร์ใครซักคน หาเรื่องไม่เจอก็เอาโหงวเฮ้งมาอ้าง


แล้ว พรทิวา ก็ให้ เปลว ได้ "อาศัย" จริงๆ เพราะนับแต่นั้น งบโฆษณาสารพัดจาก กระทรวงพาณิชย์ ที่ พรทิวา เป็นเจ้ากระทรวงอยู่ ก็ไหลมาเทมาลง ไทยโพสต์ นับแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย แทบทุกวัน นอกเหนือจากโฆษณาจาก "สำนักนายกรัฐมนตรี" ของ อภิสิทธิ์ ที่ขึ้นหราอยู่หน้า1ของไทยโพสตฺแทบทุกวัน


ล่าสุด เปลว ก็ก่อเรื่องอัปยศอีก เมื่อได้บีบให้คอลัมนิสต์ "ใบตองแห้ง" ที่เขียนคอลัมน์ ว่ายทวนน้ำ ในไทยโพสต์ ซึ่งมีจุดยืนเป็นกลาง อยู่ตรงข้ามกับ เปลว อย่างมากออก โดยหลีกเลี่ยงที่จะจ่ายเงินชดเชย ตามกฎหมายแรงงาน โดย ใบตองแห้ง เปิดเผยเรื่องดังกล่าวนี้ว่า "เมื่อผมทราบว่ าวีซ่าหมดอายุ ไม่ได้เขียน ว่ายทวนน้ำอีก ผมก็ยอมรับโดยดี ไม่ได้ถามเหตุผล เพราะมองแบบน้ำครึ่งแก้ว ผมได้อิสระมาตั้ง 3 ปีกว่า ก็เป็นความใจกว้างล้นเหลือแล้ว แต่บอกว่า


ถ้าอย่างนั้น ผมก็ควรงดการเขียนบทสัมภาษณ์ด้วย เพราะจะสร้างความขัดแย้ง เช่นกัน และผมก็คงนั่งกินเงินเดือนเปล่าๆ ไม่ได้ ก็ต้องลาออก เพื่อมีอิสระไปทำอะไรใหม่ๆ เพียงแต่มาคุยกันภายหลังว่า ผมจะทำบันเทิงอยู่ไหม ผมยังไม่อยากตกงาน แบมือขอเงินเมียอย่างเดียว จึงบอกว่าทำได้ ในลักษณะฟรีแลนซ์ แต่ ไทยโพสต์ เสนอว่าจะให้เป็นเงินเดือน โดยคิดเงินเดือนกันใหม่ (ลดลงจากเดิมมาก) ผมก็โอเค เพราะจะได้ไม่ยุ่งยากเรื่องการส่งภาษีส่งประกันสังคม


ฉะนั้น ผมก็ไม่ได้ยื่นใบลาออกเป็นทางการ นับแต่วันที่ 1 พ.ย. ถ้าดูบัญชีพนักงาน ผมก็ยังเป็นพนักงานที่รับเงินเดือน ไทยโพสต์ อยู่ แต่เป็นเงินเดือนใหม่ ข้อตกลงใหม่ ผมไม่มีตำแหน่งหน้าที่อะไรแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับ โต๊ะข่าวการเมือง ไม่มีเก้าอี้นั่ง ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ เขียนส่งทางเมล์ และมีอิสระที่จะไปทำงานที่อื่น ดังนั้น ถ้าพูดว่าผมยังอยู่ ยังไม่ได้ออก ก็ถูกเหมือนกัน แต่ถูกครึ่งเดียว ที่ถูกคือ ผมออกมาอยู่ข้างนอก ทำงานอิสระ แต่ยังรับจ้าง ไทยโพสต์ ในงานที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง"


ทางด้านนักกฎหมายแรงงานกล่าวว่า การที่ เปลว สีเงิน ผู้บริหาร ไทยโพสต์ ทำกับ ใบตองแห้ง ดังกล่าว ขัดต่อกฎหมายคุ้มครองสิทธิแรงงาน เพราะเป็นการปรับสภาพการจ้างงาน โดยไม่เป็นธรรม ดูเจตนาแล้ว หวังผลให้พนักงานลาออกเอง โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า "ใบตองแห้ง" จะยกขึ้นมาต่อสู้ว่า ถูกปรับสภาพการจ้างเพื่อบีบให้ลาออก แล้วไปขอค่าชดเชยตามกฎหมาย หรือสมยอมกับการกระทำดังกล่าว

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) ได้ออกแถลงการณ์เมื่อ 6 พ.ย.เรียกร้องให้ชี้แจง กรณีปลด “ใบตองแห้ง” เพราะสาธารณชน มีข้อกังขาต่อการยุติบทบาทคอลัมน์ ว่ายทวนน้ำ โดยฉับพลัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ ที่ได้ตั้งปณิธานการทำหน้าที่สื่อมวลชนของตนเองไว้ว่า เป็นพื้นที่สื่อที่มี “อิสรภาพแห่งความคิด”


อีกทั้งเสียงสะท้อน ทวงถามจากกลุ่มผู้อ่าน ภายหลังที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ย่อมบ่งบอกถึงคุณภาพของกลุ่มผู้อ่าน หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ที่เปิดกว้างทางความคิดและต้องการรับรู้ความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ตลอดจนตระหนักถึง เสรีภาพในการทำหน้าที่ของ สื่อมวลชน


