นพ.ประกิตเผ่า ติวเตอร์ แอพพลายฟิสิกส์
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย นพ.ประกิตเผ่า วันนี้เขาหาว่าผมเป็น คนบ้า
ดังกระหึ่มเมืองทันควัน หลังจาก เดลินิวส์ เปิดเผยชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ที่เคยอำลาอาชีพแพทย์พลิกผันมาเป็น ติวเตอร์ และผู้บริหาร สถาบันกวดวิชาแอพพลายฟิสิกส์ จนมีลูกศิษย์และผู้เคารพนับถือทั่วประเทศไทย วันนี้กลับถูกกักขังที่อาคารประสาทวิทยา โรงพยาบาลศรี ธัญญา จ.นนทบุรี ตามคำสั่งของแพทย์ระบุว่าป่วยเป็น โรคจิตเวช สมควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดหรือภาษาชาวบ้านเรียกกันว่า บ้า
โดยเรื่องราวเปิดเผยเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งให้ โรงพยาบาลศรีธัญญา ปล่อยตัว นพ.ประกิตเผ่า ระบุว่าเป็นการควบคุมตัวโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อายุ 24 ปี เข้าแจ้งความให้ช่วย เหลือ นพ.ประกิตเผ่า ให้พ้นจากที่คุมขัง เพราะเชื่อว่าอาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากลและอ้างว่าไปตรวจสอบแผนกทะเบียนผู้ป่วยของโรงพยาบาลศรีธัญญาแล้วไม่พบรายชื่อ นพ.ประกิตเผ่า แต่อย่างใด
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนไปสอบถามข้อมูลที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ปรากฏว่าบุคคล ที่ให้นำตัว นพ.ประกิตเผ่า ไปกักขังก็คือ นางเพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดาและ นพ.ประกิตพันธ์ พี่ชาย โดยมีตำรวจนอกเครื่องแบบสังกัดหนึ่ง 4 นายคอยเฝ้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งมารดาและพี่ชายนำใบรับรองแพทย์ของ นพ.ไพฑูรย์ สมุทรสินธุ์ แพทย์เจ้าของไข้ที่ลงความเห็นว่า นพ.ประกิตเผ่า ป่วยเป็นโรคจิตเวช เห็นควรได้รับการบำบัดอย่างใกล้ชิดมาแสดงพร้อมระบุว่า การกักขังบุตรชายเป็นการป้องกันเหตุร้ายจากการถูกผู้หญิงปอกลอกหลอกเอาเงิน ที่สำคัญสงสัยว่าบุตรชายจะถูกทำคุณไสยจนสติฟั่นเฟือนและช่วงต้นเดือน ม.ค.จะมีเงินก้อนใหญ่โอนเข้าบัญชีบุตรชาย กลัวเงินรั่วไหล จำต้องแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้
ในขณะที่ชีวิตความเป็นอยู่ของติวเตอร์และผู้บริหารสถาบันกวดวิชาชื่อดังในอาคารประสาทวิทยามีรายงานว่าสุดรันทดถูกขังในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ นอนบนเตียงและถูกคลุมด้วยผ้าทั่วตัว มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่โผล่ออกมา ซึ่งทางพนักงานสอบสวนขอทดสอบอาการทางจิตจากบุคคลใกล้ชิดรวมทั้งลูกศิษย์หลายคน ทุกคนยืนยันว่าอาการปกติ พูดคุยรู้เรื่อง มีความรู้ความสามารถ ใจบุญ ทำให้เกิดความขัดแย้งด้านข้อมูล จึงยื่นคำร้องต่อศาล แต่ศาลไม่อนุญาตนัดไต่สวนฉุกเฉิน ออกหมายเรียก ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา มาให้ปากคำแนบท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนรวมทั้งให้คุมตัว นพ.ประกิตเผ่า มาไต่สวนที่ศาลในวันที่ 2 มี.ค. 50
ต่อมาวันที่ 27 ก.พ. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา นพ.สุจริต สุวรรณชีพ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต นพ. ประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ พี่ชายของ นพ. ประกิตเผ่า แถลงข่าวยืนยันว่าการรับตัว นพ. ประกิตเผ่าเข้ารักษาตัว ได้ผ่านการตรวจสอบทุกขั้นตอน โดยเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมาผู้ป่วยมีอาการซึม หวาดระแวงว่ามีคนคิดปองร้าย พกพาอาวุธปืน สวมเสื้อเกราะและคิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษมีอิทธิฤทธิ์ เข้าขั้นป่วยทางจิตชนิด หวาดระแวง อาจเป็นอันตรายต่อบุคคลรอบข้างและเจาะเลือดตรวจพบ สารเอฟริดีน ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทคล้าย แอมเฟตามีน (ยาบ้า) เป็นสารต้องห้าม หากใครเสพเข้าไปย่อมส่งผลกับสภาพจิตใจ คาดว่าสาเหตุการเสพยาน่าจะมีปัญหาในครอบครัว ดังนั้นการหลอกมากักขังหรือจับฉีดยาให้บ้า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ที่สำคัญโรงพยาบาลศรีธัญญามีประวัติการรักษายาว นานกว่า 65 ปี คงไม่ทำให้เสียชื่อ
ทางด้าน นพ.ประกิตพันธ์ พี่ชายของ นพ.ประกิตเผ่า กล่าวว่า น้องชายมีอาการผิดปกติทางจิต หวาดระแวงไม่ไว้ใจคนรอบข้างมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 49 หลังจากมีลูกศิษย์บางคนชวนไปนั่งสมาธิ จากนั้นมาอาการก็กำเริบขึ้นเรื่อย ๆ จึงปรึกษาญาติตัดสินใจพาไปส่งโรงพยาบาลศรีธัญญาน่าจะดีกว่า ขณะนี้เป็นห่วงชื่อเสียงของโรงเรียนที่เปิดมากว่า 30 ปี ที่เสียหายอย่างรุนแรงก็ต้องสู้กันต่อไป อยากฝากถึงทุกคนให้พิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเชื่อใคร เรื่องนี้น่าจะมีการทำเป็นขบวนการเพื่อดิสเครดิตครอบครัวและสถาบันกวดวิชา ตอนนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. โทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงแล้วด้วยและกลัวที่สุดคือน้องชายคิดสั้นฆ่าตัวตาย
ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2520 สถาบันกวดวิชาแอพพลายฟิสิกส์เดิมชื่อ PACS (สถาบันกวดวิชาอาจารย์ช่วง) เช่าเปิดสอนกวดวิชาที่ โรงเรียนพณิชยการเจ้าพระยา 1 ปี โดยมี อาจารย์ช่วง ทมทิตชงค์ บิดาของตระกูล ทมทิตชงค์ เป็นอาจารย์ใหญ่และผู้บริหาร แต่กิจการประสบปัญหาขาดทุนและครูลาออกหมด ติดหนี้สินหลายสิบล้านบาท นพ.ประกิตเผ่า ที่เพิ่งเรียนจบ แพทย์ทำงานได้แค่ 2 ปี ตัดสินใจลาออกจากอาชีพเดิมมานั่งแท่นผู้บริหารแทนบิดา ปรากฏว่าประสบความสำเร็จท่วมท้น เปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันกวดวิชาแอพพลายฟิสิกส์จนถึงปัจจุบันมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท/ปี
นิตยสารดิฉัน ฉบับวันที่ 30 ก.ย. 2545 เคยตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของ นพ.ประกิตเผ่า ไว้ตอนหนึ่งว่า คนอย่างผมจะทำอะไรก็แล้วแต่ ไม่ศูนย์ก็ต้องถึงร้อย ผมตั้งใจแน่วแน่ว่าถ้าผมจะสอน จะสอนให้ดีที่สุด ให้เด็กแย่งกันมาเรียนกับผมหรือไม่ก็เลิกสอนไปเลย
บทความส่วนหนึ่งของหนังสือ GM ที่เสนอชีวิตด้านบวกของ นพ.ประกิตเผ่า ไว้อย่างสวยหรูถึงความสำเร็จในอาชีพอาจารย์ว่า หากถามว่าผมถึงจุดสูงสุดหรือยัง คงตอบว่ายัง เพราะหากรู้สึกว่าเมื่อไหร่ถึงจุดสูงสุดแล้ว งานจะไม่พัฒนาอีกต่อไป นั่นคือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมถอย ตอนนี้ผมรู้สึกชอบในความเป็นครูมากกว่าเป็นแพทย์
