|
ชวนร่วมบริจาคโลหิต ช่วยผู้ป่วยเด็กโรคเลือด
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ชวนร่วมบริจาคโลหิตในโครงการ "ปันโลหิตให้น้อง" ระหว่างวันที่ 1-31 ตุลาคม 2553 สำรองโลหิตช่วยผู้ป่วยเด็กโรคเลือดให้ได้รับการรักษา อย่างสม่ำเสมอ และบรรเทาภาวะขาดแคลนโลหิต ช่วงปิดเทอม พร้อมรับของที่ระลึก พวงกุญแจกรุ๊ปโลหิต
แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคม 2553 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้จัดโครงการ ปันโลหิตให้น้อง เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมบริจาคโลหิต เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอสำหรับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอตลอดปี โดยเฉพาะผู้ป่วยด้วยโรคทางโลหิตวิทยาหรือโรคเลือด อาทิ โรคโลหิตจาง โรคธาลัสซีเมีย เกล็ดโลหิตต่ำ ฮีโมฟีเลีย ฯลฯ ส่วนใหญ่จะเป็นตั้งแต่แรกเกิด และบางรายจำเป็นต้องได้รับการรักษา ด้วยการให้โลหิตเป็นประจำอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
โดยโลหิตที่ได้จากการรับบริจาคทั้งหมด 23 % นำไปใช้กับผู้ป่วยโรคเลือด ซึ่งมีประมาณ 60,000 - 100,000 ราย และมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีโลหิตสำรองเพียงพออย่างสม่ำเสมอ ในการรักษาผู้ป่วยโรคเลือด ที่จะต้องได้รับการรักษาด้วยการให้โลหิตเท่านั้น ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่าง ๆ
ทั้งนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้กำหนดเป้าหมายการจัดหาโลหิตบริจาคอย่างน้อย วันละ 1,500-2,000 ยูนิต หรือเดือนละ 45,000 ยูนิต แต่ในช่วงของเดือนตุลาคม ของทุกปี มักจะเกิดภาวะขาดแคลนโลหิต เนื่องจากสถานศึกษาต่าง ๆ ซึ่งเป็นหน่วยรับบริจาคโลหิตปิดภาคเรียนไม่มีการรับบริจาคโลหิต ทำให้ปริมาณโลหิตกว่า 25 % ที่เคยได้รับบริจาคจากนักเรียน นิสิต นักศึกษา ลดจำนวนลงไป และยังเป็นช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นอุปสรรคในการเดินทางไปบริจาคโลหิต
จากสถิติการรับบริจาคโลหิตในเดือนตุลาคมปี 2552 ได้รับโลหิตบริจาคเพียง 42,491 ยูนิต ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้โลหิตสำรองในคลัง ไม่มีเพียงพอจ่ายให้แก่โรงพยาบาล และปัจจุบันมีการขอใช้โลหิตจากโรงพยาบาลต่าง ๆ กว่า 400 แห่ง ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด สูงถึงวันละ 5,000 ยูนิต ศูนย์บริการโลหิตฯ จึงได้จัดโครงการและกิจกรรมทุกเดือนตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริจาคโลหิตสม่ำเสมอ ส่งผลให้มีโลหิตสำรองเพียงพออย่างสม่ำเสมอแก่ผู้ป่วย รวมทั้งผู้ป่วยเด็กโรคเลือดให้มีโลหิตในการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้ชิญชวนบริการโลหิต ยังหน่วยเคลื่อนที่มีสุขภาพแข็งแรง เจริญเติบโตเหมือนคนปกติทุกประการ และสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข
จึงขอเชิญร่วมบริจาคโลหิตในโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2553 ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์
สาขาบริการโลหิตจำนวน 6 แห่ง ได้แก่
- โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า โทร.02-354-7601 เปิดวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30- 15.00 (พักเที่ยง) หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันนักขัตฤกษ์
- โรงพยาบาลตำรวจ โทร.02-252-8111-25 เปิดวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 -15.00 (พักเที่ยง) หยุดวัน เสาร์ ,อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์
- โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โทร.02-460-0000 เปิดวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 -15.30 (พักเที่ยง) วันอาทิตย์ เวลา 8.30 -15.30 (ไม่พักเที่ยง) วันนักขัตฤกษ์ เวลา 8.30 -15.30 8.30 -15.00 (หยุดเฉพาะวันสงกรานต์และปีใหม่ค่ะ)
- โรงพยาบาลรามาธิบดี โทร.02-201-1000 นิวจะแจ้งให้ทราบนะคะ ขอบคุณนะคะ : ) เปิดวัน จันทร์- ศุกร์ เวลา 8.30-16.00 (ไม่พักเที่ยง ) เปิดวัน เสาร์ - อาทิตย์ และ นักขตฤกษ์ เวลา 8.30-16.00 (พักเทียง)
- โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช โทร.02-534-7000 เปิดวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.00-15.30 ( พักเที่ยง) หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ (เปิดเฉพาะวันที่ 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม ค่ะ )
- วชิรพยาบาล โทร. 02-244-3000 เปิดวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.00 -16.00 (ไม่พักเที่ยง) หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์
วัน เวลา เปิดทำการ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถ.อังรีดูนังต์ นะคะ
วันจันทร์,พุธ,ศุกร์ เปิดเวลา 08.00 - 16.30 น. วันอังคาร,พฤหัสบดี เปิดเวลา 07.30 - 19.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 08.30 - 15.30 น
ส่วนภูมิภาค บริจาคโลหิตได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 4 แห่ง ได้แก่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดชลบุรี, อุบลราชธานี ,สงขลา และเชียงใหม่
สอบถามรายละเอียดได้ที่
โทร. 02-256- 4300, 02-263 -9600-99