กรณีที่ 3 : แก๊งหยุ่น-เปรม-มาร์คผลประโยชน์ทับซ้อนกับผลประโยชน์คนไทย


ลุง อภิสิทธิ์ ผู้นิยม ปชป. : นายนิสสัย เวชชาชีวะ (ซ้าย) นอกจากจะเป็นลุงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังเป็นพ่อของ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เล่ากันว่า เขาเป็นคนกดดันให้ลูกชายยุติบทบาททางการเมือง สนับสนุน ทักษิณ แล้วยื่นคำขาด ให้มาอยู่พรรคเดียวกับ นายอภิสิทธิ์ หากยังต้องการใช้นามสกุล เวชชาชีวะ อยู่ต่อไป นายนิสสัย เป็นกรรมการอิสระของ เนชั่น และเป็นบอร์ด NBC ชุดล้างขาดทุนสะสมนำเข้าตลาดหุ้น


ทำถูกกฎหมายก็ทำได้ แต่ เนชั่น เพิ่งจะทำหลัง กลต. รับเรื่องลงดาบจ่อฟัน หลังจากโฆษณาขายหุ้นจอง เนชั่น บรอดแคสติ้ : NBC อย่างผิดกฎหมายมาโดยตลอด จนประชาชนจำนวนมาก ร้องเรียนให้ กลต.ดำเนินคดีตามกฎหมาย และกลต. ได้เปิดเผยว่า จะเข้าไปตรวจสอบ มาวันนี้ ช่วงเวลาราว 09.05 น.ในรายการ "เก็บตกจากเนชั่น" ทาง เนชั่นแชนัล ได้มีการปฏิบัติตามกฎหมายเป็นครั้งแรกแล้ว โดยในป้ายข้อความโฆษณาขายหุ้นจอง NBC นั้น ได้มีการขึ้นข้อความ "คำเตือน : การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง นักลงทุนพึงศึกษารายละเอียดจากหนังสือชี้ชวน"




ทุนสามานย์? : ไม่ใช่เพียงทัศนะการเมืองที่ไปทางเดียวกันของ สุทธิชัย หยุ่น กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น แต่เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน โดยฝ่าย อภิสิทธิ์ ให้เวลาฟรีทีวีแทบทุกช่อง กับประเคนโฆษณาให้ ส่วน เนชั่นเป็นองครักษ์คอยพิทักษ์ปกป้องและเป็นกองเชียร์ ทั้งหมดนี้ มีผลประโยชน์ทับซ้อนสำคัญ กับผลประโยชน์ของสาธารณชนชาวไทย นั่นคือ ภาษีและทรัพยากร ของประชาชน-ของรัฐตกไปเป็นของ เนชั่น


ส่วน เนชั่น ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ หมาเฝ้าบ้านที่ซื่อสัตย์อีกแล้ว แต่เป็นหมาบ้าที่กัดทุกคน หากข้องแวะกับ อภิสิทธิ์ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรายงานข่าวเชิงสืบสวน : เบื้องหลังโชคมหาศาลของเนชั่น มันคืออาชญากรรมย่ำยีชาติและประชาธิปไตย และข่าวเนชั่นได้เข้าไปทำรายการทางฟรีทีวีแทบทุกช่องหลังรัฐประหาร19กันยา:คลิ้กที่นี่ )



นามสกุล เวชชาชีวะ เป็นกรรมการ NBC ชุดล้างเน่า แต่งตัวเข้าตลาดหุ้น: บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) : NBC เจ้าของ เนชั่นทีวี และเจ้าของรายการโทรทัศน์ เครือเนชั่น ทางฟรีทีวีแทบทุกช่อง ซึ่งกำลังนำเสนอขายหุ้นจอง ต่อประชาชน ในช่วงนี้ยังมีเรื่องอื้อฉาว ไม่เว้นแต่ละวัน


นอกเหนือจากการโฆษณาขายหุ้นผ่านสื่อของตนเองอย่างน่าเกลียด และผิดกฎหมายเพราะ ไม่ขึ้นคำเตือนเรื่อง การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แถม นายกนก รัตน์วงศ์สกุล นักเล่าข่าวอื้อฉาว เครือเนชั่นยังโฆษณาเกินจริงว่า"หากใครจองซื้อ NBC ก็จะรวยไม่รู้เรื่อง รวยเละ" แล้ว ยังมีข้อครหาว่า อิบแอบแนบชิดกับรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในลักษณะต่างตอบแทนกันทางผลประโยชน์ด้วย


โดย เนชั่น ได้ผลประโยชน์จากการเข้าไปจัดรายการทางฟรีทีวี ช่องต่างๆ และได้ผลประโยชน์จากงบโฆษณาที่ รัฐบาลจัดให้ ทำให้งวด6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากสื่อโทรทัศน์ วิทยุ พุ่งขึ้นกว่าปีก่อน 16% ขณะที่ ภาพรวมอุตสาหกรรมเดียวกัน ทรุดฮวบลง13% สอดคล้องกับที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ได้ชื่อว่า ซื้อสื่อโฆษณามากเป็นอันดับที่ 2 เหนือกว่าบริษัท หรือสินค้าชื่อดังทั้งหลาย ตามที่ ไทยอีนิวส์ เสนอไปแล้ว แลกกับการที่ เนชั่น ทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ อภิสิทธิ์ และเป็นกระบอกเสียงให้


ล่าสุดเราตรวจสอบพบด้วยว่า ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งเป็นวันที่ NBC ได้มีมติล้างขาดทุนสะสมทางบัญชี และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนนั้นมีชื่อ นายนิสสัย เวชชาชีวะ เป็นกรรมการบริษัทอยู่ด้วย เช่นเดียวกับที่ นายสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งตอนนั้นเป็นประธานบริษัท NBC แต่ต่อมา ชื่อของทั้งคู่ก็หายไปอย่างปริศนา ไม่มีรายชื่อในคณะกรรมการ NBC ชุดปัจจุบัน





Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 11:11:21 น. 16 comments
Counter : 9308 Pageviews.

