Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
1 กุมภาพันธ์ 2561
 
All Blogs
 
วรรณกรรมที่ว่าด้วย .... Content (2)




1 กุมภาพันธ์ 2561



เนื้อหาในตอนที่ (1)
วรรณกรรมที่ว่าด้วย .... Content (1)




ผมมีโอกาสไปอบรมที่สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “การเขียน Content สู่การสร้างสรรค์อำนาจของวรรณกรรม” เมื่อวันที่ 27-28 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ผมจึงขอจับประเด็นสำคัญที่ได้รับจากการอบรมในครั้งนี้มาเขียนนำเสนอให้ท่านที่สนใจ เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านด้วย

(รายละเอียดจากการอบรมในครั้งนี้ ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด หรือคาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ผมก็ต้องขออภัยมา ณโอกาสนี้ด้วยครับ ขอบคุณมากครับ)






 







โดยข้อหัวouhเป็นการพูดถึง “นิยามความหมายของ Contentในโลกแห่งการสื่อสาร สู่อำนาจของวรรณกรรมและชีวิตในยุคศตวรรษที่ 21” โดยครูใหญ่ของโรงเรียนนักเขียน อาจารย์สกุล บุณยทัต

- Content ถือว่าเป็นรากฐานของงานวรรณกรรมโลกเลย โดยวรรณกรรมชิ้นเอกของโลกต่างก็เน้นที่ Content และ From เป็นหลัก

-ขอยกตัวอย่างงานวรรณกรรมที่มีอยู่ในบ้านเรา ขอมาแนะนำให้เห็นถึง Content ที่เป็นเนื้อหาสำคัญในเรื่องนั้นๆ ซึ่งอยากจะแนะนำให้ทุกท่านที่สนใจเรื่อง Content ควรจะไปหามาอ่านกัน


(ขอแจ้งให้ทราบว่า ... รายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือแต่ละเล่ม และ Content ต่างๆ ที่ยกมานั้น บางส่วนผมคัดลอกมาจากคอลัมน์ “ปากกาขนนก” ในสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ที่เขียนโดยอาจารย์สกุล บุณยทัต ซึ่งอาจารย์ถ่ายเอกสารนำมาแจกเป็นเอกสารประกอบการอบรมในครั้งนี้ , อนึ่งรูปภาพหนังสือทั้งหมดที่อยู่ในเนื้อหานี้ ผมเสิร์ชหามาจากในอินเตอร์เน็ต จากเว็บขายหนังสือต่างๆ ซึ่งผมนำมาประกอบไว้เพื่อเป็นความรู้ทางการศึกษา และหวังว่าจะมีประโยชน์ทางอ้อมสำหรับเว็บที่ขายหนังสือด้วย ดังนั้นผมขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยครับ)








 






แม้มืดมิด เงียบงัน มิอาจขวางกั้น (The Story of My Life)

คำโปรย ... “เมื่อประตูแห่งความสุขบานหนึ่งปิดลง ประตูบานใหม่ก็ได้เปิดออก แต่เรามักจับจ้องอยู่กับประตูที่ปิดลง จนมองไม่เห็นประตูบานใหม่ที่เปิดรออยู่”

-ผลงานเขียนของ “เฮเลน เคลเลอร์” (Helen Keller) ผู้ที่ถูกโชคชะตาเล่นงานเอาตั้งแต่เธอมีอายุได้เพียง 19 เดือน เธอป่วยจนแทบจะเสียชีวิต ด้วยโรคลึกลับที่แพทย์สมัยนั้นเรียกว่าโรค “ไข้สมอง” (อาการโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ) ผลจากการป่วยในครั้งนั้นทำให้เธอเป็นคนหูหนวกและตาบอดไปตลอดชีวิต

- “คนเรานั้นเมื่อยามรู้ว่า ตนเองกำลังเดินอยู่ในหุบเขาแห่งความอ้างว้างเพียงลำพัง ย่อมรู้จักคุณค่าความรักอันนุ่มนวลจากคำพูด การกระทำ และมิตรภาพของผู้อื่นได้น้อยมาก”

