มรกตนาคสวาท : แมวๆ พิคเจอร์

ขอได้รับความขอบคุณจากแมวๆ พิคเจอร์เช่นเคยค่ะ
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
26 กันยายน 2552
 
 

..เมื่อเข่ออ้ายเตอะเสี่ยวมาหยากลับไปเยือนจงกั๋วอีกครั้ง : อีกค่ำที่ลี่เจียง - ยามสายที่คุนหมิง..



ความเดิมตอนที่แล้วจาก ..เมื่อเข่ออ้ายเตอะเสี่ยวมาหยากลับไปเยือนจงกั๋วอีกครั้ง : ชมอุทยานน้ำหยก-น่าซี-บึงมังกรดำ.. หลังจากกลับจากบึงมังกรดำ คุณไกด์ ก็พาไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง งานนี้เหนื่อยจนขี้เกียจยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ กลับถึงโรงแรมแกรนด์ลี่เจียงที่เราจะพักนอนเป็นคืนที่สองก็เข้าไปล้างหน้าล้างตา ก่อนที่จะออกมาพบกับเพื่อนๆ ที่จะพากันไปเดินเล่นในเมืองเก่าลี่เจียง เพื่อหาซื้อของที่ระลึกมาฝากน้องๆ พี่ๆ ที่ทำงานสักหน่อย

หน้าลิฟต์มีหน้าต่างใส จากชั้นที่เราพัก เห็นวิวสวย เลยถ่ายภาพมาหนึ่งภาพ แหะๆ บังเอิญมือสั่น ก็เลยได้ภาพไม่ชัดเช่นนี้ค่ะ



คราวนี้ได้เพื่อนใหม่ที่มาร่วมทริป ซึ่งเป็นชายหนุ่มรุ่นน้องที่ทำงานประจำอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย มาทริปนี้กับเราเพื่อพาคุณพ่อมาเที่ยวที่ประเทศจีนเป็นครั้งแรก (เป็นคนดีจริงๆ เพื่อนเราคนนี้) ไปเดินเมืองเก่าลี่เจียงด้วยกัน เพราะน้องชายที่ไปกับเราไม่สบาย และคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนจากการเหนื่อยมากจากทริปทั้งวันวันนี้ค่ะ


โชคดีที่เพื่อนคนนี้ถือกล้องคอมแพคท์ไปด้วย เราเลยหาเหตุให้หยุดถ่ายภาพได้เป็นระยะๆ แบบไม่เกรงใจว่าเพื่อนจะต้องรอเรานานสักเท่าไรนัก อย่างมุมนี้ อยากถ่ายตั้งแต่วันที่มาถึงวันแรกแล้วจ้ะ


เช่นเคย ลี่เจียงยามค่ำที่เราพบ ยังคงมีฝนพรำๆ แง้ว เราทำบุญอะไรกับพระพิรุณไว้นะเนี่ย ฝนตกตลอดเลย



ชีวิตช่วงหัวค่ำที่เมืองเก่าลี่เจียง ยังคงคึกคักวุ่นวาย เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และพ่อค้าแม่ขาย เราเดินดูไปเรื่อยๆ เพราะไม่เจอของถูกใจที่อยากซื้อไปฝากใครเท่าไร (จริงๆ หาเหตุไม่ซื้อเพราะไม่ค่อยมีเงิน) แม้จะอยากได้อะไรหลายๆ อย่างก็เกรงใจตัวเองอยู่พอควร แหะๆ

ภาพนี้เสียดายจัง ที่ถ่ายล้อรถมาไม่ครบ แต่น่าจะพอเห็นภาพความเคลื่อนไหวในเมืองเก่าลี่เจียงยามค่ำ ของคืนที่สองที่ลี่เจียงของเรา (คืนที่สามที่เมืองจีนในทริปนี้) ได้บ้างเนาะ



เดินดูจนทั่ว ได้ของที่ระลึกเสร็จ มองหน้าคุณเพื่อนรุ่นน้อง เธอเริ่มเหนื่อย พี่ก็ชักจะไม่ไหวแล้ว เลยชวนกันเดินกลับ ออกมาถึงด้านหน้า รู้สึกว่าแสงสีตรงนี้สวยถูกตาถูกใจ เลยยกกล้องขึ้นถ่าย เมื่อไม่มีขาตั้งกล้อง ก็กลั้นใจกดชัตเตอร์ตอนที่แขนแนบลำตัวเพิ่มความมั่นคง

ได้ภาพนี้มาฝากกันค่ะ



หันไปเห็นสาวน้อยชุดสีแดง กำลังยืนถ่ายภาพอยู่ที่ลานกว้างด้านหน้าโรงแรมแกรนด์ลี่เจียง ยืนนิ่งเลย เลยกดชัตเตอร์ภาพเธอ ที่มีผู้คนเดินอยู่รายรอบมา ด้วยความรู้สึกว่า เธอมีสมาธิดีจัง ฉันอยากมีสมาธิและความมั่นใจเหมือนเธอบ้าง



ระหัดวิดน้ำ กับภาพปูนปั้นที่ริมกำแพง น่าจะเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเมืองเก่าลี่เจียง ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป และเขียนคำอธิษฐานบนระฆังแขวนที่บริเวณใกล้ๆ กัน เพื่อให้ได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง เราไม่อธิษฐาน เราตั้งใจว่า หากมีโอกาสมีวาสนา ก็จะกลับมาอีกสักครั้งค่ะ (แต่ขออยู่ที่ต้าหลี่นานๆ กว่าคราวนี้ แหะๆ แล้วค่อยมาลี่เจียงที่เราชอบน้อยกว่าต้าหลี่นิดหนึ่งละกันนะ)



เก็บภาพน้องชายที่อุตส่าห์ไปเดินเป็นเพื่อนพี่สาวคนนี้สักหน่อย แหะๆ เห็นกำลังตั้งใจถ่ายภาพอย่างตั้งอกตั้งใจทีเดียวเชียว ส่วนเรานะเหรอ แหะๆ ยกกล้องขึ้น เอาศอกแนบลำตัว ล็อกแสงส่วนที่สว่างๆ แล้วก็กลั้นใจกดชัตเตอร์ (ทั้งปี)



ชวนกันเดินข้ามสะพานมาด้านข้างโรงแรมที่เป็นตลาดของกินแป๊บนึง กลิ่นเนื้อจามรีย่างยังคงฟุ้งๆ คลุ้งๆ เรารู้สึกเหม็นแฮะ บางทีอาจจะเพราะเรากินข้าวมาอิ่มมากแล้วก็เป็นได้ แหะๆ หันไปมองด้านหน้าร้านขายของย่าง ก็เห็นสาวๆ ที่กำลังซื้อของ ถูกแสงส่องย้อนกลับมาเป็นริมไลท์ที่สวยถูกใจ เลยแอบกดชัตเตอร์มาอีกแล้ว แหะๆ



คืนนั้น แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน เรายังคงอยู่ห้องเดียวกับคุณไกด์จันทราจากคุนหมิงเหมือนเดิม คุณไกด์นัดทุกคนให้ตื่นหกโมงเช้า (ตรงกับตีห้าเมืองไทย) เพื่อนั่งรถคันเดิม กลับไปยังคุนหมิง โดยจะออกเดินทางตอนเจ็ดโมงเช้า (ตรงกับหกโมงเช้าบ้านเรา) และจะใช้เวลาเดินทางทั้งวัน



ตลอดทางในวันที่สี่ที่เมืองจีนของเรานั้นฝนตกหนัก สลับกับแดดออกจ้าชนิดแสบผิด เราเดินทางกลับทางเดินที่เคยผ่านมาในวันที่ 1-2 ผ่านต้าหลี่ ผ่านหมู่บ้านไดโนเสาร์ ผ่านหมู่บ้านชาวไป๋ ฯลฯ ด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า พักรับประทานอาหารที่ร้านหนึ่งข้างทาง พี่สาวคนหนึ่งที่นั่งมาด้านหลังรถเกิดอาการเมารถอย่างรุนแรง ถึงขั้นอาเจียน เมื่อหยุดรับประทานอาหาร พี่สาวเลยรับประทานอะไรไม่ได้เลย

มีการทะเลาะทุ่มเถียงกันระหว่างไกด์กับเพื่อนร่วมทางของเราเล็กน้อย จากการที่โปรแกรมจริง กับโปรแกรมในทัวร์ไม่ตรงกัน หลังจากเคลียร์กันได้ เราก็มาถึงคุนหมิงในเวลาห้าหกโมงเย็นเห็นจะได้ คุณไกด์จันทราจำเป็นต้องพาเราไปที่ร้านขายครีมบัวหิมะ ร้านขายไข่มุก และร้านชาผูเอ้อ ตามโปรแกรมที่เธอว่า รัฐบาลบังคับเธอ ทำให้พวกเรายิ่งเหนื่อยกันหนัก กว่าจะไปถึงภัตตาคารอาหารเย็น ก็แทบจะสลบคารถ กันเลยทีเดียว

แน่นอนที่สุด เหนื่อยขนาดนี้ เราเลยไม่ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอะไรสักรูปเลย แหะๆ ^^" รูปวันที่สี่ระหว่างการเดินทาง จึงไม่มีให้เห็นดังนี้แล

ในที่สุด เราก็เดินทางมาจนถึงโรงแรม King World ในเมืองคุนหมิงจนได้ ระหว่างรอเช็คอิน ก็เลยถ่ายดอกไม้ที่แจกันตรงโต๊ะด้านล่างเอาไว้ค่ะ โปรดสังเกตว่าดอกไม้เหมือนดอกไม้บ้านเราเลย มีบานไม่รู้โรยด้วย ฮี่ๆๆ




