สนมเอกไข่แดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
ธันวาคม 2553
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
4 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สนมเอกไข่แดง's blog to your web]
Links
 

 
[ ช่อง 3 ] 365 วันแห่งรัก ตอนที่ 3




ตอนที่ 3


ลัลนารีนั่งมองสมุดบันทึกเล่มนั้น คิดถึงทั้งคำพูดทวงคนรู้ใจของตนคืนของรชา
ทั้งคำพูดของหมอดูว่า
อารมณ์ร้อนแบนนี้ระวังไฟจะไหม้ตัวเอง...มัวแต่ระแวงคนอื่นแต่ไอ้ที่แย่ก็คือ
นิสัยตัวเธอเองทั้งนั้น...ไม่เกิน 1 ปีข้างหน้าเธอกับสามีจะต้องหย่ากันและ
"ก่อนนอนให้เปิดสมุดนี้ไว้ จากนั้นอธิษฐานแล้ววางกางไว้ใต้หมอน
เธอจะได้เห็นอนาคตของตัวเอง...ในอีก 365 วันนับจากนี้
แล้วเธอก็จะรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำนายมันจริงหรือเปล่า"


ลัลนารีทำตามที่หมอดูบอก กางสมุดออกวางไว้ใต้หมอนแล้วค่อยๆล้มตัวลงนอนหลับตา


ในความคิดคำนึงเห็นสมุดตั้งเวลาไว้สำหรับ 365 วัน ข้างหน้า วงล้อบนสมุดบิดหมุนไปมาเหมือนกับกำลังจะเปลี่ยนวงโคจรเวลา...


แล้วลัลนารีก็เริ่มพลิกหน้าส่ายไปมาเหมือนคนกำลังฝันร้าย...


ooooooo


อนาคต 1 ปี ลัดวงจรเข้ามาในชีวิตทันที!


ลัลนารีพลิกตัวกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง แล้วก็หล่นตุ้บลงมาข้างเตียง
เธอสะลึมสะลือขึ้นมาครางอย่างรู้สึกเจ็บ
พอลืมตาเต็มที่ก็เห็นแสงสว่างจ้าสาดเข้าแทงตาจนต้องหยีตาถามเบาๆ


"ตุลย์...นี่กี่โมงแล้ว"


ไม่มีเสียงตอบ เธอลุกขึ้นนั่งมองซ้ายขวาพบว่าตัวเอง
มาตกอยู่ที่ข้างเตียงที่บ้านแม่ ยิ่งงงถามตัวเองว่าทำไมมานอนอยู่ที่นี่
มองสำรวจก็พบว่าเป็นบ้านเก่าที่มีรูปสมัยก่อนครั้งเรียนที่มหาวิทยาลัยและ
รูปที่เล่นกีฬาสีติดเอียงๆเบี้ยวๆอยู่ เธอพยุงตัวไปจับให้รูปตั้งตรง
แต่พอเดินไปหน้ากระจกก็ร้องกรี๊ดเหมือนถูกผีหลอก
เมื่อพบว่าตัวเองกล้อนผมจนสั้น โกรกเป็นสีแดงเหมือนประชดชีวิต


ขณะเธอร้องกรี๊ดอย่างรับไม่ได้นั่นเอง เสียงเจ้าปั๊กกี้วัย 1 ขวบ
ก็เห่าแข่งกับเสียงร้องของเธอเข้ามา
ลัลนารีกระโดดขึ้นเตียงร้องถามอย่างตกใจ


"อี๊...แก...เอ๊ย...หมาเข้ามาได้ยังไงเนี่ย"  เจ้าปั๊กกี้ตัวจิ๋วยังเห่าไม่
หยุด มันคงเถียงเธอ ลัลนารีไล่มันก็ไม่ไป จนลักษมี เข้ามาดุมันจึงหยุด
เธอถามแม่ว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ก็เมื่อคืนยังนอนอยู่บ้านโน้น
ใครพาตนมาที่นี่


"หือมม..." ลักษมีทำเสียงในคอ ถามว่าไม่สบายหรือเปล่า
ก็ตัวเองงอนผัวหอบผ้าหอบผ่อนหนีกลับมาอยู่ที่นี่เอง ลืมไปแล้วหรือ
แล้วชวนเจ้าปั๊กกี้จะออกจากห้อง
ลัลนารีรีบขวางไว้ถามแม่ว่าทำไมผมตนเป็นแบบนี้


"ก็แกบอกเองว่าอกหักอยากประชดรักก็เลยไปตัดผม
ฉันเตือนแกว่ามันเป็นลางแกก็ไม่เชื่อ
ถ้าแกเชื่อฉันตั้งแต่ปีที่แล้วว่าอย่าแต่ง...อย่าแต่ง
มันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอกย่ะ ดูซิ แต่งกันมาปีเดียวก็เลิกซะแล้ว"


ลัลนารีถามงงๆว่าปีเดียว...วันนี้วันอะไร วันที่เท่าไหร่
จนเมื่อเธอไปเห็นหนังสือพิมพ์ดูวันเดือนปีในหน้าหนังสือพิมพ์
แล้วจึงเชื่อว่า เวลาผ่านไปแล้ว 1 ปีจริงๆ!
เอะใจว่าหรือเป็นเพราะสมุดบันทึกเล่มนั้น? ถามแม่ว่าตนไม่ได้ฝันไปใช่ไหม


ลักษมีร้องอย่างเอือมระอาว่าเป็นบ้าไปแล้วหรือ
ลัลนารีบอกให้แม่ตบหลังตนหน่อยจะได้รู้ว่าไม่ได้ฝันไปจริงๆ
แล้วจับมือแม่มาตบแก้มตัวเองแต่ยังไม่พอใจบอกว่าเอาแรงๆ
หน่อยจะได้รู้สึกตัว
ลักษมีตบไม่ลงเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกไม่เคยตีสักแปะเดียว


"ลัลไม่ได้เล่นนะแม่ ช่วยตบลัลหน่อย ตบมาแรงๆ" พอลักษมีตบแหมะไปเบาๆ ก็ไม่ยอมบอกว่าไม่แรงเอาให้หน้าหันเลยได้ไหม


"ฉันไม่สนุกกับแกด้วยนะ" ลักษมีตบไม่ลงจริงๆ


"นึกซะว่านี่เป็นหน้าพ่อก็ได้"


สิ้นคำลัลนารี ลักษมีก็ตบฉาดเข้าหน้า "เพียะ!" จนลัลนารีหน้าหันหูชาสมใจ เธอกะพริบตาปริบๆพึมพำ "ไม่ได้ ฝันไปจริงด้วย"


ooooooo


พอแน่ใจว่าไม่ได้ฝัน ลัลนารีกลับบ้านไปหาตุลาเพื่อจะถามว่าทำไมต้องเลิกกัน ลักษมียิ่งงง บ่น...


