Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

ประวัติน้อง ๆ ในหนังสือบ้านสานรัก





นายบวรเกียรติ ขวัญเมือง ... (กุ๊ก) คนเก่งหัวใจแกร่งปี 2544
คนเก่งคนแรกในโครงการสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี
ปัจจุบันอายุ 25 ปี


กุ๊กอยู่กับพี่สาวและครอบครัวของพี่สาว พ่อของกุ๊กเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนแม่อาศัยอยู่กับพี่สาวอีกคนหนึ่งที่จังหวัดอื่น พี่สาวของกุ๊กร้อยมาลัยขาย พี่เขยออกเรือหาปลาจับหอยมาขายเหมือนกับชาวบ้านในแถบนั้น กุ๊กจึงต้องทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนตั้งแต่ยังอยู่ชั้น ป.5 เพราะแม่ไม่ได้ส่งเสียและพี่สาวมีภาระรับผิดชอบครอบครัวของตัวเอง
กุ๊ก จึงออกไปรับจ้างขนปลาที่ตลาดสหกรณ์แม่กลอง ตั้งแต่ตีสามครึ่งถึงเจ็ดโมงเช้าทุกวัน หลังจากนั้นยังกลับบ้านไปทำกับข้าวก่อนจะไปโรงเรียน ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ กุ๊กยังใช้เวลาหลังจากทำงานที่ตลาดปลา ไปช่วยพี่สาวร้อยพวงมาลัยขายจนกระทั่งช่วงบ่ายถึงจะได้พัก แต่ช่วงปิดเทอมกุ๊กจะรับจ้างหลายๆที่ เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ในช่วงเปิดเทอม




นายวิระยุทธ ดรุณี (ตุ๊ก) ปัจจุบัน อายุ 18 ปี

แม่ของตุ๊ก เริ่มมองไม่เห็นช่วงที่กำลังตั้งท้องตุ๊ก ช่วงที่ตุ๊กขึ้นชั้นป.4 ดวงตาของแม่ก็บอดสนิท ช่วงนั้นพ่อกับตุ๊กก็ช่วยกันทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวมาตลอด ถึงแม้ว่าพ่อของตุ๊กจะ อายุ 75 ปีแล้วก็ตาม ช่วงนั้นตุ๊กรับจ้างขึ้นมะพร้าว และหาปลา ดักหนูนาไปขาย ส่วนแม่ก็พยายามช่วยเหลือตัวเองทุกทางเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับลูกและสามี จนกระทั่งพ่อของตุ๊กตายเมื่อตุ๊กอยู่ป.6 ตุ๊กก็ต้องดูแลแม่มาตลอด
ตอนนี้ตุ๊กทำงานเก็บเงิน เพื่อจะรักษาดวงตาของแม่ด้วยการทำงานรับจ้างทุกอย่างที่สามารถหารายได้มาได้ เพราะหมอบอกว่าสามารถลอกตาได้ข้างหนึ่งให้กลับมามองเห็นได้ ในหมู่บ้านจะรู้จักตุ๊กกันเกือบทั้งหมู่บ้าน เพราะรู้ว่าเป็นเด็กกตัญญูดูแลแม่ที่ตาบอดมาตั้งแต่เล็กๆชาวบ้านจึงมักว่าจ้างงานให้ตุ๊กขึ้นมะพร้าวเป็นประจำ ช่วงนี้ตุ๊กมีงานประจำทำทุกเสาร์-อาทิตย์โดยจะไปรับจ้างทาสี ในตัวอำเภอเมือง จ.พิษณุโลก ... แม้ว่าตุ๊กจะต้องทำงานเลี้ยงแม่แต่ตุ๊กก็ยังเรียนได้คะแนนดี และไม่เคยขาดเรียน




