ครั้งหนึ่งเฟอร์กี้ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ผมน่าจะได้ตัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ มาตั้งแต่ปี 1999" เพื่อแทนที่ ปีเตอร์ ชไมเคิล ไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไม่สามารถตกลงกับบอร์ดบริหารได้นั่นเอง 

          จากนั้นเมื่อปี 2005 เฟอร์กูสันได้ส่งข้อความเสียงส่วนตัวไปหาผู้รักษาประตูชาวดัตช์คนนี้ อยากให้เขามาช่วยป้องกันประตูในโอลด์แทรฟฟอร์ด และมั่นใจในตัวฟานเดอร์ซาร์สามารถรับมือกับสถานการณ์ในเกมที่กดดันได้ แต่ปัญหาก็คือด้วยตัวเลขอายุของเขาที่ปาเข้าไป 35 ปีแล้วในตอนนั้น ทำให้มีหลายเสียงไม่เห็นด้วยกับเฟอร์กี้ และมีคำถามมากมายว่า "มันช้าไปไหม ที่จะดึงผู้รักษาประตูอายุใกล้จะแขวนถุงมือเข้ามาอยู่ในทีม" แต่ระยะเวลา 6 ปีในรั้วโอลด์แทรฟฟอร์ดของฟาน เดอร์ ซาร์ มันตอบคำถามได้ดีว่า สิ่งที่เฟอร์กูสันมั่นใจในตัวผู้รักษาประตูผู้นี้คืออะไร

          จริงๆคำว่า "ช้า" สำหรับ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นั้นมันเหมือนกับเป็นเรื่องที่เขาจะคุ้นชิน ตั้งแต่ที่เขาจะเริ่มเล่นฟุตบอล เพราะเขาถูกค้นพบพรสวรรค์ช้ากว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาจะถูกพาไปเข้าสังกัดใหญ่อย่างอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในวัย 20 ปีของฟาน เดอร์ ซาร์ ในตอนนั้น ฝีมือของเขายังเป็นเพียงโกลด์ตัวสำรอง ในทีมสำรองอีกที แต่เขาก็ทุ่มเทและมุ่งมั่นกับการซ้อมเป็นอย่างหนัก เพื่อทดแทนพรสวรรค์ที่ขาดหายไป ด้วยพรแสวง และเพื่อทำให้โค้ชได้เห็นถึงความมุ่งมั่น และเชื่อว่าสักวัน เขาจะได้รับโอกาสนั้น และกว่าที่เขาจะได้รับโอกาสที่จะขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ ก็นานโขเลยทีเดียว

          แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับโอกาสนั้น จากความมุ่งมั่นที่เขาสั่งสมมานานปี ทำให้ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เป็นผู้รักษาประตูที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับสโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จากนั้นเขาเริ่มเป็นที่โด่งดังในฐานะผู้รักษาประตูฟอร์มดีที่มีรูปร่าง สูง ยาว เขาถูกนำไปเปรียบกับผู้รักษาประตูแห่งยุคอย่าง "ปีเตอร์ ชไมเคิล" ทั้งความสูง ทักษะ ความนิ่ง สมาธิในเกม รวมไปถึงภาวะการเป็นผู้นำ ยกเว้นอารมณ์ขี้โมโห ที่ปีเตอร์ ชไมเคิล ชนะขาดในเรื่องนี้

          ไฮไลท์ที่ทำให้ผู้คนจดจดจำ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ในฐานะตำนานผู้รักษาอีกหนึ่งคน เกิดขึ้นในปี 2008 ในศึกชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ที่ แมนยู เสมอกับ เชลซี 1-1 จนต้องยิงจุดโทษตัดสิน

"ผมจำได้ก่อนการแข่ง ผมดูการยิงประตูจุดโทษของเชลซีเยอะมาก เยอะขนาดที่ผมสามารถแจกแจงการยิงประตูของ แลมพาร์ด ได้ถึง 40 แบบ และเข้าใจเช่นกันว่าเชลซีก็คงทำการบ้านเกี่ยวกับตัวผมมามากเช่นกัน"

"ตอนที่ผมปัดลูกยิงจุดโทษของอเนลก้า ผมรู้สึกเหมือนหลุดออกไปจากโลกใบนี้ และมารู้ตัวอีกที ตอนที่เพื่อนร่วมทีมต่างวิ่งมากอดผม และผมจึงรู้ตัวว่า เราได้แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกแล้ว"

          เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ได้กล่าวถึงแมทช์ในประวัติศาสนั้น หลังจากเกม Man of the match ในวันนั้นเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากผู้รักษาประตูร่างโย่งคนนี้ ในวัย 41 ปี กับการเป็นผู้รักษาประตู เขาคิดว่ามันคงเป็นวันที่ต้องโบกลาถุงมือคู่ใจของเสียที เขาใช้เวลา 26 ปี ในการฝ่าฝันขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมแห่งยุคคนนึง

          การพบพรสวรรค์ในตัวเองช้าไป หรือการย้ายไปอยู่กับแมนยูช้าไป มันไม่ได้ทำให้เขา ไม่สามรถเป็นตำนานได้ เพราะไม่มีคำว่าสายไป  ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลา และนาฬิกาของมันเอง คุณอาจจะมองไปที่เพื่อนแล้วเขาเก่ง หรืออ่อนกว่าคุณ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นตามจังหวะชีวิตของแต่ละคน พวกเขามีเวลา และนาฬิกาของตัวเอง คุณเองก็เช่นกัน จงอดทน

"บางคนเรียนจบตั้งแต่อายุ 21 แต่หางานไม่ได้จนอายุ 27"

"บางทำงานได้เงินเดือนมากมาย แต่เกลียดในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ"

"บางคนหยุดเรียน ออกไปท่องโลก หาประสบการณ์ แล้วเจอเป้าหมายของชีวิต"

"แจ็ค หม่า ก่อตั้ง Alibaba เมื่อตอนเขาอายุ 35 ปี"

"มอร์แกน ฟรีแมน ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ ตอนเขาอายุ 52 ปี"

"การเรียนจบตอนอายุ 25 ปี ก็ถือว่าเป็นคนสำเร็จ การอยู่เป็นโสดตอนอายุ 30 แต่มีความสุขในทุกวัน ก็เป็นเรื่องที่สวยงาม เริ่มสร้างครอบครัวตอนอายุ 35 ก็ยังเป็นไปได้ "

"โอกาสอาจจะมาช้า แต่เราก็ต้องเตรียมพร้อม เพื่อรอวันที่โอกาสเข้ามา และเราจะได้สามารถคว้ามันได้อย่างไม่หลุด อย่างทีวานเดอร์ซาร์ ได้ทำให้เราเห็นเป็นตัวอย่าง"

"อย่าให้ใครมาเร่งเวลาของคุณ ด้วยเวลาของพวกเขา"

จงสร้างชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย และเป้าหมาย ให้กับชีวิตตัวเอง และเรียนรู้วิธีใช้มัน เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของคนอื่น นี่แหละ "ความสำเร็จที่แท้จริง"

อ้างอิง

ติดตาม : ข่าวฟุตบอล