"เอ๊า...ไอ้ลูกคนนี้ แกนี่ท่าจะเพี้ยน ก็เป็นคนขอเขาเลิกแทบเป็นแทบตายแล้วยังมีหน้าไปถามเขาอีก ท่าจะบ้า...เฮ้อ..."


ระหว่างขับรถไปติดสี่แยกไฟแดง
ลัลนารีมองไปข้างๆบอกตัวเองว่าผ่านไปหนึ่งปีรถยังติดเหมือนเดิม
แล้วเอ็ดเจ้าปั๊กกี้ที่ตัวเองจับยัดใส่รถมาด้วยให้อยู่เฉยๆ


ระหว่างรอไฟเขียวนั้น คำพูดของหมอดูก็ย้อนเข้ามาในหัวว่า "ไม่เกิน 1
ปีข้างหน้าเธอกับสามีจะต้องหย่ากัน" แล้วเสียงของแม่ก็แทรกเข้ามาว่า
"ถ้าแกเชื่อฉันตั้งแต่ปีที่แล้วว่าอย่าแต่ง...อย่าแต่ง
มันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอกย่ะ ดูซิ แต่งกันมาปีเดียวก็จะเลิกเสียแล้ว"


เสียงต่างๆกระแทกกระทั้นเข้ามาจนเธอถามตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้น ตนเลิกกับตุลาจริงๆหรือ?


เมื่อมาถึงหน้าบ้านรีบกวาดตามองหาตุลา ร้องเรียกก็ไม่มีเสียงตอบ
เลยปีนรั้วเข้าไป เห็นภายในบ้านทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม
เดินไปเหยียบกรอบรูปที่คว่ำหน้าอยู่หยิบขึ้นมาดูเป็นรูปคู่ที่ถ่ายกันในวัน
แต่งงานแต่กระจกมีรอยร้าว


พอเข้าไปในห้องรับแขกเห็นข้าวของบางส่วนวางกระจัดกระจาย ดูแล้วบ่น
"ทำไมถึงรกยังงี้" เดินเก็บข้าวของเข้าที่ หยิบอัลบั้มรูปแต่งงานขึ้นมาดู
ทันใดเสียงตุลาก็ทักขึ้นอย่างเย็นชา


"มาทำไม"


ถามไถ่กันลัล
นารีจึงรู้จากปากของตุลาเองว่าเธอเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมาเองแล้วหนีไปอยู่
บ้านแม่จะมาถามตนทำไม ครั้นเห็นที่หน้าเขามีรอยช้ำถามว่าไปโดนอะไรมา
เขาตอบอย่างไม่หายฉุนว่า
"อย่าบอกนะว่าลืมแม้กระทั่งสิ่งที่ทำกับผมเมื่อคืน"


ลัลนารีปฏิเสธเสียงหลงว่าตนไม่ได้ทำ ตนไม่ทำรุนแรงกับเขาแบบนี้เด็ดขาด


ตุลา เริ่มงงพูดอย่างรำคาญว่า "นี่คุณเป็นอะไรของคุณ ผมไม่มีเวลามาพูดเล่น
คุณเป็นคนหาเรื่องผม ทำร้ายผม แล้วก็หนีไปอยู่บ้านแม่
ถ้าคุณสงสัยหรือไม่เชื่อผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร ผมต้องรีบไปทำงาน"
ตุลาหันหลังเดินออกไป ลัลนารีไม่ยอมวิ่งตามไปยืนขวางประตูไว้


เธอไม่ ยอมให้เขาไปไหนจนกว่าเขาจะบอกว่าทำไมเราสองคนถึงเป็นแบบนี้
ทำไมตนต้องทำร้ายเขาแล้วทำไมเขาต้องโกรธตน มันเกิดอะไรขึ้น
ตุลาจำต้องชี้แจงอย่างเหนื่อยหน่ายว่า


"ตั้งแต่เราแต่งงานกัน คุณเป็นอะไรไม่รู้ คอยหาเรื่องผมตลอดเวลา
ไม่ให้เกียรติ ไม่ไว้ใจ เช็กมือถือหาว่านอกใจ คาดคั้นให้สาบานบ้าๆบอๆ
ผมบอกตั้งหลายครั้งว่าผมกับรชาไม่มีอะไรกัน คุณก็ไม่เชื่อ!!"


ลัล นารีถามว่ารชายังเข้ามาอยู่ในชีวิตเราอีกหรือ
ตุลาสวนไปว่าเธอนั่นแหละเป็นคนดึงรชาเข้ามา
ตัดบทว่าตนไม่ชอบพูดซ้ำซากต้องรีบไปทำงานแล้ว
ส่วนเรื่องที่เธอต้องการจะรีบจัดการให้ ลัลนารีถามว่าตนต้องการอะไร
ตุลาหันมาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำย้ำให้เข้าถึงหัวใจของเธอว่า


"ต้องการหย่า และผมจะเซ็นให้เร็วที่สุด"


ลัล นารีแทบช็อกร้องบอกว่าตนไม่ต้องการไม่เคยคิดจะหย่ากับเขา
ตุลาพูดอย่างตัดเยื่อใยว่าช้าไปแล้วเพราะเธอเปลี่ยนไปไม่ใช่คนเดิมที่ตน
รู้จักอีกแล้ว ครั้นเธอถามว่าเป็นยังไง เขาย้ำให้ฟังว่า


"คุณก็เป็นทุกอย่างที่ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็น จนทำให้เราต้องมาถึงวันนี้"


ลัล นารียังต้องการเหตุผลรายละเอียดอีก แต่ตุลาไม่อยู่ให้ถามแล้ว
เขาเบี่ยงตัวหลบเธอเดินออกไป แม้ลัลนารีจะตะโกนให้กลับมาอธิบายก่อน
เขาก็ทำเป็นหูทวนลมเดินดุ่มไป ลัลนารีไม่ยอม ตะโกน


"เราต้องพูดกันให้รู้เรื่องนะตุลย์ ลัลไม่มีวันหย่า ตุลย์ เดี๋ยว...ตุลย์..."


เธอ วิ่งตามเขาไปเท้าสะดุดข้าวของที่พื้นล้มโครม!!
แต่ก็ยังพยายามลุกวิ่งเท้าเปล่าตามไป
เมื่อเห็นว่าเขาไม่กลับมาคุยด้วยแน่แล้ว
เธอจึงหยุดถามตัวเองอย่างรับไม่ได้ว่า


"ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้..."


