วรรณกรรมที่ว่าด้วย .... Content (2)
1 กุมภาพันธ์ 2561
เนื้อหาในตอนที่ (1) วรรณกรรมที่ว่าด้วย .... Content (1)
ผมมีโอกาสไปอบรมที่สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ การเขียน Content สู่การสร้างสรรค์อำนาจของวรรณกรรม เมื่อวันที่ 27-28 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ผมจึงขอจับประเด็นสำคัญที่ได้รับจากการอบรมในครั้งนี้มาเขียนนำเสนอให้ท่านที่สนใจ เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านด้วย
(รายละเอียดจากการอบรมในครั้งนี้ ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด หรือคาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ผมก็ต้องขออภัยมา ณโอกาสนี้ด้วยครับ ขอบคุณมากครับ)
โดยข้อหัวouhเป็นการพูดถึง นิยามความหมายของ Contentในโลกแห่งการสื่อสาร สู่อำนาจของวรรณกรรมและชีวิตในยุคศตวรรษที่ 21 โดยครูใหญ่ของโรงเรียนนักเขียน อาจารย์สกุล บุณยทัต
- Content ถือว่าเป็นรากฐานของงานวรรณกรรมโลกเลย โดยวรรณกรรมชิ้นเอกของโลกต่างก็เน้นที่ Content และ From เป็นหลัก
-ขอยกตัวอย่างงานวรรณกรรมที่มีอยู่ในบ้านเรา ขอมาแนะนำให้เห็นถึง Content ที่เป็นเนื้อหาสำคัญในเรื่องนั้นๆ ซึ่งอยากจะแนะนำให้ทุกท่านที่สนใจเรื่อง Content ควรจะไปหามาอ่านกัน
(ขอแจ้งให้ทราบว่า ... รายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือแต่ละเล่ม และ Content ต่างๆ ที่ยกมานั้น บางส่วนผมคัดลอกมาจากคอลัมน์ ปากกาขนนก ในสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ที่เขียนโดยอาจารย์สกุล บุณยทัต ซึ่งอาจารย์ถ่ายเอกสารนำมาแจกเป็นเอกสารประกอบการอบรมในครั้งนี้ , อนึ่งรูปภาพหนังสือทั้งหมดที่อยู่ในเนื้อหานี้ ผมเสิร์ชหามาจากในอินเตอร์เน็ต จากเว็บขายหนังสือต่างๆ ซึ่งผมนำมาประกอบไว้เพื่อเป็นความรู้ทางการศึกษา และหวังว่าจะมีประโยชน์ทางอ้อมสำหรับเว็บที่ขายหนังสือด้วย ดังนั้นผมขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
แม้มืดมิด เงียบงัน มิอาจขวางกั้น (The Story of My Life)
คำโปรย ... เมื่อประตูแห่งความสุขบานหนึ่งปิดลง ประตูบานใหม่ก็ได้เปิดออก แต่เรามักจับจ้องอยู่กับประตูที่ปิดลง จนมองไม่เห็นประตูบานใหม่ที่เปิดรออยู่
-ผลงานเขียนของ เฮเลน เคลเลอร์ (Helen Keller) ผู้ที่ถูกโชคชะตาเล่นงานเอาตั้งแต่เธอมีอายุได้เพียง 19 เดือน เธอป่วยจนแทบจะเสียชีวิต ด้วยโรคลึกลับที่แพทย์สมัยนั้นเรียกว่าโรค ไข้สมอง (อาการโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ) ผลจากการป่วยในครั้งนั้นทำให้เธอเป็นคนหูหนวกและตาบอดไปตลอดชีวิต
