รักษาปวดหลัง ไหล่ติด นิ้วล๊๊อค รองช้ำ ปวดคอ ให้นักกายภาพบำบัดที่เก่ง รักษาให้คุณหายปวดจะดีกว่า, เข่าเสื่อม เดินตัวเอียง-เบี้ยว เดินลงน้ำหนักเท้าไม่เท่ากัน ไหล่ไม่เท่ากัน
Version เล่าจากประสบการณ์ นักกายภาพบำบัดที่เก่ง รักษาให้คุณหายปวดได้อย่างไร (ข้อความเหล่านี้ เป็นข้อความที่ผมเขียนขึ้นด้วยตัวผมเอง เพื่อแนะนำวิธีรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ โดยนักกายภาพบำบัดที่เก่ง) เขียนเมื่อ 14/มิ.ย./54
สวัสดีครับ เพื่อนๆที่รักทุกๆท่าน
ผมขอเล่าเรื่องการรักษาอาการปวดหลัง ไหล่ บ่า สะบักของผม จากประสบการณ์ตรงให้ฟังครับว่า..... กว่าจะรักษาให้หายได้นั้น แสนลำบากแค่ไหน ทั้งๆที่เราสามารถป้องกันได้ง่ายๆเพียงใส่ใจกับท่าทางในชีวิตประจำวันให้ถูกต้อง
สมัยเมื่อปี 2540 นั้น ผมเพิ่งมีคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในชีวิต ซึ่งแน่นอนว่า ผมไม่ใส่ใจเรื่องการนั่งทำงานที่ถูกต้องเลย เวลาพิมพ์รายงานผมก็นั่งหลังตรงตามความเคยชินพิมพ์โดยไม่ได้พิงพนักหรือเท้าแขนกับเก้าอี้ เพราะเข้าใจผิดคิดว่า การบังคับตัวเองให้นั่งหลังตรงโดยไม่พิงพนักนั้น จะไม่ทำให้หลังงอ ดังนั้นจึงไม่ปวดหลัง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด 100% เลยนะครับ
ผมนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์แบบนี้จนเรียนจบมหาวิทยาลัยและทำงานประจำเป็นโปรแกรมเมอร์ ผมเริ่มปวดไหล่ บ่า สะบัก ตั้งแต่ปลายปี 2547 โชคดีที่ผมเลือกเรียนต่อระดับปริญญาโทเมื่อกลางปี 48 ทำให้ผมมีเวลาออกกำลังกายตอนเย็นหลังเลิกเรียนหรือเมื่อทำงานเสร็จ เล่นศูนย์ออกกำลังกาย (Fitness center) ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ จึงช่วยบรรเทาอาการปวดเหล่านั้น แต่อาการปวดก็กลับมาอีกเมื่อผมกลับมาทำงานทางด้านคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ซึ่งทำให้เห็นว่า ชีวิตการเป็นโปรแกรมเมอร์นั้น ต้องเจอกับงานที่เร่งรีบให้เสร็จตามกำหนดเวลา ซึ่งเป็นการทำงานหนักต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว ทำให้ผมแทบไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย สุดท้ายก็ไม่พ้นครีมนวด น้ำมันทาบรรเทาปวดยี่ห้อต่างๆ
เวลาผ่านไปไม่ถึงปี น้ำมันนวดก็ไม่สามารถบรรเทาอาการปวดได้ กลางปี 50 ผมได้รับคำแนะนำจากพี่ที่รู้จักให้ไปนวดแผนไทยกับหมอนวดตาบอด ช่วงแรกผมประทับใจมาก เพราะเขาช่วยให้ผมหายปวด ตึง กล้ามเนื้อไปได้ 1 เดือน แต่นั่นก็เพียงแค่ชั่วคราวเพราะเมื่อผมกลับไปทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง ผมก็กลับมาปวดเหมือนเดิม เป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป
กลางปี 2551 พี่คนเดิมแนะนำให้ผมลองไปรักษากับนักกายภาพบำบัด เขาแนะนำว่า นักกายภาพบำบัดเรียนมาด้านนี้โดยตรง มีวิธีและเครื่องมือต่างๆช่วยรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อของเราให้ดีขึ้นได้ เช่น การใช้แรงขยับกล้ามเนื้อที่ตึงรั้ง การใช้ความร้อน ความเย็น การใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ฯลฯ พี่คนนั้นยังสอนท่าบริหารกายเพื่อให้ผมหายปวด ผมจึงสนใจและรับปากว่าจะลองไปรักษาดู
ก.ย. 51 เป็นวันแรกที่ผมไปคลินิกกายภาพบำบัด หลังจากรับบัตรผู้ป่วยแล้ว นักกายภาพบำบัดจะซักประวัติ ตรวจอาการปวด ดูความสามารถในการเคลื่อนไหว โดยให้ทำท่าต่างๆ แล้วถามว่า เราปวด เมื่อยหรือชาตรงไหนบ้าง เพื่อระบุว่าเกิดจากกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ ฯลฯ ส่วนใด จากนั้นจึงทำการรักษาทางกายภาพบำบัด โดยอาจใช้แรงกด, เครื่องอัลตราซาวด์, เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า แผ่นร้อน แผ่นเย็น ฯลฯ ตามดุลยพินิจของนักกายภาพบำบัด ท้ายสุดจะสอนท่าบริหารกายให้ไปปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน อาการปวดของผมจัดว่าเรื้อรัง แต่ถือว่าไม่หนักมาก ผมรักษาอาการปวดบ่า สะบัก ครั้งละ 30 60 นาที อยู่นานประมาณ 5 เดือน ช่วงแรกนัดรักษาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หลังจากนั้นอีก 2 เดือนนัดรักษา 1 ครั้งใน 2 สัปดาห์ อาการก็ดีขึ้นจนไม่ต้องไปรับการรักษาอีก
จากนั้นไม่นานผมมีอาการปวดหลังขึ้นมา และช่วงนั้นผมงานยุ่ง ไม่มีเวลาไปรักษา ผมปวดมากจนกระทั่งความเย็นไม่ได้ช่วยทำให้อาการปวดหายไปแต่อย่างใด โชคดีที่พี่คนเดิมแนะนำให้ผมรักษากับคุณภาวินี หงส์จินดาพงศ์ (น้องภา)
วันแรกของการรักษา น้องภาตรวจดูอาการ ตรวจการเคลื่อนไหว หาบริเวณจุดกดเจ็บ โดยให้ทำท่าต่างๆ แล้วให้ผมบอกว่า ท่านี้....เจ็บปวดบริเวณไหน อย่างไร ต่อจากนั้นเขาให้ผมนอนคว่ำ และคลำหาจุดกดเจ็บที่กล้ามเนื้อหลังช่วงเอว ผมรู้สึกเจ็บมากๆ ไม่นึกว่าเมื่อกดลงไปจะเจ็บยิ่งกว่าอาการปวดที่เป็นอยู่ การตรวจใช้เวลาประมาณ 10 นาที เขาบอกผมว่า ผมมีปัญหาจากกล้ามเนื้อหลังที่แข็งตึงมากจนกระดูกสะโพกบิดโย้ (ก้นบิด) จากนั้นจึงรักษาทางกายภาพบำบัด น้องภาเน้นใช้แรงขยับกล้ามเนื้อหลังที่ตึงรั้งให้เข้าที่ ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง ระหว่างนั้นก็แนะนำ ให้คำปรึกษา ให้รู้ถึงกลไกต่างๆของการปวด น้องภาถามถึงท่านั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ของผม ผมตอบว่า ไม่เคยนั่งทำงานพิงพนักเก้าอี้ เพราะคิดว่าการบังคับตัวเองให้นั่งหลังตรงโดยไม่พิงพนักนั้น จะไม่ทำให้หลังงอ ดังนั้นจึงไม่ปวดหลัง ซึ่งน้องภาบอกว่า เป็นความเข้าใจผิด เพราะการนั่งไม่พิงพนักเก้าอี้ ทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนัก กล้ามเนื้อจึงแข็งตึง เก้าอี้ที่ดี จึงต้องมีพนักพิง จากนั้นก็ทำการอัลตราซาวด์, กระตุ้นไฟฟ้า และประคบเย็น รวมใช้เวลาในการรักษาทั้งหมดไปเกือบ 2 ชั่วโมง แถมยังให้ผมปั่นจักรยานอีก 10 นาทีก่อนกลับด้วย