 
คณะกรรมการของ NBC ณ วันที่ 10กุมภาพันธ์ 2552
รายชื่อ ตำแหน่งใน NBC :

คุณสุทธิชัย แซ่หยุ่น (ประธานกรรมการ)

คุณธนะชัย สันติชัยกูล (กรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)

คุณอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ (กรรมการอำนวยการ)

คุณนิสสัย เวชชาชีวะ (กรรมการ)

คุณปกรณ์ บริมาสพร (กรรมการ)

คุณปณต วิเลปสุวรรรณ (กรรมการ)

ปัจจุบัน : นายนิสัย เวชชาชีวะ ยังเป็นกรรมการอิสระใน เนชั่นมัลติมีเดีย (NMG) บริษัทแม่ของ NBC (//www.set.or.th/set/companyprofile.do;jsessionid=71E43E95746CE0C7DD71242C033BDE50?symbol=NMG&language=th&country=TH)
ที่มา : สารสนเทศ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด(//www.settrade.com/simsImg/news/2009/09003673.t09)



โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:16:36 น.  

 
ส่วนคณะกรรมการของ NBC ณ ปัจจุบันนี้ ประกอบด้วย
นายธนะชัย สันติชัยกูล (ประธานกรรมการ)
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ (กรรมการ และกรรมการผู้อำนวยการ)
นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล (กรรมการ)
นางสาวเอี่ยมศรี บุญหชัยรัตน์ (กรรมการ)
นางสาวนภาพร เอื้อเฟื้อ (กรรมการ)
ดร.สุพงษ์ ลิ้มธนากุล (กรรมการอิสระ และประธานกรรมการตรวจสอบ)
นายเมธา สุนทรจิตร์ (กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ)
นายศิวะพร ชมสุวรรณ กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
ภรรยา นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ซึ่งเป็นผู้บริหาร NBC ในตำแหน่ง ผู้อำนวยการส่วนงานผู้ประกาศข่าวที่มา : เวบไซต์ของ NBC(//www.nbc.co.th/aboutnbc-theboard.html)


โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:18:21 น.  

 
ลุงของอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซี้ปึ้กโล้น ยังนั่งเป็นบอร์ดบริษัทแม่ NBC

ปัจจุบันนี้ นายนิสสัย เวชชาชีวะ ยังคงเป็นกรรมการอิสระใน เนชั่นมัลติมีเดีย (NMG) บริษัทแม่ของ NBC โดย นายนิสสัย เป็นพี่ชายของนายแพทย์ อรรถสิทธื์ เวชชาชีวะ (บิดาของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) จึงมีศักดิ์เป็นลุงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายนิสสัย เป็นบิดาของ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ ซึ่งเคยสังกัด พรรคไทยรักไทย ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มีคอลัมนิสต์ ไทยรัฐ คือ "เหล็กน้ำพี้" เคยนำเสนอว่า นายนิสสัย เป็นผู้กดดันให้ นายสุรนันท์ ต้องลาออกจากสมาชิกพรรค ไทยรักไทย และยื่นคำขาด ให้ไปสมัครเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเขานิยมอยู่ หาไม่แล้ว นายสุรนันท์ ก็ต้องเลิกใช้นามสกุล เวชชาชีวะ หรือ นายนิสสัย อาจไปลงบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ พรรคประชาธิปัตย์ เสียเอง แต่ นายสุรนันท์ สนองเพียงยุติบทบาทใน ไทยรักไทย แต่ไม่ยอมสมัครเป็น สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (//www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=19364)



โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:19:38 น.  

 
องครักษ์พิทักษ์เปรม ล่าสุดแก้ต่างให้กรณีสัมพันธ์ล้ำลึก หนุ่มเสก

กล่าวกันว่า คนปักษ์ใต้นั้นรักพวก รักพ้องในปริมาณ และคุณภาพที่สูงกว่า คนในภูมิภาคอื่นๆ และว่ากันอีกว่า ในบรรดาคนปักษ์ใต้ ที่รักพวกรักพ้องมากนั้น คน สงขลา รักพวกพ้องมากสุดๆ และในบรรดาคน สงขลา ที่รักพวกพ้องสุดๆนั้น คนที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์นั้น เป็นที่สุดของที่สุดในด้านนี้



ในวิชาชีพนักสื่อสารมวลชนนั้น สุทธิชัย มักสั่งสอนคนข่าว เครือเนชั่นว่า คนที่เป็น "บุคคลสาธารณะ" นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบ โดยไม่มีข้อยกเว้น...แต่ สุทธิชัย ก็มักยกเว้นให้ พลเอก เปรม เสมอ ไม่เพียงยกเว้นให้ แต่ในทุกโอกาสที่อำนวยให้ สุทธิชัย จะทำหน้าที่เป็น องครักษ์ให้ พลเอก เปรม โดยตลอดเช่นกัน ซึ่งก็รวมทั้ง "ข่าวร่ำลือ" มานานหลายทศวรรษ เรื่องความสัมพันธ์อันไม่ธรรมดาของ "เปรม VS หนุ่มเสก"