นางสาวชลธิชา ศาลางาม ... (พจน์) ปัจจุบัน อายุ 22 ปี

พจน์ต้องสูญเสียแม่ตั้งแต่ยังเล็ก ขณะเดียวกันพ่อก็เริ่มตีตัวออกห่างตอนพจน์เรียนอยู่ชั้นม.2 และไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย พจน์ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง โดยอาศัยหอพักของโรงเรียน เพราะไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง พจน์มีพี่สาว 1 คนทำงานอยู่กรุงเทพ นานๆ จะติดต่อกัน
พจน์โชคดีที่มีครู และอาจารย์ที่เอ็นดู และสงสาร ให้ที่อยู่ ที่กิน พจน์เคยต้องหยุดเรียนตอนจบชั้นป.6 เพราะไม่มีเงินเรียนต่อ อาจารย์ไพจิตรรับพจน์มาหัดวิ่ง และฝึกให้เป็นนักกีฬาเพื่อวิ่งหาเงิน และเข้าเรียนชั้นม.1 อีกครั้ง หลังจากนั้นพจน์ ก็อาศัยการวิ่งมาราธอนเก็บเงินมาโดยตลอด พจน์เป็นเด็กขยันแม้จะมีรายได้จากการวิ่ง แต่พจน์ก็ยังหารายได้เพิ่มเติม โดยทุกเช้าพจน์จะตื่นไปช่วยงานแม่ค้าที่โรงอาหารของโรงเรียนตั้งแต่ตี 4 เสร็จแล้วจะออกไปซ้อมวิ่ง แล้วจึงกลับมาอาบน้ำไปโรงเรียน นอกจากนี้พจน์ยังรับจ้างรีดผ้าให้อาจารย์ในโรงเรียนอีกทางหนึ่ง




<ต้น นามแก้ว ปัจจุบัน อายุ 20 ปี

ต้นพิการขาขาดตั้งแต่ 2 ขวบ จากอุบัติเหตุรถชน ทำให้ขาซ้ายขาดเหนือเข่า ต้องใช้ไม้ค้ำยันพยุงร่างกาย พ่อแท้ๆของต้นถูกฆ่าตายตั้งแต่ต้นอายุ 2 ขวบ หลังจากนั้นแม่ก็ป่วยด้วยโรคดีซ่านและเสียชีวิตอีกคน ต้นจึงต้องอาศัยอยู่กับย่าตอน 9 ขวบ และช่วยย่าทำมาหากินเลี้ยงตัวเองมาตลอด หลังจากย่าเสียชีวิต น้าก็กลับมาอยู่ดูแลต้น ตามคำสั่งเสียของย่า ตอนนี้ต้นจึงอาศัยอยู่กับครอบครัวของน้า
ต้นมีพี่น้อง 3 คน ต้นเป็นลูกคนโต ส่วนน้องอีก 2 คน คนหนึ่งตั้งแต่จบป.6 ก็ไม่ได้เรียนอีก ย้ายไปทำงานเลี้ยงตัวเองอยู่ที่อื่น ส่วนน้องสาวคนสุดท้องลุงรับไปอุปการะ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้น ป.5 อายุ 10 ปี ตอนเย็นๆก็มักจะมาหาค้น ให้สอนการบ้านให้เสมอ
ต้นพยายามปรับตัว และไม่คิดว่าความพิการจะต้องเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ทุกวันนี้ต้นดำเนินชีวิตเหมือนกับคนปกติทุกอย่าง ทำงานเลี้ยงตัวเอง ส่งน้องเรียน ออกเรือประมงไปหาปลาหมึก รับจ้างขึ้นมะพร้าว ก่อสร้างแล้วแต่จะมีงานที่ไหนไห้ทำ เป็นนักกีฬาตะกร้อและฟุตบอลของโรงเรียน ต้นเคยนึกท้อกับชีวิตเพราะมักถูกเพื่อนๆล้อว่าไม่มีขา แต่พอโตขึ้นความคิดนั้นก็หายไปเพราะทำกิจกรรมมากขึ้นทำให้ต้นรู้ตัวเองว่าสามารถทำอะไรได้เหมือนคนทั่วไป และเพื่อนๆ ครู ชุมชนก็ให้โอกาสต้นได้พิสูจน์ความสามารถที่ จนต้นรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น




