"รู้ไว้มีสุข" กับ สุขภาพที่ควรรู้ เพราะความไม่มีโรคทั้งกายและใจนั้น เป็นลาภอันประเสริฐ

"พระธรรมที่ควรรู้" - มรดกอันมีค่าที่พุทธศาสนิกชนควรรู้ ควรศีกษา เพราะเป็นความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
"บ้านธัมมะ (www.DhammaHome.com)" โปรดคลิก --> หัวข้อ - ความละเอียดเรื่องโลก


เว็บนี้แสดงผลได้ดีที่สุดในความละเอียดที่ 1,920 * 1,080 ด้วย Google Chrome Browser บนระบบปฏิบัติการ Window for Desktop/Personal Computer (X86)


"ย้ายบทความทั้งหมดไปที่นี่ (คลิก)"


ไม่มีป่า  ไม่มีน้ำ  ไม่มีชีวิตรอด

 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
10 เมษายน 2553

02 สังคหวัตถุ 4, ทาน, ปิยะวาจา, อรรถจริยา, สมานัตตา เป็นธรรมในชีวิตประจำวันที่ควรปฏิบัติ, ความดีทำดี

สังคหวัตถุ ๔
ปกิณณกธรรม ตอนที่ 21 เวลา 17.19 นาที


ผู้ถาม เอ่อ ปกติแล้วเนี่ยเมื่อพูดถึงกุศล ก็มักจะมุ่งไปในเรื่องของวัตถุทานเป็นสำคัญ // แต่ทีนี้ในกรณีที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุทานเนี่ย // กุศลอย่างอื่นที่พอจะมาเป็นการประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติเนี่ย ก็คิดว่าน่าจะมีธรรมะส่วนอื่นด้วย // “สังคหวัตถุ ๔” ซึ่งเป็นกุศล ทั้ง 4 ประการ // ก็อยากจะขอความกรุณาท่านอาจารย์ได้ มีคำอธิบาย

อ.สุจินต์
ค่ะ ต้องสนทนาธรรม ถ้าจะเป็นเรื่องสังคหวัตถุก็สนทนาเรื่องสังคหวัตถุ ต้องแปลคำนี้และก็ต้องอธิบายว่า คืออะไร ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มีใครเข้าใจ // “สังคห” ( อ่านว่า สัง - ขะ - หะ ) ก็คงจะเหมือนกับคำว่า “สงเคราะห์” ที่เราใช้ในภาษาไทยนะคะ // “วัตถุ” ในภาษาบาลีเนี่ยค่ะ ใช้คำนี้บ่อยๆ เป็นเรื่องหรือเป็นสิ่ง หรือเป็นหัวข้อ หรือเป็นธรรมะใดๆก็ตามนะคะ จะใช้คำว่าวัตถุ เพราะฉะนั้นสังคหวัตถุ ก็เป็นธรรมะที่สงเคราะห์ หรือช่วยในการที่จะให้ทุกคนมีความสุขในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็มี ๔ อย่าง ได้แก่
1.
ทานะ การให้ ๑
2.
ปิยวาจา คำพูดที่น่าฟัง ๑ และก็
3.
อรรถจริยา การประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์ ๑ และก็
4.
สมนัตตตา การมีตนเสมอ ๑
๔ อย่างนี้ก็คงจะทำให้เรามีความสุขได้จริงๆ ถ้าเราเป็นผู้ที่มีสังคหวัตถุนะคะ แล้วก็คนอื่นที่ได้รับสังคหวัตถุจากเรา เช่น

ทานะ การให้ การให้เนี่ยเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ // การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น // ให้ได้ทั้งหมดเลย เป็นสิ่งของเล็กๆน้อยๆก็ได้ เป็นวิชาความรู้ก็ได้ เป็นคำแนะนำก็ได้ // ขณะใดที่มีจิตใจเป็นกุศล แล้วก็ให้สิ่งซึ่งตนสามารถจะให้กับคนอื่นได้ // ถ้าเป็นคนที่มีความสามารถนะคะ ก็สามารถที่จะสอน หรือว่าถ่ายเทความรู้นั้นให้คนอื่น ขณะนั้นก็เท่ากับให้สิ่งที่เป็นประโยชน์เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ใช่วัตถุทาน แต่การให้ความรู้ความสามารถกับคนอื่นก็เท่ากับว่า เราสละสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้คนอื่น แล้วคนที่ได้รับเนี่ยค่ะ ก็จะต้องมีความดีใจมาก // เพราะฉะนั้นไม่ใช่การหวงแหน ความรู้ หรือว่า // อย่างสมัยก่อนนั้น พอใครทำอะไรเก่งก็ไม่ยอมบอกใครเลย ก็คิดว่าคนอื่นจะทำ อาจจะไปเป็นอาชีพหรืออะไรก็ได้ // แต่จริงๆแล้วให้ไปเถอะค่ะ เพราะเหตุว่า ใครจะได้รับอะไรในชีวิตนั้นก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมที่ได้ทำแล้วทั้งนั้น // ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับว่า เราไปบันดาลให้ แต่ว่าต้องอาศัยกรรมของเค้าที่ได้ทำนั่นเอง // เพราะฉะนั้นสำหรับในเรื่องของทาน การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ // มีข้อสงสัยไหมค่ะ // ให้ได้ทุกอย่างที่จะเป็นประโยชน์ วัตถุ เสื้อผ้า อาหาร ความรู้ ความสามารถ ที่จะช่วยให้คนอื่นได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์นั้น เป็นสิ่งที่ดี ทั้งผู้ให้และผู้รับ