เมื่อไวๆนี้ สุทธิชัย หยุ่น เพิ่งเขียน ลงบล็อกของเขา(//www.oknation.net/blog/black/2009/05/30/entry-1) เมื่อ 30 พฤษภาคม 2552 เพื่อแก้ต่างให้กับ เปรม โดยยกบทสัมภาษณ์ที่ ไทยโพสต์ ตีพิมพ์สัมภาษณ์ "หนุ่มเสก" เสกสรร ชัยเจริญ ที่ตกเป็นขี้ปากของคนมาตลอดว่า สัมพันธ์ลึกซึ้งกับ "ป๋าเปรม" เปิดใจเป็นครั้งแรกเมื่อ "หนุ่มเสก" หรือ "เสกสรร ชัยเจริญ" อดีตนักร้องชื่อดัง เปิดเผยให้ "ไทยโพสต์" ทราบถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ "ป๋า" พลเอก เปรม ติณสูลานนท์...6 ปีแล้ว ที่ไม่ได้พบ "ป๋า" ทรมานใจ และรักเหมือนพ่อ
ตอนหนึ่งของคำให้สัมภาษณ์ที่ "หนุ่มเสก" บอกอนุญาตให้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ตีพิมพ์คือ"ถ้ากล้าถาม ก็กล้าตอบ และยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน เอ้า...พูดตรง ๆ เลยว่า แค่หอมแก้ม เพราะผมเคารพรักท่าน ท่านก็เหมือนพ่อ ผมรักท่านเหมือนพ่อ ท่านเป็นผู้มีพระคุณ...6 ปีแล้วที่ไม่ได้พบ ป๋า...มีคนพยายามกีดกันไม่ให้พบ..."



โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:22:21 น.  

 
เชิดชู ครู เปรม เอาใจเต็มพิกัด

อาจจะเป็นเพราะมีหนังสือเกี่ยวกับ พลเอก เปรม ในทำนองเชิดชูยกย่องไปเยอะแล้ว สุทธิชัย ก็เลยพิมพ์หนังสือ "ครูเคล้า คชาฉัตร ครูของรัฐบุรุษ" ที่ พลเอก เปรม บอกว่ารักเคารพเหมือนพ่อ เพื่อเอาอกเอาใจ เปรม หนังสือเล่มนี้ จัดพิมพ์ในนามของ สำนักพิมพ์เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด มหาชน ของ สุทธิชัย ซึ่งนับเป็นกรณีพิเศษ เพราะปกติ สุทธิชัย มีสำนักพิมพ์อยู่แล้วคือ สำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ แต่คราวนี้พิมพ์ในนามบริษัทมหาชนเสียเลย หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรก และวางขายใน เดือนตุลาคม 2549 พูดง่ายๆว่า หลังรัฐประหารยึดอำนาจ19 กันยายน 2549 เพียงไม่กี่วัน

พลเอก เปรม ได้เขียนคำนิยม ในหนังสือ "ครูเคล้า คชาฉัตร ครูของรัฐบุรุษ "ตอนหนึ่งไว้ ว่า....."สำหรับผม ครูเคล้าเป็นมากกว่าครู ครูเคล้าเป็น "ทั้งครูและพ่อผมในเวลาเดียวกัน" "คราใดที่ ครูเคล้า มองผม ผมจะมองเห็นแววตาแห่งความรัก ความเมตตา ความห่วงอาทรของ ครูเคล้า เสมอ คราใด ที่สั่งสอนผม ผมจะได้ยินคำสั่งสอน ที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี ห่วงใย และบริสุทธิ์ เหมือนพ่อสั่งสอนลูก ผมจึงรัก ครูเคล้า มาก และจากสายตา และคำพูด ผมรู้ว่า ครูเคล้าก็รักผมมาก"

ครูเคล้า เป็นครูประจำโรงเรียน มหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา บ้านเกิด เปรม ซึ่ง เปรมบอกว่า เป็น "ครูผู้มีส่วนสำคัญสำหรับชีวิตผม ทำให้ผมเป็นผมจนถึงทุกวันนี้" หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 สุทธิชัย หยุ่น ได้เวลาเข้าไปทำรายการทางฟรีทีวีแทบทุกช่อง คือ 3 5 9 11 ส่วน TPBS เทพชัย หย่อง น้องชาย เข้าไปทำและกลายเป็น "จุดเด่น" สำคัญให้เขานำมาเป็นข้อมูลชี้ชวนขายหุ้นจอง NBC ในช่วงนี้

ไม่มีใบเสร็จ ไม่มีหลักฐานใดๆว่า เปรม เป็นผู้ดลบันดาลรายการฟรีทีวีต่างๆให้ สุทธิชัย เนชั่น หรือไม่ เพราะเรื่องอย่างนี้ ไม่ต้องมีหลักฐานใด แต่คนที่ยังมี "สามัญสำนึก" ไม่บกพร่องก็เชื่อมโยง และสรุปฟันธงไม่ยากนัก





โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:23:48 น.  

 
เป็นขาใหญ่วงการสื่อเคลียร์ให้นักข่าวสยบ รัฐประหาร 19 กันยา



หลังเกิดการ รัฐประหาร 19 กันยายน ใหม่ๆ ทาง เปรม และคณะรัฐประหาร อยากตอบแทนสื่อ ที่ช่วยกันโค่นล้ม ทักษิณ จึงยื่นข้อเสนอให้ตัวแทนสมาคมสื่อ 3 สมาคมเข้าไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)
ตัวแทนสมาคมสื่อตอนนั้นมี :ภัทระ คำพิทักษ์ จาก โพสต์ทูเดย์ เป็นนายกสมาคมนักข่าวฯ
ตัวแทนสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติมี บัญญัติ ทัศนียเวศ เป็นประธานสภา
ตัวแทนของสมาคมนักข่าวโทรทัศน์วิทยุมี สมชาย แสวงการ เป็นนายก

เรื่องไม่ได้ง่ายนัก เพราะนักข่าวภาคสนาม 53 คน ส่วนใหญ่ เป็นนักข่าวสาย ประจำรัฐสภา และเป็นคนข่าว ค่ายเนชั่น ซะเยอะ แสดงความไม่เห็นด้วย ทั้งล่ารายชื่อคัดค้าน อยากให้ตัวแทนสมาคมถอนตัว เพราะไม่อยากให้เกิด conflict of interest หรือเป็นภาพน่าเกลียดว่า สื่อโค่น ทักษิณ สำเร็จแล้วมารับรางวัลจาก คณะรัฐประหาร

