|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
บทที่ 7 ความเป็นผู้นำ
ลักษณะของความเป็นผู้นำ การนำ (Leading) คือ กระบวนการที่ทำให้คนเกิดการกระตือรือร้น ทุ่มเทความรู้ความสามารถของตัวเองให้กับงานอย่างเต็มที่ ผู้นำ (Leader) คือ บุคคลที่สามารถใช้อำนาจกระตุ้นคนอื่นให้ทำงาน ความเป็นผู้นำ (Lesdership) คือ ความสามารถที่มีอิทธิพลต่อคนอื่น ซึ่งจะทำให้งานบรรลุเป้าหมาย
ประเภทของผู้นำ • ผู้นำที่คุณภาพต่ำสุด คือ ผู้นำที่ทุกคนเกลียด • ผู้นำที่ดีขึ้นมาบ้าง คือ ผู้นำที่ทุกคนกลัว • ผู้นำที่ดีมาก คือ ผู้นำที่ทุกคนรัก • ผู้นำที่เก่งที่สุด คือ ผู้นำที่ทุกคนทำตาม โดยไม่ต้องบอก
ความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ (Visionary Leadership) • ชอบท้าทาย ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ริเริ่มให้เกิดความคิดใหม่ๆ • มีความกระตือรือร้น ส่งเสริมให้คนมุ่งมั่นขยันทำงาน • ช่วยเหลือ ส่งเสริมบุคคลอื่นให้ใช้ความรู้ความสามารถ ความพยายาม ทุ่มเท ให้กับงานอย่างเต็มที่ • ทำตัวเป็นตัวอย่าง แสดงให้เห็นถึงวิธีการทำงานอย่างถูกต้อง ให้คนอื่นเห็นเป็นต้นแบบ แล้วอยากทำตาม • ประสบความสำเร็จ ส่งเสริมให้คนมีกำลังใจ
ความแตกต่างระหว่างผู้นำ กับผู้บริหาร • ผู้บริหาร คือผู้ที่ทำงานให้สำเร็จ โดยอาศัยความร่วมมือของคนอื่น ไม่คำนึงว่าความสำเร็จนั้น คนจะพอใจหรือไม่ • ผู้นำ คือผู้ที่ทำงานให้สำเร็จด้วยความเต็มใจของผู้ปฏิบัติงาน โดยใช้วิธีการจูงใจ และคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัวของผู้นำ
อำนาจของผู้นำ 1. อำนาจที่เกิดจากตำแหน่ง (Position Power) เป็นอำนาจของผู้บริหารได้มาพร้อมตำแหน่งและหน้าที่ เช่น ผู้บริหารย่อมมีอำนาจในการสั่งการให้ลูกน้องนำไปปฏิบัติ • อำนาจถูกต้องตามกฏหมาย “คุณต้องทำตามที่ฉันสั่ง เพราะฉันเป็นหัวหน้าคุณ” • อำนาจในการให้รางวัล “หากคุณทำตามที่ฉันสั่ง คุณก็จะได้เพิ่มเงินเดือน โบนัส เลื่อนตำแหน่ง” • อำนาจในการลงโทษ “หากคุณไม่ทำตามที่ฉันสั่ง คุณจะถูกลงโทษ (ว่ากล่าวตัดเตือน พักงาน ไล่ออก ย้าย ลดเงินเดือน งดโบนัส)”
2. อำนาจที่เกิดจากส่วนตัว (Person Power) เป็นอำนาจของผู้นำ เรียกว่า “อิทธิพล” • อำนาจเกิดจากความเชี่ยวชาญ “คุณต้องทำตามที่ฉันสั่ง เพราะฉันมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้” • อำนาจอ้างอิง “ คุณต้องทำตามที่ฉันขอให้ทำ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับฉัน”
แนวทางความเป็นผู้นำ เป็นแนวการศึกษาที่จะทำให้เข้าใจว่า ทำไมบ้างคนจึงเป็นผู้นำได้และบางคนเป็นไม่ได้ • ความเป็นผู้นำที่ถือตามลักษณะ • ความเป็นผู้นำที่ถือตามพฤติกรรม • ความเป็นผู้นำที่ถือตามแนวสถานการณ์ • ความเป็นผู้นำที่ถือตามแนวพื้นฐานการใช้อิทธิพล
1.ผู้นำตามคุณลักษณะ (Trait Approach) ผู้ นำ มีบุคลิกลักษณะ ความสามารถที่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำ (ทางกายภาพรูปร่างหน้าตา ความคิดสติปัญญา วิสัยทัศน์ ความสามารถเหนือคนอื่น ความประพฤติดี มนุษยสัมพันธ์ที่ดี
คุณสมบัติ และลักษณะของผู้นำที่เด่นชัดมากกว่าคนปกติ คือ • มีความซื่อสัตย์ มีความสามารถจูงใจ การมองไปข้างหน้า เชื่อมั่นในตัวเอง และมีความฉลาดรอบรู้
ผู้ นำตามคุณลักษณะ ความเชื่อสมัยก่อน “ผู้นำเกิดขึ้นโดยกำเนิด สร้างขึ้นในภายหลังไม่ได้ ต้องมีคุณลักษณะเด่นอยู่ในตัวแตกต่างไปจากคนอื่น” เช่น ลักษณะทางร่างกาย (สูงใหญ่ มีพละกำลัง) ลักษณะทางบุคลิกภาพ (มีความคิดริเริ่ม) ทักษะ และความสามารถ (ฉลาด มีความรู้) ปัจจัยทางสังคม (ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การเข้าสังคม)
