1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28
บทที่ 2 พื้นฐานของพฤติกรรมระดับบุคคล
ต้นเหตุที่ทำให้บุคคลและพฤติกรรมบุคคลในองค์การ แตกต่างกัน • ลักษณะทางด้านชีวประวัติของบุคคล (Biographical Characteristics) • ความสามารถ (Ability) • การเรียนรู้ (Learning) ลักษณะทางด้านชีวประวัติของบุคคล (Biographical Characteristics) 1. อายุ (Age) อายุที่แตกต่างกันจะมีพื้นฐานทางพฤติกรรมที่แตกต่างกัน 2. เพศ (Gender) งานบางอย่างเพศหนึ่งจะทำได้ดีกว่าอีกเพศหนึ่ง 3. สถานภาพสมรส (Marital Status) คนโสด และคนแต่งงานแล้วจะมีประสิทธิภาพในการทำงานที่แตกต่างกัน /คนโสดจะมีความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกับงานมากกว่า คนที่แต่งงานแล้วจะมีความเข้าใจในคนอื่นมากกว่า 4. อายุการทำงาน (Tenure) อายุ (Age) เกิดจากความเชื่อว่า ผลการทำงานของคนจะลดลงเมื่อมีอายุมากขึ้น • กำลังแรงงานมีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้น • พนักงานไม่จำเป็นต้องเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี ผลกระทบของอายุต่อพฤติกรรมองค์การ การเข้า-ออกจากงาน (Turnover) : อายุมากขึ้นการเข้า-ออกจากงานจะลดลง เพราะโอกาสหางานใหม่มีทางเลือกน้อยลง ตำแหน่งงานสูงขึ้น ค่าจ้างสูงขึ้น สวัสดิการเพิ่มขึ้น การขาดงาน : อายุมากขึ้น อัตราขาดงานที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จะสูง เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ ผลิตผล หรือผลิตภาพของงาน : อายุมาก ความว่องไวลดลง เกิดความเบื่อหน่ายเพิ่มขึ้น ผลผลิตของงานย่อมลดลง ความพึงพอใจในงาน : คนที่ทำงานมานาน อายุมากขึ้น ความพึงพอใจในงานเพิ่มขึ้น แต่มักขาดความยืดหยุ่นในการปรับตัว ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ขัดขวางเทคโนโลยี เพศ (Gender) • ความสามารถในการแก้ปัญหา • ทักษะทางด้านการวิเคราะห์ • แรงผลักดันด้านการแข่งขัน • การจูงใจ • ความสามารถในการเข้าสังคม • ความสามารถด้านการเรียนรู้ • ความพึงพอใจในงาน • อัดตราการเข้า-ออกงาน เพศหญิง เพศชาย ไม่แตกต่างกัน สถานภาพสมรส (Marital Status) • พนักงานที่แต่งงานแล้ว จะมีอัตราเข้า-ออก และขาดงานน้อยกว่า การใช้คนให้เหมาะสมกับงาน ความสามารถ (Ability) หมายถึงสมรรถภาพของบุคคลที่จะทำงานสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ได้รับมอบหมายได้ แบ่งออกเป็น • ความสามารถทางด้านสติปัญญา (Intellectual Ability) • ความสามารถทางด้านร่างกาย (Physical Ability) ความสามารถทางด้านสติปัญญา (Intellectual Ability) • ทางด้านตัวเลข: คำนวณได้ถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว เหมาะที่จะเป็นนักบัญชี ผู้คำนวณราคาภาษีสินค้าแต่ละรายการ • การเข้าใจภาษา : สามารถเข้าใจในสิ่งที่อ่าน หรือฟัง สื่อความหมายเข้าใจ เหมาะที่จะเป็นผู้จัดการ ผู้ประสานงาน • การรับรู้ฉับไว : ระบุในสิ่งที่เห็น แยกแยะได้อย่างรวดเร็ว เหมาะที่จะเป็นนักสืบ ผู้หาสาเหตุของอุบัติภัย • การให้เหตุผลเชิงอุปมาน : ระบุลำดับขั้นตอนของปัญหาได้อย่างมีเหตุผล เหมาะเป็นนักวิจัยตลาด ทำนายความต้องการของตลาดในอนาคตได้ ความสามารถทางด้านสติปัญญา (Intellectual Ability) • ความสามารถการให้เหตุผลในเชิงอนุมาน : ใช้หลักเหตุและผลมาพิจารณาข้อเท็จจริง เหมาะกับหัวหน้างานควบคุมดูแลพนักงาน มีความสามารถในการเลือกทางเลือกที่แตกต่างกันได้ • การมองเห็นภาพจากจินตนาการ : มีความคิดสร้างสรรค์ เหมาะกับงานออกแบบตกแต่งภายใน • ความสามารถในด้านความจำ : เก็บรักษาประสบการณ์ให้อยู่ในความทรงจำได้นาน เหมาะกับงานขาย สามารถจำชื่อลูกค้าได้ ความสามารถทางด้านร่างกาย (Physical Ability) • ความแข็งแรง : การใช้กล้ามเนื้อ ความทรหดอดทน ความแข็งแกร่งทำให้เกิดแรงดึง แรงผลัก และการใช้พลังงาน เช่นนักกีฬากระโดดไกล นักยกน้ำหนัก พวกซูโม่ • ความยืดหยุ่น : การเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อส่วนลำตัว ส่วนหลัง สามารถแบก ยก หรือหามของหนักๆได้ ทำซ้ำๆได้อย่างรวดเร็วเช่น นักยิมนาสติก นักวิ่ง นักปั่นจักรยาน • ด้านอื่นๆ : : ความสามารถในการทำงานพร้อมกันของอวัยวะต่างๆ ความสามารถรักษาความสมดุลในการออกแรงออกกำลัง ด้านความอดทนต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น นักมวย นักกายกรรม การเรียนรู้ (Learning) การเรียนรู้ คือ การที่เราทำให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างถาวร โดยได้ผ่านประสบการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด เช่น เรามานั่งในชั้นเรียน ฟังสิ่งที่บรรยาย ก่อให้เกิดประสบการณ์การเรียนรู้ เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร อันเป็นผลเนื่องมาจากประสบการณ์ที่ได้รับ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุคคลนั้นโดยตรง แต่อาจเกิดจากการสังเกตการณ์ที่มีผลกระทบต่อผู้อื่นด้วย การเรียนรู้ (Learning) • การเรียนรู้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม • การเปลี่ยนแปลงค่อนข้างถาวร แต่ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว อาจเป็นเพียงผลสะท้อนจากการรับรู้เท่านั้น • การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการกระทำ กระบวนการคิด หรือทัศนคติ • ประสบการณ์ที่ให้เกิดการเรียนรู้ อาจได้รับจากการสังเกต จากตนเองโดยตรง หรือทางอ้อมก็ได้ เช่นจากการอ่านหนังสือ ครอบครัว เพื่อน สื่อมวลชน หรือพฤติกรรมในสังคม ทฤษฎีการเรียนรู้ 1. การเรียนรู้เงื่อนไขคลาสสิก (Classical Conditioning) 2. การเรียนรู้เงื่อนไขการกระทำ (Operant Conditioning) 3. การเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning) ทฤษฎีการเรียนรู้เงื่อนไขคลาสสิก • พาฟลอฟ (Ivan Pavlov) : เป็นการเรียนรู้จากเงื่อนไข มีตัวกระตุ้นหรือสิ่งเร้าและมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า “ เมื่อนำสิ่งเร้าที่เป็นกลางหรือสิ่งเร้าที่ต้องวางเงื่อนไข (CS) เสนอควบคู่กับสิ่งเร้าที่ไม่ต้องวางเงื่อนไข (UCS) ซ้ำๆหลายๆครั้ง ในที่สุด สิ่งเร้าที่เป็นกลางนั้น จะกลายเป็นสิ่งเร้าที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองได้ด้วยตนเอง” การตอบสนองที่ไม่ต้องวางเงื่อนไข • เป่าลมเข้าตา จะทำให้ตากระพริบ • มะม่วงดองทำให้น้ำลายไหล • เสียงดังทำให้สะดุ้ง กลัว • พริกไทป่นเข้าจมูกทำให้เกิดการจาม ทฤษฎีการเรียนรู้เงื่อนไขการกระทำ (Operant Conditioning) • สกินเนอร์ (B.F.Skinner) : พฤติกรรมของบุคคล มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับผลการกระทำ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เมื่อทำอะไรแล้วผลแห่งการกระทำเป็นที่ชื่นชอบ ก็จะกระทำซ้ำ แต่ถ้าผลการ • กระทำใดไม่เป็นที่พอใจก็จะหยุดพฤติกรรมนั้นๆ “บุคคลเรียนรู้ที่จะแสดงพฤติกรรมเพื่อให้ได้บางอย่างที่ต้องการ และเพื่อหลีกเลี่ยงในบางสิ่งที่ไม่ต้องการ” ทฤษฎีการเรียนรู้เงื่อนไขการกระทำ 1. พฤติกรรม ก. ผลการกระทำได้รับ “ความพอใจ” ถือเป็น “รางวัล” (reward) Ex : “สุดสวย” ใส่รองเท้าคู่ใหม่ ได้รับคำชมจากเพื่อนว่าสวยมาก ดังนั้นแนวโน้มว่า “สุดสวย” จะใส่รองเท้าคู่นี้บ่อยมากขึ้นในอนาคต 2. พฤติกรรม ข. ผลการกระทำได้รับ “ความไม่พอใจ” ถือเป็น “การลงโทษ” (punishment) Ex : “สวยสุดสุด”ใส่น้ำหอมที่มีกลิ่นฉุนรุนแรงมาก ไปงานเลี้ยงรุ่น และได้รับคำหัวเราะเยาะจากเพื่อนๆ ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่า “สวยสุดสุด” คงไม่อยากใส่น้ำหอมยี่ห้อนี้อีกต่อไป 3. พฤติกรรม ค. ผลการกระทำ “ไม่ได้รับรางวัล และ ไม่ได้รับการลงโทษ” พฤติกรรมไม่เปลี่ยนแปลง ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning) • เชื่อว่าการเรียนรู้ของคนเกิดจากการสังเกตกระบวนการทางสังคม ทำให้เกิดการรับรู้และเข้าใจ ทำให้เปลี่ยนพฤติกรรมได้ เช่น หากการฆ่าคนตาย ทำให้ต้องถูกประหารชีวิต คนจะกลัวและเกิดการเรียนรู้ว่าจะไม่ทำ • เป็นการเรียนรู้จากการสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น หรือได้รับคำบอกเล่าจากผู้อื่น หรือได้รับประสบการณ์โดยตรง เช่น เรียนรู้จากพ่อแม่ ครู อาจารย์ เพื่อนร่วมงาน ดารา และนายจ้าง เรียกว่า “การเรียนรู้จากการเลียนแบบผู้อื่น” Modeling Processes • กระบวนการสร้างความสนใจ : เกิดจากความสนใจ ตั้งใจ บุคคลจะเรียนรู้จากต้นแบบเมื่อเกิดการยอมรับ นับถือ และมีความสนใจ ในจุดเด่น เช่น มีบุคลิกภาพสวย เท่ สะดุดตา น่ารัก นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ หรือนักกีฬาเก่งๆ • กระบวนการสร้างความทรงจำ : บุคคลจะเรียนรู้จากต้นแบบมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของการกระทำจากต้นแบบ ที่ผู้เลียนแบบสามารถจดจำได้มากน้อยเพียงไร • กระบวนการให้ปฏิบัติตาม : บุคคลจะเรียนรู้จากต้นแบบได้ก็ต่อเมื่อได้เห็นพฤติกรรมใหม่ แล้วปฏิบัติตาม สร้างความรู้ใหม่ๆขึ้นมา • กระบวนการเสริมแรง : การเอาความรู้นั้นๆ ไปใช้เพื่อให้เกิดการแตกฉาน บุคคลจะดั้บแรงจูงใจให้แสดงพฤติกรรมตามแบบอย่าง หากได้รับความพึงพอใจ ถ้าได้รับความสนใจมาก เกิดการเรียนรู้ และนำไปปฏิบัติมากขึ้น การสร้างแบบพฤติกรรมใหม่ : เครื่องมือทางด้านการจัดการ การสร้างแบบพฤติกรรม (shapinh Behavior) หมายถึง การใช้วิธีเสริมแรงอย่างมีระบบและมีขั้นตอนต่อเนื่องกัน เพื่อให้บุคคลปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ตามที่ต้องการ วิธีสร้างแบบพฤติกรรม • การเสริมแรงทางบวก : การให้สิ่งพอใจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดพฤติกรรมที่ต้องการ เกิดความรู้สึกที่ดี มีกำลังใจในการทำงาน เช่น การกล่าวชมเชย การเพิ่มเงินเดือน โบนัส • การเสริมแรงทางลบ : การทำให้สิ่งที่ไม่พอใจเพื่อให้หยุดพฤติกรรม ปรับพฤติกรรมใหม่ เช่น การวางเฉย เลิกให้ความสนใจ นักเรียนคุยกัน ครูจับแยกกัน • การลงโทษ : เพื่อให้เลิกพฤติกรรมที่ไม่ต้องการ โดยการวางเงื่อนไข กำหนดกฏ กติกา เช่น ให้พนักงานที่ดื่มเหล้าขณะปฏิบัติงาน หยุกพักงาน 3 วันโดยไม่จ่ายเงินเดือน • การเลิกการเสริมแรง : เพื่อลดพฤติกรรมที่ไม่ต้องการ ตารางการเสริมแรง • การเสริมแรงอย่างต่อเนื่อง : เพื่อให้แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ แต่หากไม่ได้รับการเสริมแรงอย่างต่อเนื่องจะทำให้ขาดความกระตือรือร้น กลับไปสู่พฤติกรรมเดิม • การเสริมแรงเป็นช่วงๆ : เฉพาะพฤติกรรมที่ต้องการ หรือบางกรณีเท่านั้น การเสริมแรงเป็นช่วงๆ • กำหนดช่วงเวลาแน่นอน : ให้รางวัลระยะเวลาคงที่จ่ายรางวัลพิเศษให้ทุกวันจันทร์สำหรับพนักงานที่ไม่ขาด ลา สาย สำหรับอาทิตย์ที่ผ่านมา (ได้ผลในระดับกลางๆ ) • กำหนดช่วงเวลาแปรผัน : ให้รางวัลเวลาไม่แน่นอน กำหนดทดสอบเก็บคะแนนนักศึกษาโดยไม่บอกล่วงหน้า pop quiz (ได้ผลค่อนข้างสูง) • กำหนดอัตราส่วนของงานคงที่ : ให้รางวัลตามผลงานจ่ายโบนัสพิเศษทุกๆยอดขาย 1,000 บาท • กำหนดอัตราส่วนของงานแปรผัน : ให้รางวัลตามอัตราที่ผันแปร พนักงานจะได้รับค่าคอมมิชชั่นตามที่ขายสินค้าได้ (ขายมากได้มาก ขายน้อยได้น้อย) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (OB Modification) • ระบุพฤติกรรมที่เป็นปัญหา • กำหนดข้อมูลเพื่อใช้เป็นฐานในการวัด • ระบุผลของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง • กำหนดกลยุทธ์เพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม • ประเมินผลการปรับปรุงผลงาน ประโยชน์ของ OB Mod • เพื่อปรับปรุงผลิตภาพของพนักงาน • เพื่อลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงานให้น้อยลง • เพื่อลดอัตราการขาดงาน • เพื่อลดอัตราอุบัติเหตุ • เพื่อลดความเฉื่อยชาในการทำงาน • เพื่อปรับปรุงการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ในองค์การ • การจัดโปรแกรมการจ่าย Well Pay VS. Sick Pay ให้รางวัลคนที่ไม่เคยเบิกค่ารักษาพยาบาล และให้รางวัลคนที่ไม่เคยลาหยุดเลย • การลงโทษพนักงานที่มีปัญหา (Disciplining Problem Employees) การกำหนดวินัย เพื่อควบคุมพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพในการลงโทษทางวินัย • การพัฒนาโครงการฝึกอบรม (Developing Training Programs) ฝึกอบรม เพื่อให้เกิดพฤติกรรมใหม่ สร้างแรงกระตุ้น • การบริหารตนเอง (Self-management) จัดให้มีกระบวนการควบคุมดูแลตนเอง ใบงานครั้งที่ 1 แบ่งกลุ่มนักศึกษา 4 กลุ่ม ให้เวลากลุ่มละ 10 นาที ตัวแทนนำสรุปหน้าห้อง พร้อมส่งรายงาน งานกลุ่ม 1 Well Pay Program และ Sick Leave Program ต่างกันอย่างไร การที่บริษัทจัดทำ Well Pay Program ใช้แทน Sick Leave Program นักศึกษาเห็นด้วยหรือไม่ เพราะอะไร ให้นักศึกษาอธิบายบทบาทของผู้บริหาร (Management Roles) แต่ละแบบ พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน งานกลุ่ม 2 : บทบาทด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal Roles) งานกลุ่ม 3 : บทบาทด้านข้อมูลข่าวสาร (Information Roles) งานกลุ่ม 4 : บทบาทด้านการตัดสินใจ (Decisional Roles)
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2553
17 comments
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 14:14:02 น.
Counter : 13125 Pageviews.
โดย: พิทักษ์ ขนิษฐ์น้อย IP: 113.53.21.140 7 กุมภาพันธ์ 2553 22:21:23 น.
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 8 กุมภาพันธ์ 2553 14:07:22 น.
โดย: วีระฉัตร ใจมา IP: 58.137.145.41 10 กุมภาพันธ์ 2553 12:45:11 น.
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 12 กุมภาพันธ์ 2553 14:26:13 น.
โดย: วีระฉัตร ใจมา IP: 58.137.145.41 12 กุมภาพันธ์ 2553 19:20:20 น.
โดย: เธเธดเธเธฑเธเธฉเน IP: 125.24.82.250 24 พฤษภาคม 2553 11:37:49 น.
โดย: Jack IP: 125.24.82.250 24 พฤษภาคม 2553 11:38:42 น.
โดย: hi...Jack IP: 125.25.181.252 14 มิถุนายน 2553 14:56:34 น.
โดย: Nat IP: 125.25.181.252 14 มิถุนายน 2553 14:58:05 น.
โดย: เเก IP: 192.168.212.14, 58.136.93.202 14 กันยายน 2553 9:09:32 น.
โดย: mylove IP: 192.168.1.87, 118.172.87.172 21 ธันวาคม 2553 20:29:47 น.
โดย: mylove IP: 192.168.1.87, 118.172.87.172 21 ธันวาคม 2553 20:33:00 น.
โดย: คุณพิทักษ์ ขนิษฐ์น้อย IP: 183.89.18.28 14 มีนาคม 2554 22:18:09 น.
โดย: Natt IP: 183.89.18.28 14 มีนาคม 2554 22:20:06 น.
โดย: Sylar IP: 118.172.168.225 17 มีนาคม 2554 14:19:41 น.
โดย: ส้ม IP: 171.4.248.63 14 กรกฎาคม 2558 17:52:05 น.
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 20 กรกฎาคม 2558 12:17:17 น.
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [? ]
วิทยากร, ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRM & HRD), การบริหารความเสี่ยงองค์กร, การจัดการมาตรฐานแรงงาน, กฎหมายแรงงาน,เขียนหนังสือและบทความ
รบกวนอาจารย์ด้วยนะครับ..
ขอบคุณครับ