ผู้ใช้นามแฝง "รักในหลวงห่วงลูกหลาน" เขียนถึงฉากตอนนี้ ในบทความชุด "ลากไส้สื่อเห้" อันลือลั่นของเขาไว้ว่าคือ โดยปกติ อาชีพสื่อนี่ ไม่เคยนะครับ ที่จะร่วมมือกับฝ่ายอำนาจ ฝ่ายการเมืองกันแบบนี้ ยิ่งเป็นตัวแทนสื่อแล้ว แม่งน่าเกลียด ก็ถึงขั้นที่ว่า มีการเขียนในข้อกำหนดว่า ห้ามนักข่าวไปดำรงตำแหน่งการเมือง แต่ไอ้เหี้.. นายก สมาคมนักข่าวนี่เสือ-กหน้าด้านอยากเป็นขึ้นมา แต่จะเป็นคนเดียวแม่-งก็จะน่าเกลียด เลยทำฟอร์มว่า ขอไปปรึกษาพรรคพวกหน่อยนะ ท่าน บัง

เสร็จก็มาล็อบบี้ นายก สมาคมนักข่าววิทยุ โทรทัศน์ คือ ไอ้เอ๋ สมชาย แล้วก็ เจ๊หยัด ตอนนั้น เจ๊ เป็นประธานสภา การหนังสือพิมพ์ ไอ้เหี้..นี่ ก็ไปโน้มน้าวว่า ตอน ทักษิณ นี่พวกเราโดน "คุกคามสื่อ" เยอะ มาตอน คมช. ปฏิวัติ ก็บอกให้พวกเราใช้วิจารณญาณ ห้ามออกข่าวเหลี่ยม เด็ดขาด หากใครฝืนออก บัง มันจะมาใช้วิจารณญาณแทนพวกเราคือ สั่งปิด หนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ นี่ บัง เขาก็มีไมตรีเชิญไปเป็น สนช. ก็เป็นโอกาสอันดี ที่เราจะได้เข้าไปปกป้องไม่ให้คุกคามสื่อ เพราะมันมีกฎหมายเยอะแยะ อย่างน้อยพวกเราก็จะได้ท้วง หากกฎหมายไหนออกมาคุกคามสื่อ....(ดูมันตอหะแหล!)

เจ๊หยัด (บัญญัติ ทัศนียเวช) วงการรุ่นหลังเขาเรียก ป้าหยัด แต่ผมเรียก เจ๊หยัด ก็บอกว่า ชั้นไม่เอาด้วยหรอก สื่อที่ไหนเคยไปเป็นตำแหน่งการเมืองแบบนี้ มันมี conflict of interest เธอว่าไง เอ๋? (หันมาถาม สมชาย นายกสมาคมนักข่าววิทยุ โทรทัศน์) ไอ้เอ๋ แม่-งแสบครับ แทนที่จะค้านเหมือน เจ๊หยัด ดันข้างๆ คูๆ เข้าข้างไอ้ ภัทระ เลยเสร็จโจร...เจ๊หยัด ก็ตกกระไดพลอยโจร คือหากจะเป็น ก็ต้องเป็นทั้ง 3 สมาคม หาก เจ๊หยัด ถอน ไอ้ 2 ตัวนั่นอดแดรกไปด้วย แกก็ไม่อยากมีปัญหากับเด็กรุ่นหลัง ก็เอาวะ เป็นก็เป็น แต่อย่าทำให้น่าเกลียดก็แล้วกัน ต้องอธิบายสังคมให้ได้

สรุปแม่-งก็กลับไปหา บัง ว่าบัง ครับ ที่ บัง เชิญผมเป็น สนช. นี่ "ผมขอสาม" เพราะพวกผม สมาคมสื่อ มี 3 สมาคม ไปไหนไปด้วย ถ้าคนหนึ่งไม่ไป มันก็ไปด้วยกันไม่ได้บัง ก็กัดฟัน ยกให้สาม ต้องไปตัดโควต้า เด็กเส้น เด็กฝากลงเพียบ เพราะถ้าได้ใจสื่อ ต่อไปอะไรมันก็โล่ง ทำชั่ว ก็ผ่อนเบา ทำดี แม่-งก็ตีปี๊บเชียร์ ปากกาอยู่ในมือพวกมัน...



โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:33:08 น.  

 
แต่เรื่องก็ไม่หวานคอเหี้..ซะทีเดียวหรอก

ความที่มันกระสัน ก็ดันไปปล่อยข่าวไปทั่วว่า กรูจะได้เป็น สนช. กินเงินเดือน แสนสองโว้ย เรื่องมันก็หึ่งออกไป พวกนักข่าวสนามแถวใต้ถุนสภาก็ เฮ้ย! นายกสมาคมกูเหี้..แล้วมั๊ยสัดดดด... ดันมารับใช้ ทหารที่ปฏิวัติเข้าไปนั่งในสภาซะเอง แล้วงี้ สื่อก็โดนด่าสิว่า ตกลงพวกมึงจะเป็นเหี้..อะไรแน่ ระหว่างสื่อ กับนักการเมือง จะเป็นสื่อ หรือ เป็นเบ๊คณะปฏิวัติ.....

ไอ้พวกนี้ ก็รวมหัวกันเขียนหนังสือหางว่าว ส่งไปต่อต้านว่า พวกกรูไม่เห็นด้วยที่ นายกสมาคม จะไปเป็น สนช. ให้พวกมรึงถอนตัว ก่อนจะเสียหายวงการ ไอ้ ภัทระ ก็นะ คนมันเงี่ย..นได้ที่ ห-งี่เต็มพิกัด ก็วิ่งหาผู้ใหญ่ในวงการสื่อ เพราะมันเป็น นายกสมาคม แต่เด็กนักข่าวในสนามก่อกบฎเข้าให้แล้ว (ก็มันเหี้.. เขาก็ต้องก่อกบฎ)

ไอ้ผู้ใหญ่ที่ว่าคือ หยุ่น เนชั่น แล้วก็ พี่ มานิจ สุขสมจิตร ผู้อาวุโสจาก ไทยรัฐ ทำตัวเป็นขาใหญ่เรียก ไอ้ภัทระ ไอ้เอ๋ เจ๊หยัดมา แล้วก็เรียกเด็กนักข่าวสนามมากินข้าว เกี่ยเซี้ยกันที่ รอยัลพรินเซส ตรงหลานหลวง ฝ่ายนักข่าวสนามก็ยื่นคำขาดให้ถอนตัว ส่วน ไอ้ภัทระ ก็โน้มน้าวว่าให้พวกกูเป็นเหอะน้ะนะๆๆ

แล้วก็มันจะเหลือเรอะ เพราะคนที่บอกว่า เป็นกรรมการกลางอย่าง หยุ่น เนชั่น ก็รู้อยู่ว่ามันเกลียด เหลี่ยมเป็นขี้ แล้วปฏิวัติคราว19 กันยาฯนี่ บัง ก็แค่นอมินีของ ป๋าเปรม คนสงขลาบ้านเดียวกับ หยุ่น เรื่องอะไรจะไปขัดใจ ป๋า หยุ่น แม่งก็โน้มน้าวโน่น นี่สารพัด สรุปฟันธงว่า พวกมรึง นายก 3 สมาคมเป็นเลย...เชี่ยมั๊ยหละสัดดดด...

ไอ้พวกนักข่าวสนามก็ใบ้แดรก เพราะไอ้พวกที่ลงชื่อในบัญชีหางว่าวต่อต้านในงานนี้นี่..ก็ลูกน้องกินเงินเดือน หยุ่น ซะเยอะ มันก็ไปไม่ถูก เลยบอกงั้นเอางี้ ให้พวกนายกสมาคม 3 ตัวนี่ลาออกจากตำแหน่ง นายกสมาคมสื่อซะ แล้วก็จะไปเป็นอะไรก็ไป หากไม่ลาออกแล้วถ่างขาควบ 2 เก้าอี้นี่อย่าเลย พวกกรูอายหมามัน....สรุปพวกนายก 3 สมาคมยอมลาออกจากตำแหน่ง สมาคมสื่อ ไปเป็น สนช. เงินเดือนคนละ แสนสอง สุทธิชัย ก็คาบข่าวไปบอกใครบางคนว่า"ผมเคลียร์พวกสื่อกบฎจบแล้วครับป๋า..."



โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:36:31 น.  

 
เปรม กับสื่อโล้น โยนมุก รับมุกกันสนุกปากมัน ภาษีกลายเป็นค่าโฆษณา เชิดชูเผด็จการระราน "เสื้อแดง"



นอกจาก เปรม จะประเคนฟรีทีวีให้ หยุ่น เป็นรางวัล และเป็นกระบอกเสียงให้ฝ่ายเผด็จการ คอยระราน ดิสเครดิตกระทืบฝ่าย ประชาธิปไตยแล้ว ก็ยังมีลูกเล่น มีน้ำจิ้ม มีชุดใหญ่ประเคนให้ หยุ่น ตามมาอีกเพียบ ก็อย่างเช่น โทรทัศน์เนชั่นแชนัล ของ นายสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งอาศัยความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พลเอก เปรม มักจะคว้าสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการที่ อภิสิทธิ์ ไปเกาะโพเดียมพูดทุกนัด ยังกับหวยล็อกไว้ ซึ่งตรงนี้ ไม่ใช่ถ่ายทอดสดฟรี แต่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งแน่นอนว่า คนจ่ายคือ รัฐบาลอภิสิทธิ์ (แน่นอนอีกที คือมาจากภาษีประชาชน) หลายครั้ง ทางเนชั่น ก็เป็นคน ครีเอต event พวกนี้ขึ้นมากับมือ

จะบอกว่า "น้ำขึ้นให้รีบตัก" ก็ได้ แต่เอาให้ตรงกว่าก็คือ ทำเหมือนตายอดตายอยากมานาน พอโค่นรัฐบาล ประชาชนเลือกตั้งมาได้ และเอาพวกตัวเองขึ้นได้ ก็มูมมาม สวาปามกันเต็มพิกัด จนเข้าข่ายน่าเกลียด พรรคพวกวงการสื่อ และพวกเอเยนซี่ ร้องเซ็งกันเป็นแถว เพราะยุคนี้ อะไรๆก็ต้องประเคนให้ เนชั่น...โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีจริงๆ ส่วน เปรม จะปรากฎตัวไปงานทำนองนี้ไม่บ่อยนัก แต่งานประจำที่ต้องไปคืองานของสปอนเซอร์ พันธมิตรรายสำคัญ คือ งานแฟร์ประจำปีของ เครือสหพัฒน์

แน่นอนอยู่แล้วว่า เนชั่นแชนัล ได้สิทธิในการถ่ายทอดสดงาน สหกรุ๊ปแฟร์ โดยพิธีกรคู่หู กนก-ธีระ กล่าวถึง พลเอก เปรม ว่า "ฯพณฯท่านพลเอกเปรม" ทุกคำ ตรงข้าม ตอนพูดถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ สองคนนี้จะพูดแค่ "ทักษิณ" เฉยๆ หรือบางทีก็เรียกแบบยาวๆว่า "นักโทษชาย ทักษิณ ที่อยู่ระหว่างหนีคดี"

ก่อนการถ่ายทอดสดประจำปีนี้ จะเริ่มขึ้นนั้น ก็มีบทวิเคราะห์ของ สุทธิชัย ออกทาง เนชั่นแชนัลเรื่อง "แผนตากสิน 2" โดยอ้างตามสูตรว่าหากมีแผนนี้จริงๆ ทักษิณ ต้องเป็นคนรับผิดชอบ พอ เปรม ไปปรากฎตัวที่งานสพัฒน์ ก็ปรากฎว่า ให้สัมภาษณ์นักข่าวเรื่อง แผนตากสิน2 เป็นตุเป็นตะ แต่พูดราวกับก๊อปปี้มาจาก สุทธิชัย ยังไงยังงั้น




โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:40:51 น.  

