ชีวิตคือการเดินทาง........
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
ปีใหม่ไปกาญจนบุรี (3)

วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม 2550 วันสุดท้ายแล้วสำหรับทริปนี้ของพวกเราตอนแรกว่าจะสามารถเที่ยวได้หลายที่ แต่สุดท้ายเราก็ไปได้แค่ไม่กี่ที่ เนื่องจากมีเจ้าสองตัวไปด้วย ก็เลยปั่นเวลาไม่ได้สงสารเด็ก และวันนี้กว่าเราจะเช็คเอ้าท์จากโรงแรมก็สายแล้ว เพราะว่าพวกเราพอทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ไปอาบน้ำพุร้อนหินดาดกันก่อน บ่อน้ำพุร้อนที่นี่ แบ่งเป็นสองบ่อใหญ่ที่เป็นบ่อรวม และยังมีบ่อที่แบ่งเป็นห้องส่วนตัวอีก ราคาก็จะคิดเป็นชั่วโมง เราตัดสินใจเลือกบ่อที่เป็นห้องส่วนตัว จะได้ไม่ต้องกังวลความซนของพวกเด็ก ๆ

(ทางเดินไปบ่อส่วนตัว)

ที่บ่อน้ำพุร้อนหินดาด จะเปิดตั้งแต่ ตี 5 ปิด 4 ทุ่ม ให้นักท่องเที่ยวได้ไปแช่กันให้หนำใจเลยค่ะ สำหรับห้องส่วนตัวเราต้องขึ้นไปข้างบน ทางอุทยานจะสร้างห้องอยู่กลางป่าข้างบนค่ะ ถ้าอากาศเย็นกว่านี้คงเยี่ยมไปเลยค่ะนอนแช่น้ำอุ่น ๆ (ร้อน หน่อย ๆ ค่ะ) งานนี้เจ้าลิงตัวโตกลับกลัวน้ำร้อน สู้น้องไม่ได้เลย น้องลุยอย่างเดียว แต่พวกเราก็แช่กันได้ไม่ถึงชั่วโมงหรอกค่ะ พวกเด็ก ๆ เริ่มเบื่อ และพอถ้าแช่ไปสักพัก แล้วขึ้นมา พอกลับไปแช่ใหม่น้ำมันจะร้อนมาก เด็ก ๆ ก็เลยทนกันไม่ไหว เราก็เลยต้องกลับออกมา และเก็บภาพบรรยากาศการแช่น้ำพุร้อนยามเช้ามาฝากแทน

(ห้องอาบน้ำพุส่วนตัวค่ะ)


(บ่อรวมจะเป็นบ่อที่มีอุณหภูมิ 30 องศา 1 บ่อ และ 40 องศา 1 บ่อ ส่วนธารน้ำตกข้างล่างสุดจะเป็นน้ำตกธรรมชาติค่ะ เท่ากับมีทั้งน้ำร้อน น้ำเย็นครบ)


(อาบเสร็จก็มาโพสท่าถ่ายรูปกันเลยค่ะ)

จากนั้นเราก็เดินทางกลับไปแพคของเพื่อเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักกัน ครั้งนี้โชคดีค่ะโรงแรมให้บัตรห้องพักฟรี 2 วัน 1 ห้อง ใช้ได้ถึงตุลาคม 2551 จากนั้นพวกเราก็เดินทางกันต่อโดยที่ไม่มีแผนการณ์ค่ะ จึงตรงดิ่งไปที่เขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณ์กันก่อน เพื่อเก็บภาพความงามของเขื่อนกัน พอเข้าไปเจ้าหน้าที่เค้าก็เลยบอกบุญซะเลย ก็เลยร่วมทำบุญปีใหม่กันซะด้วย พอขึ้นไปถึง ทุกคนต่างก็เก็บภาพกันใหญ่ และ สักพักก็มีดาราประจำเขื่อน ก็คือเหล่าเจ้าจ๋อ พากันเดินขบวนมาอวดโฉมให้ทุกคนได้ยลกัน สุดท้ายภาพที่ถ่ายได้ ก็เลยมีแต่รูปเจ้าจ๋อกันซะส่วนใหญ่ กินเนื้อที่เมมโมรี่ในกล้องเยอะจริง ๆ ค่ะ


(ถึงแล้วเขื่อนวชิราลงกรณ์)


(ภาพความงดงามของเขื่อนค่ะ)


(ดาวดวงเด่นประจำเขื่อนค่ะ)


(เจ้าจ๋อ หาอาหาร)


(เห็นสาวน้อยคนนี้ดูลิงเพลิน เลยขอซักรูปละกันค่ะ น่ารักจัง)