ครั้งที่ 2 ผมไปถึงคลินิกช้ากว่าเวลานัดหมายเกือบ 45 นาที ปรากฏว่า ทางคลินิก บอกกับผมว่า จัดคิวน้องภาให้กับคนอื่นแล้ว ไม่ทราบว่าต้องการรักษากับนักกายภาพบำบัดท่านอื่นที่เป็นเวรวันนี้ไปก่อนไหม หรือว่า จะนัดรักษากับน้องภาครั้งหน้า
ผมตัดสินใจลองรักษากับนักกายภาพบำบัดท่านอื่น ก็เล่าอาการอย่างที่เคยพูดกับน้องภาให้เขาฟัง ผมพบว่าเขาไม่สามารถกดโดนจุดที่ที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดได้ หลังการรักษานั้น จึงไม่ช่วยทำให้อาการดีขึ้น (จุดที่เป็นต้นเหตุของอาการปวด เรียกว่า จุดกดเจ็บ)
เมื่อกลับไปรักษากับน้องภาอีกครั้ง น้องภาสามารถกดโดนจุดที่เป็นต้นเหตุของอาการได้ จากนั้นผมรักษาอยู่เพียง 8 ครั้ง จึงหายปวดถาวร นอกจากนั้น น้องภายังแนะท่าบริหารกายและย้ำให้ปฏิบัติเป็นประจำ เพราะ ท่าบริหารกายมีความสำคัญมากในการรักษา การเรียงลำดับท่าบริหารกายนั้น ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นปัญหาค่อยๆเหยียดยืด คลายตัวออก และแข็งแรงขึ้น และสิ่งสำคัญที่สุด คือ ถ้านักกายภาพบำบัดใส่ใจดูผู้ป่วยทำท่าบริหารกายให้ถูกวิธี จะช่วยให้หายจากอาการปวดได้อย่างถาวร
ท่ากายบริหารกล้ามเนื้อหลังที่แนะนำให้ผมปฏิบัติ คือ 1. ท่านอนหงายบิดลำตัวบริหารเอว ใช้คู่กับลูกบอลโยคะ นอนหงาย ชันเข่า วางขาทั้งสองข้างคร่อมบนลูกบอล แล้วโยกลูกบอลบิดตัวไปทางซ้ายและขวา ทำอย่างช้าๆ 20 ครั้ง 2. ท่านอนหงายยืดกล้ามเนื้อขาด้านหลัง ใช้คู่กับลูกบอลโยคะ วางส้นเท้าทั้งสองข้างไว้บนกลางลูกบอล กระดกปลายเท้าให้ชี้ขึ้นเพื่อยืดกล้ามเนื้อขาด้านหลัง แล้วจึงค่อยๆยกหลังขึ้น (ส้นเท้ายังอยู่บนลูกบอล) ค้างไว้ 10 15 วินาที ทำประมาณ 10 20 ครั้ง 3. ท่านอนหงายยืดกล้ามเนื้อขาด้านหลัง นอนหงาย ยกเข่าข้างหนึ่งขึ้นมาจรดอก เอามือทั้งสองข้างประคองเข่า แล้วค่อยๆเหยียดขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น (ยกขาชี้ฟ้า) เน้นกระดกปลายเท้าเพื่อยืดกล้ามเนื้อขาด้านหลัง ค้างไว้ 10 15 วินาที ทำประมาณ 10 20 ครั้ง 4. ท่านอนยืดกล้ามเนื้อหลังเลข 4 5. ท่านอนตะแคงเหวี่ยงขาขึ้นไปด้านหลัง 45 องศา เน้นนอนตะแคงคว่ำลำตัวให้มาก แล้วยกขาให้ทแยงมุมสูงขึ้นไป 45 องศา ค้างไว้ 10 15 วินาที ทำประมาณ 10 20 ครั้ง 6. ท่านั่งขัดสมาธิ แล้วโน้มตัวก้มไปข้างหน้า เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหลังและเข่า ท่านี้สามารถนั่งสลับเท้าซ้ายทับเท้าขวา และเท้าขวาทับเท้าซ้ายได้
