ALONEINTHEDAMNWORLD
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 

รถโฟลค์ที่น่านั่งที่สุดในโลก

ประเดิมหัวข้อนี้ ด้วย1ในหนังโปรด ของใครหลายๆคน Little Miss Sunshine
(คำเตือน!!! คุณควรไปหาหนังดีๆเรื่องนี้มาดูจนจบก่อนที่จะบังเอิญมาเจอบทวิจารณ์นี้ เพราะมันเต็มไปด้วยการสปอยเนื้อหา)




Little Miss Sunshine คือ เวทีประกวดเด็ก ซึ่งเป็นความฝันอันสูงสุดของ โอลีฟ หนูน้อย อ้วนกลมวัย 7ปี ที่อาศัยอยู่ภายใต้ครอบครัวอันไม่สมประกอบ ที่ประกอบไปด้วย ริชาร์ด พ่อผู้พยายามจะสร้างทฤษฎี 9ขั้นสู่ความสำเร็จ โดยที่ความสำเร็จนั้นยังมาไม่ถึงตัวเองด้วยซ้ำไป เชอริล แม่ที่แอบติดบุหรี่โดยโกหกสามีว่าเลิกแล้ว แฟรงค์ อาจารย์มหาวิทยาลัย พี่ชายของเชอริล ผู้ที่เคยประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่กลับเลือกฆ่าตัวตายเนื่องจาก ความอ่อนแอของจิตใจ เอ็ดวิน คุณปู่ ที่ติดยาเสพติดและสบถคำหยาบได้ทั้งวันอย่างหน้าตาเฉย และ ดเวนย์ ลูกชายคนโตที่สุดแสนจะขวางโลก ตัดสินใจที่จะไม่พูดซักคำ จนกว่าจะสอบเข้าโรงเรียนการบินได้ตามที่ตั้งใจ เมื่อหนูน้อยโอลีฟได้รับสิทธิในการลงแข่งขัน เข้าประกวดเพื่อชิงมงกุฎ ประจำเวที การเดินทางข้ามรัฐสู่แคลิฟอร์เนียด้วยรถตู้ Volkswagen T2 เก่าๆ คันสีเหลือง จึงได้ดำเนินขึ้น พร้อมกับเรื่องวุ่นๆ ไม่คาดฝันที่ตามมาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน



Little Miss Sunshine นั้นเป็นหนังครอบครัว 100% เป็นครอบครัวขี้แพ้ที่แสดงออกมาผ่านทางบทบาทหน้าที่และการแสดงของแต่ละตัวละคร เช่น ฉาก การทะเลาะกันของ คู่สามี-ภรรยา การทำตัวขวางโลกของลูกชายคนโต และ การฆ่าตัวตายของน้าชาย เป็นต้น หนังเรื่องนี้จัดเป็น Dark Comedy หรือหนังจำพวกตลกร้ายที่ทำออกมาได้น่ารัก น่าหยิก และดูได้สนุกสนานตั้งแต่ต้นจนจบ อาจจะมีบางช่วงบางตอนที่ บีบคั้นอารมณ์คนดูอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากถึงขั้นที่คนดูจะอึดอัดและทนไม่ไหว และอาจเรียกน้ำตาจากผู้ชมได้นิดๆหน่อยๆ ในบางตอน ตัวหนังนั้นได้ทำการเสียดสีสังคมและแนวคิดผ่านออกมาทางการกระทำของตัวละครต่างๆ เช่น พ่อที่ยึดติดอยู่กับคำว่าชัยชนะและไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ใดๆก็ตามและพยายามกดดันลูกตัวเองให้เติบโตขึ้นภายในกรอบความคิดของตนเอง และยังมี ปู่ที่ติดยา และน้าชายที่เป็นพวกลักร่วมเพศ รวมไปถึงเวทีประกวด Little Miss Sunshine เอง ที่เด็กๆที่เข้าประกวดล้วน ประดิษฐ์ จนเกินขอบเขตของคำว่าพอดีไปมากโข ทั้งการแต่งหน้า ทำผม แต่งตัว และท่าทาง จริตก้านต่างๆ ล้วนเกินคำว่าเด็กไปอย่างสิ้นเชิง(ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ ผู้ใหญ่และคณะกรรมการที่นั่งชมอยู่กลับ เห็นดีเห็นงาม และปรบมือพอใจ!!!) มันแสดงถึงอะไรในสังคมจริง มันสะท้อนอะไรออกมาได้อย่างชัดเจน จนอดหัวเราะไปกับหนังไม่ได้ มาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยว่าข้อดีของหนังเรื่องนี้ล่ะ มันไปหลบซ่อนอยู่ตรงบรรทัดไหน 55+ หากมองข้ามการแสดงชั้นอ๋องของทุกๆตัวละคร ข้อดีของหนังก็ยังเหลืออีกมากมายให้จับต้อง อีกด้านนึงของความสับสนวุ่นวายของครอบครัวนี้ ในหนังนั้น หนังได้แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของแต่ละตัวละคร และความเปลี่ยนแปลงโดยรวมของความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านความคิดความอ่านและจิตใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตัวละครที่คุณเห็นในตอนแรกของเรื่องนั้นจะเปลี่ยนไปในตอนท้ายของเรื่อง ตัวละครแต่ละตัวได้มีการเติบโตไปพร้อมกับการเดินทางในครั้งนี้ และสิ่งที่หนังแสดงออกมาอย่างชัดเจนที่สุดคือ เรื่องความรัก ความผูกพัน ความอบอุ่นของคนในครอบครัว เช่น ฉากที่พ่อให้กำลังใจลูก ลูกพยายามปลอบแม่ และที่โดนใจที่สุดคือ เหตุการณ์ช่วงที่ ลูกชายรู้ว่าตัวเองตาบอดสี และหงุดหงิด ด่าทอแม่ และพาลใส่ทุกๆคน พยายามประชดโดยการไม่ลุกไปไหน และให้ทุกคนทิ้งเค้าไว้เพียงลำพัง แต่เพียงแค่น้องสาวเดินไปนั่งข้างๆและ กอดโอบไหล่พี่ชายไว้ โดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆ กลับทำให้ พี่ชายรู้สึกตัวและ กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ พร้อมทั้งเดินไปขอโทษผู้เป็นแม่ ในสิ่งที่เค้าได้พูดจาไม่ดีออกไป

อีกตัวละครนึงที่มีบทบาทต่อหนังมาก และผมชอบมาก ผมทึกทักเอาเองว่าเค้าเป็นตัวละครนึง เค้าเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทาง ส่วนสำคัญซะด้วย รถตู้โฟลค์สีเหลืองคันเก่าที่ร่วมเดินทางไปตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบนั่นเอง รถตู้ที่อยู่ๆแตรก็เสีย จนดังไม่หยุดจนตำรวจเรียก รถตู้ที่อยู่ๆประตูก็หลุดร่วงลงมาตอนจอด รถตู้ที่อยู่ๆคลัทช์ก็ระเบิดกลางทาง และเนื่องจากคลัทช์ที่ระเบิดนี้เอง ทำให้รถต้องเข้าเกียร์ที่เกียร์3 เมื่อรถนั้นเริ่มมีความเร็ว เป็นเหตุให้ ครอบครัวที่ทุกๆคน ไม่ค่อยลงรอย ได้มีกิจกรรมพิเศษ ขึ้นตลอดการเดินทาง คือการเข็นรถ สิ่งนี้เหมือนเป็นตัวเชื่อม ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวเป็นอย่างดี และทุกๆคนนั้นรู้สึกมีความสุขและสนุกไปกับกิจกรรมพิเศษนี้จริงๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเลยสำหรับตัวผม แถมเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ ถึงขั้นที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว

Little Miss Sunshine เป็นหนังแนว road movie ที่สนุกที่สุดที่เคยดูมา มันไม่ใช่ comedy ดาษดื่นแบบ RV หรือหนังเกรดบี ขายเรื่องเพศและความห่ามของวัยรุ่นแบบ road trip และไม่ต้องพูดถึงหากเอาไปเปรียบกับหนังกากๆของไทยอย่าง เมล์นรก หมวยยกล้อ ที่หา****อะไรไม่ได้เลย หนังเรื่องนี้ยังมีเครื่องการันตีมากมายจากรางวัลต่างๆมากมายหลากหลายสำนัก รางวัลที่ได้ไม่ใช่เพียงด้านการแสดง และบทภาพยนตร์ ยังรวมไปถึงเพลงที่ใช้ประกอบในหนังอีกด้วย พูดถึงเพลงในหนัง การใช้เพลงบรรเลงคลอนั้น ก็ยังทำได้อย่างแนบเนียน อารมณ์เหงา อารมณ์เศร้า เพลงที่เลือกใช้นั้นสามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

Little Miss Sunshine นั้นไม่ได้เลือกที่จะจบอย่างผู้ชนะ แต่อย่างน้อย คนในครอบครัวก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากการเดินทางครั้งนี้ สิ่งที่ได้รับกลับมา ผลของมันยิ่งใหญ่มากกว่ารางวัลจากงานประกวดเด็กไร้สาระ จอมปลอม เหมือนที่ในหนังได้กล่าวไว้ ผู้ชนะคือผู้ที่ได้ลงมือกระทำ มันมีค่ากว่าคนที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยเยอะแยะ
แล้วรถโฟลค์ เก่าๆ สีเหลืองคันนี้ก็สามารถแล่นเข้าไปเป็น1ใน10 หนังในดวงใจของผมได้อย่างง่ายดาย




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2551
0 comments
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 22:32:44 น.
Counter : 350 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ชื่อ-นามสกุล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ชื่อ-นามสกุล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.