- คนเรานั้นเมื่อยามรู้ว่า ตนเองกำลังเดินอยู่ในหุบเขาแห่งความอ้างว้างเพียงลำพัง ย่อมรู้จักคุณค่าความรักอันนุ่มนวลจากคำพูด การกระทำ และมิตรภาพของผู้อื่นได้น้อยมาก
-หนังสือเล่มนี้เป็นความหวังของชีวิต มันคือบันทึกประสบการณ์ชีวิตอันยิ่งใหญ่ การดำรงอยู่ของชีวิตท่ามกลางวิกฤตอันมืดมิดของชะตากรรมที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก ภาวะแห่งการเอาตัวรอดจากวิกฤตอันทุกข์ยากนี้ถือเป็นความยิ่งใหญ่ เป็นการพลิกด้านจากความเจ็บปวดกลับขึ้นมาก่อให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจที่ทรงพลัง มันคือความหมายอันลึกล้ำของศรัทธา และความเชื่อมโยงระหว่างชีวิตต่อชีวิตด้วยความรัก
- ฉันจึงพยายามทำให้แสงสว่างในดวงตาของคนอื่นเป็นแสงตะวันของฉัน ทำให้เสียงเพลงในหูคนอื่นเป็นวงดนตรีประสานเสียงวงใหญ่ของฉัน และทำให้รอยยิ้มของคนอื่นเป็นความสุขของฉัน
@@@@@@@@@@
ศิลปะแห่งอำนาจ (The Art of Power)
คำโปรย ... อำนาจ ... มีความดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการเพิ่มพูนความสุขของตนเอง และความสุขของผู้อื่น
-หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานรังสรรค์ทางจิตวิญญาณเขียนโดย ติช นัท ฮันท์ พระเซนชาวเวียดนาม ผู้ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาและเรียบง่ายในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณ เผยแผ่องค์ความรู้เกี่ยวกับนิกายเซนไปสู่การรับรู้ของคนทั่วโลก เล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยโดย จิตร์ ตัณฑเสถียร
- ทำไมคนส่วนใหญ่จึงยอมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่ต่างขวนขวายให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ เพราะต่างก็เชื่อว่า อำนาจจะควบคุมสถานการณ์ชะตาชีวิตของตัวเองไว้ได้ และเชื่อว่าอำนาจจะนำมาซึ่งความสุขซึ่งเป็นสิ่งสูงสุดที่คนเราต้องการ
- เราทุกคนต่างต้องการเป็นผู้ทรงอำนาจและประสบความสำเร็จ หากแรงขับที่ทำให้เราได้มาซึ่งอำนาจนั้นและการรักษาอำนาจเอาไว้ ทำให้เราสิ้นแรงและความสัมพันธ์ต้องตึงเครียด เราย่อมไม่เบิกบานกับความสำเร็จทางวัตถุนั้นได้อย่างแท้จริง
- ในขณะที่โลกของวันนี้กำลังเต็มไปด้วยวิกฤตแห่งการใช้อำนาจ จากการบ่มเพาะด้วยเมล็ดพันธ์ที่ไม่ดี มันเต็มไปด้วยชะตากรรมแห่งความผิดบาป และผู้คนหลงยึดติด หลงใหลในการใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่งและใช้อำนาจไม่เป็น โศกนาฎกรรมต่างๆ นานาจึงทับถมโลกอย่างท้วมท้น
@@@@@@@@@@
เจ้าผู้ปกครอง (The Prince)
คำโปรย ... คนที่ซื่อสัตย์นั้น ไม่อาจทำสิ่งที่ดีต่อความชั่วร้ายได้เลย หากปราศจากการรอบรู้ในเรื่องความชั่ว
-หนังสือเล่มนี้ถือเป็นการประพันธ์ที่ทรงคุณค่าสำหรับระบอบการเมือง แม้ว่ากาลเวลาของหนังสือเล่มนี้จะผ่านไปกว่า 500 ปีแล้วก็ตาม เป็นผลงานเอกอุทางภูมิปัญญาและวิสัยทัศน์อันหยั่งลึกเฉียบคมของ นิโคโล มาคิอาเวลลี (Niccolo Macchiavalli) ผู้ถือว่าเป็นนักสัจนิยมคนแรกของอิตาลี
- มันคือหนังสือเล่มแรกและอาจจะเป็นเล่มที่ดีที่สุดที่ช่วยยืนยันได้ว่า การเมืองควรมีกฎเกณฑ์ของตัวเอง และไม่ควรรับกฎเกณฑ์อื่นจากแหล่งใดที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเอาชนะและได้เปรียบผู้อื่น
- ผู้ปกครองควรทำให้คนกลัวมากกว่าทำให้คนรัก เหตุผลสำคัญคือว่า ความรักต่อๆ ไปอาจทำให้คนเกลียดได้ แต่ความกลัวนั้นไม่ก่อให้เกิดทั้งรักและเกลียด ผู้ปกครองจึงควรใช้อำนาจอย่างเต็มที่เพื่อให้คนอื่นกลัว
- ผู้มีอำนาจย่อมเป็นผู้ถูกเสมอ เพราะอำนาจอยู่กับตัวจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่มีใครกล้าถือว่าเป็นความผิด นั่นคือสิ่งสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เป้าหมายย่อมสำคัญกว่าวิธีการ ผู้มีอำนาจจึงสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
@@@@@@@@@@
จุลินทรัย์แห่งความสำเร็จ (Secret Ingredient)
คำโปรย ... ถ้าสิ่งที่คุณกำลังทำมันเป็นประโยชน์ต่อโลกมาก แม้ผลลัพธ์จะล้มเหลว คุณก็ต้องทำมัน
-หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของ นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ นักคิด นักเขียนรุ่นใหม่ ผู้สร้างรากฐานแห่งสาระเนื้อหาบนสื่อออนไลน์อย่างเข้มข้น และเต็มไปด้วยแง่มุมแห่งการใคร่ครวญอยู่ในขณะนี้
- ผมเชื่อว่า ... ทุกความสำเร็จล้วนมีจุลินทรีย์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา แน่นอนว่าความพยายามยังคงเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุด แต่ในเราทุกตัวต่างก็มีความพยายามเหมือนกัน ความพยายามจึงกลายเป็นสิ่งพื้นฐานที่ใครๆ ก็มีได้ บางทีการประสบความสำเร็จในโลกที่ผันผวนและเชี่ยวกรากแค่ความพยายามจึงอาจจะไม่เพียงพอ
-เล่มนี้ถอดรหัส จุลินทรีย์แห่งความสำเร็จ ของพวกที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ เพื่อดูว่า อะไรทำให้เป็นอย่างนั้นไปได้? อะไรที่ทำให้ใครก้าวหน้าหรือรุ่งเรืองขึ้นได้? นั้นคือโจทย์แห่งคำถามที่มีคำตอบอันพึงรู้พึงคิดอยู่ในตัว เป็นรหัสสำคัญต่อการปลูกสร้างวิถีแห่งการก้าวย่างสู่ความสำเร็จของชีวิต
-เป็นหนังสือที่เปิดโลกทัศน์แห่งการมีชีวิตอยู่อย่างเปิดกว้าง ด้วยหัวใจแห่งการเรียนรู้ภายในตัวตนของตน ตลอดจนโครงสร้างความเป็นไปของโลก และมวลมนุษย์ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันยิบย่อยหลากหลาย ความสำเร็จและความล้มเหลวในชีวิตคือบททดสอบสำคัญแห่งการมีชีวิตอยู่
@@@@@@@@@@
เทพตำนานซีซิฟ (Le Mythe de Sisyphe)
คำโปรย ... ชีวิตไร้สาระก็จริง แต่ต้องยอมรับและพร้อมที่จะโอบกอดมัน
-เป็นหนังสือความเรียงขนาดยาวของ อัลแบรต์ กามูส์ นักเขียน นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส เชื้อสายแอลจีเรีย แปลเป็นภาษาไทยจากต้นฉบับเข้มข้นภาษาฝรั่งเศสโดย วิภาดา กิตติโกวิท
-เรื่องราวถูกเขียนขึ้นด้วยเป้าประสงค์ที่จะอธิบายถึงข้อตระหนักแห่งแนวคิดของเขา ในประเด็นเริ่มต้นจากคำถามสำคัญที่ว่า คนเราควรฆ่าตัวตายหรือไม่? อันเป็นคำถามในมิติแห่งปรัชญาที่ยิ่งใหญ่ในทัศนคติของเขา
-กามูส์ ได้แสดงทรรศนะเชิงปรัชญาว่า คนฆ่าตัวตายเพราะชีวิตไม่น่าอยู่ นื่คือความจริงโดยไม่ต้องสงสัย นั่นเป็นความจริงที่ไร้ดอกผล เพราะเป็นความจริงที่เห็นจะจะ แต่การหมิ่นแคลนการดำรงอยู่ ตลอดจนความผิดหวังที่เรากระโจนลงไปสู่นั้น ล้วนเกิดจากการที่ชีวิตไร้ความหมายกระนั้นหรือ? ความไร้สาระของชีวิตกู่เรียกให้เราหนีจากมันด้วยความหวังหรือการฆ่าตัวตายหรือไม่?
- ในที่สุดฉันก็ตระหนักว่า ฉันเคยมีความสุขตลอดมา และยังคงเป็นสุขอยู่จนวินาทีสุกท้าย ชีวิตไร้สาระก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับและพร้อมที่จะโอบกอดมัน
@@@@@@@@@@
โลก เหล้า และความรัก
บทรำลึกถึง แปดสิบปีแห่งชาตกาลของ โก้วเล้ง
คำโปรย ... คนเสเพล ปีศาจสุรา มิเห็นมีที่ใดไม่ดี นั้นยังประเสริฐกว่าวิญญูชนจอมปลอมสวมหน้ากากออกหลอกลวงมากมายนัก หรือไม่ใช่?
-เป็นหนังสือรวบรวมปรัชญาวาทะจากวรรณกรรมอมตะของ โก้วเล้ง โดย พันหนึ่งราตรี ซึ่งมี เรื่องรอง รุ่งรัศมี ผู้ลึกซึ้งในปรัชญาของโก้วเล้งจาก เดียวดายใต้เงาจันทร์ เป็นที่ปรึกษา
-วาทกรรมจากงานวรรณกรรมของโก้วเล้ง เมื่อใครได้อ่านได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม มันจะส่งผลอันดิ่งลึกต่อการเตรียมการ และการเลือกปฏิบัติที่เฉียบคมอันมาถูกที่ถูกเวลาของชีวิต
- สุราไม่ต้องมาก เพียงอยู่ที่ความจริงใจแค่จอกเดียวก็พอ
- ความผูกพันระหว่างพ่อลูก น้ำมิตรระหว่างสหาย ความรักระหว่างเพศ ความเห็นอกเห็นใจต่อมนุษยชาติ ความรักถนอมชีวิต ความจงรักภักดีต่อบ้านเมือง เหล่านี้เป็นความรัก
- หากปราศจากซึ่งความรัก ผู้ใดทราบ โลกนี้จะเป็นเยี่ยงใด?
@@@@@@@@@@
ประชาธิปไตยไม่ยาก ถ้าอยากได้
คำโปรย ... ถ้าจะเป็นประชาธิปไตย ถึงจะไม่ยอมใครก็ต้องยอมให้แก่ธรรม
-ประชาธิปไตยไม่ใช่การปกครองที่ดีที่สุด แต่เป็นการปกครองที่เลวน้อยที่สุด ซึ่งในความเลวน้อยที่สุดนั้น ประชาธิปไตยจะดีที่สุดได้ ก็ต่อเมื่อประชาชนมีคุณภาพมากที่สุด
-เล่มนี้เป็นหนังสือแห่งคุณค่าในสังคมการเมือง ที่นำเสนอผ่านแง่งามทางความคิดแห่งพุทธิปัญญาของท่าน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) ผู้ยืนยันว่า ประเทศจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ ถ้าประชาชนไม่เป็นธรรมาธิปไตย
- ธรรมาธิปไคย คือหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจของบุคคลที่อยู่หรือร่วมอยู่ในระบอบการปกครองนั้น โดยต้องมีปัญญารู้ว่าอะไรคือความจริง อะไรถูกต้อง อะไรดีงาม แล้วจึงตัดสินใจลงไปอย่างจริงใจไปตามมิติของปัญญานั้น นั้นหมายความว่า แค่เลือกตั้ง ประชาชนแต่ละคนก็มีเกณฑ์ตัดสินใจเป็นของตัวเอง
-หนังสือเล่มนี้คือบทสะท้อนถึงการพัฒนาและสร้างสรรค์ในความเป็นประชาธิปไตย ที่ถือเป็นจุดอ่อนขั้นสูงสุดในสถานะทางการเมืองของประเทศ ที่ปรากฎผลออกมาให้ได้เห็นถึงความขัดแย้งที่ไร้ซึ่งดุลยภาพของการดำรงอยู่ ขาดพื้นฐานทางปัญญาที่จะปฏิบัติต่อสิทธิและหน้าที่อันควรจะเป็นระหว่างกัน
-เป้าประสงค์ของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การเจริญธรรม เจริญปัญญาให้แก่ปผระชาชน เพื่อให้ตระหนักถึความถ่องแท้บน วิถีธรรม ที่ถูกที่ควร อีกทั้งเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อการเกิดสัมมาทรรศนะและสัมมาปฏิบัติ ที่จะเกิดเป็นความเพิ่มพูนที่จะแผ่ขยายออกไปในหมู่ประชาชน
@@@@@@@@@@
พลังสร้างสรรค์ (Creativity)
คำโปรย ... เมื่อใดก็ตามที่ท่านมีภาวะแห่งการสร้างสรรค์ขึ้นกับตัว เมื่อนั้นท่านจะได้ลิ้มรสชีวิต
-เป็นหนังสืออีกเล่มของ OSHO มุ่งสาระที่จะอธิบายความหมายของการสร้างสรรค์ ด้วยวิธีการบรรยายถึงสิ่งที่แตกต่างกันที่อยู่ในตัวของแต่ละบุคคล ที่ให้คำถามและคำตอบที่แตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุผลอันมากมาย
- แล้วอะไรคือสิ่งที่ปิดกั้นการสร้างสรรค์ของคนเรา และทำอย่างไรเราทุกคนจึงจะใช้พลังสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัวเองได้
-พลังการสร้างสรรค์ คือผลงานที่ปลุกจิตวิญญาณให้ตื่นตระหนักถึงสิ่งที่เป็นความจริงแท้ ที่หลอมอยู่ในจริตของชีวิต ผ่านการพินิจพิเคราะห์ในเชิงเปรียบเทียบหลากหลายมิติ ในเนื้องานแห่งชีวิตกับฉากแห่งปรารถนาของเกียรติยศชื่อเสียงที่ไม่จีรัง
-เล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยโดย ภัทริณี เจริญจินดา ถ่ายทอดความนัยของหนังสืออันมีคุณค่านี้ ด้วยท่วงทำนองของบทเพลงแห่งความสงบงาม ตีแผ่ เปิดเผย และสอดประสานกับนัยสำนึกได้อย่างป็นเอกภาพ
@@@@@@@@@@