คุณลักษณะผู้นำที่ทำให้การบริหารงานประสบความสำเร็จ • มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สุขุมเยือกเย็น • มีวิสัยทัศน์ กว้างไกล • สามารถบริหารความขัดแย้งได้ดี • กล้าตัดสินใจ รวดเร็ว ถูกต้อง • ติดต่อสื่อสารได้ดี • รอบรู้ในงานที่รับผิดชอบ • มีความขยันขันแข็ง มานะ อดทน • เป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ • สามารถทำงานเป็นทีมได้ดี • วินิจฉัยปัญหา คาดการณ์เหตุการณ์ได้ดี • มีมนุษยสัมพันธ์ ทักษะทางสังคม • ทำงานในสภาวะกดดัน ตึงเครียดได้ดี • มีทัศนคติที่ดีต่อองค์การ • วางแผนและประสานแผนได้ดี • มีสัมพันธภาพที่ดีกับองค์กรอื่น • รู้จักใช้ข้อมูล สารสนเทศให้เกิดประโยชน์
2.ผู้นำตามพฤติกรรม (Behavioral Theories) ศึกษาในเรื่อง ผู้นำที่ดี และประสบความสำเร็จ เน้นที่การกระทำ มักมีพฤติกรรมแตกต่างไปจากผู้นำที่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างไร
ผู้นำตามพฤติกรรม (มหาวิทยาลัยไอโอวา) ผู้นำแบบใดที่ก่อให้เกิดความสำเร็จมากที่สุด • ผู้นำแบบเผด็จการ : ชอบสั่งการใช้อำนาจกดขี่ ยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลาง การบังคับบัญชาสั่งการจากข้างบนลงล่าง ตัดสินใจแต่ผู้เดียว กำหนดวิธีทำงานเอง แต่มีผลการปฏิบัติงานสูง • ผู้นำแบบประชาธิปไตย : ยึดถือความคิดกลุ่มเหนือความคิดตนเอง แบ่งงาน มอบหมายงานเป็นระบบ ให้คำแนะนำ สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ร่วมงาน ใช้กฎเกณฑ์สร้างสรรค์งาน ทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วม ทำให้เกิดคุณภาพในงาน และความพอใจในการทำงานดี • ผู้นำแบบเสรี : ไม่ยึดกฏเกณฑ์ตายตัว ปรับเปลี่ยนได้ตามที่ผู้ร่วมงานเสนอ ปล่อยผู้บังคับบัญชาปฏิบัติหน้าที่ไปเรื่อยๆ ไม่มีความคิดสร้างสรรค์งานใหม่ ไม่มีการประเมินผลงาน ให้อิสระเสรีเต็มที่ในการจัดหาเครื่องมือ วิธีการทำงาน แต่ขาดความเป็นผู้นำ ผลปฏิบัติงานต่ำ
ผู้นำตามพฤติกรรม (มหาวิทยาลัยโอไฮโอ) • การคิดถึงคนอื่น : เน้นตัวผู้ปฏิบัติงาน มุ่งสร้างความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ความสำคัญต่อความคิดเห็นและความรู้สึกของคนอื่น ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการทำงาน • การริเริ่ม : เน้นงาน เพื่อประสิทธิภาพและความสำเร็จของงาน จะออกคำสั่ง วางแผน กำหนดวิธีการทำงาน กำหนดเวลาในการทำงาน เพื่อ กระตุ้นให้ผู้ใต้ บังคับบัญชาปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย
ผู้นำตามพฤติกรรมแบบ Leadership Grid 9,9 การบริหารแบบทีม : ผลงานสูง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน 5,5 การบริหารแบบสายกลาง : งานสำเร็จปานกลาง และรักษาระดับขวัญและความพอใจในการทำงาน 9,1 การบริหารแบบเน้นงาน : มุ่งงานให้สำเร็จแต่พนักงานมีขวัญและกำลังใจต่ำ 1,9 การบริหารแบบสโมสร : มุ่งคนมากกว่างาน สนใจแต่ความต้องการของคน พนักงานมีขวัญกำลังใจสูง บรรยากาศทำงานดี แต่ผลงานต่ำ 1,1 การบริหารด้อยคุณภาพ : ผลงานต่ำสุด พนักงานไม่มีขวัญและกำลังใจ
