I Wish I Knew เซี่ยงไฮ้รำลึก
I Wish I Knew เซี่ยงไฮ้รำลึกพล พะยาบ หลังจากทำหนังสารคดีเชิงซ้อนเรื่อง 24 City (2008) ว่าด้วยผู้คน 3 รุ่น แห่งเฉิงตู กับความเปลี่ยนแปลงของโรงงานอุตสาหกรรมของรัฐที่ต้องหลีกทางให้อพาร์ตเมนต์คอมเพล็กซ์ ผู้กำกับหนุ่ม เจี่ยจางเคอ ขยับไปทำหนังสั้น 2-3 เรื่อง ก่อนจะกลับมาจับงานสารคดีขนาดยาวอีกครั้งด้วยเรื่อง I Wish I Knew (2010) ประเด็นคือการรำลึกถึงเซี่ยงไฮ้ในมิติที่แยกไม่ออกจากประวัติศาสตร์จีน ย้อนไปนานกว่าศตวรรษนับจากสนธิสัญญาหนานจิง การรุกรานของญี่ปุ่น พรรคคอมมิวนิสต์สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน การปฏิวัติวัฒนธรรม จนถึงโฉมหน้าของเซี่ยงไฮ้ในทุกวันนี้ เจี่ยจางเคอไม่ได้พลิกแพลงด้วยการผสมความจริงกับความจริงปรุงแต่งอย่างในเรื่อง 24 City อีก (เรื่อง 24 City มีผู้ถูกสัมภาษณ์บางคนเป็นนักแสดงที่พูดตามบทโดยยังนำเสนอแบบสารคดี สลับกับผู้ถูกสัมภาษณ์ซึ่งเป็นบุคคลจริง) แต่เป็นการสัมภาษณ์บุคคลจริงถึง 17 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ถ่ายทำทั้งในเซี่ยงไฮ้ ไต้หวัน และฮ่องกง แทรกด้วยภาพทิวทัศน์ ผู้คน และฉากจากภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ปะติดปะต่อกันเป็นภาพของจีน ของเมืองเซี่ยงไฮ้ และภาพชีวิตซึ่งก่อร่างขึ้นจากอดีตจนปัจจุบัน คนแรกคือ เฉิน ตันชิง ชายวัยกลางคนซึ่งพ่อกับแม่ย้ายมาทำงานในเซี่ยงไฮ้ เขาเล่าถึงช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมที่เปลี่ยนชาวบ้านจากที่เคยเคารพในความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น กลายเป็นพวกสอดส่องเพื่อนบ้านว่าใครเป็นพวกปฏิวัติ ใครเป็นพวกฝักใฝ่ทุนนิยม และเล่าถึงเด็กผู้ชายในละแวกบ้านที่แบ่งกันเป็นแก๊งราวกับยุคเลียดก๊ก ชายชราชื่อ หยาง เสี่ยวฟัว เล่าว่าพ่อของเขาทำงานช่วยเหลือคนของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ถูกก๊กมินตั๋งจับกุม จึงถูก เจียง ไค-เชก สั่งเก็บ เขาอยู่กับพ่อในรถคันที่โดนถล่มยิงจนพ่อเสียชีวิต ชายชราอีกคนชื่อ จาง หยวนซุน เล่าถึงพ่อผู้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟู่ฟ่า รักในอุปรากรจีนถึงกับจ้างงิ้วปักกิ่งมาแสดงและเชิญชวนชาวบ้านให้มาชมด้วยการแจกผงชูรสและยากันยุง แต่การปฏิวัติวัฒนธรรมได้พรากทุกสิ่งไปหมดสิ้น คนที่สี่ ตู้ เมยรู่ หญิงสูงวัยรำลึกถึงเรื่องราวโรแมนติกของพ่อกับแม่ พ่อของเธอเป็นเจ้าพ่อในเซี่ยงไฮ้ ส่วนแม่มาจากครอบครัวนักแสดง พ่อพบรักกับแม่ขณะที่แม่มาเปิดการแสดงในเซี่ยงไฮ้ จากนั้นทั้งสองอพยพไปอยู่ฮ่องกงหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์ประกาศชัยชนะในปี 1949 หญิงวัยกลางคน หวัง เพยมิน เล่าถึงพ่อกับแม่ของเธอด้วยน้ำตา