ด้านหนังสือ Life&Family เคยสัมภาษณ์พิเศษ อาจารย์ช่วง และ นพ.ประกิตเผ่า สองพ่อลูกนักกวดวิชาไว้เช่นกันว่า เป็นความมุ่งมั่นที่ประสบความสำเร็จ จากโรงเรียนกวดวิชาเล็ก ๆ ย่านสยามสแควร์ มีนักเรียนไม่กี่ร้อย ทุกวันนี้ แอพพลายฟิสิกส์ เป็น สถาบันกวดวิชา ที่ติดอันดับได้รับความนิยมของวัยรุ่นไทย มีจำนวนนักเรียนมากกว่า 10,000 คน/ปี ขยายสาขาไปกว่า 13 แห่งทั่วประเทศ จากตึกเรือนสภาพทรุดโทรมกลายเป็นอาคารโอ่โถงทันสมัย ติดแอร์เย็นฉ่ำ มีมุมนั่งจิบกาแฟสำหรับผู้ปกครองที่มานั่งรอรับบุตรหลาน ไม่ต่างจากร้านอาหารหรือโรงแรมหรู ๆ การสอนก็พัฒนาใช้กล้องวิดีโอวงจรปิด ช่วยให้เด็กเห็นภาพได้ทั่วถึง ไม่มีปัญหาการยื้อแย่งนั่งแถวหน้าอีกต่อไปและสามารถเพิ่มจำนวนนักเรียนได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เป็นความสามารถที่เหลือเชื่อของสองพ่อลูก
ที่ผ่านมาหากเอ่ยชื่อ นพ.ประกิตเผ่า ถือได้ว่าเป็นผู้ทรงความรู้ที่หาตัวจับยากในแวดวงนักวิชาการ เคยเป็นอดีตอาจารย์ฟิสิกส์ห้องคิง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ยาวนาน 25 ปี เป็นอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยได้รับรางวัล ครูฟิสิกส์ดีเด่น ในปี 2535 ได้รับรางวัล A highly popular tutorial school จากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น เป็นติวเตอร์ชื่อดังในรายการ Hi Night At Hi Noon ทาง ไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นพิธีกรรายการ ผู้หญิงอยากรู้ 100% ทาง ไทยทีวีสีช่อง 3 และเป็นอาจารย์ อยากเรียนเก่งฟังทางนี้ ของ รายการดรุณธรรมทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5
ปีที่แล้ว นพ.ประกิตเผ่า เพิ่งออกรายการ สุริวิภา ของพิธีกรชื่อดัง หนูแหม่ม สุริวิภา กุลตังวัฒนา เล่าเรื่องราวทุกอย่างในชีวิตว่าเป็นบุตรชายคนที่ 3 ของครอบครัว ในจำนวนพี่น้อง 4 คน พ่อแม่เป็นครูทั้งคู่ ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก หากอยากได้เงินต้องไปรับจ้างถีบสามล้อ ขายเรียงเบอร์ ตั้งแต่วัยเด็ก ชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษาจนเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เรียนจบเป็นแพทย์ได้ 2 ปีก็ลาออกมาบริหารสถาบันกวดวิชา ทำมาแล้วทุกอย่างตั้งแต่ ยาม ภารโรง เด็กแจกใบปลิว อาจารย์ ผู้บริหาร จนสามารถพัฒนาสถาบันให้เป็นที่ยอมรับของนักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศไทย ซึ่งติวเตอร์คนดังยอมรับว่า การเป็นครูไม่ใช่เรื่องง่ายและการรับภาระใช้หนี้สินจำนวน 10 ล้านบาทที่ไม่ได้ก่อ เคยท้อถอยถึงขั้นล้มป่วย ปวดท้อง น้ำตานองหน้า แต่ก็สู้ไม่ถอยคิดว่าทำอะไรขอทำดีที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่ 2 ปีสามารถใช้หนี้สินจนหมดและทำให้สถาบัน กวดวิชาเข้มแข็งถึงวันนี้
ทั้งหมดเป็นเรื่องราวบางส่วนของติวเตอร์ชื่อดัง นพ.ประกิตเผ่า ผู้เคยใช้ความรู้ความสามารถสั่งสอนลูกศิษย์ให้ประสบความสำเร็จในชีวิตมาแล้วมากมาย แต่วันนี้แทบไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกลายเป็น คนบ้า ถูกคุมขังอย่างโดดเดี่ยวที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เท็จจริงเป็นเช่นไรเชื่อว่าอีกไม่นานสังคมคงได้รับรู้กันอย่างแน่นอน.
ศิวสรร เมฆสัจจากุล เดลินิวส์
| Create Date : 01 มีนาคม 2550 |
| Last Update : 1 มีนาคม 2550 13:28:23 น. |
|
13 comments
|
| Counter : 61694 Pageviews. |
 |
|
เนื่ย
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [
