|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
บทที่ 9 การออกแบบงานและบริหารความเครียด
การออกแบบงาน • เป้าหมายสำคัญของการออกแบบงาน คือ การสร้างให้เกิดความสมดุลระหว่างผลของงาน และความพอใจของคนทำงาน หรือเป็นการจูงใจด้วยงาน ให้คนทำงานอย่างมีความสุข สะดวกสบาย และทำงานด้วยความภาคภูมิใจ
ความพอใจในการทำงาน (Job satisfaction) • ลักษณะงานที่ทำ : ความรับผิดชอบ ความรู้สึกภาคภูมิใจ • ค่าจ้างหรือระบบค่าตอบแทน : สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของผู้ปฏิบัติงาน ยุติธรรม เท่าเทียมกัน • สภาพการทำงาน : มีผลกระทบต่อความต้องการและความสำเร็จในการทำงาน • นโยบายและฝ่ายบริหาร : สะท้อนให้ให้เห็นถึงความสำเร็จ ความรับผิดชอบ และบทบาทของผู้ปฏิบัติงาน • ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา • ความก้าวหน้าในงาน : ตำแหน่งงาน การพัฒนา ความชำนาญ
ความพอใจในที่ทำงาน (Happy Workplace) • หมายถึงกระบวนการพัฒนาคนในองค์การอย่างมีเป้าหมาย ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์การ เพื่อให้องค์การมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง และจะนำไปสู่การพัฒนาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดนเน้นการจัดการ “คน” เป็นหลัก
ความพอใจในที่ทำงาน (Happy Workplace) • โครงสร้างองค์การ (structure) • อำนาจการบังคับบัญชา (authority) • บทบาทของที่ปรึกษา (roles of staff) • การอกแบบงาน (job design) • กลุ่มทำงาน (work group) • ค่าตอบแทน (compensation) • การอบรม (training)
ความพอใจในที่ทำงาน (Happy Workplace)
• Happy Body (สุขภาพดี) มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและจิตใจ • Happy Heart (น้ำใจงาม) มีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกันและกัน • Happy Soul (ทางสงบ) มีความศรัทธาในศาสนาและมีศีลธรรมในการ ดำเนินชีวิต • Happy Relax (ผ่อนคลาย) รู้จักผ่อนคลายต่อสิ่งต่างๆในการดำเนินชีวิต • Happy Brain (หาความรู้) การศึกษาหาความรู้ พัฒนาตนเองตลอดเวลา • Happy Money (ปลอดหนี้) มีเงินรู้จักเก็บ รู้จักใช้ ไม่เป็นหนี้
การออกแบบงาน • หมายถึง กระบวนการสร้างงาน โดยการจัดสรรงานแต่ละงานไปให้กับคนแต่ละคน หรือแต่ละกลุ่ม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความพอใจในการทำงาน และให้ผลการปฏิบัติงานสูงขึ้น
เหตุผลในการออกแบบงาน เป็นการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของงาน (Job content) • เพื่อรวมกิจกรรมต่างๆเข้าเป็นกลุ่มอย่างเป็นระเบียบ • เพื่อให้งานนั้นจูงใจให้คนทำงานให้ดีขึ้น
4 วิธีในการออกแบบงาน 1. การทำให้งานง่าย (job simplification) ผลดี : เป็นลักษณะงานที่แน่นอน และชัดเจน ไม่ต้องใช้ทักษะมาก เพราะเป็นลักษณะงานที่ทำซ้ำๆกันทุกวัน แน่นอน ชัดเจน สามารถฝึกได้ ควบคุมง่าย สามารถหาคนอื่นมาทำแทนได้ ผลเสีย : พนักงานเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความสุขในการทำงาน ไม่ตั้งใจทำงาน ผลการปฏิบัติงานต่ำ เกิดการหมุนเวียนแรงงานสูง 2. การหมุนเวียน (job rotation) : มอบหมายให้พนักงานทำงานตามระยะเวลาที่กำหนด แล้วสับเปลี่ยนให้คนอื่มาทำงานแทน • ผลดี : ทำให้ทุกคนมีประสบการณ์การทำงานได้หลายอย่าง มีความรู้กว้าง เข้าใจงานหลายงาน เป็นการเพิ่มคุณค่า