จากท่าบริหารกายยืดกล้ามเนื้อข้างต้น ผมปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และพบว่า การออกกำลังบริหารกายให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ทำให้เราใช้งานได้ต่อเนื่อง โดยไม่ปวดเมื่อย หรืออ่อนล้าเร็ว ทำให้ค่อยๆหายจากอาการปวดได้อย่างถาวร และป้องกันการปวดซ้ำอีก
ทุกวันนี้ ถ้าผมมีอาการปวดเมื่อยทั่วไป ผมจะไปให้หมอนวดตาบอดนวดให้เหมือนเดิม แต่ถ้าผมมีอาการปวดหลัง หรืออาการหนักเกินกว่าหมอตาบอดจะรักษาให้ดีขึ้นได้ ผมจะไปหานักกายภาพบำบัดครับ
จากประสบการณ์การรักษาของผม ผมพบว่า นักกายภาพที่เก่งจะช่วยรักษาผู้ป่วยให้หายเร็ว (clear case เร็ว) ไม่ต้องนัดมารักษาบ่อยครั้ง และผู้ป่วยยังได้รับคำแนะนำให้เรียนรู้ถึงกลไกต่างๆของอาการปวดที่ถูกต้อง จนสามารถดูแลตนเองในชีวิตประจำวันได้ และหายจากโรคได้ถาวร
ผมขอให้ข้อคิดกับผู้บริหารงานและทำงานกับศาสตร์ทางกายภาพบำบัดว่า การรักษาทางกายภาพบำบัดเป็นเรื่องสำคัญเหมือนด้านอื่นๆ แม้จะไม่สำคัญถึงชีวิต แต่ก็ทำให้คนเรามีความสุขมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ความใส่ใจและคุณภาพของนักกายภาพบำบัดจึงมีผลต่อประสิทธิภาพในการรักษา คงไม่ดีแน่ ถ้านักกายภาพบำบัดไม่ใส่ใจในการรักษา และเน้นปริมาณผู้รับการรักษามากกว่าคุณภาพการรักษา
สุดท้ายนี้ ผมขอให้เพื่อนๆนำความรู้และข้อคิดเหล่านี้ไปใช้ดูแลและป้องกันตนเองจากอาการปวดจากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ครับ
คำค้น ท่าออกกำลังกาย, ท่ากายบริหาร, นักกายภาพบำบัดที่เก่ง, กลไกการปวดหลัง, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, ปวดหลัง, ปวดไหล่, ปวดแขน, ปวดเข่า, ปวดขา, ปวดเอว, ปวดเส้นเอ็น, ไหล่ติด นิ้วล็อค, มือรั้ง, รองช้ำ, อาการล้า, ชา, ลักษณะของการปวด, จุดกดเจ็บ, การออกกำลังกาย, การใช้ความร้อน, การใช้ความเย็น, แผ่นร้อน, แผ่นเย็น, เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า, การดัดดึง, ความสามารถในการเคลื่อนไหว, ยืดกล้ามเนื้อ, แก้ปวดหลัง, โปรแกรมเมอร์, คนทำงานด้านคอมพิวเตอร์, ป่วย, กดโดนเส้น, กดไม่โดนเส้น, กดโดนจุด, หายปวด, หายเมื่อย, อัมพฤกษ์, อัมพาต, เดินตัวเอียง, เดินตัวเบี้ยว, เดินลงน้ำหนักเท้าไม่เท่ากัน, ไหล่ไม่เท่ากัน, นั่งไขว่ห้าง, นั่งโดยที่น้ำหนักตัวไม่เท่ากัน
Version รวบรัด นักกายภาพบำบัดที่เก่ง รักษาให้คุณหายปวดได้อย่างไร (ข้อความเหล่านี้ เป็นข้อความที่ผมเขียนขึ้นด้วยตัวผมเอง เพื่อแนะนำวิธีรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ โดยนักกายภาพบำบัดที่เก่ง) เขียนเมื่อ 14/มิ.ย./54
จากการที่ผมทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ (Programmer) ย่อมต้องนั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำเลี้ยงปากท้องไปในแต่ละเดือน การทำงานแข่งกับเวลา ทำให้ผมไม่ใส่ใจกับท่านั่งที่ถูกต้องเหมาะสม ผมจึงมีอาการปวดหลัง เพราะนั่งไม่ผิงพนัก แถมบ่าและสะบักต้องปวด เพราะไม่ได้เท้าแขนกับเก้าอี้ ซ้ำยังปวดคอ เพราะต้องก้มหลังห่อตัวเพ่งตัวอักษร ทุกวันผมต้องนอนประคบน้ำแข็ง แต่เมื่อนานวันผ่านไปอาการก็หนักถึงขั้นกระดูกสะโพกบิด ความเย็นไม่ได้ช่วยทำให้อาการปวดหายไปแต่อย่างใด สุดท้ายก็ไม่พ้นการนวดแผนไทย กายภาพบำบัด และการออกกำลังกาย เช่น การว่ายน้ำท่ากรรเชียง นักกายภาพบำบัดที่เก่ง เป็นอย่างไร จากประสบการณ์การรักษา ผมพบว่า 1. รักษาตรงจุด ตรงสาเหตุหลักที่ปวด บ่อยครั้งที่อาการปวดเข่าของคนวัยทำงาน (ไม่เกิน 35 ปี) มีสาเหตุจากกล้ามเนื้อหลังที่ตึงรั้งเพราะใช้งานหนัก (เช่นตัวผม) หรืออาจเกิดจากข้อต่อต้นขาถึงปลายเท้า แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักกายภาพบำบัดที่จะใส่ใจวิเคราะห์ปัญหาว่าเกิดจากตัวมันเองหรือกล้ามเนื้อส่วนอื่น 2. แนะนำ ให้คำปรึกษาในการป้องกันอาการปวดจากท่าทางที่ผิดในชีวิตประจำวัน 3. สอนท่าบริหาร ให้กล้ามเนื้อแข็งแรง หายปวดได้ไว ใช้งานได้ทน โดยบอกเหตุผล เรียงลำดับท่าบริหารก่อนหลังที่เหมาะกับอาการปวดของคุณ อีกทั้งใส่ใจดูว่าคุณบริหารกายได้ถูกต้อง หรือ ไม่ถูกท่าอย่างไร ปรับแก้ เสริมเน้นท่ากายบริหาร (สำหรับตัวผม เช่น ท่านอนหงายยกขาชี้ฟ้า เน้นกระดกปลายเท้า เพื่อให้กล้ามเนื้อขาด้านหลังยืดขึ้นมากกว่าการยกขาชี้ฟ้าธรรมดา) เพื่อรักษาให้คุณหายปวดได้อย่างแท้จริง ผมขอแนะนำเพื่อนๆ ลองสอบถามกับ คุณภาวินี หงส์จินดาพงศ์ (เกียรตินิยมอันดับ ๑ มหิดล) ดูครับ
เว็บไซต์ ประวัติ-แผนที่ "ภาวินี คลินิคกายภาพบำบัด"
-------------------------------------------------------------
สำหรับหนุ่มสาว Office ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ทรมาน...... เนื่องจากนั่งหน้าคอม ทำงานหนัก Office syndrome ฯลฯ นอกจากการหาความรู้ให้ตัวเอง และรักษากับนักกายภาพบำบัด ฝังเข็ม นวดแผนไทย ฯลฯ
ผมแนะนำให้ออกกำลังกาย เพื่อรักษา บรรเทา อาการ ปวดกล้ามเนื้อ เอ็น กระดูกและข้อ ซึ่งกีฬาที่ดีที่สุด คือ ว่ายน้ำ ==> ทั้งนี้การออกกำลังกายที่ดีต่อกล้ามเนื้อก็คือ ทำให้กล้ามเนื้อยืด กีฬาที่บริหารกล้ามเนื้อได้ดีที่สุด คือ ว่ายน้ำ โดยเฉพาะท่ากรรเชียง ฟรีสไตล์ และ กบ ถ้าทำได้สม่ำเสมอจะดีมาก อ่านข้อมูลต่อได้ที่นี่ ==> //www.oknation.net/blog/print.php?id=702649
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะครับ
และจากประสบการณ์ของตนเอง + สอบถามจากน้องภาอย่างคร่าวๆ พบว่า "อาการปวด สำหรับผู้ที่ทำงานหน้าคอม หรือ นั่งทำงานเป็นเวลานาน"
