Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
18 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

วิธีเอาชนะความเกลียด

เมื่อเกลียด

ทันทีที่รู้สึกตัวว่าเกลียดใคร ให้ระลึกว่าคุณผูกใจเจ็บแล้วนะ คุณเก็บเชื้อโรคทางวิญญาณไว้กัดกินตัวเองแล้วนะ มองให้เห็นโทษของความเกลียด มองให้เห็นว่าผูกใจเจ็บแปลว่าเจ็บที่ใจตัวเองนาน แล้วคุณจะตระหนักว่าความเกลียดเป็นโรคทางใจโรคหนึ่ง

คุณกำลังเป็นโรค!

บอกตัวเองซ้ำๆไปอย่างนี้เลยครับ จะพูดออกปากให้ชัดถ้อยชัดคำเลยก็ดี พูดจนกว่าใจจะได้ยินจริงๆ

ชีวิตเป็นของยากครับ วันๆเจอแต่คนทำเรื่องไม่น่าพอใจให้เก็บมาคิด แต่ต่อให้คิดถึงขั้นจ้างหมอผีปล่อยของเข้าท้องศัตรู ก็ไม่แน่ว่าจะทำให้ศัตรูเป็นทุกข์หรือเปล่า ที่แน่ๆคือสุขภาพของคุณจะเลวลงทุกที โดยเฉพาะถ้าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและระบบประสาทอยู่ ไม่ว่าอาฆาตมากหรือน้อยก็จัดเป็นของแสลงทั้งนั้น เพราะมันทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น แม้กระทั่งกล้ามเนื้อก็พลอยเกร็งและบั่นทอนความสามารถในการควบคุมตนเองลง

หลักฐานแสดงอยู่ทนโท่ โรคทางใจลามเป็นโรคทางกายได้ เพียงเท่านี้ก็ควรที่คุณจะฉุกคิดได้ว่า ศัตรูของคุณไม่ใช่คนอื่นที่คิดร้ายกับคุณ แต่เป็นความคิดร้ายของคุณเองที่มีต่อคนอื่นต่างหาก!

ความตระหนักจะทำให้คุณเลิกเข้าใจผิดคิดว่าความแค้นอยู่ ส่วนหนึ่ง หัวใจและกล้ามเนื้ออยู่อีกส่วนหนึ่ง เป็นต่างหากจากกัน เหมือนคุณตกเข้ามาอยู่ในเครื่องลงทัณฑ์เครื่องหนึ่ง ซึ่งพร้อมจะบีบให้คุณร้อง หรือกระทั่งบดขยี้ให้คุณตาย ขอเพียงทำผิดกติกา ปล่อยความแค้นให้ครอบงำจิตใจนานพอ

เมื่อเป็นโรคแล้วทำไมไม่อยากหายจากโรค? คุณหวงโรคด้วยหรือ? ไม่เลย! ทุกคนอยากหายจากโรค อยากกลับมีกำลังวังชากันมิใช่หรือ? ตรงจุดของการเห็นเช่นนี้แหละที่จิตจะมีพลังแห่งเหตุผลมากพอจะวางความแค้นลงเสียได้

ชั่วขณะที่จิตของคุณวางความผูกพยาบาทอาฆาตลง คุณจะรู้สึกดี รู้สึกสบาย หรือ อาจจะถึงขนาดปลงใจอโหสิกับศัตรูคู่แค้น ยิ่งแค้นหนักแล้วอภัยได้เร็วเท่าไร ก็จะยิ่งมีประมาณความรู้สึกคล้ายยกภูเขาออกจากอกเร็วขึ้นเท่านั้น

ฝึกแค่ ๓ ข้อนี้แค่สักอาทิตย์สองอาทิตย์ ถึงจุดหนึ่งคุณจะรู้สึก ‘โล่งอก’ ขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นความโล่งอกสบายๆอยู่เรื่อยๆ ไม่อยากเอาเรื่องเอาราวกับใคร มีความสุขกับใจของตนเอง สบายใจกับความไม่หมั่นไส้ ไม่โกรธ ไม่เกลียดของตนเอง ตรงนั้นขอให้ทราบเถิดว่าเสน่ห์ทางจิตเริ่มเปล่งประกายแล้ว

และ ณ จุดนั้นเช่นกัน ที่คุณจะสามารถเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับความคิดได้ดีขึ้น ความคิดสามารถยกระดับจิตได้ และเมื่อจิตถูกยกระดับแล้ว วิธีคิดก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง

ขอเพียงจิตของคุณไม่ยอมเป็นที่เกาะของความหมั่นไส้ ความโกรธ และความเกลียด คุณจะเห็นโลกต่างไปอย่างน่าแปลกใจ ตรงนั้นคุณจะพบว่า ความคิดที่ดีที่สุดไม่ใช่การคิดพยายามเปลี่ยนโลกทั้งใบให้ดีพร้อม แต่เป็นการยอมคิดเปลี่ยนแปลงตัวเองจากร้ายให้กลายเป็นดีต่างหาก

บนเส้นทางแห่งความพยายาม วิธีคิดทั้งหมดของคุณจะยืนพื้นอยู่บนความไม่อยากเบียดเบียนใคร แม้เขาจะมาเบียดเบียนคุณก่อน คุณก็ไม่อยากเบียดเบียนตอบ และเมื่อ ความคิดของคุณยืนพื้นอยู่บนความไม่อยากเบียดเบียนอย่างถาวร แต่ละคลื่นความคิดที่ส่งออกมาเป็นห้วงๆจะกระทบใจคนอยู่ใกล้ให้พลอยรู้สึกดี ตาม

คุณคงเคยมีประสบการณ์มองใครสักคนแล้วทราบว่าเขากำลังคิด และแม้ความคิดของเขายังคงเป็นเพียงคลื่นลมเร้นลับอยู่ในหัว คุณก็แน่ใจว่าเขากำลังคิดในเรื่องดีงาม นั่นแหละคือตัวอย่างของคลื่นความคิดที่ส่งเสน่ห์ออกมาได้ ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ขยับปากพูดหรือลงมือทำอะไรเลย

หมั่นสังเกตคลื่นความคิดในหัวของคุณ ว่ากำลังเป็นไปในทางสว่างหรือทางมืด แล้วคุณจะยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขา ว่าแค่คลื่นความคิดในหัว ก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นแรงดูดหรือแรงผลัก

ส่วนหนึ่งจากหนังสือ "รักแท้มีจริง" ของดังตฤณ
อ่านฟรีได้ที่ //www.dungtrin.com




 

Create Date : 18 มีนาคม 2553
2 comments
Last Update : 18 มีนาคม 2553 12:24:40 น.
Counter : 608 Pageviews.

 



จะลองดูนะคะ

 

โดย: onedermore 18 มีนาคม 2553 12:59:07 น.  

 

หลัการเดียวที่จะชนะความเกลียดคือพรหมวิหารค่ะ

 

โดย: Chulapinan 19 มีนาคม 2553 20:36:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แม่แอมเบอร์
Location :
United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





Friends' blogs
[Add แม่แอมเบอร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.