สังคหวัตถุที่ ๒
ก็คือ ปิยะวาจา คำพูดที่น่าฟัง เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะคะ คำพูดเนี่ย // อย่างที่โบราณว่า “ปากเป็นเอก เลขยังเป็นรองนะคะ คือเป็นโท” // นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ความสุขของเราในวันๆหนึ่งเนี่ย จะขึ้นอยู่กับ คำที่เราได้ยินได้ฟังเนี่ย มาก // ถ้าเราได้ยินคำที่น่าฟังนะคะ ทำให้เรามีกำลังใจ ทำให้เรารู้สึกสบายและก็อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเนี่ย ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าบางคนอาจจะมีความท้อแท้ด้วยโรคภัย หรือว่าอาจจะมีความท้อแท้ในเรื่องปัญหาชีวิต หรือว่า ความน่าเบื่อหน่ายต่างๆ เศรษฐกิจ รถติด อะไรก็ตามแต่นะคะ ก็เป็นความท้อแท้ได้ทั้งหมด // แต่ถ้าเราสามารถมีปิยะวาจา คือ คำที่ทำให้คนอื่นเนี่ย มีกำลังใจ สบายใจขึ้น อันนั้นก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ // เพราะฉะนั้นถ้าเราเคยเป็นคนที่พูดไม่น่าฟังนะคะ และก็บางคนก็อาจจะรู้สึกตัว แต่ก็ช้าไปแล้ว เพราะว่าติดนิสัย เคยใช้คำพูดอย่างนั้นบ่อยๆ // แต่ถ้าได้ฟังถึงประโยชน์ของปิยวาจาเนี่ยค่ะ เราก็จะเห็นจริงว่า แทนที่เราจะพูดอย่างนั้นเนี่ย เราพูดอีกอย่างหนึ่งก็ได้ และก็ประโยชน์ก็มีมากกว่าด้วย // คือขณะนั้นจิตใจของเราก็เป็นกุศล แล้วคนฟังก็สบาย // มีคำพูดที่ฟังกันสบายทั้งวันเนี่ย ก็คงจะดีกว่าได้ยินคำ ซึ่งฟังแล้วก็ไม่สบายใจนะคะ // เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นสิ่ง ซึ่งสงเคราะห์ให้เราอยู่ด้วยความสุขในวันๆหนึ่ง

สังคหวัตถุที่ ๓
ก็คือ อรรถจริยา การประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์ ช่วยเหลือคนอื่นนั้นเอง นะคะ เล็กๆน้อยๆนิดๆหน่อยๆ ก็มีน้ำใจ // ที่โต๊ะอาหารยื่นอาหารให้ รินน้ำให้ ยกข้าวให้ หรืออะไรก็ตามแต่ // เห็นใครทำอะไร ของตกเนี่ยค่ะ เก็บให้เลย // นั่นก็คือการกระทำสิ่งที่มีประโยชน์ // นี่ก็แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เราประพฤติในชีวิตประจำวันที่เป็นประโยชน์นั้นมี // ถ้าเรารู้ว่าขณะนั้นเป็นกุศลจิตแล้วก็ ถ้าใครประพฤติอย่างนั้นกับเรา เราก็ชอบ แล้วในขณะเดียวกัน ถ้าเราสามารถจะประพฤติตนเป็นประโยชน์นะคะ // เพราะว่าชีวิตวันหนึ่งวันหนึ่งก็ล่วงไป ทีละขณะ ทีละขณะจริงๆค่ะ เรียกกลับคืนมาไม่ได้เลย // แต่เราได้รับประโยชน์อะไรจากชีวิตขณะหนึ่งที่ล่วงไปแล้ว // นี่แสดงให้เห็นว่า เราเสียเวลากับชีวิตที่เป็นอยู่โดยไม่ได้อะไรเลยเนี่ยมาก ขณะหนึ่งก็ผ่านไป ขณะหนึ่งก็ผ่านไป ขณะหนึ่งก็ผ่านไป ได้อะไร จากแต่ละขณะที่ผ่านไป // ถ้าเป็นสิ่งที่ดีเป็นกุศลนะคะ เป็นประโยชน์มาก เพราะเหตุว่าขัดเกลาจิตใจของเราให้เบาบางจากการเป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นคนโลภมาก เป็นคนโกรธมาก มาเป็นผู้ที่สามารถจะเสียสละประโยชน์ของเราเองด้วยการช่วยเหลือคนอื่น นี่ก็เป็นอรรถจริยา