หลังจากที่เราเสร็จกิจจากเขื่อนแล้วเราก็ไม่รู้จะไปไหนแล้วค่ะ เห็นป้ายปิล็อก พนักงานโรงแรมเค้าบอกว่าสวย เราก็เลยตัดสินใจลองขับไปดูสิมันจะคุ้มกันหรือเปล่า แต่พอยิ่งขับไปเอ..... ทำไมมันดูเงียบมากเลย ระหว่างทางมีรถวิ่งสวนมาไม่มาก และ ไม่มีป้ายบอกระหว่างทางเลยว่า เหมืองปิล็อกอีกกี่กิโล แต่เราดูในแผนที่ก็ว่าประมาณ 70 กิโลได้นะ แต่เวลาขับไปรู้สึกว่าจะนานมาก พอผ่านแยกบ้านไร่ทางก็แคบลง รถสัญจรไปมาน้อย จริง ๆ แล้ว พวกเราต้องการจะหาร้านอาหารให้เด็ก ๆ ได้กินข้าวกันมากกว่า เพราะตอนนั้นใกล้เที่ยงแล้ว กลัวเด็ก ๆ หิว เสบียงบนรถก็มีแต่ของกินเล่นที่ไม่ได้สร้างความอิ่มเลย พอขับไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เห็นอะไรเลย เราก็ชักไม่แน่ใจว่าหลงหรือเปล่า สุดท้ายก็มาถึงทางแยกที่มีป้ายบอกทางขึ้นไปปิล็อก เส้นทางขึ้นเหมืองปิล็อก ในตอนแรก เราอ่านจากหนังสือ ก็เข้าใจไปเองว่า ทางจะเหมือนประมาณสังขละซึ่งก็สบาย ๆ แต่ยิ่งขึ้นทางมันหักโค้งไปเรื่อย ๆ เรียบขึ้นเขาเป็นทางรถสวนกันสองเลนเล็ก ๆ และหักศอก ในบางตอนจะมองไม่เห็นรถที่แล่นสวนมา เรายังว่ากันเลย ว่าใครฟะสรรหา สร้างทางกันซะขนาดนี้ (อย่างนี้คิดกันว่าคงจะประมาณทางไปแม่ฮ่องสอนกระมัง) แต่เส้นทางจะไม่มีราวเหล็กกั้น จะเป็นถนนทางซ้ายภูเขา ทางขวาก็หน้าผาและป่า ถ้าไม่มีรถเล็กสวนมาเป็นระยะ พวกเราคงหาทางตีรถกลับแล้ว (แต่ก็อย่างว่า ทางเล็กมาก เป็นอะไรที่ขึ้นมาแล้วหวนกลับไม่ได้) เราวิ่งกันไปก็นานพอสมควร วิ่งไปกังวลไป สาเหตุเพราะเด็ก ๆ ยังไม่ได้กินข้าว แล้วเจ้าตัวเล็ก ถ้าไม่ได้กินข้าวและมาเจอทางอย่างนี้มีหวังเทของเก่าแน่ นับว่ายังโชคดีที่เจ้าตัวเล็กหลับ ส่วนเจ้าคนพี่ ก็บ่นว่าคลื่นไส้นิดหน่อย เราต้องเปิดกระจกหน้าต่างรถเพื่อรถอาการคลื่นเหียร (ตัวเราเองยังนิด ๆ เลย ผสมหิวข้าวด้วยมั๊ง) ที่สุดเราก็ขึ้นมาถึงจุดชมวิว เป็นจุดให้ทุกคนได้ระบายก็อกน้ำส่วนตัวออกกันได้ตามกำลังที่เก็บกักไว้ พวกเราก็เลยต้องตัดสินใจว่าไม่ไปต่อดีกว่า เพราะถามเจ้าหน้าที่บอกว่า เหลืออีก 16 กิโลก็ถึง (จริง ๆ แล้วชักไม่เชื่ออ่ะ ) ขนาดขาขึ้นมาเนี่ย เป็นชั่วโมงนะ แต่แค่ 5 กิโลเอง แล้ว 16 กิโลจะเป็นงัยฟะเนี่ย น้ำมันก็เหลือแค่ครึ่งถังด้วย กลัวน้ำมันหมดแล้วไม่มีเติม สุดท้ายเราเลยต้องยอมแพ้กับเหมืองปิล็อก ไม่สามารถไปได้ให้สมความตั้งใจ แต่ไม่เป็นไร ไว้ทีหลังถ้าไม่มีเด็ก ๆ มาค่อยไปอีกทีละกัน

(วิวข้างทางระหว่างขี้น)


(วิวข้างทางด้านที่เป็นป่า)


(จุดชมวิว ก่อนที่จะไปเหมืองปิล็อกต่อ เจ็บใจจริงสุดท้ายก็ไปไม่ถึง)


(เจ้าคนโตบอกยังไหว แต่คนเล็กลงไปนอนร้องไห้ดิ้นพลาด ๆ แล้วเลยไม่ได้มาร่วมถ่ายรูปด้วยกัน)

ในที่สุดเราก็ต้องลงไป พอขาลงก็เร็วมาก ไม่น่าเชื่อเลย และก็ต้องมาหาข้าวกินแถว ๆ โรงแรมผาตาดวัลเลย์ กว่าจะได้กินข้าวกันก็ปาเข้าไปบ่ายสองโมงครึ่งแล้ว และเราก็เลยไม่ได้มีรายการแวะที่ไหนอีกนอกจากกลับกรุงเทพฯ กว่าจะถึงก็ทุ่มกว่า ๆ แถม เราเลยต้องอายเด็กเลย เพราะดันปวดหัวแล้วไม่ได้กินยา พอรถมาจะถึงบ้าน เราเป็นคนคายของเก่าออกซะเอง เด็ก ๆ กลับไม่เป็นไร เสียผู้ใหญ่เลยงานนี้...........เฮ้อ........คราวหน้าหาที่เที่ยวใหม่ดีกว่า





Create Date : 09 มกราคม 2551
Last Update : 22 มกราคม 2551 17:03:02 น. 1 comments
Counter : 846 Pageviews.

 
ขอติดรถไปเที่ยวด้วยคนนะคะ
เส้นทางนี้ยังไม่เคยไปเลยค่ะ


โดย: Cookie Nim วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:20:50:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แอมป้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add แอมป้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.