-หนังสือเล่มนี้เป็นความหวังของชีวิต มันคือบันทึกประสบการณ์ชีวิตอันยิ่งใหญ่ การดำรงอยู่ของชีวิตท่ามกลางวิกฤตอันมืดมิดของชะตากรรมที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก ภาวะแห่งการเอาตัวรอดจากวิกฤตอันทุกข์ยากนี้ถือเป็นความยิ่งใหญ่ เป็นการพลิกด้านจากความเจ็บปวดกลับขึ้นมาก่อให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจที่ทรงพลัง มันคือความหมายอันลึกล้ำของศรัทธา และความเชื่อมโยงระหว่างชีวิตต่อชีวิตด้วยความรัก

- “ฉันจึงพยายามทำให้แสงสว่างในดวงตาของคนอื่นเป็นแสงตะวันของฉัน ทำให้เสียงเพลงในหูคนอื่นเป็นวงดนตรีประสานเสียงวงใหญ่ของฉัน และทำให้รอยยิ้มของคนอื่นเป็นความสุขของฉัน”





@@@@@@@@@@






 







ศิลปะแห่งอำนาจ (The Art of Power)

คำโปรย ... “อำนาจ ... มีความดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการเพิ่มพูนความสุขของตนเอง และความสุขของผู้อื่น”

-หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานรังสรรค์ทางจิตวิญญาณเขียนโดย “ติช นัท ฮันท์” พระเซนชาวเวียดนาม ผู้ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาและเรียบง่ายในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณ เผยแผ่องค์ความรู้เกี่ยวกับนิกายเซนไปสู่การรับรู้ของคนทั่วโลก เล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยโดย “จิตร์ ตัณฑเสถียร”

- “ทำไมคนส่วนใหญ่จึงยอมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่ต่างขวนขวายให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ เพราะต่างก็เชื่อว่า อำนาจจะควบคุมสถานการณ์ชะตาชีวิตของตัวเองไว้ได้ และเชื่อว่าอำนาจจะนำมาซึ่งความสุขซึ่งเป็นสิ่งสูงสุดที่คนเราต้องการ”

- “เราทุกคนต่างต้องการเป็นผู้ทรงอำนาจและประสบความสำเร็จ หากแรงขับที่ทำให้เราได้มาซึ่งอำนาจนั้นและการรักษาอำนาจเอาไว้ ทำให้เราสิ้นแรงและความสัมพันธ์ต้องตึงเครียด เราย่อมไม่เบิกบานกับความสำเร็จทางวัตถุนั้นได้อย่างแท้จริง”

- “ในขณะที่โลกของวันนี้กำลังเต็มไปด้วยวิกฤตแห่งการใช้อำนาจ จากการบ่มเพาะด้วยเมล็ดพันธ์ที่ไม่ดี มันเต็มไปด้วยชะตากรรมแห่งความผิดบาป และผู้คนหลงยึดติด หลงใหลในการใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่งและใช้อำนาจไม่เป็น โศกนาฎกรรมต่างๆ นานาจึงทับถมโลกอย่างท้วมท้น”



@@@@@@@@@@







 







เจ้าผู้ปกครอง (The Prince)

คำโปรย ... “คนที่ซื่อสัตย์นั้น ไม่อาจทำสิ่งที่ดีต่อความชั่วร้ายได้เลย หากปราศจากการรอบรู้ในเรื่องความชั่ว”

-หนังสือเล่มนี้ถือเป็นการประพันธ์ที่ทรงคุณค่าสำหรับระบอบการเมือง แม้ว่ากาลเวลาของหนังสือเล่มนี้จะผ่านไปกว่า 500 ปีแล้วก็ตาม เป็นผลงานเอกอุทางภูมิปัญญาและวิสัยทัศน์อันหยั่งลึกเฉียบคมของ “นิโคโล มาคิอาเวลลี” (Niccolo Macchiavalli) ผู้ถือว่าเป็นนักสัจนิยมคนแรกของอิตาลี

- “มันคือหนังสือเล่มแรกและอาจจะเป็นเล่มที่ดีที่สุดที่ช่วยยืนยันได้ว่า การเมืองควรมีกฎเกณฑ์ของตัวเอง และไม่ควรรับกฎเกณฑ์อื่นจากแหล่งใดที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเอาชนะและได้เปรียบผู้อื่น”

- “ผู้ปกครองควรทำให้คนกลัวมากกว่าทำให้คนรัก เหตุผลสำคัญคือว่า ความรักต่อๆ ไปอาจทำให้คนเกลียดได้ แต่ความกลัวนั้นไม่ก่อให้เกิดทั้งรักและเกลียด ผู้ปกครองจึงควรใช้อำนาจอย่างเต็มที่เพื่อให้คนอื่นกลัว”

- “ผู้มีอำนาจย่อมเป็นผู้ถูกเสมอ เพราะอำนาจอยู่กับตัวจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่มีใครกล้าถือว่าเป็นความผิด นั่นคือสิ่งสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เป้าหมายย่อมสำคัญกว่าวิธีการ ผู้มีอำนาจจึงสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย”



@@@@@@@@@@



 






จุลินทรัย์แห่งความสำเร็จ (Secret Ingredient)

คำโปรย ... “ถ้าสิ่งที่คุณกำลังทำมันเป็นประโยชน์ต่อโลกมาก แม้ผลลัพธ์จะล้มเหลว คุณก็ต้องทำมัน”

-หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของ “นครินทร์ วนกิจไพบูลย์” นักคิด นักเขียนรุ่นใหม่ ผู้สร้างรากฐานแห่งสาระเนื้อหาบนสื่อออนไลน์อย่างเข้มข้น และเต็มไปด้วยแง่มุมแห่งการใคร่ครวญอยู่ในขณะนี้

- “ผมเชื่อว่า ... ทุกความสำเร็จล้วนมีจุลินทรีย์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา แน่นอนว่าความพยายามยังคงเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุด แต่ในเราทุกตัวต่างก็มีความพยายามเหมือนกัน ความพยายามจึงกลายเป็นสิ่งพื้นฐานที่ใครๆ ก็มีได้ บางทีการประสบความสำเร็จในโลกที่ผันผวนและเชี่ยวกรากแค่ความพยายามจึงอาจจะไม่เพียงพอ”

-เล่มนี้ถอดรหัส “จุลินทรีย์แห่งความสำเร็จ” ของพวกที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ เพื่อดูว่า อะไรทำให้เป็นอย่างนั้นไปได้? อะไรที่ทำให้ใครก้าวหน้าหรือรุ่งเรืองขึ้นได้? นั้นคือโจทย์แห่งคำถามที่มีคำตอบอันพึงรู้พึงคิดอยู่ในตัว เป็นรหัสสำคัญต่อการปลูกสร้างวิถีแห่งการก้าวย่างสู่ความสำเร็จของชีวิต”

-เป็นหนังสือที่เปิดโลกทัศน์แห่งการมีชีวิตอยู่อย่างเปิดกว้าง ด้วยหัวใจแห่งการเรียนรู้ภายในตัวตนของตน ตลอดจนโครงสร้างความเป็นไปของโลก และมวลมนุษย์ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันยิบย่อยหลากหลาย ความสำเร็จและความล้มเหลวในชีวิตคือบททดสอบสำคัญแห่งการมีชีวิตอยู่



@@@@@@@@@@




 






เทพตำนานซีซิฟ (Le Mythe de Sisyphe)

คำโปรย ... “ชีวิตไร้สาระก็จริง แต่ต้องยอมรับและพร้อมที่จะโอบกอดมัน”

-เป็นหนังสือความเรียงขนาดยาวของ “อัลแบรต์ กามูส์” นักเขียน นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส เชื้อสายแอลจีเรีย แปลเป็นภาษาไทยจากต้นฉบับเข้มข้นภาษาฝรั่งเศสโดย “วิภาดา กิตติโกวิท”

-เรื่องราวถูกเขียนขึ้นด้วยเป้าประสงค์ที่จะอธิบายถึงข้อตระหนักแห่งแนวคิดของเขา ในประเด็นเริ่มต้นจากคำถามสำคัญที่ว่า คนเราควรฆ่าตัวตายหรือไม่? อันเป็นคำถามในมิติแห่งปรัชญาที่ยิ่งใหญ่ในทัศนคติของเขา

-กามูส์ ได้แสดงทรรศนะเชิงปรัชญาว่า “คนฆ่าตัวตายเพราะชีวิตไม่น่าอยู่” นื่คือความจริงโดยไม่ต้องสงสัย นั่นเป็นความจริงที่ไร้ดอกผล เพราะเป็นความจริงที่เห็นจะจะ แต่การหมิ่นแคลนการดำรงอยู่ ตลอดจนความผิดหวังที่เรากระโจนลงไปสู่นั้น ล้วนเกิดจากการที่ชีวิตไร้ความหมายกระนั้นหรือ? ความไร้สาระของชีวิตกู่เรียกให้เราหนีจากมันด้วยความหวังหรือการฆ่าตัวตายหรือไม่?

