Group Blog
 
 
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
25 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

ทำไมข้าวไทยคือ รถโรลสรอยส์แต่ขายในราคารถญี่ปุ่น

วันนี้ผมมีโจทย์การตลาดมาให้บรรดานักการตลาดไทยขบคิดกันและดูซิว่าใครจะมีไอเดียทีเด็ดอะไรที่จะช่วยกู้หน้าข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกพยายามเลียนแบบ พยายามเอาพันธุ์ไปทดลองปลูก พยายามแย่งจดสิทธิบัตร ทั้งที่ขโมยพันธุ์ของเราไปแท้ ๆ มันน่าเจ็บใจนัก เพราะถ้าจะมีการประกวดแบบมิสยูนิเวอร์ส ผมว่าข้าวหอมมะลิไทยต้องได้รางวัลอร่อยที่สุดในจักรวาลแน่นอน

แต่ที่น่าเจ็บใจมากกว่านั้นคือ ข้าวหอมมะลิไทยที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก เป็นที่นิยมของบรรดานักกินระดับโลก แต่ราคาขายกลับตรงกันข้ามคือถูกกดราคาให้ต่ำตลอดเวลามาเป็นทศวรรษ เทียบกับข้าวญี่ปุ่นซึ่งไม่ได้วิเศษวิโสตรงไหน แต่ขายได้ตันละกว่า ๗หมื่นบาท เช่นเดียวกับข้าวอเมริกัน ที่สู้ข้าวขาวธรรมดาของเราไม่ได้เลยแต่ขายได้กว่าตันละ ๓หมื่นบาทในขณะที่ข้าวหอมมะลิไทยขายได้แค่ตันละหมื่นกว่าบาท รัฐบาลที่แล้วประกันไว้หมื่นกว่าบาท พอรัฐบาลใหม่ประกาศราคาจำนำไว้สองหมื่นบาทและข้าวขาวตันละหมื่นห้ากลายเป็นถูกหาว่ารัฐบาลขี้โม้ แล้วทุกคนก็อ้างกลไกตลาดซึ่งถูกกำหนดราคาโดยพ่อค้าฝรั่งที่ยุโรป และพ่อค้าข้าวที่ฮ่องกงรุมกระทืบกดราคาข้าวไทยมาเป็นทศวรรษ

ใช่แล้วครับ ข้าวหอมมะลิไทย คือเปรียบประดุจรถโรลส์รอยส์ที่ถูกกดราคาขายไม่ให้เงยหัวให้ขายเท่าราคาแค่รถญี่ปุ่นกลไกตลาดที่บรรดาพวกล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจยุคใหม่ (Globalization) กำหนดชะตากรรมให้กับเกษตรกรไทยให้จนตลอดชาติไม่ให้เงยหน้าอ้าปาก ในขณะที่ข้าวญี่ปุ่นคุณภาพธรรมดา แต่สามารถตั้งราคาให้กับเกษตรกรของเขาได้เหมือนรถโรลส์รอยส์

ตลาดค้าข้าวของโลกคือการตลาดระดับโลกที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์มหาศาลสร้างความร่ำรวยให้พ่อค้าทุกระดับตั้งแต่พ่อค้าคนกลางระหว่างประเทศ พ่อค้าขายส่ง ผู้ส่งออกในประเทศไทยเจ้าของโรงสีทุกคนนั่งรถเบนซ์คันงาม มีอาณาจักรมหาศาล ในขณะที่เจ้าของผู้ผลิตตัวจริงคือเกษตรกรไทยยังต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเดินลุยโคลนใช้แรงงานเก็บเกี่ยวกว่าจะได้เงินมาเลี้ยงครอบครัวไม่เคยสัมผัสความร่ำรวยเลยอย่างมากก็มีปิคอัพกับจักรยานยนต์ไว้ใช้กับบ้านซอมซ่อม