พ่อถูกก๊กมินตั๋งจับกุมและประหารชีวิตก่อนเธอลืมตาดูโลกเพียง 3 สัปดาห์ เธอได้เห็นและรู้จักพ่อจากภาพที่มีผู้ถ่ายไว้ระหว่างที่พ่อถูกนำตัวออกมาจากคุกเพื่อนำไปสู่ลานประหาร หวัง ถูน ผู้กำกับหนังอาวุโสเล่าถึงวันที่ครอบครัวอพยพขึ้นเรือไปไต้หวันในปี 1948 ซึ่งต่อมาเขาถ่ายทอดเป็นหนังเรื่อง Red Persimmon (1996) ข้ามไปยังไต้หวัน หลี เฉีย-ตุง ชายชรารำลึกความหลังอย่างอารมณ์ดีเกี่ยวกับช่วงเวลาที่พรรคคอมมิวนิสต์ยึดเซี่ยงไฮ้ในปี 1949 พ่อของเขารู้ล่วงหน้าว่าต้องเกิดเหตุใหญ่จากการที่ทหารยามหน้าบ้านนายพลที่อยู่ข้างบ้านพากันหายไปหมด หญิงชรา ฉาง สิน-อี่ เล่าย้อนไปไกลว่ายายของเธอเป็นหลานคนเล็กของเจิงกั๋วฟาน ส่วนพ่อเป็นคนใกล้ชิดอันดับหนึ่งของ หวู เพ่ยฝู ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิต สีหน้าของเธอสดใสขึ้นเมื่อเล่าถึงการพบรักกับสามีของเธอ คนที่เก้าเป็นผู้กำกับชื่อดังชาวไต้หวัน โหว เสี้ยว-เสียน บอกว่าเขาไม่เคยรู้จักเซี่ยงไฮ้จนกระทั่งได้ทำหนังเรื่อง Flowers of Shanghai (1998) เนื่องจากประทับใจเรื่องราวในนิยายที่ให้ตัวละครพระเอกได้รู้จักการตกหลุมรัก ต่างจากชีวิตจริงในสังคมจีนที่การแต่งงานมักผ่านการจับคู่จู เฉียนเฉิง ชายวัยกลางคนรำลึกถึงหนังเรื่องหนึ่งเช่นกัน เป็นหนังสารคดีความยาวเกือบ 4 ชั่วโมง เรื่อง Chung Kuo - Cina (1972) ของ มิเกลันเจโล อันโตนิโอนี ผู้กำกับชาวอิตาลีผู้ล่วงลับซึ่งได้รับเชิญจาก โจว เอินไหล ให้มาถ่ายทำหนังเกี่ยวกับประเทศจีน คราวนั้น จู เฉียนเฉิง ได้รับมอบหมายให้คอยดูแลอันโตนิโอนีทุกอย่าง แต่เมื่อหนังออกฉายและบรรดาแก๊งออฟโฟร์ได้ชมกลับวิจารณ์ว่าหนังต่อต้านจีน ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ส่วน จู เฉียนเฉิงถูกจับด้วยข้อหาเป็นพวกต่อต้าน หวง เป้าเมย อดีตคนงานปั่นด้ายที่เคยถูกพาเข้าพบประธานเหมาเมื่อ 50 ปีก่อน เธอได้แสดงใน Huang Baomei (1958) หนังชวนเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอเอง และดูจะภูมิใจกับการเป็นส่วนหนึ่งของโรงงานปั่นด้ายตลอดชีวิตของเธอ เหวย รัน เล่าว่าแม่ของเขาย้ายมาอยู่เซี่ยงไฮ้ระหว่างสงครามต่อต้านญี่ปุ่นในปี 1938 ไต่เต้าจนได้เป็นนักแสดงในหนังหลายเรื่อง แต่ก็ผิดหวังในความรักหลายครั้ง แม่เสียชีวิตจากการกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ส่วนพี่สาวต่างพ่อที่กำลังตั้งครรภ์ถูกจับขณะหลบหนีไปฮ่องกงกับคนรักช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม และถูกพรากเอาลูกไปทันทีที่คลอดออกมา ที่ฮ่องกง เหวย เหว่ย นางเอกหนังรักเรื่อง Spring in a Small Town (1948) ต้นฉบับของ Springtime in a Small Town (2002) บอกเล่าวันเวลาดีๆ ที่เธอได้ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ส่วน บาร์บารา เฟย ลูกสาวของ เฟย มู่ ผู้กำกับหนังเรื่องเดียวกัน เล่าต่อมาว่าหนังไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต และหนังถูกวิจารณ์ว่าเนื้อหาเบาเกินไป ครอบครัวของเธออพยพไปอยู่ฮ่องกงในปี 1949 ยกเว้นพ่อซึ่งยังกลับมาเมืองจีนด้วยความหวังว่าจะได้ทำหนังอีกครั้ง รีเบคกา แพน นักแสดงสาวใหญ่จากเรื่อง Days of Being Wild (1990) ของ หว่องกาไว มีช่วงเวลาทุกข์-สุขร่วมกับแม่ของเธอนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ฮ่องกงในปี 1949 แม่เป็นผู้หญิงสู้ชีวิต เป็นฝ่ายยุติชีวิตคู่กับพ่อเพื่อจะได้เริ่มต้นใหม่ในฮ่องกงโดยไม่ต้องเป็นภรรยาอันดับเท่านั้นเท่านี้ของพ่ออีก ทั้งที่แม่เองไม่ได้เรียนหนังสือและต้องเลี้ยงดูเธอตามลำพัง เธอจึงเชื่อว่าเธอสามารถอยู่คนเดียวได้อย่างแข็งแกร่งไม่ต่างจากแม่ของเธอ สองคนสุดท้ายต่างเป็นคนที่สามารถไขว่คว้าความสำเร็จในเมืองแห่งโอกาสอย่างเซี่ยงไฮ้ คนแรก หยาง ไหติง ร่ำรวยจากการค้าพันธบัตรทั้งที่เคยยากจนข้นแค้นมาก่อน อีกคนเป็นชายหนุ่มชื่อ หัน หัน ซึ่งปัจจุบันมีชื่อเสียงในฐานะนักเขียนเบสต์เซลเลอร์ นักขับแรลลี่ นักร้อง และเป็นบล็อกเกอร์ที่ได้รับความนิยมระดับโลก ทั้งสองเล่าเรื่องราวความเป็นมาว่าทำอย่างไรจึงมาถึงจุดนี้ ทั้ง 17 คน ต่างบอกเล่า-รำลึกความเป็นมาของตน ของครอบครัว ด้วยอารมณ์อันหลากหลาย เป็นเรื่องราวชีวิตจริงซึ่งบางครั้งยิ่งกว่านิยายท่ามกลางมหานครที่มีอดีตมากมายอยู่เบื้องหลัง นอกจาก 17 คน ที่มารำลึกความหลังครอบคลุมช่วงเวลากว่าร้อยปีและเชื่อมโยงกับอีกมากมายหลายชีวิตแล้ว มีอีกหนึ่งคนที่ปรากฏตัวในหนังตั้งแต่ต้นจนจบ เธอคือ เจ้า เทา นักแสดงประจำในหนังของเจี่ยจางเคอซึ่งร่วมงานกันมาตั้งแต่เรื่อง Platform ปี 2000 อดีตนักศึกษานาฏศิลป์อย่าง เจ้า เทา เปรียบเหมือน กง ลี่ นักศึกษาศิลปะการละครที่ถูกค้นพบและกลายเป็นนักแสดงประจำในหนังยุคแรกของ จางอี้โหมว พิเศษกว่าคือ เจ้า เทา ไม่รับแสดงหนังของใครอื่นนอกจากเจี่ยจางเคอคนเดียว ดังนั้น ภาพลักษณ์ตัวละครสับสน-ค้นหาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของจีนในโลกปัจจุบันจึงติดตัวเธออย่างแนบแน่น ใน I Wish I Knew เจ้า เทา ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นก่อนผู้ให้สัมภาษณ์คนแรก เธอเดินตามลำพังริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ คล้ายสำรวจหรือมองหาอะไรบางอย่าง จากนั้นเธอปรากฏให้เห็นอีกเป็นระยะช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนผู้ให้สัมภาษณ์ซึ่งหนังจะแทรกภาพทิวทัศน์เมืองเซี่ยงไฮ้ ภาพผู้คน(ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนงาน) ฟุตเตจเมืองเซี่ยงไฮ้ในอดีต และฉากจากภาพยนตร์เก่า ส่วนภาพของเจ้า เทา ยังคงเป็นการเดินสำรวจและมองหาอะไรบางอย่างเช่นเดิม แต่สีหน้าแววตาของเธอดูหวาดหวั่น-วิตกกังวลมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การปรากฏตัวของเธอชวนให้นึกถึงตัวละคร เสินฮง นางพยาบาลผู้เดินทางมายังเมืองเหนือเขื่อนซานเสียเพื่อตามหาสามีในเรื่อง Still Life (2006) แต่ในเรื่องนี้หนังไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับเธอเลย เธอเป็นเพียงหญิงนิรนามในโลกแปลกหน้า คล้ายเป็นภาพประดับที่ถูกสร้างขึ้นให้หนังมีสีสันไม่ต่างจากภาพทิวทัศน์ที่ถูกใส่แทรกเข้ามา กระนั้น การปรากฏตัวของหญิงนิรนามอายุราว 30 ปี ซึ่งทั้งโดดเดี่ยวและสับสนท่ามกลางเรื่องเล่ารำลึกความหลังหลากหลายด้วยอารมณ์สุขและทุกข์ของผู้สูงวัย ทั้งยังมากมายด้วยเหตุการณ์ฉากหลังที่สามารถพลิกเปลี่ยนเส้นทางชีวิตผู้คน จึงชวนให้คิดว่าเธอคือตัวแทนของนครเซี่ยงไฮ้ในปัจจุบันซึ่งค่อยๆ ลอยห่างจากซากความหลัง และก้าวเดินไปข้างหน้าโดยปล่อยทิ้งเส้นทางที่ผ่านมาให้เลือนรางจางหาย อายุราว 30 ปี ของเธอก็คือช่วงเวลานับแต่จีนปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศในปี 1978 จากนั้นความเปลี่ยนแปลงได้พลิกโฉมหน้านครเซี่ยงไฮ้จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม เมื่อทุกสิ่งผูกโยงด้วยตัวเลขจีดีพีและเม็ดเงินจำนวนมหาศาลคงเพราะเหตุนี้เราจึงได้เห็นไซต์งานก่อสร้างมากมายโดยเฉพาะรอบข้างที่หญิงนิรนามเดินผ่าน ขณะที่สถานที่ในฉากเปิดเรื่องคือบริเวณหน้าธนาคาร หญิงนิรนามที่แสดงโดย เจ้า เทา ซึ่งสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้โดยไม่ต้องพูดสักคำจึงเหมือนเป็นอีกหนึ่งผู้เล่าเรื่องที่ เจี่ย จางเคอ สร้างขึ้นมาประกอบกับผู้เล่าเรื่องตัวจริงอีก 17 คน เพื่อให้เห็นภาพเซี่ยงไฮ้ในทิศทางที่เขาต้องการยิ่งขึ้น ไม่ต่างจากผู้ให้สัมภาษณ์ที่แสดงและพูดตามบทในหนังสารคดีเรื่อง 24 City (หนึ่งในนั้นคือ เจ้า เทา) ไม่เพียงเท่านั้น เจี่ยจางเคอยังเล่นกับขอบเขตของหนังสารคดีโดยล่อผู้ชมให้โยงข้อเท็จจริงจากปากผู้ให้สัมภาษณ์กับภาพที่เขาสร้างขึ้นจนรวมกันเป็นเรื่องราวดรามาหนึ่งฉาก (หรือขยายเป็นหนังเรื่องหนึ่งก็ย่อมได้) กล่าวคือ เจี่ยจางเคอให้ตัวละครหญิงนิรนามนั่งชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่งตามลำพัง สีหน้าแววตาของเธอบ่งบอกว่าเธอสนใจเป็นพิเศษ จากนั้นเป็นภาพเธอเดินตากฝนอย่างเศร้าสร้อย เสียงเล่าเรื่องของ เหวย รัน ซึ่งกำลังเล่าถึงการเสียชีวิตของแม่ดังขึ้นมาสอดรับอารมณ์ไปในทางเดียวกัน เมื่อ เหวย รัน เล่าถึงเรื่องที่พี่สาวคลอดลูกแล้วถูกทางการนำตัวทารกไป ภาพของหญิงนิรนามถูกตัดเข้ามารองรับอีกครั้งขณะเดินออกจากโรงภาพยนตร์ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ เหวย รัน นั่งเล่าเรื่อง ราวกับว่าเธอคือเด็กทารกคนดังกล่าวซึ่งเดินทางมาตามหาครอบครัวที่แท้จริงของตนเอง ภาพยนตร์ที่เธอชมอย่างสนใจใคร่รู้ในตอนแรกก็คือหนึ่งในหนังที่แม่ของ เหวย รัน แสดง ถ้าเธอคือเด็กทารกคนนั้น แม่ของ เหวย รัน ย่อมเป็นยายของเธอ การนำเสนอของหนังชวนให้คิดไปได้เช่นนั้น ทั้งที่เรื่องจริงของ เหวย รัน กับหญิงนิรนามซึ่งเป็นนักแสดงไม่มีทางสอดรับกันเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงที่ถูกแต่งเติมด้วยการแสดง หรือเป็นการแสดงที่ใช้เรื่องจริงมาสนับสนุนอย่างแนบเนียน สิ่งที่เจี่ยจางเคอทำก็คือการนำเสนอแก่นสารผ่านภาพยนตร์ด้วยวิธีเฉพาะตัวและไม่ตายตัว เหมือนที่เขาใส่ภาพที่บันทึกไว้จริงไว้ในหนังเล่าเรื่องอย่าง The World (2004) และ Still Life หรือใส่การแสดงไว้ในหนังสารคดีเช่นในเรื่องนี้และ 24 City เมื่อหลายเรื่องเล่าจากปากคำบุคคลจริงมีรายละเอียดเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย มีบทตอนพลิกผันราวกับเรื่องแต่งอย่างนิยายหรือภาพยนตร์ ตัวละครหญิงนิรนามซึ่งเป็นนักแสดงก็ถูกนำมาเกลี่ยปนเปไปกับเรื่องจริง พื้นที่ส่วนใหญ่ของหนังจึงเป็นโลกที่มีชีวิต มีความเคลื่อนไหว มีน้ำเนื้อจับต้องได้ และมีความเป็นมา ขณะที่ภาพปัจจุบันที่สอดแทรกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นไซต์งานก่อสร้างมากมาย หลายแห่งมีฝุ่นควันคละคลุ้ง ผู้คนบนเรือข้ามฟากและบนรถไฟฟ้าที่ดูเหม่อลอยครุ่นคิด กรรมกรท่าเรือ คนงานในชุดยูนิฟอร์มที่เหมือนกันไปหมด จึงให้ความรู้สึกแห้งแล้ง แข็งกระด้าง และดูห่างไกล แม้แต่ผู้เล่าเรื่อง 2 คนสุดท้ายซึ่งเล่าแต่เรื่องที่ตนประสบความสำเร็จจนร่ำรวย-มีชื่อเสียง เหมือนเซี่ยงไฮ้ทุกวันนี้คือเมืองแห่งการตักตวงไขว่คว้าเพียงเท่านั้น การทำหนังสารคดีว่าด้วยเซี่ยงไฮ้ของเจี่ยจางเคอ ในมิติหนึ่งจึงเป็นการนำเสนอภาพของเซี่ยงไฮ้จากอดีตถึงปัจจุบันได้อย่างหลากหลาย ประกอบด้วยงานด้านภาพซึ่งถ่ายทอดได้อย่างสวยงามและสื่อความหมาย เรื่องเล่าที่ปะติดปะต่อจนมองเห็นประวัติศาสตร์จีนแต่ละบทตอนตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 จนถึงยุคก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วในช่วง 30 ปีหลัง ขณะเดียวกัน I Wish I Knew ก็เหมือนการรำลึกถึงวันเวลาของเซี่ยงไฮ้ซึ่งอาจหลงเหลือแค่ในนิยายหรือในความทรงจำเท่านั้น
Create Date : 08 มิถุนายน 2554
5 comments
Last Update : 8 มิถุนายน 2554 2:21:22 น.
Counter : 2330 Pageviews.
โดย: อุ้มสี 8 มิถุนายน 2554 7:27:10 น.
โดย: beerled 13 มิถุนายน 2554 17:42:22 น.
โดย: aomzon (aomzon ) 10 ตุลาคม 2554 19:17:35 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
เจิม ..