- “ในที่สุดฉันก็ตระหนักว่า ฉันเคยมีความสุขตลอดมา และยังคงเป็นสุขอยู่จนวินาทีสุกท้าย ชีวิตไร้สาระก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับและพร้อมที่จะโอบกอดมัน”



@@@@@@@@@@



 






โลก เหล้า และความรัก

บทรำลึกถึง แปดสิบปีแห่งชาตกาลของ “ โก้วเล้ง”

คำโปรย ... “คนเสเพล ปีศาจสุรา มิเห็นมีที่ใดไม่ดี นั้นยังประเสริฐกว่าวิญญูชนจอมปลอมสวมหน้ากากออกหลอกลวงมากมายนัก หรือไม่ใช่?”

-เป็นหนังสือรวบรวมปรัชญาวาทะจากวรรณกรรมอมตะของ “โก้วเล้ง” โดย “พันหนึ่งราตรี” ซึ่งมี “เรื่องรอง รุ่งรัศมี” ผู้ลึกซึ้งในปรัชญาของโก้วเล้งจาก “เดียวดายใต้เงาจันทร์” เป็นที่ปรึกษา

-วาทกรรมจากงานวรรณกรรมของโก้วเล้ง เมื่อใครได้อ่านได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม มันจะส่งผลอันดิ่งลึกต่อการเตรียมการ และการเลือกปฏิบัติที่เฉียบคมอันมาถูกที่ถูกเวลาของชีวิต

- “สุราไม่ต้องมาก เพียงอยู่ที่ความจริงใจแค่จอกเดียวก็พอ”

- “ความผูกพันระหว่างพ่อลูก น้ำมิตรระหว่างสหาย ความรักระหว่างเพศ ความเห็นอกเห็นใจต่อมนุษยชาติ ความรักถนอมชีวิต ความจงรักภักดีต่อบ้านเมือง เหล่านี้เป็นความรัก”

- “หากปราศจากซึ่งความรัก ผู้ใดทราบ โลกนี้จะเป็นเยี่ยงใด?”




@@@@@@@@@@




 






ประชาธิปไตยไม่ยาก ถ้าอยากได้

คำโปรย ... “ถ้าจะเป็นประชาธิปไตย ถึงจะไม่ยอมใครก็ต้องยอมให้แก่ธรรม”

-“ประชาธิปไตยไม่ใช่การปกครองที่ดีที่สุด แต่เป็นการปกครองที่เลวน้อยที่สุด ซึ่งในความเลวน้อยที่สุดนั้น ประชาธิปไตยจะดีที่สุดได้ ก็ต่อเมื่อประชาชนมีคุณภาพมากที่สุด”

-เล่มนี้เป็นหนังสือแห่งคุณค่าในสังคมการเมือง ที่นำเสนอผ่านแง่งามทางความคิดแห่งพุทธิปัญญาของท่าน “พระพรหมคุณาภรณ์” (ป.อ.ปยุตโต) ผู้ยืนยันว่า “ประเทศจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ ถ้าประชาชนไม่เป็นธรรมาธิปไตย”

- “ธรรมาธิปไคย คือหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจของบุคคลที่อยู่หรือร่วมอยู่ในระบอบการปกครองนั้น โดยต้องมีปัญญารู้ว่าอะไรคือความจริง อะไรถูกต้อง อะไรดีงาม แล้วจึงตัดสินใจลงไปอย่างจริงใจไปตามมิติของปัญญานั้น นั้นหมายความว่า แค่เลือกตั้ง ประชาชนแต่ละคนก็มีเกณฑ์ตัดสินใจเป็นของตัวเอง”

-หนังสือเล่มนี้คือบทสะท้อนถึงการพัฒนาและสร้างสรรค์ในความเป็นประชาธิปไตย ที่ถือเป็นจุดอ่อนขั้นสูงสุดในสถานะทางการเมืองของประเทศ ที่ปรากฎผลออกมาให้ได้เห็นถึงความขัดแย้งที่ไร้ซึ่งดุลยภาพของการดำรงอยู่ ขาดพื้นฐานทางปัญญาที่จะปฏิบัติต่อสิทธิและหน้าที่อันควรจะเป็นระหว่างกัน

-เป้าประสงค์ของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การเจริญธรรม เจริญปัญญาให้แก่ปผระชาชน เพื่อให้ตระหนักถึความถ่องแท้บน “วิถีธรรม” ที่ถูกที่ควร อีกทั้งเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อการเกิดสัมมาทรรศนะและสัมมาปฏิบัติ ที่จะเกิดเป็นความเพิ่มพูนที่จะแผ่ขยายออกไปในหมู่ประชาชน



@@@@@@@@@@



 






พลังสร้างสรรค์ (Creativity)

คำโปรย ... “เมื่อใดก็ตามที่ท่านมีภาวะแห่งการสร้างสรรค์ขึ้นกับตัว เมื่อนั้นท่านจะได้ลิ้มรสชีวิต”

-เป็นหนังสืออีกเล่มของ “OSHO” มุ่งสาระที่จะอธิบายความหมายของการสร้างสรรค์ ด้วยวิธีการบรรยายถึงสิ่งที่แตกต่างกันที่อยู่ในตัวของแต่ละบุคคล ที่ให้คำถามและคำตอบที่แตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุผลอันมากมาย

- “แล้วอะไรคือสิ่งที่ปิดกั้นการสร้างสรรค์ของคนเรา และทำอย่างไรเราทุกคนจึงจะใช้พลังสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัวเองได้”

-พลังการสร้างสรรค์ คือผลงานที่ปลุกจิตวิญญาณให้ตื่นตระหนักถึงสิ่งที่เป็นความจริงแท้ ที่หลอมอยู่ในจริตของชีวิต ผ่านการพินิจพิเคราะห์ในเชิงเปรียบเทียบหลากหลายมิติ ในเนื้องานแห่งชีวิตกับฉากแห่งปรารถนาของเกียรติยศชื่อเสียงที่ไม่จีรัง”

-เล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยโดย “ภัทริณี เจริญจินดา” ถ่ายทอดความนัยของหนังสืออันมีคุณค่านี้ ด้วยท่วงทำนองของบทเพลงแห่งความสงบงาม ตีแผ่ เปิดเผย และสอดประสานกับนัยสำนึกได้อย่างป็นเอกภาพ




@@@@@@@@@@


-สรุปได้ว่า Content ก็คือเนื้อหานั้นเอง โดยการสร้างเนื้อหาที่ดีนั้น = ความคิดสร้างสรรค์+จินตนาการ+อารมณ์ความรู้สึก โดยเนื้อหาที่ดีควรจะ

1. สร้างอารมณ์ร่วมให้เกิดแก่ผู้อ่าน

2. ต้องมีลักษณะของการบอกกล่าว

3. ต้องใช้แก้ปัญหาได้

4. ต้องให้ไอเดีย ทำให้ผู้อ่านเกิดอุดมความคิดขึ้น

5. ต้องสร้างแรงบันดาลใจ

-ที่ผ่านมาคนไทยไม่ค่อยมีมิติของความซาบซึ้งสักเท่าไหร่ สิ่งนี้เป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้งานเขียนเราออกไปสู่สากลได้ เราต้องเปิดใจร่วมกัน ต้องใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง

-จะเห็นว่านวนิยายสมัยใหม่ของไทย ส่วนใหญ่เป็นแนวก๊อปปี้ คือซ้ำรูปแบบเดิม ไม่เปลี่ยนใหม่ ไม่แหวกแนวเลย คือบทบาทหรือความรู้สึกของตัวละครนั้นคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แนวรักก็รักเหมือนเดิม เขียนซ้ำของเดิม เปลี่ยนแค่อาชีพของตัวละครและชื่อของตัวละครเท่านั้นเอง

-ในทางธุรกิจต้องเขียนคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อของ ต้องมีเนื้อหาที่เป็นประเด็นหลัก และมีสาระสำคัญที่ลึกซึ้ง (Deep inside) มีผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้ซื้อ ที่ผู้ซื้อสามารถรับรู้ได้ด้วยใจ โดยอาจจะกล่าวได้ว่า คอนเทนต์ต้องจับใจและตรึงใจ