ข้าวหอมมะลิไทย ที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเช่นเดียวกับไหมไทยของ จิมทอมพ์สันแต่ข้าวหอมมะลิไทย ไม่เคยได้ราคามูลค่าเพิ่มแบบไหมไทยของจิม ทอมพ์สัน ทั้งที่ในประเทศไทยมีเพียง ๒๓ จังหว้ดเท่านั้นที่สามารถปลูกข้าวหอมมะลิแท้ที่มีความหอม ความอร่อยที่ในโลกทำไม่ได้ ไม่ต้องไปคิดว่าประเทศไหนจะเลียนแบบ แม้จังหวัดอื่นในประเทศไทยเอาไปปลูกก็ย้งทำไม่ได้ต้องถือเป็นเหมือนงานหัตถกรรมระดับโลกแบบงานศิลปาชีพ ที่ต้องประดิษฐ์ประดอย ประคับประคอง และที่สำคัญคือพื้นที่การเพาะปลูกคือแผ่นดินทองที่ดีที่สุดในโลก บรรยากาศ น้ำ ฝน ความชื้นที่พอดีเท่านั้น ถ้าเปรียบเป็นองุ่นที่ทำเหล้าไวน์ราคาแพงก็เหมือนไร่องุ่นที่ดีที่สุดในโลกที่ปลูกได้เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น

แปลกไหมครับทำไมพม่า ลาว เขมร เวียตนาม มาเลย์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์จึงไม่มีข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพเป็นเลิศเหมือนข้าวหอมมะลิไทย นี่คือผลบุญแห่งพระสยามเทวาธิราชที่ปกป้องผืนแผ่นดินนี้มาให้คนไทย และบรรพบุรุษไทยก็ต่อสู้ปกป้องด้วยเลือดเนื้อ และชีวิตเพื่อให้คนไทยยุคนี้มาแตกสามัคคีทะเลาะกันเองแล้วก็ลืมคุณค่าของแผ่นดิน ลืมความดีงามของแผ่นดิน แม้เมื่อนำผลิตภัณฑ์อันเลิศนี่ไปขายในตลาดโลก ก็ถูกเขากดหัว กดราคาและขบวนการค้าข้าวไทยก็ก้มหัวยอมรับ ยอมขายของดีในราคาถูกมาหลายทศวรรษ และอ้างว่าเป็นกลไกตลาด อย่าได้ไปแตะต้องเชียวนา

ผมว่านักการตลาดไทยทั้งประเทศน่าจะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อชาวนาไทยบ้าง ใครที่คิดว่าเป็นนักการค้าระดับโลก นักการตลาดระดับโลก น่าจะห้นมาปฏิวัติกลไกการค้าข้าวระดับโลกใหม่ให้กับเกษตรกรไทยให้ขายข้าวได้ราคาดีสมกับคุณค่า สมศักดิ์ศรี ใครที่คุยว่าเก่งนักหนาเป็นนักสร้างแบรนด์ ลองมาคิดสร้างแบรนด์ข้าวหอมมะลิไทยให้โด่งดังระดับโลกแบบไหมไทยของจิม ทอมพ์สัน หรือจะต้องรอให้นักการตลาดฝรั่งมาคิดให้อีก

เพราะถ้าเราสามารถทำข้าวหอมมะลิไทยให้ขายได้ไม่น้อยหน้าข้าวอเมริกันซึ่งไม่อร่อยเลย (ตันละ ๓ หมื่นบาท) หรือราคาไปได้ถึงราคาข้าวญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น(ตันละ ๗ หมื่นบาท) ราคาข้าวขาวธรรมดาก็จะพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างแน่นอน คำถามว่า ถ้าเราจะต้องกินข้าวในราคาแพงขึ้นเท่าตัว คนไทย ๓๐% จะยอมเสียสละให้กับคนไทย ๗๐% ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศหรือไม่ เพราะเทียบกันทุกวันนี้เรากินข้าวถูกที่สุดในโลก แต่กับข้าวขึ้นราคาขึ้นเอาขึ้นเอา(หมู ไก่ ใข่ ฯลฯ) แต่ราคาข้าวขึ้นน้อยมากถ้าเทียบกับพืชเกษตรทุกชนิด มันน่าน้อยใจแทนชาวนาไทยนัก

วันนี้ผมทิ้งโจทย์นี้ไว้แค่หอมปากหอมคอเพราะวันก่อนเพิ่งอ่านข่าวว่าอาหารไทยติดอันดับหนึ่งของเมนูระดับโลก คือ แกงมัสมั่นไทย ตามมาด้วยต้มยำกุ้งอันดับ๘ น้ำตกหมูอันดับ ๑๙ และส้มตำไทย อันดับ ๔๖ ใน ๕๐ เมนูโลก จากการจัดอันดับของเว็บไซท์ ซีเอ็นเอ็นโก ชนะ ปิซซ่าของอิตาลี(๒)ซูชิของญี่ปุ่น(๓)เป็ดปักกิ่งของจีน (๕)แฮมเบอร์เกอร์ เยอรมัน (๖) โดนัท ของอเมริกา (๑๔) เฝอ เวียตนาม(๒๘) ข้าวมันไก่ สิงคโปร์ (๔๕) เห็นไหมครับว่า ทำไมในต่างประเทศ เขาถึงยกย่องร้านอาหารไทยข้าวไทยกับข้าวไทยเป็นอันดับหนึ่งใครจะกินอาหารไทยต้องเตรียมตัวถือว่าเป็นมื้อแพงของฝรั่งแม้คนจีนในฮ่องกงไต้หวันร้านอาหารไทย ก็ถือว่าเป็นอ้นดับหนี่งต้องจองและเข้าคิวพวกเรารู้หรือยังว่าเรามีดีแต่เราไม่รู้จักตัวเองและเราประเมินตัวเองต่ำไป

ถ้าใครบอกว่าอาจารย์มานิตเพ้อฝันหรือเปล่าเป็นนักการตลาดไม่รู้เรื่องข้าวไทยเลยไม่รู้จักวงการค้าข้าวไทยซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาเซียนระดับโลกบรรดาพ่อค้าข้าวไทยเป็นวงการที่มีอิทธิพลสูงรู้จักนักการเมืองเยอะ มีกำลังมหาศาลผมก็จะถามว่าทำไมไม่ใช้ความเก่งและอิทธิพลทั้งหมดที่ว่ามายกระดับข้าวไทยให้ราคาสูงกว่าระดับโลกล่ะครับ

ทุกคนก็จะหัวเราะเยาะว่าอาจารย์ไม่รู้เรื่องเลยอย่าดีกว่า ผมเพิ่งอ่านข้อมูลในวงการค้าข้าวโลกแล้วผมตกใจ เพราะประเทศไทยน่าจะรวยกว่าโอเปคไปนานแล้ว ทราบไหมครับว่าคนทั้งโลก ๖ พันล้าน มีคนที่กินข้าวเป็นอาหารกว่า ๓ พันล้านคน(เฉพาะจีนกับอินเดียก็กว่า ๒ พันล้านแล้ว) แปลว่า ครึ่งหนึ่งของโลกกินข้าวเป็นอาหารประเทศที่อยากมีข้าวกินเหมือนคนไทยคือ อัฟริกาทั้งทวีป เช่น ไนจีเรีย ที่เราขายข้าวได้เป็นอันดับหนึ่ง ฯลฯ แต่ที่น่าทึ่งคือทุกประเทศทั่วโลกผลิตข้าวได้ไม่พอกินสามารถส่งออกได้ ส่งได้นิดหน่อย แม้ประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง จีน อินเดีย ญี่ปุ่น แม้สหรัฐอเมริกา ก็ส่งออกได้ไม่มาก

ตลาดส่งออกข้าวที่มีประเทศที่ผลิตเหลือส่งออกได้ มีประมาณปีละ ๓๐ ล้านตัน(จากผลผลิตโลกกว่า ๔๐๐ ล้านตัน)และในจำนวนนี้ ประเทศไทยส่งออกมากที่สุดในโลก คือ ปีละ ๑๐ ล้านตัน คือกว่า ๓๐% มารเก็ตแชร์ ตามมาด้วยเวียตนาม ๕ ล้านตัน ที่เหลือนอกนั้นก็ส่งกันกระปิดกระปรอย ถือว่าไทยเราเป็นเจ้าตลาดส่งออกของโลก ถ้ารวมกับเวียตนามก็ถือว่าเกิน ๕๐ % ของโลก ถ้าไทยกับเวียตนามมาร่วมมือกันได้เราก็คือโอเปคในวงการข้าวที่สามารถกำหนดราคาตลาดโลกได้ มิใช่ให้พ่อค้าที่ไม่เคยปลูกข้าว ปลูกก็ไม่เป็น ในประเทศไมผลิตข้าวขาย มากำหนดราคาข้าวไทย มันน่าเจ็บใจไหมครับ

ผมอ่านข้อมูลแล้วก็นอนก่ายหน้าผากนึกถึงข้าวไทยที่ต้องใช้นโยบาย “จำนำ” กับ “ประกันราคา"ทุกรัฐบาล แปลว่า คนเราถ้าต้องเข้าโรงจำนำแปลว่า จนมาก ทรัพย์สินไม่เหลือแล้ว ต้องเอาของไปจำนำเพื่อเลี้ยงชีวิต เช่นเดียวกัน การประกันราคา คือ การพยุงราคา ซึ่งแน่นอนก็แปลว่า ต้องพยุงด้วยราคาต่ำที่สุด นั่นคือ ทั้งชีวิตของคนทำนา ก็ต้องได้ราคาต่ำที่สุดตลอดชีวิต แปลว่า เลวทั้งสองระบบ

วิธีที่ดีที่สุด คือ ทำอย่างไร ราคาข้าวจึงจะเป็นไปตามกลไกตลาด ที่ถูกกำหนดโดยเราเหมือนกับโอเปคชาวตะวันออกกลางที่ลุกขึ้นมาขับไล่ฝรั่งที่คุมราคาน้ำมันทั้งโลกแล้วกำหนดราคาเอง จนรวยมหาศาลแทบจะซื้อโลกได้ทั้งใบ แม้ทะเลทรายก็ยังเนรมิตกลายเป็นเมืองสวยที่สุดในโลกได้แต่ประเทศเหล่านี้เองปลูกข้าวไม่ได้เลย ถ้าน้ำมันหมดจะเอาอะไรกินถ้าไม่พึ่งเราซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพดี อร่อยที่สุดแต่ราคากลับถูกที่สุด ผมว่าเราจับมือกับโอเปคดีกว่า คนเอเชียด้วยกันมาสู้กับฝรั่งดีกว่า สู้ด้วยเศรษฐกิจนี่แหละไม่ต้องสู้แบบ Nine One One สู้กันด้วยฝีมือการตลาด

เมื่อไรเราจะ “ประกาศอิสรภาพ” จากกลไกการค้าโลก จากผู้มีอิทธิพลค้าข้าวโลก ให้กับชาวนาไทย เพราะน้ำมันกินไม่ได้และอีก ๖๐ ปีก็หมดโลกแล้ว แต่ข้าวไทยและเนื้อที่ปลูกข้าวของเรามีมหาศาลไม่มีใครมาแย่งเราได้เราถือเป็นเจ้าตลาดส่งออกของโลกแต่เหตุไฉนจึงยอมให้คนอื่นมาข่มเหงเราได้ขนาดนี้ ผมไม่ทราบว่าบรรดามหาเศรษฐีในวงการค้าข้าวเซียนค้าข้าวเคยคิดจะแก้กันบ้างไหมครับ หรือที่อยู่กันทุกวันนี้มันสบายดีแล้ว คนนอกก็เข้ามายาก รัฐบาลทุกรัฐบาลก็ซื้อได้ สบาย ๆ

คงจะต้องคิดต่อเขียนต่อและมาช่วยกันคิดกันหน่อยนะครับ เซียน ๆ ทั้งหลาย ตอนนี้ผมกำลังสนุกอ่านเรื่องข้าวทุกวัน มีคนส่งเอกสารให้มาอ่านเป็นตั้งยิ่งอ่านยิ่งไม่เข้าใจ ปล่อยไว้ได้ยังไงเนี่ย ยิ่งเรื่องรับจำนำกับ ประกันราคา อ่านแล้วหนาวจับใจสงสารชาวนาที่ไม่รู้เรื่องเลย แสดงว่าวงการนี้มีมาเฟียตัวจริง มีผู้มีอิทธิพลตัวจริงทั้งระดับชาติและระดับโลก ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็สามารถคอรัปชั่นได้ทุกวิธี มากหรือน้อยและบุคคลในรัฐบาลเป็นแค่พระรองทุกรัฐบาลเพราะกลไกตลาดถูกพ่อค้าควบคุมไว้อย่างเบ็ดเสร็จเรียบร้อยทุกประตู ถ้าจะทำให้วิธีไหนล้มเหลวและเป็นข่าวพาดหัวก็ทำได้ทั้งนั้นเพราะมีผู้เสียผลประโยชน์ที่แฝงตัวอยู่มหาศาล แต่ถ้าไม่แก้ คนรับเคราะห์คือชาวนาที่ต้องจนตลอดชาติ เผลอ ๆ ก็จนข้ามชาติไปเลย

มานิต รัตนสุวรรณ //www.smatmaketing.com




 

Create Date : 25 มกราคม 2555
0 comments
Last Update : 25 มกราคม 2555 15:50:50 น.
Counter : 552 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


smat-ajmanit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add smat-ajmanit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.