ปวดไหล่ เนื่องจาก กางศอกเล่นคอม ศอกไม่แนบลำตัว กางศอกจับเมาส์ ไม่ได้วางศอกไว้ข้างลำตัว
ปวดหลังด้านล่าง เนื่องจาก นั่งหลังไม่พิงพนัก ทำให้เราเกร็งกล้ามเนื้อหลังโดยไม่รู้ตัว, นั่งไขว่ห้าง แก้โดย เปลี่ยนเป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิงแผ่นหลังได้จนถึงหัวไหล่ (ถ้าให้ดีควรถึงคอ) หรือหากเก้าอี้ใหญ่เกินไป นั่งพิงพนักไม่ได้ ให้หาหมอนมารองอีกชั้น
ปวดบ่า เนื่องจาก แม้ว่าจะวางศอกไว้ข้างลำตัว แต่ไม่ได้รองศอก ศอกลอยอยู่เหนือที่วางศอก แก้โดย หาหมอน หรือ ผ้าขนหนูมารองข้อศอก
ปวดคอมาก หันคอไม่ได้ เคี้ยวอาหาร กลืนอาหารก็ปวดเกร็ง....ไปหมด ล้มตัวลงนอนก็ปวดคอมาก นอนไม่หลับ ต้องตื่นกลางดึก ทรมานมากกกก ทำงานไม่ได้ เนื่องจาก ยกศอกเล่นคอม คือ ศอกอยู่แนบลำตัว แต่ที่รองศอกอยู่สูงกว่าระดับศอก หรือ วางศอกไว้บนโต๊ะที่สูงกว่าระดับศอกของเรา สังเกตตัวเองหน้ากระจก หัวไหล่ข้างที่ยกศอกจะตก ลู่ลง ไหล่ไม่เท่ากันกับอีกข้างหนึ่ง
ปวดหลังด้านบน + คอ + บ่า เนื่องจาก แม้ว่าเราจะนั่งหลังพิงพนัก แต่ห่อตัวเล่นคอม หรือ โน้มตัวมองคอม (Notebook) เนื่องจากจอคอมเล็กเกินไป จึงต้องก้มตัวไปมองใกล้ๆ
ปรับเปลี่ยนท่าทาง และ บริหารร่างกายด้วย การหมุนไหล่ไปด้านหลัง (ปัจจุบันนี้ ผมเปลี่ยนมาใช้จอคอมพิวเตอร์ ขนาด 23 นิ้ว)
อาการเหล่านี้.....ควรปรับท่าให้ถูกต้อง หากรู้สึกไม่ดีขึ้น อาการปวดยังเหมือนเดิม ควรปรึกษาแพทย์ หรือ นักกายภาพบำบัด ฯลฯ
ที่ต้องการแชร์เรื่องนี้ เพราะ......เป็น(ปวด)มาหมดแล้วครับ.....ทรมานจริงๆครับ -------------------------------------------------------------
บทความเรื่อง
Create Date : 23 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 10 พฤษภาคม 2559 4:49:41 น. |
|
16 comments
|
Counter : 30562 Pageviews. |
|
|
|
และนั่งมานานหลายๆปีครับ พี่สาวหมอดจที่เป็นพนักงานคิดเงินในห้าง ที่สวิสก็เป็นครับ หมอบังคับว่าหากหมดยาไม่หายต้องผ่าตัด สุดท้ายเปลี่ยนหมอใหม่ไม่ต้องผ่าก็ดีขึ้น ไม่ต้องผ่า แต่ต้องปรับท่านั่งและใส่สายรัดเอวไว้เวลานั่งทำงานครับ
คุณโชคดีมากที่เจอคนที่เข้าใและเก่งในการดูแลสุขภาพให้ทำให้ประหยัดเวลาและประหยัดเงินไปได้มากโขครับ เอาใจช่วยนะครับ ขอให้หายขาดนะครับแล้วอย่าลืม ป้องกันโดยนั่งให้ถูกท่านะครับ
หมอโจต้องขอขอบคุณเจ้าของบล๊อกที่แบ่งปันเรื่องนี้ให้
ก็ไม่มีอะไรตอบแทนนอกจากตอบแทนด้วยเสียงเพลงจากดนตรีบำบัด
ขอให้มีความสุขโข สโมสร อิ่มตา อิ่มบุญ อิ่มใจนะครับผม
หากอยากได้ความรู้ด้านดนตรีบำบัดอ่านที่บล๊อกนี้นะครับ ดนตรีบำบัด
อ่านบทความเรื่องการดูแลสุขภาพหัวเข่า การป้องกันเข่าเสื่อมได้ที่นี่ เข่าเสื่อม