นางนวลกับมวลแมวผู้สอนให้นกบิน

นางนวลกับมวลแมวผู้สอนให้นกบิน

หลุยส๎ เซปุล๎เบดา (นักเขียนชาวชิลี)




นางนวลกับมวลแมวผู้สอนให้นกบิน ผลงานเรื่องเยี่ยมของ หลุยส๎ เซปุล๎เบดา นักเขียนชิลีที่ลี้ภัยเผด็จการทหารในประเทศไปตั้งรกรากอยู่ในสเปน และเป็นผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนแห่งศตวรรษที่20 ที่มีเสน่ห์อย่างยิ่งคนหนึ่ง วรรณกรรมเรื่องนี้แปลเป็นภาษาไทยโดย สถาพร ทิพยศักดิ์ ผลงานวรรณกรรมเล่มเล็กที่เคยได้ยินชื่อมานานหลายปีแล้วแต่เพิ่งจะตัดสินใจหยิบขึ้นมาอ่านอย่างจริงจังเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง เพียงแค่เปิดหน้าแนะนำที่ต้นเล่มก็ต้องแปลกใจที่สำนักพิมพ์ระบุว่า“นี่คือวรรณกรรมที่ผู้เขียนบอกว่า สำหรับผู้อ่านอายุ 8-88 ปี” เมื่ออ่านจนจบหน้าสุดท้ายก็ต้องยอมรับเลยว่าถ้อยคำดังกล่าวไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด

ด้วยขนาดและรูปเล่มของวรรณกรรมเรื่องนี้ที่ดูไม่ต่างจากวรรณกรรมเยาวชนเล่มอื่นๆ ด้วยการใช้ภาษาที่เรียบง่าย ถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่ซับซ้อน และมีภาพประกอบลายเส้นขาวดำง่ายๆ สอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง โดยมุ่งถ่ายทอดเรื่องราวของซอร์บาส แมวสีดำตัวที่อ้วนพีแห่งท่าเรือฮัมบูร์ก ที่วันแรกของการได้ครอบครองบ้านแต่เพียงลำพัง เพราะเจ้าของเดินทางไปที่อื่นพร้อมครอบครัวเป็นเวลา4 อาทิตย์ เจ้าแมวต้องใช้ทั้งหมดไปกับความพยายามที่จะปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้กับเคงกาฮ์ แม่นกนางนวลสาวขนเงินที่กำลังจะเสียชีวิต เพราะร่างกายอ่อนแรงจากการพยายามเอาชีวิตรอดในการบินจากกลางทะเลมาจนถึงชายฝั่ง ขณะที่ขนของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำมันในทะเลที่เกาะติดแน่นจนแทบจะขยับปีกบินไม่ได้ ซึ่งก่อนตายเคงกาฮ์ได้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายวางไข่ไว้1 ฟอง และขอสัญญาจากซอร์บาส สิ่งมีชีวิตตัวแรกที่เธอพบ 3 ข้อ คือ 1) สัญญาว่าจะไม่กินไข่ที่เธอออกไข่มา 2)สัญญาว่าจะดูแลรักษาไข่จนฟักออกมาเป็นตัว และ 3) สัญญาจะสอนมันบิน แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ แต่ซอร์บาสและผองเพื่อนบรรดามวลแมวแห่งท่าเรือฮัมบูรก์ก็พยายามที่จะรักษาสัญญาไว้ให้ได้ สำหรับผู้อ่านที่เป็นเยาวชนจะสนุกและร่วมติดตามการลองผิดลองถูกของบรรดามวลแมวที่ช่วยซอร์บาสแมวตัวผู้ทำหน้าที่แม่นกจำเป็นให้สำเร็จ แนวคิดหลักที่ผู้อ่านเยาวชนรับได้ไม่ยากนักคือ ความพยายามที่จะรักษาสัญญาและทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้สำเร็จ แม้ว่าสัญญาที่ให้ไว้จะยากที่จะปฏิบัติเพียงใดก็ตาม ขณะเดียวกันก็ยังสอนให้เห็นประโยชน์และคุณค่าของสารานุกรมว่า“ความรู้ทั้งหมดอยู่ในสารานุกรม” เพราะในเรื่องได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วว่าเมื่อเหล่ามวลแมวไม่รู้อะไร จะหาความรู้และคำตอบได้จากสารานุกรม