 
โดนแก้เผ็ด : เครือเนชั่น พยายามสร้างอนาคตใหม่กับ เนชั่นบรอดแคสติ้ง (NBC) ที่มี เนชั่นทีวี เป็นหัวหอก โดยเข้าไปสมคบกับ เปรม - อภิสิทธิ์ เชิดชู เผด็จการอำมาตย์ ทำลายความเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตย และทำท่าจะสลัดทิ้ง เนชั่นมัลติมีเดีย (NMG) โดยขายตึกเนชั่น บางนาทิ้ง ส่งผลให้ตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่ถูกกล่อมเข้ามาถือหุ้นใหญ่โวยว่า ถูกอาเปรียบ และตระกูล จึงรุ่งเรืองกิจ ได้แก้เผ็ดแล้ว ด้วยการไม่จองซื้อหุ้นใหม่ NBC ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น วันที่ 11 พ.ย.นี้แม้แต่หุ้นเดียว

ทำให้กลุ่ม สุทธิชัย หยุ่น ต้องแบกไว้หลังแอ่น แต่ก็ยังไม่วายโกหกประชาชนต่อไปว่า ขายหุ้นได้จนเกลี้ยง จนหุ้นไม่พอจะขาย...คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้สั่งให้รับหุ้นสามัญของบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) : NBC เป็นหลักทรัพย์ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2552 เป็นต้นไป



โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:41:36 น.  

 
เนชั่นสิ้นท่าต้องแบกรับหุ้นจองNBCไว้เอง "จึงรุ่งเรืองกิจ"เข็ดเขี้ยวไม่จองซักหุ้น

ทั้งนี้แม้ผู้บริหาร NBC จะอ้างว่ามีคนจองซื้อจนล้น จนหุ้นไม่พอจะขาย แต่ความจริงที่โกหกไม่ได้ก็คือ ตัวเลขจำนวน และสัดส่วนการถือครองหุ้นภายหลังการกระจายหุ้นสู่มหาชนแล้ว (//www.set.or.th/set/newsdetails.do;jsessionid=A5E2DA79543A319DF1FC9A5B8426C3B8?type=R&time=1257748764000&filename=dat%2Fprsnews%2Fnews%2F1021NWS091120090139764585T.txt&source=mai&headline=%CA%C3%D8%BB%A2%E9%CD%CA%B9%E0%B7%C8+%3A+NBC&symbol=NBC&localeoverriding=yes&country=TH&language=th) ปรากฎว่า บริษัทเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป NMG ซึ่งเป็นบริษัทแม่ต้องแบกรับไว้เองถึง105 ล้านหุ้น (ก่อนกระจาย NMG ถืออยู่ 120 ล้านหุ้น) ประการสำคัญที่สุดคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมของ NMG คือตระกูล จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่จองซื้อหุ้น NBC แม้แต่หุ้นเดียว เพราะเข็ดเขี้ยวกับความไม่ตรงไปตรงมาของผู้บริหาร เนชั่นที่นำโดย สุทธิชัย หยุ่น

หุ้นบริษัทแม่ร่วงทันที8%หลังรู้ข่าวร้ายขายหุ้นจอง NBC ไม่ออก

หลังการแจ้งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ ยังผลให้หุ้นบริษัทแม่คือNMGร่วงลง8.33%เมื่อตอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 9 พ.ย. สวนทิศทางกับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นเกือบ15จุด หรือ2.13% โดยติดอันดับTOP10ของหุ้นที่ร่วงลงแรงที่สุดของวันนี้ คือร่วงลงแรงมากที่สุดเป็นอันดับที่6



โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:42:48 น.  

 
รายชื่อผู้ถือหุ้นNBC หลังกระจายหุ้นต่อมหาชน ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552

ชื้อ จำนวนหุ้น ร้อยละของทุนชำระแล้ว

1.บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป 104,999,940 61.76

2.นายทวีฉัตร จุฬางกูร 2,888,888 1.70

3.นางมยุรี สุขศรีวงศ์ 1,885,882 1.11

4.นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ 1,808,034 1.06

5.นายณัฐพล จุฬางกูร 1,800,000 1.06

6.นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น 1,622,228 0.95

7.นายนที พานิชชีวะ 1,500,000 0.88

8.นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล 1,100,000 0.65

9.น.ส.วันทนีย์ รุจิราวรรณกร 1,100,000 0.65

10.นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล 1,000,000 0.59

รวม 119,704,972 70.41

เป็นที่น่าสังเกตว่าการกระจายหุ้นNBCครั้งนี้ ทางเนชั่นหวังผลให้ผู้ถือหุ้นเดิมของเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป หรือNMGมาจองซื้อเต็มที่ ถึงกับให้สิทธิ์ได้จองซื้อก่อนนักลงทุนทั่วไป แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจที่ถือหุ้นใหญ่อันดับ1ของNMGไม่ใช้สิทธิ์จองหุ้นNBCแม้แต่หุ้นเดียว


โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:43:34 น.  