ขณะ นั้นเองบุรุษไปรษณีย์เอาพัสดุมาส่งถึงลัลนารี
เธองงแต่เมื่อเช็กชื่อตรงกับชื่อบนกล่องพัสดุแล้วบุรุษไปรษณีย์ให้เธอเซ็น
รับ พอเห็นชื่อคนส่งที่มุมกล่องเธออุทานตะลึงอึ้ง


"รชา?!!"


ooooooo


ด้วย ความอยากรู้ว่าในกล่องเป็นอะไร ลัลนารีรีบเข้าไปแกะกล่องดู
มันเป็นไดอารี่สีชมพู เธอหยิบขึ้นมา
มีกระดาษเขียนด้วยลายมือแปะไว้ที่ปกด้านหน้าว่า


"ในเมื่อเธอไม่เชื่อ ว่าฉันเป็นคนแรก ฉันก็เลยส่งหลักฐานมาพิสูจน์ให้
มันคงพอจะยืนยันได้ว่าฉันกับตุลย์เราเคยรักกันแค่ไหน
แล้วเธอจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากกลับมาหาฉัน..."


อ่านเสร็จเธอขยำ กระดาษแผ่นนั้นทิ้ง พลิกสมุดไดอารี่ออกดูหน้าแรก
เป็นลายมือของรชาเหมือนกับที่เขียนในกระดาษเล็กๆแผ่นนั้น
เธอรีบอ่านอย่างอยากรู้มาก...


"20 กรกฎา 2540... วันนี้เรียนทั้งวัน จนไม่มีโอกาสเดินไปหาตุลย์ที่คณะเลย
แต่พอได้เห็นสมุดไดอารี่เล่มนี้นอนแช่อยู่ในล็อกเกอร์
รชาดีใจยิ่งกว่าได้เห็นหน้าตุลย์เสียอีก นี่รชาแอบเอามาเขียนในห้องเรียน
สนุกกว่าจดเลกเชอร์ตั้งเยอะ ดีจัง
ต่อไปนี้ตุลย์จะได้ไม่เหงาเวลาที่เราไม่ได้เจอกัน
ต้องขอบคุณพี่ติ้งนะที่เปิดโอกาสให้เราได้ทำอะไรสนุกๆแบบนี้"


ลัลนารีรีบพลิกอ่านบันทึกหน้าข้างๆอย่างร้อนใจ มันเป็นลายมือของอีกคน


"21 กรกฎา...ขอบคุณที่ไปเชียร์เราที่สนามวันนี้ ขอบคุณสำหรับกำลังใจ
ถ้าไม่มีรชา เราคงคว้าแชมป์มาไม่ได้ เราโชคดี ที่มีผู้หญิงดีๆข้างตัวสองคน
ถ้าไม่ได้พี่ติ้งที่แสนดีเรากับรชาคงไม่มีวันนี้หรอกจริงไหม
ไม่มีพี่สาวคนไหนจะน่ารักและรู้ใจเท่าพี่ติ้งอีกแล้ว"


อ่านจบลัลนารีปิดสมุดปัง หน้าเครียดเดือดปุด มีเสียงครืดในลำคอ "พี่ติ้ง!!"


ooooooo


ความ โกรธพลุ่งโพลง ลัลนารีลิ่วไปที่บ้านติ้ง
ทำเอาเจ้าของบ้านตกใจถือไม้กวาดที่กำลังกวาดบ้านยกขึ้นป้องกันตัวเตรียมสู้
เต็มที่ ลัลนารีชูไดอารี่ให้ดูถามว่าทำแบบนี้ทำไม
ติ้งสวนไปว่าผัวทิ้งแล้วอย่ามาพาล


"เรื่องตุลย์กับรชา ทั้งหมดมันเป็นเพราะพี่ รู้เห็นเป็นใจกันดีนัก
อยากให้ลัลเตียงหักใช่ไหม" ติ้งถือไม้กวาดตั้งท่าสู้แต่
ถอยกรูดเมื่อลัลนารีย่างสามขุมเข้าหา ปากก็กล่าวโทษอย่างเจ็บใจ


"เพราะพี่ แม่นั่นมันถึงได้ตามราวีตุลย์อยู่ได้
ถ้าไม่มีสมุดบ้าๆนี่ลัลคงไม่มีมารหัวใจยังงี้"
เธอปาสมุดไดอารี่เล่มนั้นใส่ติ้ง
เห็นท่าทางดุร้ายของลัลนารีติ้งเลยจะหนีไปเอง
กระนั้นลัลนารีก็ไม่ยอมให้หนีวิ่งไล่กวดตะโกนให้กลับมา


มัวแต่จ้องไล่เล่นงานติ้งเท้าเลยเหยียบไดอารี่ที่ตัวเองขว้างไว้ลื่นพรืดหงายไม่เป็นท่า...


ooooooo


ลัลนารีรู้สึกตัวล้มหงายลงมา   พอลืมตาดูพบ


ตัว เองกลิ้งตกเตียงหงายอยู่ที่พื้นข้างๆ เธอลุกสะลึม
สะลือคลำก้นป้อยๆ  คิดทบทวนแล้วจึงรู้ว่าที่แท้ตัวเองฝันไป
รีบลุกไปส่องกระจกเห็นผมก็ยังยาวเหมือนเดิมโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
เอะใจเรื่องตุลา เดินไปร้องเรียกก็ไม่มีเสียงตอบ


เห็นปฏิทินที่หัวเตียง ลัลนารีปรี่เข้าไปดู แล้วถอนใจ


โล่งอกว่าตัวเองกลับมาอยู่ในปัจจุบันแล้ว เชื่อว่าที่วุ่นวายมาทั้งหมดจนเหนื่อยหอบนั้น เป็นแค่ความฝันจริงๆ


เมื่อ เชื่อเช่นนั้นแล้วลัลนารีวิ่งออกไปตามหาตุลา
เจอเขาอยู่ในชุดทำงานมือหนึ่งถือถ้วยกาแฟ อีกมือถือหนังสือพิมพ์
ได้ยินเสียงเธอร้องเรียกแว่วมา เขาลุกไปหาถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ


"ตุลย์...ตุลย์ ยังไม่ทิ้งลัลไปไหนใช่ไหม"
ลัลนารีโผเข้าไปกอดเขาไว้ทำท่าจะร้องไห้
ตุลากางแขนค้างไว้แล้วกอดตอบแต่กอดไม่สนิทเพราะมือยังถือถ้วยกาแฟกับหนังสือ
พิมพ์อยู่
ถามว่ามีอะไรรึเปล่า  ลัลนารีรีบสำรวจใบหน้าเขา  "ไหนดูซิเป็นอะไร
เจ็บตรงไหนรึเปล่า"


ตุลารู้สึกดีที่เธอเป็นห่วงเป็นใยแม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ตาม ถามว่าหายงอนแล้วใช่ไหม


ลัลนารียิ้มเก้อๆหัวเราะกลบเกลื่อนบอกว่าหายแล้ว


"ดี
แล้ว...เพราะถ้าตื่นมาแล้วยังไม่หายงอนไม่มีเหตุผลทั้งที่เพิ่งแต่งงานกัน
ผมคงไปทำงานด้วยความทรมาน...ลัลเป็นแบบนี้ดีแล้ว ไม่จุกจิก ไม่คิดมาก
ไม่ทำอะไรซ้ำซากย้ำคิดย้ำทำสมเป็นลัลที่น่ารักของผม"


ลัลนารีได้แต่ ยิ้มเจื่อนๆ ไม่กล้าแผลงฤทธิ์อีก
ตุลาจึงขอไปทำงานก่อนเย็นนี้เจอกัน ไม่ลืมย้ำว่า
"ที่ลัลโด๊ปผมไว้แล้วไม่ได้ใช้ คืนนี้ผมจะมาทวงคืนนะ"


พอตุลาเดินไป ลัลนารีก็ถามตัวเองงงๆว่า "ตกลงนี่มันอะไรกันแน่?"


ooooooo


เมื่อ ปรึกษากับภารตี เพื่อนรักยืนยันว่าเธอฝันไปแน่ๆ มันไม่จริงหรอก
แต่ลัลนารีก็ยังลังเลเพราะตนจำทุกอย่างได้แม่นยำ มันเหมือนจริงมากๆเลย
ภารตี แย็บว่าไหนบอกว่าไม่เชื่อป้าหมอดู
ลัลนารีก็ยังบอกว่าตนไม่อยากจะเชื่อหรอก


"ก็ในเมื่อตัวแกยังว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วแกจะไปปักใจเชื่อมันทำไม ไว้รอปีหน้าแกก็รู้เองว่ามันใช่อนาคตแกแน่รึเปล่า"


"ขืน รอป่านนั้นชีวิตคู่ฉันก็พังก่อนพอดี ถึงเรื่องอนาคตจะยังพิสูจน์ไม่ได้
แต่อะไรที่เกิดขึ้นแล้วมันพิสูจน์ได้นี่นา
บางทีสมุดไดอารี่เล่มนั้นมันอาจจะพิสูจน์ได้ว่าสองคนนั้นเคยกิ๊กกันจริงรึ
เปล่า ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าไดอารี่เล่มนั้นมีหรือเปล่า"
ลัลนารีจิกตาอย่างมุ่งมั่นที่จะขุดคุ้ยให้ได้!


ooooooo


ตุลา เองก็ไม่สบายใจเกรงเรื่องบางเรื่องในอดีตจะทำให้เกิดปัญหา
จึงนัดพี่สาวมานั่งคุยกัน
ขอร้องเรื่องรชาที่ติ้งบอกเบอร์โทร.ของตนไปว่าตนไม่ต้องการติดต่อกับเธอ
อีก  ในเมื่อทุกอย่างจบไปแล้วก็จบไปและตนก็มีลัลนารีแล้วด้วย


เมื่อติ้ง ยังมีทีท่าเห็นใจรชาที่กำลังมีปัญหา ตุลาขอร้องว่าอย่าไปยุ่งเลย
พี่ยุ่งเรื่องนี้ทีไรตนซวยทุกที เรื่องไดอารี่นั่นก็ทีหนึ่งแล้ว
ติ้งถามงงๆว่าไดอารี่อะไร?


"ก็ไดอารี่ที่พี่ให้ผมกับเขาสลับกันเขียนไง"


ติ้ง จึงนึกได้ว่าเมื่อครั้งที่ทั้งสองยังเรียนและติวหนังสือให้กันอยู่นั้น
วันหนึ่งรชาอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเธอบอกว่าหนังสือ เรื่องนี้โรแมนติกมาก
พระเอกกับนางเอกแลกกันเขียนไดอารี่คนละวัน
แต่ละคนก็เลยค่อยๆรับรู้ความรู้สึกของกันและกัน


ติ้งสนับสนุนวิธีการ นี้ทันที โดยเป็นตัวประสานเชื่อมทั้งสองคน
รชาเขียนไดอารี่เสร็จติ้งก็เอามาให้ตุลาเขียนต่อแต่เขาไม่ใช่คนโรแมนติกแบบ
นั้น เขาบอกว่าเอาไว้ว่างเมื่อไรค่อยว่ากัน
ติ้งไม่อยากให้บรรยากาศสะดุดและต้องการเอาใจรชา
จึงลงมือเขียนแทนตุลาเพราะลายมือคล้ายกันมาก


พอติ้งเริ่มจำได้ ตุลาพูดอย่างหนักใจว่า


"ทุกวันนี้เขายังไม่รู้เลยว่าพี่เป็นคนเขียนไดอารี่ ไม่ใช่ผม"


พอนึกได้ติ้งบอกว่ามันนานมาแล้วทำไมจู่ๆถึงได้เรียกมาคุยเรื่องนี้อีก
ตุลาย้ำว่าเพื่อจะขอร้องพี่ว่าอย่าพูดเรื่องไดอารี่กับลัลนารีเด็ดขาด
แม้แต่เรื่องรชาก็อย่าพูดพาดพิงถึงด้วย


"ทำไม กลัวรู้แล้วเขาจะไปตบกันเหมือนในละครรึไง ถ้าเมียแกทำยังงั้นได้
ฉันว่าแกรอนับวันหย่าได้เลย" ตุลาขอแค่ว่าเมื่อตนขอก็อย่าพูดก็แล้วกัน
ติ้งรับปากงอนๆเคืองๆแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหาร


ตุลาเห็นอาการของพี่สาวแล้วก็ยังไม่เชื่อใจเท่าไรนัก


แต่หารู้ไม่ว่า
หลังจากลัลนารีเล่าเรื่องให้ภารตีฟังแล้วเธอเชื่อว่าติ้งต้องรู้เรื่องรชาดี
ที่สุด บอกเพื่อนรักว่าจะไปถามติ้งดีกว่า เพราะไม่รู้จะไปถามจากใคร
ถามตุลาก็คงไม่ได้ ภารตีถามว่าทำไมไม่ได้


"ก็ฉันไม่อยากให้เขามองฉันเป็นผู้หญิงจุกจิกคิดมาก คิดซ้ำซากย้ำคิดย้ำทำ"


"แล้วที่แกทำอยู่นี่ไม่ใช่เลยหรือ" ภารตีถามดักคอ
ลัลนารีตอบไม่เต็มเสียงว่าก็มันอดคิดไม่ได้ "ตอนนี้ไม่ใช่แค่ "คิดมาก"
แต่มันจะเข้าข่าย "คิดเล็กคิดน้อย" ฉันว่าแกอย่าเพิ่งไปฟุ้งซ่าน
เอาไว้ถ้าเกิดเจอไดอารี่ขึ้นมาหรืออย่างน้อยนะมีนังน้องหมาโผล่มายืนยันว่า
ฝันแกเป็นจริงแกค่อยคิด"


ฟังภารตีพูดแล้ว ลัลนารีก็เริ่มจะกลัวขึ้นมาจริงๆเหมือนกัน


ooooooo


วันนี้
ขณะตุลายืนต่อคิวซื้อกาแฟอยู่หลังหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งยืนแชตบีบีเหมือนไม่
สนใจอะไรอยู่นั้น จู่ๆก็มีหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาแซงคิว
ตุลาทนไม่ได้เตือนเขาว่าควรต่อคิว กรุณาให้เกียรติคนเข้าคิวด้วย


ชายหนุ่มคนนั้นเถียงว่าเพราะน้องเขามัวแต่แชตบีบีอยู่ ตนเลยเข้ามาแทน ตุลาโต้ว่า


"ก็มันยังไม่ถึงคิวเขา เขาจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล
และถึงแม้จะเป็นคิวเขา
ถ้าเขายังไม่พร้อมสั่งคุณก็ต้องรอไม่ใช่เอามาเป็นข้ออ้างในการแซงคิวคนอื่น"


หนุ่มคนนั้นอ้างว่าน้องคนนั้นเขายังไม่ว่าอะไรเลยตัวเองมายุ่งอะไรด้วย


"ฉันไม่ได้พูดไม่ได้แปลว่าฉันยอม
เพราะถ้าฉันยอมก็เท่ากับปล่อยให้คุณเอาเปรียบทุกคนที่ยืนรออยู่ตรงนี้ด้วย
เพราะฉะนั้นกรุณาต่อคิวด้วยค่ะ" หญิงสาวตอบโต้อย่างฉะฉาน


หนุ่มคนนั้นเสียหน้าเสียท่าเลยไม่กินกาแฟเดินหัวเสียออกไป


หญิงสาวคนนั้นยิ้มหวานให้ตุลาชื่นชมในความหล่อเท่เป็นสุภาพบุรุษและกล้าหาญ
ของเขา ขณะเธอกำลังสั่งกาแฟนั่นเอง
ตุลาก็ได้รับโทรศัพท์แล้วรีบออกไปโดยไม่ได้ซื้อกาแฟ
หญิงสาวเสียดายมากที่ไม่ได้เลี้ยงกาแฟที่ช่วยตนไว้เมื่อครู่นี้
เธอมองตามตุลาที่เดินออกไปอย่างเท่ด้วยแววตาปลื้มสุดๆ


ooooooo


ตุลาถูกณพเรียกไปที่ห้องทำงาน มอบคดีใหม่ ให้เขาทำ บอกว่าเป็นคดีพิเศษของคุณปนุทเพื่อนเก่าเมียตนเอง เล่าเบื้องหลังว่า


"เรื่องมันมีอยู่ว่าคุณชาญสามีของคุณปนุทถูกอุ้มไปเมื่อหลายเดือนก่อน
ทางครอบครัวสงสัยว่าน่าจะเป็นเรื่องการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจกับฝ่ายตรง
ข้าม"


ตุลาถามจึงรู้ว่าเป็นธุรกิจอาบอบนวด
ปนุทสงสัยว่าคนที่บงการสั่งอุ้มสามีเธอคือนายภูมิบดินทร์
เสี่ยเจ้าของสถานบริการใหญ่
และทางผู้เสียหายคิดว่านายภูมิบดินทร์ใช้อิทธิพลทำให้ตำรวจไม่รับฟ้องเพราะ
อ้างว่ายังหาศพไม่ได้ ผู้ต้องสงสัยก็เลยลอยนวลอยู่


ณพแจ้งว่างานนี้เป็นงานหนักจึงหาผู้ช่วยมาร่วมทีมกับเขา แล้วกดปุ่มสั่งเลขาฯ


"คุณจุรี ให้คุณณิชนิชาเข้ามาได้"


ปรากฏว่าเธอคือหญิงสาวที่เจอกันที่ร้านกาแฟนั่นเอง ณิชนิชาดีใจมากที่ได้เจอตุลาอีกครั้งทั้งยังจะได้ร่วมงานกันด้วย


ณพแนะนำว่าณิชนิชาเป็นลูกของท่านรัฐมนตรีเกษมเพื่อนตนเอง เพิ่งจบโท
กำลังตามเก็บคดีอยู่ พ่อเขาก็เลยฝากมาทำงานที่นี่ ฝากตุลาดูแลน้องด้วย
แล้วบอกณิชนิชาว่า


"ตุลย์เป็นคนเก่ง สอบเนฯได้เป็นอันดับต้นๆของรุ่น เวลาขึ้นว่าความที่ศาลจับตาดูเขาไว้ให้ดี เขาต้อนจำเลยจนมุมมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว"


นวัตที่เข้ามาพร้อมตุลากระแอมขึ้นเหมือนบอกให้รู้ว่ายังไม่ได้แนะนำตนอีกคน
ณพจึงแนะนำว่าเขาคือนวัตเป็นทนายความเหมือนกัน นวัตรีบแสดงความยินดี
แต่ณิชนิชาแค่หันมายิ้มให้เท่านั้น


ณิชนิชาดีใจจนออกนอกหน้าที่ได้ร่วมงานกับตุลารีบขอเบอร์โทรศัพท์
แลกเบอร์กัน
เท่านั้นไม่พอยังถ่ายรูปเขาคู่กับตัวเองไว้ในโทรศัพท์แล้วอัพโหลดรูปที่ถ่าย
นั้นเข้าไปบนเฟสบุ๊กพร้อมข้อความกำกับไว้ว่า "มายบอส"


ooooooo


จู่ๆลักษมีก็ไปหาลัลนารีที่ออฟฟิศบอกว่าเมื่อคืนยังคุยกันไม่รู้เรื่องโดน
ตัดสายไปก่อนเลยต้องมาถามให้รู้เรื่องว่าเธอกับตุลามีเรื่องอะไรกัน
ลัลนารีรู้ ทันทีว่าแม่กำลังมาจับผิดตน
เล่าความฝันให้แม่ฟังว่าในฝันบอกว่าปีหน้าตุลาจะหย่ากับตน


"แกจะเก็บมากังวลทำไม...ยังไงมันก็จริง" ลักษมีฟันธง ทำเอาลัลนารีร้องอ้าว
"ผู้ชายน่ะร้อยทั้งร้อยมันก็เลวทั้งนั้น มันหาข้ออ้างได้สารพัดสารพัน
ทีมันท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยวพวกเราทนได้
กะอีแค่เราผมแตกปลายมันก็หาว่าเราไม่ดูแลตัวเอง หนึ่งปีเนี่ยฉันว่ายังช้าไป
เจ็ดเดือนมันก็เปิดเรดาร์เหล่หาหญิงใหม่แล้ว"


ภารตีนั่งฟังอยู่ขำจนกลั้นไม่อยู่หัวเราะออกมา
ถูกเพื่อนรักหันมาทำตาขวางเลยหยุดกึก
ลัลนารีบอกแม่ว่าเรื่องเจ้าชู้นั้นสำหรับตุลาตัดไปได้เลย
ก็ถูกแม่แย้งว่าไอ้ที่ดีๆซื่อๆนี่แหละผู้หญิงรบราฆ่าฟันแย่งกันมานักต่อนัก
แล้วแบบนี้ใช่ว่าตุลาจะอยู่รอดปลอดภัย แล้วรวบรัดถามว่า


"สรุปว่าแกกับนายตุลย์มีปัญหากันจริงๆใช่ไหม"


"ก็แค่งอนกันขำๆน่ะแม่"


"แล้วแกขำออกไหมล่ะ"


ลักษมีไล่ต้อนเสียจนลัลนารีอึ้งตอบไม่ออก ภารตีเลยเข้ามาช่วยพูดว่า


"มันไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ตี้ยืนยัน ก็แค่ปัญหาแมลงหวี่มาตอมให้เกิดความรำคาญ เจอลัลตบไปทีสองทีก็บี้คามือแล้วล่ะค่ะ"


ลักษมีมองลัลนารีกับภารตีอย่างไม่ไว้ใจ เชื่อว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรปกปิดตนอยู่เป็นแน่


จับผิดเรื่องตุลาไม่ได้
ลักษมีกลับมาบ่นกระปอดกระแปดกับลดาวัลย์ที่บ้านว่าไอ้เรื่องแมลงหวี่ที่ว่า
นี่มันเป็นใคร แล้ววกมาถามลดาวัลย์ว่าชวินทร์เป็นอย่างไร
อธิบายเรื่องสายเสื้อใน ว่าไงบ้าง


ลดาวัลย์อึกอักตอบอ้อมแอ้มว่า "เขาบอกว่าเป็นของลูกน้องทำหล่นไว้"


"ยกทรงนะยะ จะมาหล่นเรี่ยราดเป็นเศษกระดาษได้ยังไง
นี่ถ้าไอ้วินมันบอกว่ามันซื้อยกทรงมาใส่เองก็จะเชื่อใช่ไหม
โอย...เลี้ยงลูกเหมือนเลี้ยงควายปล่อยให้ผัวสนตะพายอยู่ได้
พอกัน...ทั้งพี่ทั้งน้องหาเรื่องปวดหัวมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน"
ลักษมีบ่นหัวเสีย ลดาวัลย์ได้แต่นั่งก้มหน้าพับผ้าเงียบกริบ


ooooooo


ปัญหาระหว่างรชากับภูมิบดินทร์ยังไม่จบสิ้น
เมื่อภูมิบดินทร์ไปทวงโรงแรมคืนจากรชา แต่เธอไม่ให้
อ้างว่าที่โรงแรมนี้กลายเป็นโรงแรมหรูขึ้นมาได้ก็เพราะความสามารถของตนไม่
อย่างนั้นมันก็เป็นแค่ซากตึกเท่านั้น


รชาไม่เพียงไม่ยอมคืนโรงแรมให้เท่านั้นยังบอกภูมิบดินทร์ว่าเขายังต้องจ่าย
ให้ตนอีกมากเพื่อชดใช้กับสิ่งที่ตนต้องสูญเสียไปตลอดเวลา 7 ปีที่แต่งงานกัน


"นี่...เป็นบ้าอะไรขึ้นมา คิดเหรอว่าหน้าอย่างเธอจะได้อะไรจากฉัน" ภูมิบดินทร์ขำก้าก


รชาโยนรูปที่ตัวเองโดนซ้อมลงบนโต๊ะและรูปภูมิบดินทร์ กอดผู้หญิงอื่นในบ้านให้เขาดู พูดอย่างเยือกเย็นเป็นต่อว่า


"ฉันไปแจ้งความพร้อมกับบันทึกปากคำและเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว
ตอนนี้ฉันมีหลักฐานฟ้องหย่ามากมาย มากพอที่จะทำให้แกหมดตัว!"
เขาย้อนถามว่าคิดหรือว่าเธอจะชนะ "ฉันไม่คิดว่าฉันจะแพ้ก็แล้วกัน"
รชาตอบเชิดหน้าใส่ อย่างท้าทาย


ภูมิบดินทร์หยิบรูปมาดูแล้วเหวี่ยงกระจายเต็มโต๊ะตวาดลั่น


"แกคิดว่าแกเป็นใคร กล้าดียังไงมาขู่คนอย่างฉัน ได้...ถ้าอยากจะลองของ
เดี๋ยวก็จะได้เจอ อย่าหวังว่าหล่อนจะได้อะไรจากฉัน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม เงิน
ทรัพย์สมบัติ หรือแม้กระทั่งความสุข!"


ภูมิบดินทร์ปัดรูปบนโต๊ะลงพื้นอย่างแค้นจัดแล้วเดินออกไปปิดประตูปัง!


"ใครกันแน่...ที่จะไม่มีความสุข" รชาเชิดหน้าคอแข็งจิกตามองตามอย่างร้ายกาจ!


ooooooo


ลัลนารียังไม่แล้วใจไปหาติ้งอีกถามเรื่องผู้หญิงที่ชื่อรชา
ติ้งนิ่งไปนิดแล้วตอบอย่างหนักแน่นว่าไม่รู้จัก
ลัลนารียังพยายามจะให้ติ้งรู้จักให้ได้ จนเธอโมโหไล่ให้
ออกไปเสียตนจะกินข้าวแล้วพูดใส่หน้าว่า "เห็นหน้าเธอแล้วฉันกระเดือกไม่ลง"


แต่พอลัลนารีออกไปแล้ว ติ้งก็เอะใจว่าแล้วลัลนารีไปรู้จักรชาได้ยังไง?


