"แนะนำน้องสาวตัวเล็กของบ้าน-ตอนที่ 1"
> วันนี้(คืนนี้)แมวพาสมาชิกในบ้านมาแนะนำตัวค่ะ ตามธรรมเนียมต้องแนะนำจากพี่ -> น้อง แต่โฮะๆคนอย่างแมวไม่อยากทำอะไรซ้ำใคร หุหุ แมวจะฉีกกฎแนะนำจากน้องตัวเล็กก่อน ก่อนจะเห็นโฉมหน้าขอบอกว่าตัวนี้เป็นหมาที่น่า...(ขออภัยนะคะ) -- น่าถีบสุดๆ -- ด้วยพฤติกรรมที่ชอบประจบพ่อกับแม่ แต่กับแมวนะ พอเห็นหน้าไม่สะบัดตูด(ขออภัยอีกครั้ง)ก็สะบัดหน้าเมินหนีซะงั้น อะไรฟระฉันออกจะร้ากกกกกและเอ็นดูที่ซู้ดดดดด(เหอะๆ น่าเชื่อมากเลยแก) ไหนจะสร้างความคึกคักให้มันด้วยการเป่าหู แย่งกระดูก จับมาอุ้ม ยุให้แม่อาบน้ำ ผูกจุก ตัดขน และอีกสารพัด เห็นมะ... แมวน่ะรักมันสุดๆเลยนะ แต่ไม่รู้ทำไมมันชอบเมินแมวทุกที เริ่มอยากเห็นหน้าเจ้าตัวนี้แล้วใช่ป่ะ งั้นหลับตาเตรียมตัวเตรียมใจปลุกพระไว้ให้พร้อมก่อนนะ ไม่งั้นอาจมีอาการขวัญผวาได้ เอาล่ะ พร้อมรึยัง พอ 3 ปุ๊บเปิดตาได้เลยนะ อ่ะจะนับแล้วนะ... .................................................................................. ...................................1...................................... .................................................................. ........................................................... ........................2......................... ........................................... ................................... .............3............. .................... เปิดตาได้ละ นี่แหละโฉมหน้าหมาที่อัปลักษณ์ที่สุด เกิดมาไม่เคยเห็นหมาที่ไหนอัปลักษณ์ได้เท่านี้อีกแล้ว ...จริงๆนะ เป็นไง เห็นไหมบอกแล้วเห็นปุ๊บผวาปั๊บ มันอัปลักษณ์ได้ใจจริงๆ 555+ เจ้าตัวนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "ข้าวปั้น" แม่เป็นคนตั้งชื่อให้ ชื่อเล่นมี 2 ชื่อ... "ปุกปุย" เป็นชื่อที่พ่อเรียก มีที่มาเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง "ตัวเล็ก" ชื่อที่แมวใช้เรียก สาเหตุเพราะมันตัวเล็ก ซึ่งเป็นเหตุผลที่มีหลักการมากๆ และตัวเล็กก็มีชื่อสมญานามอีกชื่อนึง พ่อตั้งให้มันว่า "ไอ้ตูดหมึก" (เย้ๆ หลุดจากตำแหน่งนี้สักที ) เหตุผลเพราะว่ามันน่าถีบไง 555+ กระจ่างป่ะ... ประวัติความเป็นมาเจ้านี่มีอยู่ว่า -> วันหนึ่งในเดือนเมษายนปี 