|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
โมจิร้อนๆ มาแล้วจ้า (^_^)//
การแลกเปลี่ยนในโครงการเยาวชนที่จัดโดยหน่วยงานของญี่ปุ่นนั้น นอกจากจะมีโปรแกรมให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้่ทางด้านวิชาการแล้ว ยังมีการสอดแทรกให้ความรู้และให้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแก่เยาวชนไทยด้วย เพื่อให้เข้าใจถึงสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริงและความเป็นมาของญี่ปุ่นให้ได้มากที่สุดในเวลาที่จำกัด บางหน่วยงานก็พาเราไปเยี่ยมชมวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ ศูนย์ป้องกันภัยพิบัติืให้ได้ทดลองสัมผัสกับประสบการณ์แผ่นดินไหว และทดลองทำอาหารและขนมญี่ปุ่น ฯลฯ
ตัวดิฉันเองก็ชอบมากค่ะ ที่ได้มีโอกาสสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วยตัวเองแบบนี้ อะไรคะ...อ๋อ...อย่าได้แปลกใจเลย เพราะคนที่อยู่ญี่ปุ่นไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ๆ สักเท่าไรหรอก โดยเฉพาะคนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ครึ่งๆ กลางๆ จะัตัวเมืองก็ไม่ใช่จะบ้านนอกก็ไม่เชิง แบบบ้านอิฉัน นี่ยังดีนะคะ หลายคนที่ฝันอยากมาเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น เก็บหอมรอมริบหรือบางคนก็เอาที่พ่อแม่เก็บเอาไว้กินยามแก่เฒ่ามาใช้เป็นทุนการเรียนภาษาในญี่ปุ่น โธ....คงฝันว่าจะมีเพื่อนญี่ปุ่นกลับไปเยอะแยะ แต่ในความเป็นจริง รอบข้างคุณมีแ่ต่คนเกาหลี คนจีน คนบราซิล คนเวียตนาม ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเกาหลี โอกาสที่จะได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นกับคนญี่ปุ่นแท้ๆนั้นยากมาก มีหลายๆ สาเหตุที่ทำให้เราเข้าไม่ถึงคนญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ไว้จะเก็บมาเล่าต่อไป
ในภาพไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มะคะว่าเขากำลังนึ่งข้าวเหนียวกันอยู่ ใช้คะมะ(เตา)และก็ซึ้งนึ่ง กรรมวิธีไม่ต่างจากบ้านเรามากนัก ต่างกันแ่ต่รูปร่างหน้าตาของอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้เท่านั้น รูปด้านซ้ายมือเป็นรูปที่แม่ครัวเรากำลังจะใส่ฟืนเข้าไปในเตา สีขาวๆ นั่นเป็นศีรษะที่โพกผ้าทำครัวของคุณพี่แม่ครัวค่ะ เนื่องจากรูปถ่ายไว้ตั้งแ่ต่ปีที่แล้วอ่ะนะคะ ดิฉันก็ลืมๆไปตอนแรกก็ยังงง เอ๊ะ นี่เราถ่ายติดไรมาฟะ... ชะแว้ง....เปิดฝาซึ้งมาก็เป็นดังรูปขวามือ อื้ม กลิ่นข้าวเหนียวหอมโชยมาเชียว
ในระหว่า่งที่น้องๆ เขาไปมุงดูการหุงข้าวแบบญี่ปุ่นบ้าง บางคนก็ไปแอบไปคุยกับเกษตรกรหนุ่มบ้าง ดิฉันก็มองไปเห็น...สาก....เอ๊ย...มะใช่ ไม้ตีพริก...เพราะพริกญี่ปุ่นเผ็ดมากต้องใช้ไม่ยาวซะขนาดนี้....ก็มะใช่อีก.... เป็นไม้ตำข้าวเหนียวค่ะ เอามาแช่น้ำรอไว้ก่อน เวลาตำข้าวเหนียวจะได้ไม่ติดขึ้นมา
เอ้า ฮุย เล ฮุย.....(ภาคไทย) เซ่...โน้....วัชโช่ย วัชโช่ย....(ภาคญี่ปุ่น) พี่แกสลับกันตำ แล้วก็จะมีอีกคนเป็นคนเสี่ยงเอามือเข้าไปพลิกเจ้าข้าวเหนียวในระหว่างที่เขากำลังตำกันอยู่ ภาพถ่ายไม่ทันอ่ะนะเพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เจ้ากล้องที่ถ่ายใต้น้ำได้ดีแต่ถ่ายบนบกไม่ได้เรื่องของอิฉ้นมันประท้วง ถ่ายมากี่รูปก็เบลอหมด.... คนที่ตำกับคนที่กลับข้าวเหนียวเนี่ยจะต้องรู้จังหวะกันเป็นอย่างดีมิฉะนั้นมือบวมเป็นไม้พายกลับไปแน่ แต่บางทีเราก็เห็นเหมือนเขาเอามือไปแตะๆให้เป็นพิธีพอให้เข้าจังหวะ วัชโช่ย วัชโช่ย เท่านั้นเอง สังเกตุรองเท้าของคนด้านซ้ายมือ เป็นรองเท้าแบบญี่ปุ่นเห็นคนที่เมืองนี้เขาใส่กันเยอะเลยแหละ
ขณะที่หนุ่มๆ ตำข้า่วเหนียวอยู่ สาวๆก็เตรียมหน้าสำหรับกินกับเจ้าโมจิ ซึ่งได้แก่ อันโกะ(ถั่วแดง)กับคินาโกะ(ถั่วเหลืองผง) หลังจากตำจนข้าวเหนียวละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันจนกลายเป็นโมจิแล้ว เขาก็จะเอามาใส่ไว้ในอ่างที่ใส่น้ำเตรียมไว้ไม่ให้เจ้าโมจิมันแห้ง บิโมจิออกมาให้ได้พอคำ แล้วเอาลงไปคลุกกับถั่วแดงและถั่วเหลือง เป็นอันเสร็จ หลังจากนั้นก็หนีบใส่จานพร้อมทานได้ทันที พอเสร็จ น้องๆ ก็เอามาเสิร์ฟให้ผู้อาวุโสก่อนตามลำดับ (เราก็ได้รับในลำดับต้นๆ ด้วย แง๊.............) ทั้งๆ ที่หลายคนน้ำลายหยดติ๋งๆแล้วล่ะ ขนมญี่ปุ่นแท้ๆ ก็็จะมีเครื่องเีพียงเท่านี้แหละค่ะ โมจิไส้ถั่วแดง ถั่วแดงห่อโมจิ แล้วก็ทำหน้าตาให้มันแตกต่างกันไปหน่อยตามท้องถิ่นเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า ทั้งๆ ที่เนื้อหาเหมือนกันแหละ แต่ทำให้แตกต่างกันไปตามเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั้นๆ โดยมีแคชเฟรสว่าต้องมาที่เมืองเราเท่านั้นจึงจะได้มีโอกาสหาซื้อขนมหน้าตาแบบนี้....แต่ขอย้ำเนื้อหาและรสชาติไม่ได้แตกต่างกันมากหรอก นอกจากจะเป็นของร้านที่มีขื่อจริงๆ ที่รสชาติของถั่วแดงและความดึ๋งดั๋งของโมจิจะแตกต่างจากร้านอื่นๆ
ห๋า..ว่าไงนะคะ...อ๋อ....รสชาติของขนมที่เราทำเองเนี่ยเหรอ......... โจ้...โอ-อิ-ชี่-....อยากบอกว่าอร่อยมากอ่ะนะ แต่เราไม่ชอบกินถั่วแดง โมจิ แล้วผงถั่วเหลืองเนี่ยก็ไม่ชอบด้วยติดปากเลอะเทอะไปหมด คือ เราไม่ชอบขนมญี่ปุ่นแบบโมจิห่อถั่วแดงหรือถั่วแดงห่อโมจิอ่ะ ใครที่ชอบก็คงว่ามันหย่อยอ่ะนะ เห็นน้องๆ กินกันใหญ่เลย ท่าจะชอบหรือกินไปตามมารยาท แต่อ่ะนะ โมจิที่ตำใหม่ๆ ยังไงก็อร่อยกว่าโมจิสำเร็จรูป เพราะมันหอมและนุ่มกว่า
ปล.วันก่อนอ่านหนังสือ "จดหมายจากเกียวโต" เรื่องโมจิ ถึงได้รู้ว่าโมจิแบบไทยๆ (ขนมใส่ไส้ หรือ ขนมเทียน??) ทำจากการนำข้าวสารมาตำให้เป็นแป้งก่อนค่อยเอาไปนึ่ง แตกต่างจากของญี่ปุ่นที่หุงข้าวให้สุกก่อนแล้วค่อยเอามานวดเป็นแป้งโมจิ
Create Date : 11 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2552 0:23:19 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1283 Pageviews. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 11 สิงหาคม 2549 เวลา:13:57:11 น. |
|
|
|
โดย: peeko วันที่: 11 สิงหาคม 2549 เวลา:14:30:54 น. |
|
|
|
โดย: จิ๊บ (jipprincess ) วันที่: 11 สิงหาคม 2549 เวลา:20:08:43 น. |
|
|
|
โดย: จิ๊บ (jipprincess ) วันที่: 11 สิงหาคม 2549 เวลา:21:39:20 น. |
|
|
|
โดย: iamname (iamname ) วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:0:01:44 น. |
|
|
|
โดย: จิ๊บ (jipprincess ) วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:11:46:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|