นางสาวรติรส คำสี (รส) ปัจจุบันอายุ 20 ปี

รสเพิ่งย้ายมาเข้าเรียนที่หล่มเก่าตอนขึ้นชั้น ม.5 เพราะมีปัญหากับที่บ้าน พ่อเลี้ยงจะข่มขืน และแม่มาเห็นเข้า แม่ทะเลาะกับพ่อเลี้ยงอย่างหนัก รสจึงเหมือนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก จึงขอแม่ไปอยู่กับพ่อแท้ๆซักระยะ แต่พ่อก็ไม่ได้ต้อนรับเพราะมีครอบครัวและเมียใหม่แล้ว หลังจากนั้นรสจึงย้ายมาอยู่ที่หอพักของอาจารย์ ต้องช่วยทำความสะอาดและเป็นแม่บ้านดูแลหอพัก รสจึงได้อยู่หอพักฟรี อาจารย์บางท่านที่เห็นใจ ก็จะบริจาคข้าวสาร อาหารกระป๋องให้รสไว้กินบ้าง เพราะรสจะกินเฉพาะมาม่า เพื่อประหยัดเงินและเก็บไว้เป็นค่าสมัครสอบเอนทรานซ์ที่ใกล้จะถึงนี้ ...แม่ของรสแต่งงานใหม่ตั้งแต่รสอายุได้ 5 ขวบ และพ่อเลี้ยงก็มาทำพฤติกรรมแบบนี้ ทั้งที่เห็นรสมาตั้งแต่เด็ก
รสไม่เคยขอเงินแม่ตั้งแต่เรียนป..6 และส่งตัวเองเรียนมาตลอด เพราะแม่ก็มีภาระที่ต้องเลี้ยงดูลูกที่เกิดจากแฟนใหม่ รสไม่เคยเสียใจที่แม่ไม่มาอยู่กับรส และทำให้รสต้องสู้ชีวิตเพียงลำพัง เพราะรสเข้าใจว่าไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว เพราะแม่มีน้องเล็กๆ อีก 2 คนที่ต้องดูแล ตัวเองจึงขอแยกมาอยู่เพียงลำพังจะดีกว่า ..ตั้งแต่มาอยู่ที่เพชรบูรณ์ ในวันหยุดรสจะไปรับจ้างที่โรงมะขามบ้านอาจารย์ ได้ค่าจ้างวันละ 50 บาท ..รสทำงานมาตั้งแต่เล็กๆเมื่อก่อนตอนที่อยู่ จ.ตราด ..แม่กับพ่อเลี้ยงเป็นคนงานเฝ้าสวนก็ช่วยกันทำงานในนั้น แม่กับรสไปรับจ้างเก็บเงาะที่สวนอื่น ...ตอนออกจากบ้านรสมีเงินติดตัวเพียง 1,000 บาทจากการรับจ้างเก็บเงาะ ทำงานที่โรงงานพลาสติก และขายของชำทุกวัน ก่อนไปเรียนหนังสือ รสเอามาจ่ายค่าเทอมที่เพชรบูรณ์ และส่งเสียตัวเองมาตลอดจนถึงปัจจุบัน




เด็กหญิงเพชรนารี ลิละ (น้องโบว์) ปัจจุบัน อายุ 8 ขวบ

โบว์อยู่กับแม่เพียง 2 คน พ่อไปทำงานก่อสร้างที่ภูเก็ตได้ 1 ปีแล้ว แม่เพิ่งรู้ว่าตัวเองติดเชื้อ HIV จากพ่อ.. ตอนนี้เริ่มมีอาการแทรกซ้อนคือ วัณโรคปอด ไม่สามารถทำงานหนักได้ เพราะหายใจไม่ออก หมอสั่งห้ามทำงานหนักเพื่อรักษาตัวเอง .. แม่ไม่รู้ว่าตัวเองติดโรค จึงไปกู้เงินจากธกส.มาสร้างบ้านจำนวน 4 หมื่นบาท เพิ่งสร้างเสร็จได้ 1 ปี ก็มารู้ว่าติดเชื้อ กลัวว่าจะผ่อนต่อไปไม่ไหว เพราะไม่ได้รับจ้างเหมือนเมื่อก่อนแล้ว บ้านหลังเก่าฝนตกและรั่วมานานจึงทำเรื่องขอกู้สร้างบ้าน แม่เลยหาทางกู้เงินจนได้กู้ระยะยาว 10 ปี เพราะอยากให้ลูกมีบ้านที่มั่นคงกว่าเดิมอยู่ พ่อรับจ้างก่อสร้างและส่งเงินมารักษาตัวภรรยา ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้รักษาตัวเอง

