|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
River Town
"ริมฝั่งมหานที" แปลจากหนังสือ River Town ,Two years on the yangtze ของปีเตอร์ เฮสเลอร์ โดยคุณเจริญจิตร โพธิ์ทอง เป็นบันทึกประสบการณ์ชีวิตของนายปีเตอร์ซึ่งเป็นครูอาสาสมัครในโครงการพีซคอร์ป ประจำอยู่ที่เมืองฝูหลิง ซึ่งเป็นเมืองริมฝั่งแม่น้ำแยงซ๊ ในมณฑลเสฉวน พร้อมกับเพื่อนชาวต่างชาติอีกหนึ่งคนชื่ออดัม ในช่วงระหว่างปี พศ.2539-2541เขาได้บันทึกความนึกคิด ความรู้สึก พฤติกรรมของชาวจีน ทั้งที่เขาได้ประสบกับตนเอง จากการพูดคุย หรือการเฝ้ามองภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นชีวิตประจำวันของชาวฝูหลิง และนักเรียนในชั้นเรียนของเขาเอง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นภาพรวมและประกอบกันขึ้นเป็นวัฒนธรรมในเมืองฝูหลิง ที่เกิดขึ้นบนรอยต่อระหว่างยุคปฎิวติวัฒนธรรมที่บ้าคลั่งลัทธิคอมมิวนิตส์กับยุคปฎิรูปเศรษฐกิจ อีกทั้งเขายังบรรยายภาพความเคลื่อนไหวของสังคมเมืองที่กำลังก้าวสู่โลกแห่งทุนนิยม
สองปีที่ปีเตอร์ได้ทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และวิชาวรรณคดีให้แก่วิทยาลัยครูในเมืองฝูหลิง เขาได้ถ่ายทอดภูมิปัญญาแบบตะวันตกกับลูกศิษย์ มีทั้งกลุ่มที่สามารถยอมรับกับสิ่งที่ใหม่ ๆ และกลุ่มที่ไม่กล้าเผชิญความเปลี่ยนแปลงจากโลกภายนอก เขาได้พบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างจากสังคมที่เขาเคยอยู่ การคมนาคมที่ลำบาก การปิดกั้นวัฒนธรรมจากตะวันตก ความล้าหลัง และวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำมาแต่อดีต
ปีเตอร์ยังได้สอดแทรกประวัติวัฒนธรรมทางการเมืองไว้ในหนังสือเล่มนี้อีกมากมาย ที่ส่งอิทธิพลอย่างลึกซึ้งถึงความนึกคิดและชีวิตคนจีน นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ในท้องถิ่น และเหตุการณ์ใหญ่ในประวัติศาสตร์จีน ดังเช่นตอนที่เล่าถึง ‘ภูเขาเรส เดอะ แฟลก’ อันเป็นฉากเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ประเทศจีนด้วย ได้แก่ เหตุการณ์กบฏไท่ฝิงเมื่อกลางทศวรรษที่ 1840 ที่เขย่าบัลลังก์ราชวงศ์ชิงซึ่งเป็นราชวงศ์กษัตริย์ยุคสุดท้ายของแผ่นดินจีน สงครามพิชิตกองทัพก๊กหมินตั๋งการเดินทัพทางไกลของกองทัพปลดแอกแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในส่วนของการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน เป็นการมองการเมืองจีนแบบคนภายนอกมอง จะได้มุมมองที่แตกต่างและแปลกแยกจากคนจีน อาทิเช่น กับผู้นำคนสำคัญของจีน ได้แก่ เหมาเจ๋อตุง เติ้งเสี่ยวผิง และโจวเอินไหล ประวัติศาสตร์ของกำแพงเมืองจีน
"เรื่องนี้ดูเป็นแบบฉบับชาวจีนมาก ๆ นั่นคือ ทั้ง ๆ ที่เป้าหมายดั้งเดิมของการสร้างกำแพงเมืองจีนล้มเหลว แต่ปัจจุบันกำแพงนั้นกลับมีคุณค่าใหญ่หลวง กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิของประเทศที่ดุจะทรงพลังที่สุด และไม่มีใครคิดเชื่อมโยงเข้ากับประเด็นที่เป็นคุณสมบัติด้านลบเลย อาทิ ลัทธิความโดดเดี่ยวตัวเอง หรือ ความดันทุรังเลย" หน้า 289
ในส่วนของธรรมชาติที่เขาได้สัมผัสนั้น เขามีความดื่มด่ำในภาพบรรยากาศของภูเขา สายน้ำ และโตรกผา ซึ่งบรรยากาศของเมืองฝูหลิงถือว่าสวยงามติดอันดับโลก แต่ก็ตรงข้ามกันกับวิถึชีวิตชาวเมืองฝูหลิงโดยสิ้นเชิง เพราะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความสกปรก ความโกลาหน เสียงแตรรถ เสียงเครื่องจักรของโรงงาน ต้นไม้ใบไม้สีหม่นดำด้วยฝุ่นจากการเผาถ่านหิน
และเขาก็แปลกใจเกี่ยวกับทัศนคติของชาวเมืองฝูหลิงทีดุจะเมินเฉยต่อการสร้างเขื่อนสามโตรกผา ซึ่งเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผลกระทบดังกล่าวจะทำส่วนหนึ่งของเมืองฝูหลิง สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่อีกทั้งระบบนิเวศน์ที่ควรแก่ค่าการอนุรักษ์ต้องจมหายกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของเขื่อน แต่ประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมากมายมหาศาลนั่นก็เป็นชนวนเหตุทีทำให้โครงการดำเนินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งวลีที่ชวนให้ครุ่นคิด "เราไม่ควรอดอาหารเพียงเพราะเกรงว่าจะสำลัก"
Create Date : 31 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 31 ตุลาคม 2548 13:43:55 น. |
|
6 comments
|
Counter : 558 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Malijauna IP: 203.156.46.209 วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:13:55:42 น. |
|
|
|
โดย: Zantha วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:14:25:06 น. |
|
|
|
โดย: สเลเต วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:16:58:07 น. |
|
|
|
โดย: มาลี IP: 202.142.214.27 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2548 เวลา:17:11:57 น. |
|
|
|
โดย: บอกอกูรู (จอมอสูร ) วันที่: 6 พฤศจิกายน 2548 เวลา:16:30:00 น. |
|
|
|
โดย: malijauna วันที่: 8 พฤศจิกายน 2548 เวลา:9:15:54 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สำหรับชื่อหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกที่หยิบขึ้นมาอ่าน "ริมฝั่งมหานที" ทำให้นึกถึง ประเทศอินเดีย ตะหงิด ๆ อย่างไรก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะวัฒนธรรมด้านภาษาของไทยเรา ที่บ่งเฉพาะสำนวนก็เป็นได้
ดังนั้นมาลีของตั้งชื่อใหม่ในแบบฉบับของมาลี เป็น "มหานครแห่งสายน้ำ" อาจจะไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ แต่อ่านแล้ว ก็ให้ความรู้สึกนึกถึงประเทศจีนบ้างหล่ะ (อิอิ)