-ในวันนี้เราควรจะศึกษาเรื่องราวของชีวิต โดยเฉพาะเรื่องของคนเล็กๆ (คนธรรมดาสามัญ) ที่สร้างสรรค์หรือเขียนเป็นปรัชญาขึ้นมา เช่นหัวเรื่องว่า มนุษย์คือสิ่งเล็กๆ ที่งดงาม

-หรือต้องเปรียบเปรยชีวิต เช่น วัชพืชที่งอกออกมาจากรอยแตกของพื้นปูนบนถนน ต้องเอามาเปรียบว่าชีวิตของคนเราก็ต้องสู้และฝ่าฟัน ต้องอยู่รอดให้ได้เหมือนวัชพืชที่งอกขึ้นมา

-แบรนด์ของเรา หรือแบรนด์ของนักเขียน คือผลงานเขียนของเรา ต้องเป็นงานเขียนที่สร้างความหวังอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง และถ้าจะเขียนเรื่องแนวหวังดี ต้องเขียนให้ได้เต็มที่ถึง 120% ขึ้นไป (คือต้องให้มากกว่าที่คนอ่านคาดหวังไว้)

-อาจารย์สกุล ยกตัวอย่างภาพยนตร์เข้าชิงรางวัลออสก้า ที่กำลังเข้าฉายอยู่ในบ้านเราเรื่อง “เซฟออฟวอร์เตอร์” โดยเปรียบเทียบให้เห็นว่า หนังเรื่องนี้ให้ปรัชญาที่ว่า รูปรอยของน้ำนั้นก็มีชิวิตเช่นเดียวกัน เพราะสายน้ำแปรเปลี่ยนไปตามภาชนะที่ใช้ใส่ ถึงมวลน้ำหรือแม่น้ำจะอ่อนช้อยเพียงใด แต่มันก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล น้ำในความหมายนี้ไม่แตกต่างไปจากความรักเลย ไม่ว่าความรักจะอยู่ในรูปลักษณะใด สิ่งมีชิวิตก็ยังมีความรักอยู่เหมือนเดิม





ท้ายสุดนี้อยากจะให้กลับไปอ่านตอนที่ (1) ดูครับ
วรรณกรรมที่ว่าด้วย .... Content (1)




Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2561
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2561 10:26:29 น. 25 comments
Counter : 989 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณkae+aoe, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณpolyj, คุณวลีลักษณา, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณLikLi Sympathy, คุณClose To Heaven, คุณSweet_pills, คุณSai Eeuu, คุณชีริว, คุณtuk-tuk@korat, คุณhaiku, คุณtoor36, คุณruennara, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน


 

อาคุงกล่อง Literature Blog ดู Blog


อ่านแต่เรื่องหนักๆ นะทิดกล่อง



โดย: หอมกร วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:12:42:36 น.  

 
แต่ละเรื่องให้แง่คิดนะคะ

ทุกความสำเร็จล้วนมีจุลินทรีย์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา โอ้โห...ดูเป็นหลักวิชาการมาก อิอิ


โดย: kae+aoe วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:13:28:17 น.  

 

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่อง เรียบร้อยแล้วนะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:13:43:11 น.  

 


"ความรัก" ไม่ใช่ "ทุกสิ่งในชีวิต"

เป็นเพียงประสบการณ์,ความทรงจำดีดี ด้วยบุญ-วาสนา ในช่วงหนึ่งของชีวิต

"การพลัดพราก" เป็นสิ่งที่แน่นอน.




*~..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..~*

..HappY BrightDaY..




โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:15:10:03 น.  

 
สวัสดีครับพี่อาคุง

ในชุดนี้มีหนังสือที่ผมเคยอ่านสองเล่มครับ
ผมตามอ่านโอโชทุกเล่มเลย
เพราะชอบเนื้อหาที่เขาบรรยายครับ

ปล.กันดั้มสามก๊กหมิงหมิงมีอยู่หลายตัวเลยล่ะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:15:18:41 น.  

 
น่าอ่านๆ

Vote พร้อมแปะหัวใจ





โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:35:55 น.  

 
ขอบคุณาสำหรับโหวดค่ะ

พรุ่งนี้มาแปะหัวใจคร่า หมดเป๋าแล้ว

ส่งกำลังใจด้วย


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:22:14:20 น.  

 
มาโหวต

และแปะหัวใจให้ค่าาา


พรุ่งมาอ่านค่ะ


โดย: Cherry iwa วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:23:27:23 น.  

 
หนังสือแต่ละเล่ม จากคำโปรยได้ข้อคิดที่ดีมาก
นำไปใช้ประโยชน์ได้จริงนะคะ

ขอบคุณคุณอาคุงฯที่แนะนำหนังสือดีๆ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:5:21:34 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่อาคุง



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:6:39:45 น.  

 
อ่านลงมาเรื่อย ๆ ได้ความรู้เยอะเลย..

ที่ผมสนใจ น่าจะคำโปรย.. ช่วยให้คนสนใจอ่านเนื้อหาต่อ

v

ผมไป ตจว.สิบวัน อยู่แอ่งดอย ชายป่า ชายทุ่งเน็ตอ่อนเลย
ได้แต่อ่านบล๊อกของเพื่อน แต่เม้นท์ยาก..

กลีบมาเลย ใล่เช็คอ่านบล๊อกของเพื่อนที่ทิ้งร่องรอยไว้อีก
ครั้ง ตามคิวของ เม้นท์.. กลัวลืม..555



โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:15:09:27 น.  

 
เขียนให้มากกว่าที่คนอ่านคาดหวัง

บางทีคิดเหมือนกันค่ะว่าคนอ่านอยากอ่านไหมในสิ่งที่เราอยากเขียน


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:15:57:13 น.  

 
เป็นหนังสือที่อ่านยาก อ่านเพื่อสร้างสรรค์ทั้งนั้นเลยนะคะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:16:41:08 น.  

 
โอววว สาระจัดเต็มภาคต่อ อันนี้ต้องใช้สมาธินั่งอ่านสักพัก แต่ผมจะกลับบ้านไม่ทันแหล่ว ขอโหวตไว้ก่อนเดี๋ยวมาตั้งใจอ่านอีกทีนะครับผม


โดย: ชีริว วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:56:45 น.  

 
เมื่อคืนมาแบบไม่ได้เมนท์ อิอิ
พี่กล่องอ่านหนังสือเยอะมากกกกกกค่ะ
แต่ละเล่มดูมีความหนัก สำหรับบุ๊งค่ะ แหะ ๆ ๆ ๆ

Book Blog


โดย: Close To Heaven วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:22:35:44 น.  

 

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่อง เรียบร้อยแล้วนะคะ





โดย: หอมกร วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:9:10:07 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ วันนี้ แวะมาแปะใจค่ะ

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่อง เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 2 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:16:04:46 น.  

 
มาติดตามสาระจากการสัมมนาต่อครับ
คราวนี้ชวนให้สงสัยตั้งแต่หัวข้อเลย content ในวรรณกรรมคืออะไรหว่า? ยังไม่ได้อ่านตอนหนึ่งเลย ช่วงนี้คุณกล่องอัพบ่อยนะเนี่ย แต่ห้าข้อที่สรุปมานี่กระจ่างเลยครับ
ในบรรดาหนังสือที่ยกเป็นตัวอย่างมีของ OSHO ที่คุ้นชื่อจากหนังสือที่พี่ก๋าเคยรีวิวไว้หลายเล่มครับ


โดย: ชีริว วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:23:25:24 น.  

 
แวะมาส่งนอนจ้า เช้าค่อยมาอ่าน


โดย: ไอเอิร์ธ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:23:58:09 น.  

 
แต่ละเล่มนี่ผมยังไม่เคยได้อ่านเลยครับ แต่มีเล่มนึงที่ผมจำได้ว่าคุณกะว่าก๋าแนะนำไว้คือ OSHO ครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:0:47:19 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่อง เรียบร้อยแล้วนะคะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:6:02:49 น.  

 
หนังสือเล่มแรกอ่านแล้วชอบคำโปรยเรื่องจริงๆนะคะคุณอาคุงกล่อง ประตูชีวิต ตัวเราเองนี่เป็นตัวกำหนดเองทั้งนั้นการสร้างcontentนี่ก็เกิดจากตัวเองสิ ชอบทุกเล่มเลยค่ะ มีเวลาต้องไปค้นหามาอ่านทันที โดยเฉพาะตำนานซีซิฟนี่ ลิคให้สิบกับคำโปรยและContent อ่านแล้วต้องขยับเม้าท์ไปหารายละเอียดต่อทันที55