3.ผู้นำตามแนวสถานการณ์ (Continggency Approach) • ผู้นำ เกิดจากสถานการณ์บางอย่าง ผลักดันให้บุคคลต้องแสดงบทบาทผู้นำ ไม่จำเป็นต้องมีลักษณะเฉพาะที่ตายตัว แต่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องเลือกใช้วิธีการ หรือแสดงออกที่เหมาะสมสอดคล้องแต่ละสถานการณ์ ทฤษฏีนี้ยอมรับความสัมพันธ์ของผู้นำและกลุ่ม ผู้นำต้องครองใจปวงชน
4.ความเป็นผู้นำที่ถือตามแนวพื้นฐานการใช้อิทธิพล ผู้นำที่มีบารมี มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มีวิสัยทัศน์ เป้าหมาย อุดมการณ์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง มีความสามารถที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ เข้าใจความต้องการของผู้อื่น ใช้เป็นอำนาจจูงใจให้ผู้อื่นคล้อยตาม ทำทุกอย่างเพื่อนำไปสู่วิสัยทัศน์ กล้าเสี่ยง กล้าเสียสละ มีพฤติกรรมที่ผิดจากคนธรรมดา ชอบความท้าทาย แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง รู้สถานการณ์แวดล้อม ประเมินสิ่งต่างๆได้ถูกต้อง
ผู้นำที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง • Transactional Leader ผู้นำที่เปลี่ยนแปลงคนอื่นโดยโดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำ กับผู้ตาม • Transformational Leader ผู้นำที่เปลี่ยนแปลงค่านิยม ความเชื่อ และความต้องการของผู้ตามให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น
Transactional Leader อาศัยความสัมพันธ์ • ให้ผลตอบแทนตามสถานการณ์ ตามผลงานที่ทำ ให้ผลตอบแทนสูงสำหรับคนที่มีผลงานดี ให้การยกย่อง และยอมรับผู้ที่ทำสำเร็จ • ใช้การบริหารตามข้อยกเว้น เช่น ทางบวก คือดูผลงานจริงแตกต่างจากมาตรฐานเท่าไร ทางลบ คือเข้าไปแทรกแซงเฉพาะคนที่ทำงานได้ผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน • ให้เสรีภาพ เน้นการมอบหมายความรับผิดชอบ และการตัดสินใจ ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานดำเนินการเอง
Transformational Leader เปลี่ยนแปลงค่านิยม ความเชื่อ • มีบารมี หมายถึงมีความดีอยู่ในตัวของผู้นำ เช่น วิสัยทัศน์ ความสำนึก น่าเชื่อถือ เสมอต้นเสมอปลาย • มีแรงบันดาลใจ โน้มน้าวให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความกระตือรือร้น ทะเยอทะยาน ทุ่มเทให้กับงาน • การกระตุ้นให้คิด วิธีที่ใช้ในการทำงาน การจูงใจ การแก้ปัญหา • ให้ความเอาใจใส่ เห็นความสำคัญของทุกคน ให้เกียรติ ดูแล มีเทคนิคในการสอนงาน ฟังความเห็นอย่างสนใจ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ
ปัจจัยในการสร้างความเป็นผู้นำ 1.ภูมิหลังและประสบการณ์ (Background and Experience) พื้นฐานครอบครัวและประสบการณ์เดิมที่ผ่านมาในช่วงชีวิต 2.สติ ปัญญาและคุณภาพสมอง (Intellectual and mental quality) มีทักษะทางภาษา การติดต่อสื่อสาร / การมีเหตุผล /ความจำ/ความรอบรู้ 3.คุณลักษณะทางร่างกาย (Physical attributes) ผู้นำที่ร่างกายแข็งแรง จะมีจิตใจที่ดี 4.บุคลิกภาพและความสนใจ (Personality and Interests) ความสนใจ กระตือรือร้นและความเต็มใจในการปฏิบัติงาน 5.ความเชื่อมั่นในตัวเอง (Self-Confidence) ผู้นำต้องสร้างความเชื่อมั่น มั่นใจในตัวเอง
Create Date : 13 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 14:27:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 12821 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [?]
|
วิทยากร, ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRM & HRD), การบริหารความเสี่ยงองค์กร, การจัดการมาตรฐานแรงงาน, กฎหมายแรงงาน,เขียนหนังสือและบทความ
|
|
|
|
|
|
|
|