48 ที่อากาศร้อนไฟแล่บ มีลูกหมา(ความจริงไม่เด็กแล้วแหละ แต่เห็นมันตัวเล็กก็เลยเข้าใจว่ายังเป็นลูกหมาอยู่)ตัวหนึ่งกระเซอกระเซิงมอมแมมและที่สำคัญไม่มีขน(แถวบ้านเรียกว่า ขี้เรื้อน) เดินมึนๆงงๆหมดเรี่ยวแรงแถวหน้าบ้าน หมาตัวเล็กที่เนื้อตัวหนาวสั่น(ไร้ขน) หวาดผวากับสิ่งรอบข้าง จะรอดแหล่ไม่รอดแหล่ กระตุ้นต่อมสงสารให้กับน้าสาวผู้มีความรักและเอ็นดูให้หมาทุกตัวบนโลกใบนี้ น้าสาวจึงอยากจะช่วยหมาตัวนี้ไว้ แต่ด้วยความที่ว่าในบ้านก็มีหมาตัวโตอย่างกะหมีควาย ดุอย่างกะเสือ และหวงบ้านอย่างกะจงอางหวงไข่ (ไว้เดี๋ยวคราวหลังจะพามาแนะนำตัวนะ) จะเอาเข้าบ้านมีหวังเละตายก่อนหิวตายแน่ๆ และที่สำคัญที่บ้านไม่เคยมีความคิดจะเลี้ยงหมา 2 ตัว เพราะแค่ตัวเดียวก็เหนื่อยจะแย่ ด้วยเหตุนี้น้าสาวจึงไหว้วานห้องแถวข้างบ้านดูแลมันก่อนสักพัก โดยที่มีน้าสาวเป็นผู้ให้ข้าวให้น้ำมันกิน ผ่านไป 3 วันอาการมันดีขึ้นน้าสาวก็เลยมาปรึกษากับแม่ว่าจะเอายังไงดีกับเจ้าตัวเล็กนี่ คุยไปคุยมาไอ้เจ้านี่ก็ตัวเล็กจิ๋งเดียวคงไม่แย่เท่าไหร่หรอก สรุปน้าสาวก็เลยพาเข้าบ้านในฐานะสมาชิกใหม่ ... อาทิตย์แรกอาการเจ้านี่ไม่ดีขึ้นเลย ก็หนาวสั่นและผอมโซจนที่บ้านต้องเตรียมใจไว้เพราะมันอาจจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หารู้ไม่เจ้านี่มันตัวเล็กแค่มันแต่ใจมันไม่เล็กเลย มันอดทนมากๆ แม่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำทุกวันจนมันเริ่มดีขึ้น ส่วนยายก็คอยทากำมะถันให้มันแก้ขี้เรื้อน ตอนนี้มันดีขึ้นมากก็เลยย้ายมันจากในบ้านให้ออกมาอยู่ในบ้าน(ที่บ้านไม่เคย(คิด)เลี้ยงหมาในบ้าน) ช่วงแรกๆก็กลัวว่าไอ้หมามุ่ย(หมีควายนั่นแหละ)จะฟัดเอา แม่ก็เลยหากล่องมาให้มันอยู่ ดูมันก็โอเคอ่ะนะ ถึงหมามุ่ยจะไม่กัดแต่มันก็ชอบดุและขู่ประจำ แถมยุงข้างนอกยังชุมอีกต่างหาก ขนยิ่งไม่มีอยู่(สาเหตุที่พ่อเรียกมันปุกปุย เหตุเพราะขนนี่แหละ พ่อบอกว่าตั้งชื่อแก้เคล็ด มันจะได้ขนขึ้นเยอะ แล้วมันก็เยอะสมใจอยากจนน่าปวดหัว เหอะๆ) แม่ก็เลยสงสารยอมให้มันอยู่ในบ้าน แต่ให้อยู่แค่ในครัวก่อนนะ ขนขึ้นเมื่อไหร่ค่อยออกมาอยู่ห้องอื่น ซึ่งดูมันมีความสุขมากกว่าอยู่ข้างนอกอีกนะ เหมือนกันว่าที่บ้านเก่าเขาคงเลี้ยงมันในบ้านอ่ะ(แหงล่ะ หมาแบบนี้เขาก็เลี้ยงกันในบ้านทั้งนั้นแหละ มีแต่บ้านแกอุตริเลี้ยงนอกบ้าน บ้านนอกจริงๆเล้ยยย ) พอเข้ามาอยู่ในบ้านก็ได้รับการประคบประหงมสุดๆแล้วก็พอไปหาหมอตรวจเช็คสุขภาพ ฉีดยาไปหลายเข็ม วันนั้นแหละทั้งบ้านจึงได้รู้กันว่า เจ้านี่อายุประมาณ 3 ขวบแล้วไม่ใช่เด็กๆนะ(ปัจจุบันก็ 6-7 ขวบ) และที่สำคัญสิ่งที่หมอบอกทำเอาร้อง "เฮ้ย!!!" กันทั้งบ้านก็หมอบอกว่าเจ้านี่มันชิสุผสม อ๊ากกก!!! ไม่อยากจะเชื่อ ก็ตอนนั้นอ่ะสภาพมันไม่ได้เป็นอย่างนี้ ดูไม่มีสกุลสักนิด หารู้ไม่พอขนขึ้นทั้งตัวมันจะเปลี่ยนไปได้ซะ (ไว้คราวหน้าจะไปคุ้ยหาภาพตอนนั้นมาให้ดู ดูไม่ได้สุด ) และเมื่อพอรู้ว่าเจ้านี่มันก็มีสกุลเหมือนกันนะ(แม่บอกตั้งแต่เลี้ยงหมามาไม่เคยเลี้ยงหมามีสกุลเลย ) ทั้งพ่อทั้งแม่ดูจะร้ากกกกกมากขึ้น (ส่วนฉันก็หมั่นไส้มากกกกกขึ้น โฮะๆ )... และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปอย่างโกหก 3 เดือนต่อมาเจ้านี่ก็ขนขึ้นเต็มตัวเริ่มเห็นเคล้าสกุลชิสุละ(แต่ก็ยังเป็นหย่อมๆ)แม่ก็เลยได้รับอนุญาตให้ย้ายจากห้องครัวมาอยู่ห้องอื่น จากชั้นล่างขึ้นชั้นบนแล้วมันก็ได้รับการอัญเชิญให้ขึ้นไปนอนด้วยกันในห้องนอน (กร๊ากกกกก มันเริ่มกลายเป็นลูกรัก ส่วนฉันเริ่มมีลางตกกระป๋องดังแป๋ง ) มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าแล้วน้าสาวผู้เก็บมันมาหายไปไหนแล้วล่ะ ไม่ดูแลแล้วหรอ เปล่าค่ะเปล่า น้าสาวยังรักและเอ็นดูมันเหมือนเดิม ไม่ได้ผลักภาระให้แม่แต่อย่างไร เพียงแต่ว่าน้าเขาไม่ค่อยสบายมีโรคประจำตัวหลายโรคไม่สะดวกดูแล แม่จึงอาสาดูแลเจ้านี่แทนน้าสาว แล้วตอนนี้มันก็รักและติดแม่กับพ่อสุดๆ ส่วนไอ้แมวโดนเมินเหมือนเคย ชิ ... มาดูพฤติกรรมตัวเล็กบ้าง อ๊ะๆ!!!ยังไม่เล่าวันนี้ดีกว่า เก็บไว้เล่าคราวหน้า จะได้มีไรเขียน(พิมพ์)ด้วย กิกิ วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ เพราะแค่นี้ก็ยาวปื้ดซะ ถ้าเล่าต่อมีหวังไอ้แมวไม่ได้นอนแน่ ยังไงก็ติดตามอ่านพฤติกรรมเจ้าตัวเล็กนี่คราวหน้านะคะ คืนนี้ไปนอนก่อนละ ฝันดี & อรุณสวัสดิ์ค่ะ ... ปล. ก่อนไปนอนฝากรูปน่าถีบๆ(ยังยืนยันเช่นเดิม หุหุ)ของเจ้าตัวนี้ซะหน่อย หมาอะไรก็ไม่รู้ อัปลักษณ์ได้ใจจริงๆ ...
Free TextEditor
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2552 1:22:06 น. |
Counter : 421 Pageviews. |
|
|
|