ร้านหนังสือ 24/7 ของคุณเพนุมบรา

ร้านหนังสือ24/7 ของคุณเพนุมบรา

(Mr.Penumbra’s 24-Hours Bookstore)


RobinSloan เขียน

ศรรวริศาแปล

เคลย์ แจนนอน โปรแกรมเมอร์หนุ่มตกงานกำลังหางานทำอย่างเร่งด่วนเพื่อจะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปในนครซานฟรานซีสโก และเขาได้งานทำใหม่เป็นเสมียนกะดึกของร้านหนังสือที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงในเมืองซานฟรานซีสโกแห่งนี้ เมื่อเคลย์เริ่มทำงานในร้านหนังสือแห่งนี้ก็เห็นถึงความประหลาดของร้านหนังสือที่ขายหนังสือไม่เป็นที่นิยมของผู้อ่านทั่วไป แถมยังมีชั้นหนังสือสูงเสียดเพดานร้านที่ด้านในสุดของร้าน ซึ่งล้วนแต่เป็นหนังสือที่เขียนด้วยอักษรที่อ่านไม่ออก เคลย์เรียกว่า “ชั้นหนังสือสุดซอย” ที่ซึ่งคุณเพนุมบราเจ้าของร้านผู้ที่แปลกประหลาดไม่ต่างไปจากร้านหนังสือของเขาไม่ต้องการให้เคลย์เข้าไปยุ่งกับหนังสือที่อยู่บนชั้นหนังสือสุดซอยนี้  แต่ในที่สุดเคลย์ก็เข้าไปยุ่งกับหนังสือเหล่านี้และได้ค้นพบความลับของชั้นหนังสือสุดซอย จากความช่วยเหลือของแคต โพแทนต์โปรแกรมเมอร์สาวจอมเนิร์ดแห่งบริษัท Google และแมตธิว มิตเทลแบรนด์ ศิลปินนักออกแบบเพื่อนร่วมอพาร์ทเมนต์ของเขา การค้นพบความลับของชั้นหนังสือสุดซอยทำให้เคลย์ แคต และนีล ซาร์เพื่อนสมัยมัธยมของเคลย์ที่เป็นเศรษฐีจากธุรกิจไฮเทคโนโลยีต้องเดินทางข้ามทวีปไปยังมหานครนิวยอร์ค เพื่อที่จะไปช่วยคุณเพนุมบราและร้านหนังสือของเขาจาก “สมาคมสันหนังสือสนิท” ที่มีมาคัส คอร์วีนาเป็นหัวหน้าของสมาคมลับนี้ เรื่องราวดำเนินไปอย่างไรสมาคมลับอย่าง "สันหนังสือสนิท" ที่มีความลับยาวนานต่อเนื่องหลายร้อยปีและยังไม่มีผู้ใดสามารถที่จะสืบค้นความลับจากหนังสือที่เขียนด้วยตัวอักษรที่อ่านไม่เข้าใจอย่าง“โคเด็กซ์วิเท” จะถูกเปิดเผยและส่งผลอย่างไร

 

โครงเรื่องและการดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างไม่ซับซ้อนมากนักแม้โครงเรื่องจะเป็นการค้นหาความลับของหนังสือ“โคเด็กซ์วิเท” ที่สมาชิกสมาคมลับ“สันหนังสือสนิท” พยายามค้นหามาเป็นเวลาหลายร้อยปี การดำเนินเรื่องเป็นไปตามลำดับของเวลา แต่สิ่งที่ผู้เขียนพยายามอย่างยิ่งคือ การนำไฮเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาสอดประสานกับการค้นหาความลับในเรื่องได้อย่างน่าตื่นตาตื่นตาตื่นใจและงงงวยในในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงต้นของเรื่องผู้เขียนได้เน้นถึงไฮเทคโนโลยีเข้ามาเป็นประเด็นหลัก เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับการสืบหาความลับของเหล่าหนังสือโคเด็กซ์วิเท ผู้เขียนได้ให้ข้อมูลและเลือกไฮเทคโนโลยีที่มีอยู่จริงมาใช้ให้เข้ากับการดำเนินเรื่อง ต้องยอมรับว่าทำให้ขณะอ่านรู้สึกตื่นตาตื่นใจมิใช่น้อย ทั้งที่ไม่รู้จักไฮเทคโนโลยีเหล่านี้มาก่อนและในขณะเดียวกันก็มึนงงกับคำศัพท์แสงของไฮเทคโนโลยีเหล่านี้ (หลังจากอ่านจบแล้วก็จำชื่อไม่ได้สักตัว)ในส่วนนี้ผู้เขียนหาข้อมูลมาได้เป็นอย่างดี และอาจจะหลอกล่อให้ผู้อ่านสนใจไฮเทคโนโลยีจนพลาดข้อมูลสำคัญที่เคลย์สืบค้นพบในตอนท้ายไปด้วย ซึ่งผู้เขียนได้ให้ข้อมูลในส่วนนี้ไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง

 

สิ่งที่น่าสนใจคือการสร้างคู่ตรงกันข้ามและดูเหมือนว่าจะมีการเปรียบเทียบให้เห็นอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ผู้เขียนพยายามจะให้เกิดความสอดประสานและให้แง่คิดกับผู้อ่านเช่นตัวละครหลักของเรื่องเคลย์ แจนนอนทำงานร้านหนังสือคุณเพนุมบราที่สุดแสนจะธรรมดาและออกจะแปลกประหลาด ส่วนแคต โพแทนต์ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัท Google ที่สุดแสนล้ำไฮเทค ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองซานฟรานซีสโกเช่นกัน ผู้เขียนสามารถที่จะนำความแตกต่างกันสุดขั้วของเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเป็นปมปัญหาและการแก้ปมปัญหาของเรื่องผู้เขียนได้เลือกคำตอบไว้แล้ว ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือย่อมที่จะมีคำตอบให้สำหรับผู้ที่จะเลือกอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องยังมีแง่มุมมิติที่ลึกกว่าความไฮเทคโนโลยี ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเคลย์กับแคตหนุ่มสาวในยุคสมัยที่ไฮเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความสัมพันธ์ของผู้สูงอายุกับความเข้าใจและยอมรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ระหว่างคุณเพนุมบรากับมาคัส คอร์วีนา สองเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในการค้นหาความลับของหนังสือโคเด็กซ์วิเทซึ่งความสัมพันธ์ของเพื่อนวัยชราคู่นี้แม้ผู้เขียนจะไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียด แต่ได้สะท้อนภาพออกมาในความสัมพันธ์ระหว่างเคลย์ แจนนอนกับนีล ซาห์

 

แม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไม่ใช่การสืบค้นคดีฆากรรมซ่อนเงื่อนหรือคดีสะเทือนขวัญ แต่การดำเนินเรื่องก็น่าตื่นเต้นและทำให้ผู้อ่านได้ลุ้นติดตามไปได้ตลอดทั้งเรื่อง สิ่งที่ผู้อ่านจะต้องคิดคือจะเชื่อตามที่ผู้เขียนจบไว้หรือไม่ แม้ผู้เขียนจะมีธงในการจบเรื่องไว้เป็นอย่างดีแต่สำหรับผู้อ่านยังสามารถที่จะคิดต่อไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างความก้าวล้ำนำสมัยของเทคโนโลยีกับตัวหนังสือเล่ม เสี้ยวป่าตั้งข้อสังเกตส่วนตัวที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ว่าหากในอนาคตเทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัย จนหนังสือเล่มที่มีอยู่ในปัจจุบันกลายเป็นหนังสือที่อยู่บนชั้นหนังสือสุดซอยในร้านหนังสือคุณเพนุมบรา คนในยุคสมัยนั้นจะต้องค้นหาวิธีในการอ่านเพื่อทำความเข้าใจหรือสืบค้นหาเรื่องราวที่ซ่อนไว้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพราะฉะนั้นเรามาอ่านหนังสือกันเถอะเพื่อที่ตัวอักษรจะยังคงความหมายได้อย่างต่อเนื่อง

 






Create Date : 15 ธันวาคม 2558
Last Update : 15 ธันวาคม 2558 11:00:41 น.
Counter : 1129 Pageviews.

1 comments
  
อ่านรีวิวแล้วกระตุ้นเตือนดีมากเลยค่ะ ว่ายังไม่ได้ซื้อเลมนี้ เป็นเล่มนึงที่อยากอ่านเลยค่ะ
โดย: Sab Zab' วันที่: 16 ธันวาคม 2558 เวลา:13:06:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เสี้ยวป่า
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



New Comments
ธันวาคม 2558

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog