The World โลกทั้งใบในปักกิ่ง
The World โลกทั้งใบในปักกิ่งพล พะยาบ คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 9 กรกฎาคม 2549 หมายเหตุ : เจี่ย จางเคอ ผู้กำกับฯ The World เพิ่งพาผลงานเรื่อง Sanxia Haoren หรือ Still Life รับรางวัลสิงโตทองคำในเทศกาลภาพยนตร์เวนิซ ประเทศอิตาลี จากการประกาศเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ระยะเวลาพอสมควรแล้วที่วงการหนังโลกให้ความสำคัญกับคำว่า โดนแบนในประเทศ ราวกับเป็นคุณสมบัติที่น่ายกย่อง กระทั่งคำนี้กลายเป็นคำโฆษณาปะหน้าซึ่งช่วยยกระดับให้หนังเรื่องหนึ่งๆ โดดเด่นเป็นที่สนใจในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะกับหนังจากชาติที่มีกฎการเซ็นเซอร์เคร่งครัดอย่างอิหร่านและจีน แม้ว่าเสรีภาพแห่งศิลปะคือสิ่งที่ไม่ควรถูกปิดกั้น และการเซ็นเซอร์ด้วยกรอบที่แน่นหนาเกินพอดีจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่จุดที่ต้องไม่ลืมคือ การที่หนัง โดนแบนในประเทศ เหล่านี้เป็นที่สนใจ อาจไม่ใช่เพราะความดีงามของตัวหนังหรือความกล้าหาญของผู้สร้างเท่านั้น แต่เป็นเพราะหนังเหล่านี้ถูกส่งเข้ามาอยู่ภายใต้แนวคิดเสรีนิยม-ทุนนิยมที่ครอบงำทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งทุกเวทีหนังระดับนานาชาติ ความเคร่งครัดรัดแน่นคือความเลวร้าย และผู้ที่กล้าท้าทายหลุดพ้นย่อมไม่ต่างจากฮีโร่... เจี่ย จางเคอ(Jia Zhangke) ผู้กำกับฯรุ่นที่ 6 ของจีนแผ่นดินใหญ่ คือหนึ่งใน ฮีโร่ นักสร้างหนังที่มีคำโฆษณาติดตัวในระดับนานาชาติว่าเป็นคนทำหนังใต้ดิน เพราะหนังของเขา 3 เรื่อง ประกอบด้วย Xiao Wu (1997) Platform (2000) และ Unknown Pleasures (2002) ล้วนแต่สร้างโดยไม่ผ่านการอนุมัติจากกองเซ็นเซอร์จีน เมื่อมีข่าวว่าเขาทำหนังเรื่องล่าสุดคือ The World(2004) ตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง จนได้รับการรับรองจากคณะกรรมการภาพยนตร์แห่งชาติให้มีฐานะเป็นผู้กำกับฯอีกครั้ง จึงกลายเป็นประเด็นให้พูดถึงอีกว่า...เจี่ย จางเคอเปลี่ยนไป พร้อมกับเปลี่ยนคำห้อยท้ายจากเดิมว่า ใต้ดิน (underground) มาเป็นผู้กำกับฯ บนดิน (aboveground) แทน อันที่จริง สาเหตุหนึ่งที่เขาเปลี่ยนมาปฏิบัติตนเป็นคนทำหนังตามกรอบอย่างถูกต้อง เพราะนโยบายด้านการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ของจีนผ่อนคลายลงไปมากหลังจากบรรดาผู้กำกับฯรุ่นใหม่รุกเข้าเจรจากับทางการจนเป็นผลสำเร็จ และก่อนที่เจี่ย จางเคอจะลงมือทำ The World กฎที่ผ่อนปรนซึ่งช่วยให้คนทำหนังชาวจีนมีอิสระมากขึ้น เช่น แต่เดิมต้องส่งบทหนังทั้งหมดให้คณะกรรมการรับรอง เปลี่ยนเป็นส่งเพียงเรื่องย่อความยาว 1,500 คำ หรือกฎที่ว่าด้วยหน่วยงานที่มีหน้าที่พิจารณาเซ็นเซอร์ แต่เดิมถูกรวบเอาไว้ที่กระทรวงวิทยุ ภาพยนตร์ และโทรทัศน์แห่งชาติ ได้เปลี่ยนมากระจายให้แก่หน่วยงานประจำภาค ซึ่งมีทั้งหมด 6 หน่วยงาน เป็นผู้พิจารณา เมื่อช่องทางเปิดกว้างให้อิสระ คนทำหนังหลายคนรวมทั้ง เจี่ย จางเคอจึงยินดีที่จะเข้าตามตรอกออกทางประตู โดยมุ่งหวังว่าคนจีนในประเทศจะได้ชมผลงานของพวกเขาง่ายขึ้นเพียงซื้อตั๋วเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ จากเมื่อก่อนที่มีเพียงวิธีเดียวคือการซื้อหาดีวีดีทั้งลิขสิทธิ์และของเถื่อน จุดที่น่าสนใจคือ หนังเรื่องแรกของเจี่ย จางเคอ ที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นหนังจีน มีฉากหลังเป็นโลกอันกว้างใหญ่ที่ถูกนำมารวมไว้ในกรุงปักกิ่ง The World กล่าวถึงเรื่องราวชีวิตของคนต่างจังหวัดที่ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดมาทำงานในเมืองหลวง โดยหญิงสาวอย่างเสี่ยวเถา ทำงานเป็นนักแสดง-นักเต้นรำใน เวิลด์ ปาร์ค สถานที่กว้างใหญ่ชานกรุงปักกิ่งซึ่งจำลองสถานที่สำคัญทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นหอไอเฟลขนาด 1 ใน 3, บิ๊กเบน, ทัช มาฮาล, สโตนเฮนจ์ และอีกมากมายหลายแห่ง แม้แต่ตึกแฝดเวิลด์ เทรดฯ ของสหรัฐ ซึ่งบัดนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ก็ยังหาดูได้ที่นี่ ในเวิลด์ ปาร์ค นอกจากเสี่ยวเถาแล้ว ยังมี ไถ้เชิง แฟนของเธอ และเอ้อเสี่ยว น้องของไถ้เชิง ทำงานเป็น รปภ. ทุกๆ วันเขาและเธอตระเวนจาก ประเทศ หนึ่งไปอีก ประเทศ หนึ่ง ได้ขึ้นไปยืนอยู่บนหอไอเฟล เพื่อจะมองลงมาเห็นได้ทั่วโลก ราวกับว่าเป็นแดนสวรรค์ที่คนต่างจังหวัดอย่างพวกเขามีโอกาสเอื้อมถึง อย่างไรก็ตาม โลกแห่งความจริงที่ต้องพบเผชิญคือ พวกเขายังต้องนอนในห้องพักอุดอู้และอับชื้น ต้องทำงานเพื่อหารายได้พิเศษ โดยเสี่ยวเถารับงานกลางคืน ส่วนเถิงไช้พัวพันกับแก๊งผิดกฎหมาย ขณะที่เอ้อเสี่ยวถูกจับได้ว่าขโมยของ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวมากมายที่ทำให้โลกของพวกเขาห่างไกลกับโลกอันงดงาม ทั้งเหตุร้ายที่เกิดกับคนจากบ้านเกิดเดียวกันซึ่งมาทำงานก่อสร้างในปักกิ่ง ได้รู้จักสาวรัสเซียนที่ต้องจากลูกน้อย 2 คน ลักลอบเข้าเมืองจีนมาทำงานเป็นนักแสดงในเวิลด์ ปาร์ค แต่สุดท้ายต้องออกไปขายตัว พบกับคู่รักนักแสดงหนุ่ม-สาวที่ทะเลาะกันจนจุดไฟเผาตัวเอง และเรื่องเลวร้ายที่สุดที่เกิดกับเสี่ยวเถาคือ เธอจับได้ว่าไถ้เชิงนอกใจ จนเสมือนว่าโลกของเธอสิ้นสุดลงนับแต่นั้น หนังสะท้อนภาพของคนที่ดิ้นรนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เพื่อหา โลก ที่ดีกว่าให้แก่ตนเอง คนต่างจังหวัดก็ดิ้นรนเข้าเมือง บางคนมีจุดหมายไกลถึงต่างประเทศ ขณะที่คนต่างชาติกลับลักลอบเข้ามาทำงานในเมืองจีน ต่างคนต่างค้นหา แต่ใช่ว่าโลกที่งดงามจะหาได้ง่ายๆ โลกจำลอง เวิลด์ ปาร์ค คือฉากที่มีความหมายมาก หนังแสดงให้เห็นหลายครั้งว่าคนจำนวนไม่น้อยหลงใหลได้ปลื้มกับการได้เห็นสถานที่สำคัญจากทั่วโลก ทั้งที่มันเป็นเพียงแค่ของปลอม(เช่นเดียวกับฉากที่พูดถึงคนนิยมตัดเสื้อผ้าเลียนแบบแบรนด์นอก) ยิ่งหนังเน้นให้เห็นความงามของโลกปลอมๆ มากเท่าไร ก็ยิ่งเปรียบเทียบให้เห็นว่าโลกแห่งความจริงที่ได้พบเห็นตามมานั้นช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน จนกระทั่งบางครั้งดูเป็นตลกร้ายที่สุดท้ายมีแต่จะทำให้เจ็บปวด หนังเปิดเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในด้านการสื่อความหมายและปูทางเข้าสู่เรื่องราวต่อๆ มา ด้วยซีเควนซ์แนะนำเสี่ยวเถาและสถานที่ทำงานของเธอ เริ่มจากฉากแรกซึ่งถ่ายแบบ long take ด้านหลังเวที เสี่ยวเถาในชุดสาวแขกเดินถามหาพลาสเตอร์เพื่อปิดแผลที่เท้าของเธอ ก่อนจะออกไปร่ายรำประกอบเพลงร่วมกับเพื่อนนักแสดงในชุดประจำชาติอื่นๆ นัยว่าโลกที่ทุกคนเดินทางท่องไปใช่ว่าจะราบรื่นสวยหรู หากมีแต่ความเจ็บปวดแฝงอยู่... ต่อมา เสี่ยวเถานั่งรถลอยฟ้าซึ่งสมมุติว่าเป็นเครื่องบิน เธอบอกไถ้เชิงผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่ากำลังไปอินเดีย จากนั้น เธอตะโกนออกมาจากเครื่องบิน ทักทายเอ้อเสี่ยวที่กำลังแบก ถังน้ำ ผ่านทะเลทรายและปิรามิดกิซา เป็นฉากที่ฟังดูเกินจริงราวกับนิทานหรืออนิเมชั่น เพื่อเน้นให้รู้สึกถึง มายา ของโลกที่ตัวละครอยู่ ที่เจ็บปวดกว่านั้นคือ ความจริงแล้วพวกเขาไม่เคยได้ไปไหน แต่ถูกขังอยู่ในโลกอันทุรนทุรายของตนเองตลอดเวลา ฉากเสียดเย้ยลักษณะนี้ยังมีให้สังเกตคิดตามอีกหลายต่อหลายฉาก โดยมี เวิลด์ ปาร์ค เป็นเครื่องมือที่ผู้กำกับฯเลือกใช้อย่างได้ผล นอกจาก เวิลด์ ปาร์ค จะเป็นเสมือนตัวละครหนึ่งแล้ว โทรศัพท์มือถือก็เช่นกัน พวกเขาย่อโลกมาไว้ในโทรศัพท์ ใช้ติดตามตัว และสื่อสารกันด้วยการส่งข้อความ ภาพอนิเมชั่นแสดงความรู้สึกซึ่งหนังใส่แทรกเข้ามายามที่ตัวละครส่งข้อความถึงกัน จึงหมายถึงการสื่อสารที่ยากจะจับต้องได้และยิ่งทำให้โลกของพวกเขาเคลื่อนห่างจากกัน หนังค่อนข้างยาวด้วยเวลาร่วม 140 นาที แบ่งออกเป็นบทตอนคร่าวๆ มีชื่อกำกับไว้ ไล่ตั้งแต่ ปารีสชานกรุงปักกิ่ง, ค่ำคืนแห่งอูลานบาตอร์ *, เรื่องเล่าจากโตเกียว และโลกที่เปลี่ยนผัน ด้วยเรื่องราวที่ไม่ปะติดปะต่อเท่าใดนัก คืบเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ภาพระยะไกลงดงามจำนวนมากช่วยสื่อถึงความเปลี่ยวเหงาในโลกจำลองที่ตัวละครหลงเข้ามาจนยากจะหาทางออก หลายฉากปราศจากบทสนทนา บ่อยครั้งที่เป็นการถ่ายแบบตั้งกล้องทิ้งไว้ สไตล์เหล่านี้คล้ายกับงานของ ยาสุจิโร่ โอสุ ผู้กำกับฯชั้นครูชาวญี่ปุ่น ซึ่งเจี่ย จางเคอ นำชื่องานมาสเตอร์พีซของโอสุเรื่อง Tokyo Story มาตั้งเป็นชื่อตอนหนึ่งในหนังด้วย ขณะที่แก่นสารในหนังของคนทั้งสองต่างพูดถึง ความเปลี่ยนแปลงของคนในสังคม เหมือนกัน องค์ประกอบต่างๆ นี้อาจทำให้บางคนเบื่อหน่ายในการชมได้ง่ายๆ แต่ถึงอย่างไร โลก ใบนี้ก็ยังน่าสนใจเกินกว่าจะเบือนหน้าหนี * อูลานบาตอร์ เป็นเมืองหลวงของมองโกเลีย ในบทบรรยายไทยของดีวีดี "ร้านหนึ่ง" ให้คำแปลผิดความหมายว่า เทือกเขาอูลาน
Create Date : 15 กันยายน 2549
6 comments
Last Update : 17 กันยายน 2549 12:17:55 น.
Counter : 2476 Pageviews.
โดย: unwell 16 กันยายน 2549 13:45:34 น.
โดย: แน กระสอก IP: 210.86.130.110 17 กันยายน 2549 11:14:25 น.
โดย: วีรธรรม IP: 210.86.130.110 17 กันยายน 2549 11:16:45 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
หนังน่าดูจังค่ะ แต่ช่วงนี้เครียด ๆ อยากหาหนังตลก ๆ เบาสมองดูมากกว่า เฮ้อ...