Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
25 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
บันทึกเรื่องราวระหว่างกลับไทย 9Sep~12Sep 2006

9 Sep 2006

พาเฮียไปเดินสวนจตุจักรพร้อมด้วยพี่สาวเรา เฮียได้ของมาเพียบเลย ท่าทางแกจะชอบแต่เหงื่อออกเยอะมากจนน่ากลัว กลัวว่าแกจะละลายกลายเป็นน้ำไป

คราวนี้เรากะพี่สาวได้ของไปนิดหน่อย แต่เฮียได้ไปเพียบ เสื้อยืดสี่ตัว เสื้อเชิ้ตทำงานแขนสั้น เข็มขัด หอยยักษ์ประดับบ้าน แจกันเบญจรงค์หนึ่งคู่ เชิงเทียนทรงเรือสุพรรณหงส์ ฯลฯ ดูเฮียจะปลื้มมากได้ซื้อของเยอะแยะแต่จ่ายน้อย....

เดินได้สักพักก็แวะกินส้มตำ ไก่ย่าง เอาแรง แล้วไปเดินกันต่ออีกยก

ตกเย็นก็กลับบ้านกันพร้อมน้องสาวที่มาสมทบภายหลัง แล้วก็นัดแม่ที่ไปเที่ยวอยุธยากับอบต.มากินข้าวที่ ZEN เพราะพี่สาวอยากกิน(อีกแล้ว)และบอกว่ามีบัตรลดอยู่ พี่สาวเลี้ยงข้าวมื้อนี้ให้เรา น่าร๊ากที่สุด


10 Sep 2006

วันนี้มีนัดไปเที่ยวชานเมืองกัน ตอนแรกว่าจะไปสุพรรณกันแต่พอดีแม่บอกว่าไปสมุทรสาครสิ ก็เลยไปลองค้นข้อมูลการท่องเที่ยวจากเว็บของททท.มาเตรียมไว้ได้สองสามวันแล้วล่ะ

ออกจากบ้านกันตั้งแต่11 โมง ว่าจะออกเช้ากว่านี้แต่สาวๆ เยอะ ห้องน้ำก็มีอยู่แต่ห้องเดียว เวลาก็เลยเลทไปจากที่ตั้งใจเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร ไม่รีบๆ วันนี้แม่ไม่ไปเพราะเหนื่อยล้าจากการไปอยุธยาเมื่อวาน

ไปถึงที่จ.สมุทรปราการ ไหว้พระที่อุทธยานแห่งชาติร.2 ตลาดน้ำอัมพวัน(ตลาดน้ำตอนเย็น) สามสาวพี่น้องกินจุบกินจิบตลอดทาง ตบท้ายด้วยขนมจีนแกงต่างๆ ที่ขายบนเรือ ถูกด้วยอร่อยด้วย

ขากลับแวะซื้ออาหารทะเลที่ตลาดทะเลไทย ปู 2 ตัว 120 บาท กุ้ง 200 บาท หอยแมงภู่ 20 บาท มาปิ้งกินกันที่บ้าน อร่อยมาก....ขอบอก....งวดหน้าจะไปซื้อมาอีก (ตลาดทะเลไทยปิดประมาณหนึ่งทุ่ม)



11 Sep 2006

สามีมารับที่บ้านแต่เช้า แล้วก็ไปกระทรวงต่างประเทศ กรมการกงสุล แถวหลักสี่ เพื่อทำพาสปอร์ตใหม่หลังจากที่ได้เปลี่ยนสถานะภาพแล้ว ไปถึงประมาณ 9.30 น. ทำเสร็จประมาณ 10.30 น. จ่ายไป1,000 บาท นับว่าเร็วมาก ตอนแรกเห็นคนเข้าคิวรอเพียบเลยนึกว่าจะช้า ยิ่งวันนี้วันจันทร์ด้วยคนก็ยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่ แต่ปรากฎว่ารวดเร็วทันใจดี