โบว์รับจ้างเก็บถั่วแดง และแกะข้าวโพด ในระหว่างอยู่ที่โรงเรียนก่อนกลับบ้านจะมาทำงานที่โรงสีของโรงเรียน หารายได้พิเศษนิดหน่อย ครูจะให้สตางค์ประมาณ 20 บาทต่อวัน โบว์ก็จะเอามาให้แม่เก็บไว้ โบว์ไม่ค่อยได้เอาตังไปโรงเรียนเพราะแม่ไม่มีให้ เคยได้เงินไปโรงเรียนมากที่สุดคือ 2 บาท แต่ก็เหลือกลับมา แม่จะห่อข้าวเปล่าและหมกมันให้ลูกเอาไปกินโรงเรียน โบว์รักแม่มาก และแม่ก็บอกให้โบว์ขยันๆ เหมือนรู้ว่าตัวเองมีเวลาไม่มาก แม่เครียดบ่อยๆ และเคยจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง โบว์จะขาดเรียนบ่อยช่วงที่แม่ไม่สบายหนักตลอดการเรียนเทอมที่ 2 เมื่อปลายปี 48 โบว์รู้ว่าแม่ไม่สบายแต่ไม่รู้ว่าแม่เป็นเอดส์ แม่ไม่กล้าบอกลูกเพราะกลัวโบว์จะทำใจไม่ได้

โบว์ บอกว่า “แม่เริ่มป่วยตั้งแต่ปีที่แล้ว บางวันแม่ป่วยหนักมากลุกไม่ขึ้น หนูจึงต้องหยุดเรียนกลัวแม่เป็นอะไรตอนหนูไม่อยู่บ้าน หนูจึงต้องโกหกครูว่าหนูป่วย เพราะถ้าบอกว่าแม่ป่วย คุณครูอาจไม่ให้หยุดโรงเรียน หนูอยู่ดูแลแม่ทำอาหารและป้อนยาให้แม่ และจะดูแลแม่ให้ดีที่สุด เพราะแม่มีบุญคุณกับหนูมากค่ะ ตอนแม่คลอดหนูออกมา แม่เจ็บปวดมาก สงสารแม่ ตอนเด็กๆแม่ทำเพื่อหนูทุกอย่าง เมื่อโตขึ้นพอจะช่วยเหลือแม่ได้หนูจึงอยากทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ และหากขอพรวิเศษได้หนึ่งข้อ หนูจะขอให้แม่หายป่วยไวๆจะได้ช่วยกันทำงานเก็บเงินไว้ใช้หนี้สินต่างๆและไว้เรียนหนังสือ”




ติดตามอ่านเรื่องสั้นของเยาวชนทั้ง 6 คนได้ในหนังสือเรื่องสั้นในบ้านสานรัก ชุด “คนเก่งหัวใจแกร่ง” ที่ศูนย์หนังสืจุฬาฯ ราคาเล่มละ 150 บาท รายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายหนังสือจะนำไปจัดตั้งกองทุนสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง เพื่อช่วยเหลือเยาวชนในโครงการที่ประสบปัญหาเดือดร้อนต่อไป




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2550
0 comments
Last Update : 2 กรกฎาคม 2550 12:01:21 น.
Counter : 1042 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


nittaya-green
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบระบบมือถือค่าย AIS ค่ะ
ดังนั้น จึงรวมกิจกรรมน่าสนใจ กิจกรรมสังคม
และบริการเสริม โปรโมชั่นใหม่ มาแจ้งให้กับผู้ที่สนใจค่ะ




Friends' blogs
[Add nittaya-green's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.