จากนั้นลัลนารีโทร.ไปหาภารตีเล่าให้ฟัง
ภารตีบอกว่านั่นแสดงว่าเรื่องไดอารี่อะไรนั่นโกหกทั้งเพให้ตัดใจทิ้งไปเสีย
บอกลัลนารีว่าถ้าคืนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ห้องนอนอีกก็ให้ไล่ตุลาไป
เดินธุดงค์ได้แล้วหรือไม่ก็ส่งมาให้ตนก็ได้


แม้ลัลนารีจะสงสัย งง ว่าภารตีโยงมาเข้าเรื่องคืนนี้ได้ยังไง แต่ก็ช่างเถอะหันกลับมาคิดเรื่องของตัวเองต่อ


"ตี้อาจจะพูดถูก โอเค มันเป็นแค่ความฝัน มันไม่ใช่ความจริง ไม่มีไดอารี่ ไม่มีหมา มันไม่ใช่อนาคตของเราจริงๆ"


สลัดเรื่องในความฝันทิ้งแล้ว ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา ลัลนารียิ้มแฉ่งอุทานอย่างดีใจ


"ตุลย์..."


ooooooo


เย็นนี้   ตุลากลับบ้านเร็วกว่าปกติจนลัลนารีถามว่าทำไมกลับเร็วจัง
เขาบอกว่ามีของขวัญมาเซอร์ไพรส์ ลัลนารีทำหน้ากังวลพูดกลัวๆว่า
"อย่าบอกนะว่าเป็นหมา"


ตุลามองอย่างสนใจถามว่าเธออยากเลี้ยงหมาหรือ
ลัลนารีรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีถามว่าแล้วเป็นอะไร
ตุลาเอากล่องโฟมเก็บความเย็นที่อยู่หลังคนขับส่งให้ เธอรับไปเปิดอุทาน


"หอยนางรม?"


"ผมปล่อยให้ลัลโด๊ปผมฝ่ายเดียวได้ไงได้เวลาต้องเอาคืนแล้วนะ"
ตุลาพูดเรียบๆแต่ทำเอาลัลนารีเขินหน้าแดง เขาโอบเธอไว้พูดเบาๆ
"ผมอุตส่าห์ขอลางานกลับบ้านมาก่อนเวลาเพราะจะได้รีบกลับมาอยู่กับลัลเร็วๆไง
ที่ลัลรีบกลับก็เพราะจะรอผมเหมือนกันใช่ไหม"


ลัลนารีตั้งหลักไม่ทันยิ้มรับเขินๆเนียนๆ ตอบไม่เต็มเสียง "เอ่อ...ใช่ค่ะ"


อาหารเย็นเบาๆ สร้างบรรยากาศโรแมนติกท่ามกลางหอยนางรมที่ตุลาซื้อมา
ตุลาเอาไวน์มาให้ลัลนารีแล้วนั่งโอบเธออยู่บนโซฟา
เธอซบบ่าเขาไว้อย่างแสนจะมีความสุข


ตุลาบอกว่าตอนนี้ตนมีคดีใหญ่เข้ามาคงยังพาเธอไปฮันนีมูนไม่ได้ ถามว่ารอไหวไหม


"ถ้าลัลรับเรื่องงานตุลย์ไม่ได้
เราคงไม่ได้มานั่งกันอยู่ตรงนี้ในฐานะภรรยาของตุลย์หรอก
ถึงเราจะไม่ได้ไปฮันนีมูน แต่ตุลย์มีเวลาให้ลัลแบบนี้ทุกวัน ลัลก็โอเคค่ะ"


ตุลาพูดอย่างปลื้มปีติว่าตนเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
ลัลนารียิ้มมองหน้าเขาคล้ายจะวัดใจอะไรบางอย่าง
ครู่หนึ่งจึงถามว่ามีคนบอกว่าปีหน้าเราจะเลิกกันเขาเชื่อหรือเปล่า


ตุลาถามว่าใคร เดาว่าเป็นหมอดูใช่ไหม
ลัลนารีอึกอักกล้อมแกล้มว่าก็ทำนองนั้น แล้วถามว่าเขาเชื่อหรือเปล่า
ตุลานิ่งไปครู่หนึ่งจึงบอกว่า "บอกไม่ได้"
ทำเอาลัลนารีแทบหมดอารมณ์ถามเสียงดังว่าแสดงว่าเขาเชื่อว่ามันเป็นไปได้ใช่
ไหม


"อ้าว ก็มันจริงนี่ ผมไม่รู้ว่าอีก 1 ปี เราจะเปลี่ยนไปรึเปล่า
ถ้าลัลเป็นอย่างที่เป็นทุกวันนี้ผมก็ไม่เชื่อ แต่ถ้าลัลเปลี่ยนไป
ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น"


ลัลนารีตกใจถามว่าตนเปลี่ยนอย่างไรเขาถึงจะเลิก ตุลานิ่งทำเป็นนึกๆ แล้วบอกเป็นข้อๆ


"ก็...ไม่มีเหตุผล จู้จี้จุกจิก ไม่ไว้ใจ หาเรื่องชวนทะเลาะ
อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข ตอนนั้นมันก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ด้วยกัน"


ลัลนารีอึ้งไปนาน
รีบบอกเขาว่าถ้าเมื่อไรตนเริ่มเป็นอย่างที่เขาพูดมาขอให้รีบบอก
พูดอย่างหวาดหวั่นกังวลว่าตนไม่อยากเลิกกับเขา...ไม่อยากเสียเขาไป
พูดแล้วน้ำตาร่วงขึ้นมาดื้อๆ


"โอ๋...นี่ร้องไห้ทำไม ผมยังไม่ไปไหนซะหน่อยและที่สำคัญ ผมอยู่กับลัลแบบนี้ผมมีความสุขมากเราจะเลิกกันได้ยังไง"


ลัลนารีหน้าชื่นขึ้นมาทันทีถามว่ามีความสุขจริงหรือ
เขายืนยันว่าจริงถ้าไม่มีคงไม่รีบกลับบ้านอย่างนี้หรอก
พูดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย ลัลนารีเขินดูน่ารักจนตุลาก้มลงจูบเบาๆ
เธอจูบตอบอย่างอบอุ่นแสนรัก ต่างมองหน้ากันแล้วจูบกันอีกครั้ง
ลัลนารีเคลิ้ม ความรักความเชื่อมั่นเปี่ยมล้นหัวใจ
เธอปล่อยตัวเองในอ้อมกอดตามแรงโน้มตัวลงบนโซฟาของเขาอย่างระทดระทวย...


ooooooo


เช้าวันรุ่งขึ้น   ขณะที่ลัลนารียังนอนอย่างมีความสุขอยู่บนโซฟานั่นเอง
รู้สึกจั๊กจี้ที่ปลายเท้า เธอหัวเราะคิกคักคิดว่าตุลามาล้อเล่น
จั๊กจี้เรื่อยมาจนถึงข้างหูเลยลืมตาดู
พอเห็นว่าเป็นอะไรเธอพลิกตัวหนีอย่างตกใจ
เพราะมันคือเจ้าหมาพันธุ์ปั๊กตัวน้อยนั่นเอง!


เสียงลัลนารีร้องกรี๊ดอย่างรังเกียจตกใจทำให้ตุลารีบมาถามว่าเป็นอะไร
เธอมองหมาอย่างตกใจถามมันว่ามาได้ยังไง ถามตัวเองว่า
"นี่ฉันฝันอีกแล้วใช่ไหม...ไม่นะ...ไม่..."


อาการขวัญผวาของลัลนารีทำให้ตุลายิ่งงง
เธอโผเข้ากอดเขาถามอย่างตระหนกว่านี่ตนฝันไปอีกหรือ แล้วนี่ปีอะไร
ตนหลับข้ามปีอีกแล้วใช่ไหม แล้วหมาตัวนี้มายังไง
ตกลงมันเป็นความฝันหรือความจริงบอกตนได้ไหม?


ตุลาขำๆถามว่าเธออยากเลี้ยงหมาจนถึงขนาดนี้เลยหรือ
ลัลนารีหน้าตึงถามว่าใครบอก ตุลาอุ้มลูกหมาเข้าไปหา
บอกว่าก็เห็นเธอทำเหมือนอยากได้จริงๆ ลัลนารีถอยมองอย่างหวาดกลัว
ปฏิเสธว่าเปล่า ไม่ใช่
ตุลายังอุ้มลูกหมาอยู่บอกเธออย่างมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่คิดว่าเธอชอบ
ว่า


"ที่จริง ผมก็ไม่ได้คิดจะเลี้ยงหรอก แต่เห็นเมื่อวาน ลัลถามถึงหมา
ผมก็เลยคิดว่าอยากได้ เมื่อเช้าเห็นมีคนเอาลูกหมามาขายที่ตลาด
ผมเลยซื้อมาให้เป็นของขวัญสำหรับวันแต่งงานของเราไงจ๊ะ
ก่อนที่เราจะมีลูกก็เลี้ยงเจ้านี่ไปก่อน นะ...นะ...มันมองลัลใหญ่
สงสัยจะอยากเล่นด้วยเห็นไหม..."


ตุลาส่งลูกหมาให้ ลัลนารีถอยกรูดปฏิเสธว่าไม่...ไม่...
พลันก็นึกได้โกหกว่าตนมีงานด่วนต้องรีบไปทำแล้วขอตัวลุกวิ่งไปห้องนอนอย่าง
ลนลาน จนตุลาแปลกใจก้มมองลูกหมาในมือเห็นมันมองตามลัลนารีไปงงๆเหมือนกัน...


พอไปถึงออฟฟิศก็ปรึกษาภารตีทันที เพื่อนรักบอกว่าก็แค่บังเอิญจะตีโพยตีพายไปทำไม แต่ลัลนารีก็ยังบ่นไม่เลิกว่า


"จะไม่ให้โวยได้ไง ถ้ามีเจ้าหมาปั๊กกี้โผล่มายังงี้
แสดงว่าความฝันที่ฉันเห็นวันนั้นก็จะเป็นอนาคตของฉันจริงๆน่ะสิ ไม่เอานะ
ฉันไม่อยากเลิกกับตุลย์นะแก"


"มันก็แค่หมา ตอนนั้นแกเห็นตั้งหลายอย่าง ไหนล่ะไดอารี่
แล้วพี่ติ้งก็บอกว่าไม่รู้จักกับรชา
แสดงว่าความจริงมันตรงกับความฝันยังไม่ถึง 50% เพราะฉะนั้น ไม่ต้องวิตก
ไว้มีไดอารี่เลิฟโผล่มาแล้วค่อยวิตกจริตเถอะย่ะ"


พูดแล้วภารตีก้มหน้าทำงานต่อ แต่ลัลนารียังนั่งสีหน้ากังวลเป็นทุกข์อยู่


ooooooo


เช้าวันเดียวกันนี้ รชาลงจากรถสปอร์ตคันงามอย่างเฉิดฉาย
กรีดกรายเดินเข้าไปในตึกออฟฟิศตุลา เจอจุรีที่คุยอยู่กับนวัต
จุรีถามนวัตว่านั่นใช่ยายมือตบคู่ปรับของลัลนารีรึเปล่า


"เป๊ะเลยฮะพี่ สงสัยจะมาหาพี่ตุลย์  เอาเป็นว่าพี่จุ๊รับไปนะครับ
ผมขอชิ่งก่อนดีกว่า" ว่าแล้วนวัตเดินเข้าออฟฟิศไป  ไวราวกับปรอท
จุรีจึงต้องรับหน้ารชาโดยปริยายและโดยหน้าที่


รชากรีดกรายมายืนที่หน้าเคาน์เตอร์ที่จุรีนั่งอยู่บอกว่ามาพบตุลา จุรีถามว่านัดไว้รึเปล่า


รชายืนเชิดคอแข็งตอบอย่างยโสว่า เปล่า พอรชารู้ว่าตุลาไม่อยู่ก็ย้อนถามอย่างไม่พอใจว่าไม่อยู่แล้วจะถามทำไมว่านัดไว้หรือเปล่า


จุรีตอบไปด้วยน้ำเสียงในระดับเดียวกันว่าตนก็แค่อยากจะเรียนให้ทราบว่า
ถ้าจะมาพบตุลาต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น รชาถามว่าเขาจะเข้ามาเมื่อไหร่
พอจุรีบอกว่าบ่ายนี้ เธอนัดทันทีว่า


"งั้นฉันขอนัดเขาบ่ายนี้ ตุลย์เขาทราบดีว่าธุระของฉันสำคัญแค่ไหน"


"ได้ค่ะ แล้วดิฉันจะลงนัดไว้ให้บ่ายสองโมงนะคะ" จุรีฉีกยิ้มตอบอย่างไม่แคร์


รชารับฟังไม่พูดอะไรสักคำแม้แต่รอยยิ้มก็ไม่มี เธอเอาแว่นดำมาใส่แล้วเดินเชิดออกไปราวกับนางพญา


ooooooo


 






Free TextEditor


Create Date : 04 ธันวาคม 2553
Last Update : 4 ธันวาคม 2553 19:31:19 น. 0 comments
Counter : 301 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.