หลังจากนั้นก็ไปสนามบินดอนเมืองเพื่อซื้อตั๋วไปกระบี่ แล้วก็ได้ไฟล์ททันที บินหลังจากซื้อตั๋วชั่วโมงครึ่ง ก็เลยแวะกินข้าวกันก่อน อ้อ ก่อนไปซื้อตั๋วไปคืนรถAVIS ก่อน ดันไปเติมน้ำมันคืนให้ซะเต็ม แต่มะเห็นมีพนักงานคนไหนบ่นเลยว่าเติมคืนให้เต็มทำไม ทีเวลาเติมคืนให้ไม่เท่ากับตอนที่ยืมมาเนี่ย โหย มันจะปรับเงินเราตั้งหลายเท่า ก็สรุปว่าไปคืนรถอย่างไม่มีปัญหาอะไร

พอถึงสนามบินกระบี่ก็ไปรับรถ AVIS ที่จองไว้ แล้วก็ขับรถไปตรังกัน ระยะทาง 150 ก.ม. แต่ขับกันตั้ง 3 ช.ม. เพราะรถเยอะมาก ระหว่างทางก็กลัวๆนะ เพราะแถบภาคใต้เนี่ยถึงจะไม่ใช่สามจังหวัดชายแดนก็เหอะ แต่บรรยากาศมันดูน่าเกิดเหตุการณ์เหลือเกิน หรือเป็นเพราะเราดูข่าวมากไปฟะ เลยคิดมาก....

ถึงเมืองตรังแล้ว ก็ไปที่รร.ธรรมรินทร์ธนา เพื่อเข้าพัก รร.ก็ดันวังเวงอีก เพราะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ถามพนักงานรร.ว่าจะจองทัวร์ได้ที่ไหน พนง.บอกว่าช่วงนี้คงไม่มีเรือออกไปไหนหรอกเพราะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว....อ้าว....พอเข้าไปวางของในห้องพักเห็นห้องแล้วก็อยากออกไปเร็วๆ เพราะมันเหม็นอับมาก ประมาณว่าคงปิดห้องไม่มีคนมาพักหลายวันมากอ่ะ คาดว่าถ้าอยู่นานเชื้อราอาจเข้าไปสะสมในปอดได้

ด้วยความที่อยากเห็นทะเลก็เลยออกไปขับรถเล่นกันไปที่หาดที่เขาว่ามีชื่อเสียงของจ.ตรัง เผื่อจะได้ย้ายไปอยู่รร.แถวๆ หาดในวันพรุ่งนี้ โอ้ แม่เจ้า ยิ่งวังเวงวิเวกกันเข้าไปใหญ่ ไม่เห็นแม้แต่เงาของนักท่องเที่ยวเลย แถมชายหาดก็ดูไม่เหมือนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเลยสักนิด เราคงมาผิดฤดูจริงๆ ขากลับฝนตกหนักอีกต่างหาก ขับรถกันแบบไม่เห็นทางเลย แล้วยิ่งเป็นทางที่เพิ่มเคยผ่านตอนมาเมื่อกี้นี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย ลุงป้าเลยได้ตื่นเต้นกันตลอดทาง.....
พอมาถึงตัวเมืองตรัง(ที่เดิม) ได้อย่างปลอดภัย แถมฝนก็หยุดตกแล้วก็เลยไปหาตลาดที่เขาว่าคึกคักที่สุดในเมืองบริเวณที่ใกล้กับศาลากลาง ก็แบบตลาดบนถนนสายหนึ่ง ไม่ใช่แบบที่เป็นที่ตลาดจริงๆ มีร้านรถเข็นมาขายทั้งของกิน เสื้อผ้า เครื่องประดับ ฯลฯ มากมาย เราแนะนำให้เฮียกินไก่ทอดเห็นว่ามีชื่อ เฮียกินแล้วก็บอกอร่อยดี ส่วนตัวเองกินขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ ก็อร่อยดี แต่ยังไม่ค่อยถูกใจ ก็เลยไปซื้อไก่ทอดมากินเพิ่มอีก แล้วก็ซื้อขนมปอด(ขนมถังแตก)ไส้มะพร้าวมากินต่อที่โรงแรม

12 Sep 2006

กะว่าจะไปกินอาหารเช้าข้างนอกรร.ซะหน่อย พวกติ๋มซำที่เขาว่ามีชื่อของจ.ตรัง แต่เฮียอยากกินในรร.ก็เลยต้องตามใจ

การมาเมืองตรังครั้งนี้ทำให้เราแปลกใจอยู่อย่างคือ อาหารจีนในเมืองนี้ขายกันเยอะมาก พวกหมี่ฮกเกี้ยน ติ๋มซำ เนี่ย กินกันเป็นของพื้นบ้านเลย เพราะในความคิดเราเนี่ยจ.ในภาคใต้น่าจะเป็นอาหารอิสลามหรืออาหารปักษ์ใต้มากกว่านี้ พอได้ไปเจออาหารจีนเยอะๆ ก็เลยแปลกใจ แต่ที่ไม่เห็นมีใครหน้าตาเหมือนคนจีนเลยเนี่ยยิ่งแปลกใจใหญ่

สุดท้ายเราก็ไม่ได้สัมผัสเมืองตรังอย่างจริงจังเท่าไรก็ต้องลาไปกระบี่ (ซึ่งไม่ได้อยู่ในแผนมาก่อนเล้ย) ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ไปตามแผนที่ที่ได้รับจากAVIS กระบี่ ตอนไปรับรถ กะว่าจะไปททท.ก่อนแต่หาไม่เจอก็เลยแวะไปที่บ.ทัวร์แถวนั้น จองรร.แล้วก็ทัวร์เรือคายัควันนั้นเลยทันที กระบี่เนี่ยค่อยดูเป็นเมืองท่องเที่ยวหน่อย

เช็คอินรร.เสร็จก็ออกมาหาอาหารกลางวันกิน ไม่มีร้านไหนเปิดเลยไปกินแม็คกัน แม็คที่นี่ไม่ใช่อาหารราคาถูกเลยนะชุดละตั้ง 100 กว่าบาทแน่ะ แล้วก็กลับไปรอทัวร์มารับที่รร. รร.นี้บรรยากาศดีมาก นักท่องเที่ยวก็เยอะนะแต่ดูไม่พลุกพล่านดี

รถสองแถวของทัวร์มารับเรา มีฝรั่งชายหญิงคู่นึงอยู่ในรถด้วยคาดว่าคงเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรม ทราบภายหลังว่าเป็นชาวไอร์แลนด์

หลังจากนั่งรถสองแถวโยกไปโยกมาได้พักใหญ่ ถ้าคนที่พาเรามาปล่อยเรากลางทางพวกเราก็คงกลับกันเองไม่เป็นแน่นอน หรือถ้าจะประทุษร้ายเราก็คงไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือมันเป็นแน่ เป็นว่านั่งรถไปนานมากจนเกือบลืมว่าเราจะพายเรือคายัคกัน พอไปถึงก็มีพี่ชายคนนึงมาอธิบายหรือมาเกลี้ยกล่อมเชิงข่มขู่ ว่าถ้าเราพายไม่เป็นควรให้ไกด์นั่งไปด้วย แต่ต้องเสียตังค์เพิ่มอีกคนละ 200 บาท ตอนแรกก็นึกว่า 200 บาทต่อไกด์ 1 คน แต่เปล่าค่ะ 200 บาทต่อนักท่องเที่ยว 1 คน คือ เราจะไปกับสามี 2 คน ก็เท่ากับต้องจ่ายค่าไกด์ 400 บาท แต่เราบอกว่าถ้า 200 บาทน่ะยอมจ่ายแน่ 400 บาทคงไม่ไหว อีตาคนที่มาพูดกล่อมจะไม่ยอมท่าเดียว แต่น้องไกด์ที่จะเป็นคนพาไปโอเคก็เลยจ่ายให้ไป 200 บาท ที่จริงสามีเราอยากให้พายกันเองไม่ต้องมีไกด์แต่เราว่าน่าจะให้เขาไปด้วย ถึงแม้จะดูโง่ๆ ที่ยอมจ่าย 200 บาทเพิ่มก็ตามที (แปลกดีนะ พวกเขาไม่ถามหรือต่อรองกับฝรั่งเลย คงเล็งเห็นแล้วว่าฝรั่งอึดกว่าคนเอเชียด้วยกัน เลยไม่ไปขู่ เอ้ย พูดให้เพิ่มไกด์ด้วย) แต่ก็ดีนะที่ให้เขาพายไปกะเราด้วย เพราะพอออกเรือไปได้ไม่ถึงห้านาที ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ ตกหนักมาก ขนาดที่ลืมตาไม่ขึ้นเลย แต่เราก็ยังพายกันไปเรื่อยๆ ฝนตกเกือบตลอดทางที่ไปเลย มีขากลับที่ฝนหยุด พายกันอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็กลับมา แล้วน้ำบริเวณท่าเรือก็ลดลงไปเยอะมาก ขึ้นมาเข้าห้องน้ำห้องท่า แล้วก็กินสับปะรดกับแตงโมที่ทางทัวร์เขาเตรียมไว้ให้ กินได้ยังไม่ทันไรเลย มาเรียกให้ขึ้นรถกลับกันได้แล้ว แถมก่อนกลับยังเอารูปที่ถ่ายก่อนออกเรือมาขายอีก ใบละ 150 บาท บ้าเหรอ ยังมีหน้ามาขายอีก เรื่องอะไรฉันจะไม่ซื้อ อ้าว.....เรากับฝรั่งก็แลกกันดูรูป อิอิ ของเราน่ารักกว่า

กลับถึงรร.ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปหาอะไรกินกัน ได้ร้านอาหารที่เห็นมีคนไทยมากินกันเยอะ ก็อร่อยดี แต่รออาหารนานมาก

กินเสร็จก็ไปนวดเท้า ราคาไม่แพง แต่คนที่นวดดันเป็นนักเรียนเพาะช่างที่มาฝึกงาน มิน่าล่ะ ราคาถูกเชียว แถมนวดเจ็บอีกต่างหาก





Create Date : 25 กันยายน 2549
Last Update : 17 ธันวาคม 2549 19:56:57 น. 6 comments
Counter : 1000 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่าน และก็มาทักทายค่ะ กลับไทยคงสนุกนะคะ ปีนี้เราไม่ได้กลับค่ะ เลยเที่ยวแถวๆ นี้แทนปีหน้าคงได้กลับค่ะ คิดถึงเมืองไทยมากๆ เลยค่ะ




โดย: Malee30 วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:16:05:30 น.  

 
แวะมาทักเหมือนกันค่ะ กลับมาได้สักเดือนกว่าแล้วค่ะ ได้กลับบ้านเรา มีความสุขน่ะค่ะ ได้เที่ยว ได้กิน แถมถูกอีด้วย


โดย: Raa aaR (Katja ) วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:19:27:28 น.  

 
Malee30 → ใช่ค่ะ กลับไปแล้วไม่อยากกลับมาทุกทีเลย

Katja → กลับมาแล้วอย่าลืมตามไปอ่านบล็อกที่อัพเรื่องกลับบ้านคราวนี้ด้วยนะคะ


โดย: peeko วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:19:46:24 น.  

 
แวะมาทักทายค่า ดีจังได้กลับเมืองไทยส่วนลีสามปีมาแล้วยังไม่ได้กลับเลย


โดย: Lee (Hokey ) วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:20:46:12 น.  

 
อ่านจบแล้วคิดถึงบ้านเลยค่ะ ...อยากกลับบ้าน


โดย: Picike วันที่: 26 กันยายน 2549 เวลา:5:28:44 น.  

 
Hokey  → สามปีเหรอคะ เด๋วนี้เมืองไทยเปลี่ยนไปเยอะนะคะ ค่ารถเมล์ก็แพงขึ้น แต่โดยรวมๆ บ้านเราก็ยังอบอุ่นเหมือนเดิม

Picike  →อยากกลับบ้าน(อีก)


โดย: peeko วันที่: 26 กันยายน 2549 เวลา:9:17:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

peeko
Location :
กรุงเทพ Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add peeko's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.