แต่อีกแง่หนึ่งวรรณกรรมเรื่องนี้ก็สามารถที่จะสื่อความกับนักอ่านที่มิใช่เยาวชนในประเด็นสังคมที่ลึกซึ้งได้ด้วย เนื่องจากว่าภายใต้เปลือกของวรรณกรรมเยาวชนขนาดกะทัดรัดนี้ได้สอดแทรกเนื้อหาสาระอันหนักแน่น ซึ่งผู้อ่านจะจับเสียงของผู้เขียนที่ปรากฏในเรื่องเป็นระยะๆ อย่างตรงไปตรงมาเพื่อแทรกข้อคิดสำคัญในเรื่องของการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมดังที่ซอร์บาสบอกว่าสิ่งที่เขาเรียนรู้จากการเลี้ยงดูโชคดีลูกนกนางนวลตัวน้อยคือ “เราเรียนรู้ที่จะเข้าใจคุณค่า เคารพ และรักสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากพวกเราการยอมรับ และรักสิ่งซึ่งเหมือนตัวเรานั้นเป็นเรื่องง่ายมาก แต่การปฏิบัติต่อผู้อ่านที่แตกต่างจากเราเป็นเรื่องยากยิ่ง... ความรู้สึกของเราที่มีต่อเธอจะยิ่งทรงพลัง และงดงามยิ่งขึ้น เพราะเป็นความรักระหว่างสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันสิ้นเชิง” และนักเขียนยังวิพากษ์สังคมมนุษย์ให้แง่มุมต่างๆไว้อย่างตรงไปตรงมา โดยชี้ให้เห็นว่า มนุษย์ไม่เพียงแต่สร้างความยุ่งยากในการสื่อสารระหว่างกัน โดยการสร้างภาษาของคนแต่ละชาติให้แตกต่างกันไป ซึ่งต่างจากสัตว์ที่ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันหรือต่างเผ่าพันธุ์ก็สามารถที่จะสื่อสารกันด้วยภาษาเดียวทั่วโลก อีกทั้ง มนุษย์ยังไม่อาจยอมรับว่าสิ่งมีชีวิตอื่นต่างไปจากตนจะเข้าใจหรือพยายามจะเข้าใจมนุษย์ ขณะเดียวกันความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ยังสร้างมหันตภัยให้กับสัตว์อื่นๆที่ตกเป็นเหยื่อในการกระทำของมนุษย์ โดยเฉพาะการที่เรือบรรทุกน้ำมันปิโตเลียมขนาดใหญ่ฉวยโอกาสในวันที่หมอกลงตามชายฝั่งนำเรือออกไปยังทะเลลึกเพื่อล้างถังน้ำมัน ปล่อยคราบหนาและกลิ่นเหม็นนับพันๆลิตรลงสู่ทะเลซึ่งถูกคลื่นซัดพาไป

นอกจากนี้ หลุยส๎ เซปุล๎เบดา ได้สรุปความสำคัญของกวี(นักเขียน) ด้วยประโยคสั้นๆไม่เกินสองบรรทัดว่า “สิ่งที่เขาเขียน เป็นถ้อยคำที่ไพเราะ ทำให้รู้สึกยินดี บางครั้งให้โศกเศร้าใจ แต่มักทำให้หัวใจเป็นสุข และอยากจะฟังต่อ” ขณะเดียวกันเขาไม่เพียงแต่ยกย่องกวีว่าเป็นมนุษย์ที่คุณสมบัติพร้อม ซึ่งเหล่ามวลแมวเลือกที่จะฝืนข้อห้ามที่ไม่ให้แมวพูดกับมนุษย์มาพูดกับเขา และบทกวีชื่อ“ฝูงนกนางนวล” ของกวีอีกคนหนึ่ง (เบร๎นาร๎โด อาชากา) ยังกลายเป็นกุญแจดอกสำคัญในไขความลับการบินของนกนางนวลอีกด้วย

เรื่องราวและทัศนคติของหลุยส๎ เซปุล๎เบดา ที่ปรากฏในเรื่องสะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของเขาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งการเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่อายุยังน้อย การเคยใช้ชีวิตที่ฮัมบูร์ก เยอรมนี เป็นเวลาหลายปี และการเป็นนักเขียนที่ประณามการปล่อยน้ำมันดิบลงทะเล ซึ่งผู้เขียนสามารถแปลงประสบการณ์ตรงของตนออกเป็นเรื่องเล่าที่เปี่ยมเสน่ห์ ที่สร้างความมีชีวิตชีวาและความสมจริงให้กับเรื่องราวและเส้นทางการเดินในทะเลของฝูงนกนางนวลแห่งปราสาททรายแดง และเหล่ามวลแมวที่ดำรงชีวิตอยู่ ณท่าเรืองฮัมบูร์ก ได้อย่างอย่างหมดจดและงดงาม

ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวสั้นๆไม่ซับซ้อนที่สื่อผ่านถ้อยคำที่เรียบง่ายเหล่านี้ กับสร้างความประทับใจ และความสะเทือนอารมณ์ขณะที่อ่านได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในหลายฉากหลายตอน จนเมื่ออ่านจบถึงหน้าสุดท้าย ผู้อ่านก็รู้สึกอิ่มในอารมณ์ เต็มตื้นในความรู้สึก เปี่ยมล้นด้วยมุมมองความคิดต่อโลกที่เปลี่ยนไป และพร้อมที่จะกล้าโผบินไปในโลกที่กว้างใหญ่นี้ เพราะ “ผู้กล้าบินเท่านั้น จึงจะบินได้”





Create Date : 25 มิถุนายน 2557
Last Update : 25 มิถุนายน 2557 12:19:12 น.
Counter : 1497 Pageviews.

2 comments
  
ได้ยินชื่อมานาน มีโอกาสคงหาอ่านบ้าง
โดย: sawkitty วันที่: 25 มิถุนายน 2557 เวลา:17:20:50 น.
  
เคยอ่านแล้ว ชอบมาก
ซื้อครั้งแรกเพราะหน้าปกแมว
แต่พอได้อ่านก็ประทับใจมาก ๆ เลยค่ะ
โดย: Pdจิงกุเบล วันที่: 26 มิถุนายน 2557 เวลา:9:54:18 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เสี้ยวป่า
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



New Comments
มิถุนายน 2557

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
All Blog