ต่อ1101,1753,1760
ขอขอบคุณที่มาจาก kapook icare นะคะ
คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต
1. มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป 2. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์ ( ถ้าเป็นผู้บริจาคครั้งแรกต้องอายุไม่เกิน 55 ปี) 3. มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อยู่ระหว่างไม่สบายหรือรับประทานยาใดๆ 4. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด 5. สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์หรือ ให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตร หรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา
การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต
- นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง ในเวลาปกติคืนก่อนวันบริจาค
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง -รับประทานอาหารมื้อหลักก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากจะทำให้สีของพลาสมาผิดปกติเป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้
- ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว และเครื่องดื่มเหลวเพิ่ม เช่น น้ำผลไม้ นม น้ำหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตในร่างกาย จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อน เช่น มึนงง อ่อนเพลีย หรือวิงเวียนศีรษะภายหลังบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาค
- งดสูบบุหรี่ ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี
ขณะบริจาคโลหิต
- สวมใส่เสื้อผ้าที่แขนเสื้อไม่คับเกินไป สามารถดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้อย่างน้อย 3 นิ้ว
- เลือกแขนข้างที่เส้นโลหิตดำใหญ่ชัดเจน ที่สามารถให้โลหิตไหลลงถุงได้ดี ผิวหนังบริเวณที่จะให้เจาะ ไม่มีผื่นคัน หรือรอยเขียวช้ำ ถ้าแพ้ยาทาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า
- ทำตัวตามสบาย อย่ากลัว หรือวิตกกังวล
- ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง หรืออมลูกอมขณะบริจาคโลหิต
- ขณะบริจาคควรบีบลูกยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้โลหิตไหลได้สะดวก หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น วิงเวียน มีอาการคล้ายจะเป็นลม อาการชา อาการเจ็บที่ผิดปกติ ต้องรีบแจ้งให้พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ ในบริเวณนั้นทราบทันที
- หลังบริจาคโลหิตเสร็จเรียบร้อย ห้ามลุกทันที ให้นอนพักสักครู่จนกระทั่งรู้สึกสบายดี จึงลุกไปดื่มน้ำ และรับประทานอาหารว่างที่จัดไว้รับรอง
หลังบริจาคโลหิต
- ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เป็นเวลา 1-2 วัน
- หลีกเลี่ยงการทำซาวน่า หรือออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมากๆ งดใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ รวมถึงการหิ้วของหนักๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ภายหลังการบริจาคโลหิต
- ถ้ามีอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม หรือรู้สึกผิดปกติ ให้รีบนั่งก้มศีรษะต่ำระหว่างเข่า หรือนอนราบยกเท้าสูงจนกระทั่งมีอาการปกติจึงลุกขึ้น และเดินทางกลับ ป้องกันอุบัติเหตุจากการล้ม
- ถ้ามีโลหิตซึมออกมาจากรอยผ้าปิดแผล อย่าตกใจ ให้ใช้นิ้วมืออีกด้านหนึ่งกดลงบนผ้าก๊อส กดให้แน่นและยกแขนสูงไว้ประมาณ 3-5 นาที หากยังไม่หยุดซึมให้กลับมายังสถานที่บริจาคโลหิต เพื่อพบแพทย์หรือพยาบาล
- ผู้บริจาคโลหิตที่ทำงานปีนป่ายที่สูง หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ควรหยุดพัก 1 วัน
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละอย่างน้อย 1 เม็ด จนหมด เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
ขั้นตอนบริจาคโลหิต ที่สภากาชาดไทยนะคะ
ขั้นตอนที่ 1 กรอกแบบฟอร์มผู้บริจาคโลหิต ควรให้ข้อมูลตรงตามความเป็นจริงของผู้บริจาค จะทำให้ได้โลหิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อตัวผู้บริจาคเอง และตัวผู้ป่วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการรับบริจาคโลหิต
ขั้นตอนที่ 2 ตรวจร่างกาย วัดความดันโลหิต และความเข้มโลหิต *บุคลากรทางการแพทย์ จะสอบถามประวัติผู้บริจาคเพิ่มเติม เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้นว่าท่าน มีสุขภาพพร้อมที่จะบริจาคโลหิตหรือไม่ โปรดอย่าปิดบังข้อมูลเรื่องสุขภาพ หรือเขินอายที่ จะตอบคำถาม
ขั้นตอนที่ 3 ลงทะเบียนรับหมายเลขถุงบรรจุโลหิต ที่เคาน์เตอร์ทะเบียน
ขั้นตอนที่ 4 บริจาคโลหิต ที่ชั้น 2
ขั้นตอนที่ 5 พักรับประทานอาหารว่าง/เครื่องดื่ม
*หลังบริจาคโลหิตจำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มที่เจ้าหน้าที่จัดไว้บริการให้ และนั่งพักสักระยะหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพน้ำในร่างกาย เมื่อปกติดีแล้วจึงเดินทางกลับ
ขอขอบคณที่มาจาก //www.redcross.or.th/donation/blood_wholeblood.php
Create Date : 29 กันยายน 2553 |
Last Update : 23 ตุลาคม 2553 7:18:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 599 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
อลิซ ในดินแดนไม่มหัศจรรย์
|
|
|
|
|
|
|