-สรุปได้ว่า Content ก็คือเนื้อหานั้นเอง โดยการสร้างเนื้อหาที่ดีนั้น = ความคิดสร้างสรรค์+จินตนาการ+อารมณ์ความรู้สึก โดยเนื้อหาที่ดีควรจะ
1. สร้างอารมณ์ร่วมให้เกิดแก่ผู้อ่าน
2. ต้องมีลักษณะของการบอกกล่าว
3. ต้องใช้แก้ปัญหาได้
4. ต้องให้ไอเดีย ทำให้ผู้อ่านเกิดอุดมความคิดขึ้น
5. ต้องสร้างแรงบันดาลใจ
-ที่ผ่านมาคนไทยไม่ค่อยมีมิติของความซาบซึ้งสักเท่าไหร่ สิ่งนี้เป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้งานเขียนเราออกไปสู่สากลได้ เราต้องเปิดใจร่วมกัน ต้องใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง
-จะเห็นว่านวนิยายสมัยใหม่ของไทย ส่วนใหญ่เป็นแนวก๊อปปี้ คือซ้ำรูปแบบเดิม ไม่เปลี่ยนใหม่ ไม่แหวกแนวเลย คือบทบาทหรือความรู้สึกของตัวละครนั้นคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แนวรักก็รักเหมือนเดิม เขียนซ้ำของเดิม เปลี่ยนแค่อาชีพของตัวละครและชื่อของตัวละครเท่านั้นเอง
-ในทางธุรกิจต้องเขียนคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อของ ต้องมีเนื้อหาที่เป็นประเด็นหลัก และมีสาระสำคัญที่ลึกซึ้ง (Deep inside) มีผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้ซื้อ ที่ผู้ซื้อสามารถรับรู้ได้ด้วยใจ โดยอาจจะกล่าวได้ว่า คอนเทนต์ต้องจับใจและตรึงใจ
-ในวันนี้เราควรจะศึกษาเรื่องราวของชีวิต โดยเฉพาะเรื่องของคนเล็กๆ (คนธรรมดาสามัญ) ที่สร้างสรรค์หรือเขียนเป็นปรัชญาขึ้นมา เช่นหัวเรื่องว่า มนุษย์คือสิ่งเล็กๆ ที่งดงาม
-หรือต้องเปรียบเปรยชีวิต เช่น วัชพืชที่งอกออกมาจากรอยแตกของพื้นปูนบนถนน ต้องเอามาเปรียบว่าชีวิตของคนเราก็ต้องสู้และฝ่าฟัน ต้องอยู่รอดให้ได้เหมือนวัชพืชที่งอกขึ้นมา
-แบรนด์ของเรา หรือแบรนด์ของนักเขียน คือผลงานเขียนของเรา ต้องเป็นงานเขียนที่สร้างความหวังอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง และถ้าจะเขียนเรื่องแนวหวังดี ต้องเขียนให้ได้เต็มที่ถึง 120% ขึ้นไป (คือต้องให้มากกว่าที่คนอ่านคาดหวังไว้)
-อาจารย์สกุล ยกตัวอย่างภาพยนตร์เข้าชิงรางวัลออสก้า ที่กำลังเข้าฉายอยู่ในบ้านเราเรื่อง เซฟออฟวอร์เตอร์ โดยเปรียบเทียบให้เห็นว่า หนังเรื่องนี้ให้ปรัชญาที่ว่า รูปรอยของน้ำนั้นก็มีชิวิตเช่นเดียวกัน เพราะสายน้ำแปรเปลี่ยนไปตามภาชนะที่ใช้ใส่ ถึงมวลน้ำหรือแม่น้ำจะอ่อนช้อยเพียงใด แต่มันก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล น้ำในความหมายนี้ไม่แตกต่างไปจากความรักเลย ไม่ว่าความรักจะอยู่ในรูปลักษณะใด สิ่งมีชิวิตก็ยังมีความรักอยู่เหมือนเดิม
ท้ายสุดนี้อยากจะให้กลับไปอ่านตอนที่ (1) ดูครับ วรรณกรรมที่ว่าด้วย .... Content (1)
Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2561 |
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2561 10:26:29 น. |
|
25 comments
|
Counter : 989 Pageviews. |
|
|
อาคุงกล่อง Literature Blog ดู Blog
อ่านแต่เรื่องหนักๆ นะทิดกล่อง