ประการสุดท้ายก็คือ สมานัตตา การมีตนเสมอ การมีตนเสมอที่นี่มักจะมีปัญหาเสมอนะคะ ว่าจะเสมอกันได้อย่างไง // มีนาย ลูกจ้างกับนายจ้าง และก็มีพี่กับน้องบ้าง มีพ่อกับแม่บ้าง มีฐานะตำแหน่งในราชการต่างๆกันบ้าง หรือคนในบ้านของเราเอง ก็มีผู้รับใช้ช่วยเหลือบ้าง แล้วจะเสมอกันได้อย่างไง // แต่ตามความจริงนะคะ การเสมอที่เนี่ย ควรจะเป็นเสมอในคุณธรรม ไม่ใช่ในสิ่งที่เรามองจากวัตถุภายนอก // แต่ว่าจริงๆแล้วเนี่ยนะคะ ถ้าเราเป็นผู้ที่เข้าใจทุกคนเหมือนกับที่เราเนี่ย เข้าใจเราเอง ว่าเราก็ต้องการมีความสุข และก็ไม่ชอบมีความทุกข์ คนอื่นต้องเหมือนกันหมดเลย ในบ้าน ไม่มีใครต้องการความทุกข์ // เพราะฉะนั้นเราเกิดมาเนี่ย อาจจะต่างกันในชาตินี้นะคะ โดยสภาพฐานะความเป็นอยู่ หรือว่า โดยความรู้ โดยศัพท์ ตระกูล หรืออะไรๆก็แล้วแต่ // แต่จริงๆแล้วทุกคนมีใจที่เหมือนกัน คือ มีโลภะ ก็โลภะชนิดเดียวกัน ชอบในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสิ่งที่กระทบสัมผัส มีโทสะ มีความขุ่นใจก็เหมือนกัน // เพราะฉะนั้น จะว่าไปแล้วไม่ต่างกันนะคะ นอกจากความคิดของเรา ซึ่งถือว่า สิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง // ซึ่งถือว่า นายจ้างลูกจ้าง อะไรอย่างนี้เป็นต้น // แต่ตามความจริง ถ้าเราเข้าใจชีวิตแล้ว ทุกคนเหมือนกันเท่ากันคะ โลภะก็เหมือนกัน โทสะก็เหมือนกัน สุขก็เหมือนกัน ทุกข์ก็เหมือนกัน // ถ้าเรามีความเข้าใจอย่างนี้จริงๆนะคะ เรามีใจเสมอ ไม่มีการยกตน หรือว่าข่มคนอื่น หรือว่าดูหมิ่นดูถูกใครเลย // และถ้าเราสามรถที่จะเข้าใจใครได้ “ด้วยความจริงใจ มีความเป็นมิตร มีตนเสมอจริงๆ ไม่มีการสูงต่ำในใจนะคะ” อย่างนั้นก็จะทำให้คนที่อยู่ใกล้เราเนี่ยค่ะ มีความสุข // แน่นอนที่สุด คือ เค้าทำงานให้เราด้วยความรักเรา แล้วเราก็ ไม่ใช่ว่า ถือว่าเค้าทำงานให้เราโดยที่ว่า เค้าได้เงินจากเรา // แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเพื่อนมนุษย์ เป็นคนที่เกิดมาร่วมกัน และก็มีสุขทุกข์ร่วมกัน อันนี้ก็คือ สังคหวัตถุ ค่ะ
บรรยายโดย อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์
เขียนโดย : รู้ไว้มีสุข


คลิกที่นี่ --> เว็บไซต์บ้านธัมมะ




Create Date : 10 เมษายน 2553
Last Update : 10 เมษายน 2558 13:58:41 น. 0 comments
Counter : 3311 Pageviews.  

รู้ไว้มีสุข
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




"ฟังธรรมออนไลน์"
หัวข้อ - นรก สวรรค์ มีจริงหรือไม่



“รู้ไว้มีสุข”
ติดตามสาระความรู้ผ่านทางเฟซบุ๊ก
กด
LIKE ไว้เลย...ขอบคุณครับ





"ฟังธรรมออนไลน์"
คลิก www.DhammaHome.com



ข้อคิดออกกำลังกาย

ควรออกกำลังกาย
[Add รู้ไว้มีสุข's blog to your web]