กระตือรือร้นในการเรียนรู้งานใหม่ ไม่เกิดการเบื่อหน่าย • ผลเสีย : ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญน้อย บางคนไม่ชอบที่จะไปเริ่มต้นเรียนรู้งานใหม่ คิดว่าเป็นงานช่วยชั่วคราวจึงทำไม่จริงจัง เกิดปัญหาเรื่องความจงรักภักดีต่อองค์การ การหมุนเวียนงานควรมีการฝึกอบรมข้ามสายงานก่อนเพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้และเข้าใจในงานใหม่ เช่น ผู้บริหารในธนาคาร 3. การขยายงาน (job enlargement) : การเพิ่มความหลากหลายของงานมารวมอยู่ในงานเดียวกัน เป็นการเพิ่มปริมาณของงาน มากกว่าเพิ่มความเชี่ยวชาญ • ผลเสีย : ไม่ท้าทาย และไม่สามารถจูงใจในการทำงาน 4 วิธีในการออกแบบงาน • การเพิ่มงาน (job enrichment) เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน เพิ่มภาระงาน ความรับผิดชอบของงาน โดยอาจรวมงานของผู้ใต้บังคับบัญชา มาไว้ในงานเดียวกัน เป็นลักษณะงานที่ทำตั้งแต่ต้นจนงานเสร็จ (วางแผน จัดองค์การ การนำ การควบคุม) • การเพิ่มงาน จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการออกแบบงานที่ดีที่สุด
Job Characteristics Model : Richard Hackman & Greg Oldham • ลักษณะงานที่เป็นแกน (Core job characteristics) • ความหลากหลายของทักษะ • ความเป็นอันเดียวกันของงาน เริ่มตั้งแต่ต้นจนจบ • ความสำคัญของงาน ที่มีผลกระทบต่อชีวิตคน • ความเป็นอิสระในการปฏิบัติงาน กำหนดแผนงานและเลือกวิธีในการทำงาน • ข้อมูลสะท้อนกลับ • สภาพทางจิตวิทยาที่สำคัญ (Critical) : ถ้าประสบการณ์จากการทำงานนั้นมีความหมาย จะก่อให้เกิดความรับผิดชอบและทำให้ได้รับความรู้จากผลที่เกิดจากงาน • ผลที่เกิดจากการทำงาน (outcome) : งานที่เกิดการจูงใจ จะมีความพอใจในงาน เกิดประสิทธิผลของงานสูง
แนวคิดในการปรับปรุงลักษณะงาน (Job Characteristic) • ลักษณะของหน่วยงาน มีสัมพันธ์กับหน่วยงานอื่นมากน้อยเพียงใด? • การรวมงานเข้าด้วยกันเพื่อให้คนเดียวทำ เหมาะสมเพียงใด? • การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าทั้งภายใน และภายนอก ก่อให้เกิดผลในทางบวกเพียงใด? • การเปิดโอกาสให้มีข้อมูลสะท้อนกลับ จะส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องรับรู้และเรียนรู้วิธีการทำงานอย่างไร? • การรวมงานในแนวดิ่ง จะส่งผลให้การวางแผน รวมทั้งการควบคุมงานเป็นงานเดียวกัน อย่างไร? ผลที่เกิดจากการออกแบบงาน • ผู้ปฏิบัติสามารถใช้ดุลยพินิจเต็มที่ภายในขอบเขตงานที่ทำ เพราะไม่มีการควบคุม • ผู้ปฏิบัติงานมีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับงานของตนเอง • ทำให้ผู้ปฏิบัติมีความรับผิดชอบในผลงานของตัวเองได้ • ง่ายต่อการตรวจสอบ เพราะคนเดียวทำงานทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ • ได้รู้ว่าผลงานที่ออกไปนั้นตรงตามเป้าหมาย จากข้อมูลสะท้อนกลับ
การออกแบบงานที่เหมาะสม • อาจจะเสียค่าใช้จ่ายในการออกแบบงานสูงตามเทคโนโลยี อุปกรณ์ที่ใช้ และการไหลเวียนของงาน • การเพิ่มงาน จะต้องเพิ่มค่าจ้างให้กับผู้ปฏิบัติงานด้วย จึงจะคุ้มกับผลงานที่ได้เพิ่มขึ้น • สหภาพแรงงานมีความเห็น หรือปัญหาเกี่ยวกับสิทธิต่างๆที่ผู้ปฏิบัติจะต้องได้รับหรือไม่ • ผู้ปฏิบัติงานที่มีความต้องการความเจริญก้าวหน้าในงาน ต้องการความเจริญเติบโต เหมาะสมกับการที่ต้องเพิ่มงานหรือไม่
• การออกแบบงานที่ทำให้ง่าย (Job simplification) ไม่ต้องใช้แรงงานคน • แต่การออกแบบงานแบบเพิ่มงาน (Job enrichment) ยังคงต้องใช้คน
การกำหนดการทำงาน (Work Schedule) การกำหนดการทำงาน เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพของการทำงาน สถานที่ทำงานจะต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการในการปฏิบัติงานด้วย
การกำหนดการทำงาน (Work Schedule) 1.การลดวันทำงานในสัปดาห์ (Compress cal Workweek) หมายถึงการลดวันทำงานใน 1 สัปดาห์ แต่ชั่วโมงการทำงานรวม เท่าเดิม • 1 สัปดาห์ = 6 วันทำการ (48 ชั่วโมง) • 1 วันทำการ = 8 ชั่วโมง • ถ้าพนักงานหยุด 3 วัน ต้องทำงานวันละกี่ชั่วโมง? 2.เวลาทำงานยืดหยุ่น (Flexible Working Hour) หมายถึงกำหนดเวลาทำงานในแต่ละวันให้ยึดหยุ่นกัน (flextime) แต่เวลาทำงานแต่ละวันเท่าเดิม (8 ชั่วโมง) การลดวันทำงานในสัปดาห์ ผลดีสำหรับพนักงาน มีวัดหยุดพักผ่อนมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ผลเสีย ครอบครัวจะต้องปรับวันหยุดให้ตรงกัน 3.การแบ่งงาน (Job sharing) หมายถึง เฉลี่ยงานด้วยการแบ่งเวลาคนละครึ่งของวัน (สัปดาห์,เดือน) ให้กับคนที่ว่างทำ โดยเฉพาะบุคคลที่เก่ง เชี่ยวชาญ มีความสามารถตามที่องค์การต้องการ และไม่สามารถทำงานได้เต็มเวลา Work sharing : (แบ่งกันทำ) ใช้สำหรับเมื่อมีงานน้อยลง ไม่ต้องการให้คนบางคนออกจากงาน แต่ต้องทำงานโดยชั่วโมงทำงานลดลง ทำให้ค่าจ้างน้อยลงด้วย การกำหนดการทำงาน (Work Schedule) 4. ทำงานที่บ้าน (Work at Home) ผลดี ทำงานได้มาก ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ลดสิ่งรบกวนจากสถานที่ทำงาน ที่ทำให้งานชะงัก มีอิสระ เป็นตัวของตัวเอง มีเวลาเป็นของตัวเอง การกำหนดการทำงาน (Work Schedule) 5. งานนอกเวลา (Part-time Work) เป็นงานชั่วคราว หมายถึงงานที่มีชั่วโมงการทำงานน้อยกว่ามาตรฐาน (48 ชั่วโมง/สัปดาห์) และไม่ถือว่าเป็น “พนักงาน”
การกำหนดการทำงาน (Work Schedule) ผลเสีย ผู้รับงานขาดความผูกพันต่อองค์การ ผลงานอาจไม่เป็นไปตามกำหนด ควบคุมยาก เกิดการขัดแย้งมาก เพราะการปฏิบัติจะแตกต่างกับพนักงานประจำ ได้รับค่าจ้างต่ำ ไม่มีสวัสดิการ ประกันสังคม และวันหยุด องค์การสามารถเอาเปรียบ ด้วยการจ่ายค่าจ้างต่ำ จากการจ้างคนที่มีความจำเป็นต้องทำงาน
ความเครียดในการทำงาน • Stress หมายถึงสถานการณ์ของความกดดันที่คนได้รับจากความต้องการของร่างกาย หรือทางจิตใจ • เช่น เครียดเพราะไม่มีโอกาสได้รับความก้าวหน้าในการทำงาน เครียดเพราะไม่รู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไร
การรับรู้ (Perception) : พบเห็นสิ่งเดียวกัน แต่การรับรู้ไม่เหมือนกัน ประสบการณ์ในอดีต (past experience) : ทางด้านลบ/บวก การสนับสนุนทางสังคม (Social support) : การอยู่ร่วมกันในที่ทำงานเกิดความเชื่อมั่น หรืออาจเกิดความวิตกกังวล การแตกต่างของคน (Individual difference) : การปรับตัวสูง หรือต่ำ ประสาทอ่อน ทัศนคติ
สาเหตุของความเครียด • ปริมาณงานที่ทำ • สภาพการทำงาน • บทบาทในการปฏิบัติงาน • การเลื่อนตำแหน่ง โดนย้าย • ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไม่ดี • ความรุนแรง การถูกคุกคามทางเพศ • เคลื่อนไหวเร็ว • ขาดความอดทน ใจร้อน รีบเร่ง • ทำหลายอย่างพร้อมกัน • รู้สึกไม่สบายถ้าไม่มีอะไรทำ • เร่งรัดงานให้เสร็จ • อาการเหมือนคนเป็นโรคประสาท • ชอบการแข่งขัน • ชิวิตครอบครัว (การเสียชีวิตของคนที่รัก การหย่าร้าง อกหัก การประพฤติตัวไม่เหมาะสมของคนในครอบครัว) • เรื่องเศรษฐกิจ
ผลกระทบจากความเครียด • ผลทางร่างกาย : เกิดโรคความดันโลหิตสูง กระเพาะ ลำไส้แปรปรวน • ผลทางอารมณ์ : โกรธ วิตกกังวล อาการทางประสาท • ผลทางพฤติกรรม : ขาดงาน มาสาย ดื่มสุรา ติดยา อาการของความเครียดที่มากเกินไป • เปลี่ยนแปลงนิสัยการกิน • หงุดหงิดและขาดสมาธิ • เก็บกดละอาการทางประสาท • นอนไม่หลับ • โกรธง่าย ฉุนเฉียว • เกิดโรคกระเพาะ
อาการหมดเชื้อที่เกิดจากงาน (Job Burnout) • เหมือนคนไม่มีความรู้สึก ไร้วิญญาณ • บุคลิกภาพผิดไปจากเดิม การปฏิบัติต่อคนเสมือนวัตถุ เช่น เรียกชื่อ “ไอ้ด้วน” แทนคนที่ขาหัก อาชีพที่เสี่ยงต่อ Job Burnout ได้แก่ นักสังคมสงเคราะห์ หมอ พยาบาล ตำรวจ ครู ฯลฯ • ความรู้สึกตัวมีน้อย
การบริหารความเครียด • หมายถึง การจัดทำโครงการเพื่อลดความเครียด โดยการช่วยให้ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานเข้าใจถึงสาเหตุของความเครียด และใช้เทคนิคเผชิญกับความเครียดเพื่อลดผลกระทบในทางลบของความเครียด
วิธีบริหารความเครียดขององค์การ โครงการบริหารความเครียดเพื่อขจัดและปรับเปลี่ยนสาเหตุของความเครียด • ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน • ออกแบบงานเพื่อลดความเครียด • ปรับเปลี่ยนปริมาณ และวันเวลาที่ทำงานให้เหมาะสม • ปรับปรุงโครงสร้างองค์การใหม่ • เปลี่ยนแปลงกำหนดการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น • บริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ • บริหารงานโดยให้ทุกคนมีส่วนร่วม • จัดอบรมและสัมมนา วิเคราะห์บทบาทในที่ทำงาน
โครงการบริหารความเครียดเพื่อให้คนรับรู้ และมี ประสบการณ์เกี่ยวกับความเครียด
• การสร้างทีมงาน • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม • จัดให้มีที่ปรึกษา ด้านการพัฒนาอาชีพ วางแผนอาชีพ • จัดอบรมเรื่องการบริหารเวลา • จัดสัมมนาเรื่อง Job Burnout • จัดอบรมเทคนิคการพักผ่อนและลดความเครียด • จัดให้มีการบริหารสุขภาพ ดูแลสุขภาพ
วิธีบริหารความเครียดของคน วิธีเผชิญความเครียดในที่ทำงาน • รู้จักจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง • คิดก่อนทำ รู้จักคาดการณ์ล่วงหน้า • จงเปิดเผยตัวเอง เอาใจใส่ต่อทุกคน • จงทำเพื่อคนอื่นบ้าง • รู้จักวิธีลดความเครียด • สร้างความสมดุลระหว่างงาน กับการผักผ่อน
วิธีบริหารความเครียดของคน แนวทางการบริหารความเครียด • วางแผนล่วงหน้า บริหารเวลา • ดูแลตัวเอง โดยออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ • สร้างทัศนคติในทางบวก มองโลกในแง่ดี • ทำในสิ่งที่สนุกสนาน ร่าเริง • เรียนรู้เทคนิคการพักผ่อนเมื่อกำลังเผชิญกับความเครียด เช่น หาที่นั่งสบายๆ หลับตา กำหนดลมหายใจ ปล่อยวาง ฯลฯ
Create Date : 27 มีนาคม 2553 |
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 14:46:46 น. |
|
2 comments
|
Counter : 10160 Pageviews. |
|
|
|
โดย: swkt (tewtor ) วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:23:40:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [?]
|
วิทยากร, ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRM & HRD), การบริหารความเสี่ยงองค์กร, การจัดการมาตรฐานแรงงาน, กฎหมายแรงงาน,เขียนหนังสือและบทความ
|
|
|
|
|
|
|
|