บทสรุปตอนท้ายมากด้วย ที่ว่าContent เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ +อารมณ์ความรู้สึก + จินตนาการ มันคือการสร้างหนึ่ง Content ที่ดีๆ คือต้องอาศัยทั้งสามอย่างรวมกันจริงๆนะคะ ถ้าขาดอย่างใด อย่างหนึ่ง นอกจากสร้างงานไม่ได้แล้ว ถึงเขียนได้ก็อาจจะเขียนออกมาไม่ได้ดีใช่มั้ย


บทสรุปตอนท้ายบล็อกเป็นผลรวมที่ยิ่งใหญ่มาก "มวลน้ำในแม่น้ำและมหาสมุทรไม่ว่าจะอ่อนช้องเพียงใด แต่มันก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล" โอ้โห ^^

ปล.ลิคเองนะคะคุณอาคุงกล่องพึ่งเปลี่ยนชื่อล็อคอินใหม่
แบบว่าอบรมบล็อกเกอร์คุณภาพกับทูรก็สนุกดีค่ะ จริงๆแล้ว
ไม่ได้หวังอะไรมาก อยากหาแรงบันดาลใจในการเขียนบล็อกอ่ะค่ะปีที่แล้วรู้สึกว่าไฟในตัวนี่ดับสนิทมากๆ ส่วนภาพนกพิราบจากสวนเบญจสิริฯ แถวๆออฟฟิตลิคเองค่ะ ^^
.......

แปะหัวใจให้อีกดวงนะคะ แฮร่
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่องเรียบร้อยแล้วนะคะ


โดย: Cherry iwa วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:14:28:27 น.  

 
ขอบคุณที่แนะนำหนังสือดี ๆ ค่า
โหวต+แปะใจค่า


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:22:06:49 น.  

 
สวัสดีครับ
แวะมาแปะใจไว้ก่อนครับ
ผมเพิ่งได้เข้ามาเล่นจริงจังหลังกลับจากเที่ยว
เดี๋ยวจะแวะมาอ่านอีกครั้งครับคุณอาคุงกล่อง
ขอบคุณที่ชวนมาครับ


โดย: ruennara วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:2:52:49 น.  

 
“ในที่สุดฉันก็ตระหนักว่า ฉันเคยมีความสุขตลอดมา และยังคงเป็นสุขอยู่จนวินาทีสุกท้าย ชีวิตไร้สาระก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับและพร้อมที่จะโอบกอดมัน”

รูปรอยของน้ำนั้นก็มีชิวิตเช่นเดียวกัน เพราะสายน้ำแปรเปลี่ยนไปตามภาชนะที่ใช้ใส่ ถึงมวลน้ำหรือแม่น้ำจะอ่อนช้อยเพียงใด แต่มันก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล น้ำในความหมายนี้ไม่แตกต่างไปจากความรักเลย ไม่ว่าความรักจะอยู่ในรูปลักษณะใด สิ่งมีชิวิตก็ยังมีความรักอยู่เหมือนเดิม

หนังสือดีดีย่อมให้อะไรแก่คนอ่านมากกว่าที่คิดเยอะมาก ที่อ่านมาหลายๆเล่ม มีหลายประโยคที่มันโดนใจครับ เช่นสองประโยคด้านบน บางอย่างสอดแทรกมากับความบันเทิงที่ไม่บอกตรงๆ แต่ให้สัมผัสด้วยความรู้สึก ไม่บอกตรงๆ แต่ก็รู้ได้ เหมือนตัวต่อที่ต้องนำมาประกอบเป็นรูปร่างเอง
แต่ปัจจุบัน หนังสือที่มีเนื้อหาแบบนี้คนไม่ค่อยนิยม จะเน้นไปทางบันเทิงพวกนิยายมากกว่า ซึ่งพออ่านเข้ามากๆก็จะรู้เลยครับว่าโครงเรื่องคล้ายกัน ก็คงแล้วแต่คนชอบด้วย
ขอบคุณที่นำข่าวสารดีดีมาบอกครับ


โดย: ruennara วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:0:18:54 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อาคุงกล่อง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]




อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า “อาคุงกล่อง” เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ

ปัจจุบัน “อาคุงกล่อง” เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม “อาคุงกล่อง” จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย



"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"

ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)

akungklong@gmail.com
Friends' blogs
[Add อาคุงกล่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.