|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เคยปวดศรีษะกันมั๊ย
อาการปวดศรีษะ เป็นความทุกข์ทรมานที่มากเหลือเกิน มนุษย์ชาติคนเราพยายามรักษากันด้วยวิธีต่างมากมาย ชาวเม็กซิพื้นเมืองนิยมเอาคางคกเป็นๆ มาถูขมับของคนที่ปวดอยู่ ในชิลีนิยมเอากลีบดอกไม้ลายเสือมาแปะหน้าผาก เพราะเชื่อว่าความเย็นจากตัวคางคกและกลีบดอกไม้ดังกล่าวคงทำให้หลอดเลือดขมับหดตัวลง แบบเดียวกับการใช้กระเป๋าน้ำแข็งมีอีกหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้หายปวดหายทรมาน แต่ปัจจุบันนี้ปวดศรีษะสามารถรักษาให้หายได้ ด้วยตัวเองแต่ขอให้มีความพยายาม
อาการปวดศรีษะและไมเกรน
การปวดศรีษะมีหลายประเภท และมีอึกหลายโรคที่มีอาการปวดศรีษะเป็นอาการนำ อาการเจ็บหรือปวดเป็นอาการเท่านั้นไม่ใช่โรค อาจมีสาเหตุมาจาก การบาดเจ็บที่ศรีษะ การไหลเวียนโลหิตผิดปรกติ กล้ามเนื้อบริเวณคอและศรีษะตึงตัว ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย อาการโรคภูมิแพ้ ใช้สายตามาก เหล่านี้เป็นต้น เราจะต้องนำสาเหตุเหล่านี้มาพิจารณารวมถึงค้นไปถึงปัจจัยในการใช้ขีวิตประจำวันที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เพราะการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นำไปสู่ ซึ่งการไหลเวียนของโลหิตผิดปรกติ นั้นคือต้นตอของอาการปวดศรีษะไมเกรน
ดังนั้นการช่วยเหลือตัวเองของแต่ละคนจีงอาจไม่เหมือนกัน คนสองคนที่มีอาการอย่างเดียวกันอาจมีสาเหตุของอาการแตกต่างกัน ดังนั้นต้องหาเหตุที่มักทำให้ปวดศรีษะไมเกรนให้เจอ
อาการปวดศรีษะที่พบบ่อย ไมเกรน ไมเกรนมีอาการดังนี้ อาการปวดมักเป็นกับศรีษะข้างเดียวปวดเป็นพักๆ ปวดรุนแรง เป็นขึ้นมาในทันที และมาเป็นชุดๆ ก่อนจะปวดมักมีอาการนำมาก่อน เช่นตาพร่า เห็นแสงวาว พูดไม่ค่อยออก ชาตามตัว มีอาการทางท้องเช่นคลื่นใส้ อาเจียน ท้องเสีย หากมีอาการดังกล่าวแล้วจึงมีอาการปวดศรีษะตามมาไมเกรนเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ บางครั้งเดือนหนึ่งเป็นได้หลายครั้งแต่บางคนก็เป็นเพียงปีละไม่กี่ครั้ง ระยะเวลาก็ต่างกันไป ตั่งแต่สองชั่วโมงจนถึงสามวัน บางครั้งรุนแรงถึงกับต้องนอนซม
การรักษาด้วยวิธียืดกล้ามเนื้อ การกดจุด และ การรักษาจุดกระตุ้น วิธียืดกล้ามเนื้อ หากคอคุณเกร็งและคุณได้รับการวินิจฉัยว่าปวดศรีษะเนื้องจากกล้ามเนื้อตีงเครียด ให้นั่งตัวตรงบนเก้าอี้ วางเท้าลงบนพื้นให้เต็มเท้า เอามือและแขนวางบนเท้าแขนเก้าอี้หรือวางบนตัก หันศรีษะไปทางขวาให้มากที่สุดเท่าที่จะไม่รู้สึกเจ็บ มองไปทางหัวไหล่ สูดหายใจเข้าเต็มที่แล้วหายใจออก ตอนนี้พยายามหันหน้าไปอีกเล็กน้อย หายใจเข้าออกอีกครั้งพร้อมกับเกร็งศรีษะให้อยู่ท่าเดิม แล้วจีงหันศรีษะกลับมาอยู่ในท่าตรง แล้วหันไปทางซ้ายสุด ทำอย่างเดียวกัน สังเกตว่าท่าไหนที่ทำไม่ได้หรือทำแล้วเจ็บ ถ้าหันไปทางซ้ายแล้วเจ็บหรือหันไม่สุด ให้ทำหันไปทางซ้ายอีกครั้งพอไม่รู้สึกเจ็บเอามือขวาแนบใบหน้าด้านขาวไว้ต้านไว้ พยายามหันหน้ามาอยู่ในท่าตรง พร้อมๆกับใช้มือขวาดันต้านไว้ วิธีนี้เป็นการออกแรงต้านกันโดยไม่มีการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อคอด้านขวาอาจหดต้วขณะที่คุณพยายามหันหน้ามาอยู่ในท่าตรง ต้านกันอยู่อย่างนี้นานประมาณห้าถึงสิบวินาที หันหน้ากลับมาทำท่าตรง สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกให้สุดๆ แล้วลองหันไปทางซ้ายใหม่ คราวนี้จะพบว่าทำได้สะดวกกว่าเดิม เพราะกล้ามเนื้อด้านขวายืดตัวออกทำให้หันไปทางซ้ายได้มากขึ้น ต่อไปให้เอียงศรีษะไปข้างๆจนขิดไหล่ ให้ทำช้าๆทำข้างขวาก่อนแล้วทำข้างซ้าย หากเจ็บก็หยุด หายใจเข้าออกลึกๆ คุณอาจจะเอียงไปได้อึกเล็กน้อยแต่ถ้าติดให้ใช้วิธีต้านแรงอย่างเดียวกับการหันหน้าเพื่อยืดกล้ามเนื้อส่วนนั้น ต่อไปให้ก้มหน้าและแหงนจนสุด หากติดในท่าใด ให้ใช้แรงต้านจากมือดันเอาไว้ อย่าลืมว่าแรงต้านที่ใข้ไม่มาก หากพอดีที่จะดันไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวก็พอแล้ว หากจบการบริหารคุณจะเคลื่อนไหวได้มากกว่าเดิม ควรบริหารให้ได้อย่างน้อยวันละครั้ง