 
รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ NMG : บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ณ วันที่ 10 มีนาคม 2552

ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวน %

1. นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 27,093,300 16.44

2. นางมยุรี สุขศรีวงศ์ 16,972,938 10.30

3. นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ 16,272,309 9.88

4. นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น 14,600,054 8.86

5. DOW JONES & COMPANY 12,000,000 7.28

6. นายทวีฉัตร จุฬางกูร 8,000,000 4.86

7. นายนิวัตน์ แจ้งอริยวงศ์ 4,485,878 2.72

8. นางสุภาภรณ์ ชื่นวิจิตร 3,641,911 2.21

9. บริษัท กรีนสยาม จำกัด 3,184,779 1.93

10. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 3,053,883 1.85

11. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 2,500,000 1.52

12. น.ส.สุมาลี ธารพิพิธชัย 2,400,000 1.46

13. นายเอกวุฒิ เนื่องจำนงค์ 2,400,000 1.46

14. นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 2,349,600 1.43

15. นางสุภา สุพรรณธะริดา 2,097,200 1.27

16. น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 2,000,000 1.21

17. นายณรงค์ศักดิ์ โอปิลันธน์ 1,900,000 1.15

18. นายสมศักดิ์ วรรณสินธพ 1,660,000 1.01

19. MELLON NOMINEES (UK) 1,630,188 0.99

20. นายปราบดา หยุ่น 1,319,739 0.80

21. นายยรรยง ภัทรเลาหะ 1,251,800 0.76

22. นางชุลีวรรณ วิวัฒนาเกษม 1,200,000 0.73

23. นายศิริชัย จรุงสถิตพงศ์ 1,164,600 0.71

24. นายพิชัย จิราธิวัฒน์ 1,063,946 0.65



โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:44:15 น.  

 


สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถือหุ้นใหญ่ NMG : บริษัทไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะมีการขายทรัพย์สินเพื่อใช้ชำระหนี้ ซึ่งเป็นหนี้ที่ก่อมานานแล้ว ในฐานะผู้บริหารบริษัทมหาชน ควรจะบริหารธุรกิจให้มีกำไร ซึ่งทำไม่ถูกที่ขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ไปใช้หนี้ ซึ่งไม่ว่าองค์กรไหน ถ้าทำธุรกิจดี หากขายสินทรัพย์ไปแล้วก็ซื้อใหม่ได้ แต่ไม่ใช่เนชั่น


โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:45:13 น.  

 


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลูกชายของ สมพร : เราเข้ามาซื้อหุ้น NMG เพราะพี่สาวผมแต่งงาน คนที่พี่สาวผมแต่งงานด้วยคือ หลานชายของ คุณธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ (ประธาน NMG) คุณธนาชัย เข้ามาคุยกับคุณแม่ว่า อยากให้ครอบครัวปรองดองกัน นั่นคือจุดแรกที่เราเข้าไปซื้อหุ้น ไม่ใช่เพื่อเข้าไปยึดครอง หรือเพื่อทำกำไร ไม่เคยมีอยู่ในหัวของคนในครอบครัวเราเลย ผมคิดว่าสื่อไม่ใช่ธุรกิจที่อยู่ๆ คุณจะเข้าไปเทกโอเวอร์ เข้าไปบริหารง่ายๆ



โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:46:06 น.  

 
บิ๊ก NBC โกหกหน้าตาย กระแสตอบรับจากคนจองล้นปรี่ ปั่นอีก เชื่อเหนือจองแน่

นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ NBC ให้สัมภาษณ์กับสื่อออนไลน์วงการหุ้นคือ //www.eFinanceThai.com ว่า ในวันที่ 11 พ.ย. จะนำหุ้น NBC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ MAI โดยมั่นใจว่าราคาหุ้นของ NBC จะยืนเหนือราคาเสนอขายที่ 2.90 บาท แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพราะบริษัทฯ มั่นใจในศักยภาพของ NBC และด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่5พ.ย.เมื่อสิ้นสุดเวลาจองซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ย. เวบไซต์กรุงเทพธุรกิจ(//www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20091105/84947/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%87NBC%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B5.html) ในเครือเนชั่น รายงานข่าวว่า นายกิตติศักดิ์ อมรชัยโรจน์กุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี ( ประเทศไทย ) จำกัด ในฐานะแกนนำผู้จัดจำหน่ายหุ้น เพิ่มทุน บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC เปิดเผยว่า

จากการที่บริษัทเปิดให้ประชาชนทั่วไป จองซื้อหุ้น NBC ที่ราคาหุ้นละ 2.90 บาท จำนวน 65 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 2-4 พฤจิกายน นั้น สามารถจำหน่ายหุ้น จำนวน 65 ล้านหุ้น ได้ทั้งหมดตั้งแต่วันแรก โดยนักลงทุนได้ติดต่อจองซื้อเข้ามา สูงกว่าจำนวนหุ้นที่มีจัดสรรไว้ "ตอนนี้ปิดการจำหน่ายแล้ว ยังมีลูกค้าโทรเข้ามาสอบถามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่หุ้นนี้ได้รับความสนใจมาก เป็นเพราะผลประกอบการดี ธุรกิจมีความน่าสนใจ และเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง" นายกิตติศักดิ์ กล่าว

ที่มา : THAI E-NEWS (//thaienews.blogspot.com)




โดย: nudeejaa วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:48:01 น.  

 
ไปเขมรเถอะ .. ขอร้อง


โดย: ผ่านมา IP: 10.0.100.25, 58.147.28.187 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:07:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nudeejaa
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add nudeejaa's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.