|
|
การฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังได้รับเคมีบำบัด |
การรับประทานอาหาร 1. ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน ผู้ป่วยหลายท่านพยายามหลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ แต่เนื้อสัตว์มีโปรตีนเพื่อที่จะไปซ่อมแซมเซลล์ เนื้อเยื่อ หรือส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ถ้าต้องการเลี่ยงเนื้อสัตว์ ก็ควรจะต้องทานอาหารที่มีโปรตีนมาเสริมแทนให้พอเพียง เช่น ถั่วชนิดต่างๆ นม ไข่ 2. พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารทอด ปิ้ง ย่าง (ถ้าอยากทานก็สามารถทานได้ แต่ต้องในปริมาณที่น้อยและไม่ทานติดต่อกัน) ผักดอง ผลไม้ดอง อาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารแห้งที่ยังมีความชื้น (พริกแห้ง ถั่วลิสง เป็นต้น อาจจะมีเชื้อราปนเปื้อนอยู่) อาหารที่ผ่านการแปรรูป 3. หมุนเวียนวิธีการปรุงอาหาร คือ สลับกรรมวิธีการปรุงอาหารเสมอ เช่น อาหารประเภทต้มกับลวก แล้ววันต่อมาอาจจะสลับสับเปลี่ยนเป็นอาหารประเภทนึ่งกับย่าง เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกเบื่ออาหาร 4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด หวานจัด หรืออาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง 5. พยายามทานอาหารที่มีใยอาหาร เพื่อช่วยการขับถ่ายและยังช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้ด้วย 6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คาเฟอีน สำหรับน้ำผลไม้ควรคั้นเองจะดีกว่าสำเร็จรูป เพราะบางชนิดผสมน้ำตาลในปริมาณที่สูง อาจจะเป็นการเพิ่มแคลอรี่โดยไม่จำเป็น หรือประเภททสำเร็จแต่ไม่มีอ.ย. ก็อาจจะต้องเสี่ยงต่กรรมวิธีที่ไม่ทราบว่าสะอาดมากน้อยขนาดไหน
|
การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง การออกกำลังกายของคนแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน อาจจะเริ่มจากการออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินสักประมาณ 15-20 นาที ให้เหงื่อออก และควรใส่รองเท้ากีฬา เพราะรองเท้าแตะอาจจะทำให้หกล้มได้
การทำจิตใจให้สงบ สุขภาพที่ดีควรจะต้องประกอบด้วยทั้งกายและจิตใจที่ดี ความตึงเครียด อารมณ์ขุ่นมัวส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลงได้ จึงควรจะฝึกจิตใจให้ผ่องใส เช่น การฝึกลมหายใจเข้าออก หันเข้าศาสนาเพื่อฝึกอารมณ์และจิตใจ เป็นต้น เมื่อความตึงเครียด อารมณ์ขุ่นมัว ความวุ่นวายของจิตใจหมดไป จิตใจที่เบิกบานสดชื่น แจ่มใสก็เกิดขึ้น ความสุขทางใจก็จะตามมา
วิถีการดำเนินชีวิต 1. ทานอาหารถูกหลักอนามัย 2. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มมึนเมา ยาเสพติด 3. หลีกเลี่ยงการไปสถานที่สิ่งแวดล้อมไม่ดี เช่น เธค ผับ บาร์ เป็นต้น 4. ออกกำลังกายตามความเหมาะสม 5. ทำจิตใจให้ผ่องใส มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอื้ออาทร |
การดูแลผู้ป่วยสำหรับผู้ใกล้ชิด คนรอบข้างหรือผู้ที่ใกล้ชิดที่ดูแลผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง มีความสำคัญมากในการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ป่วย เพราะส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วย ถ้าสภาพจิตใจของผู้ป่วยดี คุณภาพของชีวิตของผู้ป่วยก็จะดีขึ้น ผู้ใกล้ชิดควรปฏิบัติต่อผู้ป่วยด้วยความจริงใจ - ต้องเข้าใจว่าผู้ป่วยนั้น ขณะที่รับการรักษาจะมีสภาพจิตใจที่ไม่ดี และในบางคนอาจจะไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติระหว่างที่ทำเคมีบำบัด - เมื่อสภาพร่างกายของผู้ป่วยเริ่มแข็งแรง ควรจะต้องให้กำลังใจหรือกระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตปกติ - หยิบยื่นความต้องการขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้ป่วย ไม่ควรเข้มงวดหรือเอาใจจนเกินไป - พยายามทำให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเรายินดีรับฟังปัญหาหรือความไม่สบายใจของผู้ป่วย - ผู้ใกล้ชิดจะต้องเข้าใจว่า ผู้ป่วยอยู่ในสภาพที่อารมณ์แปรปรวนอย่างมาก ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับอารมณ์เหล่านี้ - ให้กำลังใจและความหวัง เพราะผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งก็มีโอกาสหายและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วๆ ไป - การรับประทานอาหาร ควรจะจัดอาหารหลายประเภทให้ผู้ป่วยได้เลือกรับประทาน ไม่ควรบังคับให้ผู้ป่วยทานอย่างใดอย่างหนึ่ง (อาหารเหล่านั้นต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยด้วยทั้งหมด) - พยายามทำให้ผู้ป่วยอารมณ์ดีระหว่างรับประทานอาหาร จะทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้น - หากผู้ป่วยไม่สามารถทานอาหารภายใน 2-3 วัน หรือไม่สามารถดื่มน้ำได้ภายใน 1 วัน ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที
ขออุทิศให้กับ คุณแม่ที่รักยิ่ง ผู้จากไปด้วยโรคนี้ |
|
|