การกดจุด
มีจุดที่ใช้อยู่สี่แห่งด้วยกัน จุดนี้มีอยู่ทั้งสองข้างซึ่งต้องกดทั้งสองข้างด้วยหัวแม่มือ ระวังไม่ใข้เล็บจิกลงในเนื้อหรือใข้ปลายนิ้วกด ให้ใช้หัวแม่มือที่เป็นลายนิ้วมือกดลงำป แรงกดต้องไม่มากจนรู้สึกเจ็บ แต่ละจุดกดนานสิบห้าถึงสามสิบวินาที สองจุดที่ใช้กดอยู่ที่มือ ให้คุณกดที่ละจุด อีกสองจุดอยู่บนศรีษะซึ่งสามารถกดพร้อมกันได้( วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนตั้งครรภ์) หากกดแล้วรู้สึกหายปวดก็เลิกได้ แต่ถ้ายังไม่ทุเลา ให้ทำซ้ำใหม่อีกครั้งหลังจากพักสองสามชั่วโมง หรือใช้วิธีนี้ต่อไปแทนก็ได้
จุดแรกเป็นจุดของลำใส้ใหญ่ เป็นจุดที่อยู่บนเนื้อระหว่างง่ามนิ้วมือของหัวแม่มือกับนิ้มชี้ อยู่ด้านหลังมือ หากกดถูกจุดคุณจะรู้สึกเสียวๆหนักๆ จุดที่สองเป็นจุดของปอด อยู่ที่ข้อมือทางด้านหัวแม่มือ ห่างจากรอยพับของข้อมือประมาณสองนิ้วมือ อยู่ชิดกระดูกแขน หากกดถูกจุดจะรู้สึกเสียวปลาบราวกับถูกไฟฟ้า จุดที่สามเป็นจุดพิเศษของจุดฝังเข็มชื่อไท้หยาง อยู่ตรงขมับบริเวณกึ่งกลางระหว่างปลายคิ้วและหางตา ตรงร่องเนื้อที่บุ๋มน้อยๆอยู่แล้ว จุดที่สี่เป็นจุดของถุงน้ำดีอยู่บริเวณต้นคอในรอยบุ๋มหลังปุ่มกระดูกมาสตรอยด์ การกดให้กดขึ้น ถ้ากดถูกจุดจะรู้สึกเสียวหนักๆ คล้ายกับอาการปวดศรีษะ
การรักษาจุดกระตุ้น
จุดกระตุ้นมักจะอยู่บริเวณเดียวกับตำแหน่งที่ปวดศรีษะหากอาการปวดเกิดจากกล้ามเนื้อเกร็งอาจมีจุดกระตุ้นให้เห็น เช่นจุดกระตุ้นอยู่ในกล้ามเนื้อสเตอร์โนมาสตอยด์ที่พาดเฉียงอยู่ที่คอด้านข้าง ที่จุดกระตุ้นหากลองกดคุณจะรู้สึกเจ็บคล้ายกับอาการปวดศรีษะที่เคยเป็นอยู่ อาจปวดร้าวไปที่ขากรรไกร หลังหู หน้าผากหรือบนกระหม่อมได้ หากเป็นเช่นนี้แสดงว่านี้คือจุดกระตุ้นืั้เป็นต้นเหตุของอาการปวดศรีษะ เราสามารถใช้จุดนี้เพื่อการรักษา นวดจุดนี้สักหนึ่งนาที จะนวดตลอดเวลาหรือนวดเป็นพักๆก็ได้ หรืออาจจะใข้สเปรย์ความเย็นฉีดไปที่จุดนานห้าถึงสิบนาที เสร็จแล้วพยายามยีดกล้ามเนื้อส่วนนั้นโดยหันศรีษะไปทางช้าง หรือหันไปทางหลัง
ส่วนสาเหตุที่เกิดจุดกระตุ้นขึ้นมาได้อย่างไรนั้นต้องการการสืบค้นต่อไปเพื่อรักษาให้หายขาด การนวดจุดกระตุ้นเป็นการรักษาเฉพาะหน้าเพื่อบรรเทาอาการปวดศรีษะเท่านั้น
คราวหน้าจะมาบอกเรื่องสมุนไพรอะไรที่รักษาอาการปวดศรีษะได้ดี (ขอบคุณหนังสือดีๆของนพ.ไพบูลย์ จาตุรปัญญา ด้วยค่ะ )
Create Date : 23 พฤษภาคม 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2553 23:40:08 น. |
Counter : 617 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แอร์น้อย 24 พฤษภาคม 2553 20:00:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจ้าแม็ค IP: 223.206.62.192 25 พฤศจิกายน 2553 9:18:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสดในซอย 27 พฤศจิกายน 2553 16:51:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: Test (แอร์น้อย ) 23 สิงหาคม 2554 14:05:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม็ค (แอร์น้อย ) 23 สิงหาคม 2554 18:49:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอร์น้อย 23 สิงหาคม 2554 18:50:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอร์น้อย 24 เมษายน 2555 12:39:11 น. |
|
|
|
|
|
|
|