ดูเหมือนว่าโคมไฟที่อยู่ตรงโถงกลางล็อบบี้จะเป็นจุดที่เราเคยถ่ายภาพไว้แล้ว ตอนที่มาคุนหมิงเมื่อสองปีก่อน แต่ตอนนั้นช่อดอกไม้ตรงกลางโถงสวยกว่านี้มากมายนัก หรืออาจจะเป็นเพราะเราโชคร้าย มาวันที่เขาไม่ได้จัดช่อดอกไม้ใหญ่เวอร์เหมือนเมื่อสองปีก่อนเองก็ไม่รู้ แหะๆ แต่เราก็ถ่ายภาพไว้



คืนสุดท้ายที่คุนหมิง เราพักคนเดียว เพราะคุณไกด์จันทราบอกว่า บ้านเธออยู่แถวนี้เอง เธอกลับไปนอนกอดลูกสาวให้สบายใจน่าจะดีกว่า ว่าแล้วเธอก็นัดเวลาเจอกันพรุ่งนี้เช้าตอนแปดโมงเช้า เพื่อที่จะเดินทางไปขึ้นภูเขาซีซาน ก่อนกลับเมืองไทยในตอนบ่ายกันค่ะ

คืนนั้นเราออกไปเดินดูเมืองคุนหมิงกัน รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีกิ๊บติดผมที่เราอยากได้ ที่มีคนนำมาวางขายที่ริมถนนเหมือนเมื่อสองปีก่อนอีกแล้ว เดินจนทั่วไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่าง เพราะไม่มีอะไรที่ถูกใจ ก็เดินกลับมานอนพักค่ะ

เช้าวันสุดท้ายที่เมืองจีน เราตื่นนอนอย่างสดชื่น เพราะเหนื่อยมาก เลยหลับสนิทตั้งแต่หัวถึงหมอนนั่นเลยทีเดียว ตื่นแล้วอาบน้ำอาบท่ากระปรี้กระเปร่า เพราะกระหยิ่มใจว่าจะได้กลับบ้านแล้ว เย้ๆ

ลงมารับประทานอาหารที่ห้องอาหาร แล้วก็เก็บข้าวของลงมาด้านล่าง เช็คเอาท์ แล้วรถก็ออกมารับเราเดินทางไปยังภูเขาซีซานยามสายทันที


ระหว่างการเดินทางออกมาจากโรงแรม เราได้พบภาพชีวิตริมถนนหลายๆ อย่างที่ไม่ค่อยได้สังเกตตอนขับรถเองที่เมืองไทย แหะๆ



เรายังคงมีความสุขที่จะได้ถ่ายภาพจากริมหน้าต่างรถทัวร์ที่นั่งอยู่ดี เพราะเราแอบชอบภาพชีวิตที่มีพาหนะหลากหลายบนท้องถนนแบบนี้ แม้ว่าจะดูวุ่นวาย และเต็มไปด้วยเสียงแตรรถมากสักหน่อยก็ตามที แต่บางภาพ ก็ไม่ใช่ว่าจะหาดูได้เรื่อยๆ นี่เนาะ จะเก็บความทรงจำไว้สักหน่อย ก็ไม่น่าจะแปลกประหลาดอันใด



เราไม่รู้หรอกว่า ผู้คนบนถนนจะเดินทางไปไหนกันบ้าง แต่เรารู้สึกว่า บางครั้งการเดินทางก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเหมือนที่เราเคยคิด บางทีมันก็สำคัญแค่ว่า เรากำลังจะไปที่ไหน ไม่ว่าจะเดินทางตามลำพัง หรือไปกับกลุ่มเพื่อน หรือไปกับคนที่รู้ใจ ก็คงจะให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน นั่นคือ ได้เรียนรู้รายทางไปด้วย นั่นเอง

พาหนะบางอย่างอยากให้มีใช้ในเมืองไทยบ้างจังเลย อย่างพวกสกู๊ตเตอร์แบบนี้ แต่รู้สึกว่า ที่เมืองจีนไม่มีกฎหมายบังคับเรื่องหมวกกันน็อกแบบเมืองจีน ก็เลยเห็นภาพแบบนี้เยอะแยะมากมายค่ะ



มีถนนหลวง ก็ย่อมมีป้ายโฆษณา เหมือนกันทุกหนทุกแห่งเนาะ เมืองไทยก็มี เมืองจีนก็ใช่ว่าจะไม่มี ต่างกันแต่เพียงที่เมืองไทย เราอ่านรู้เรื่อง แต่ที่เมืองจีนเราอ่านไม่ออก แล้วเลยไม่รู้ว่าเขาโฆษณาอะไรบ้างเท่านั้นเอง แง้วๆ



พาหนะที่ผ่านสายตาระหว่างการเดินทางจากคุนหมิงไปยังเขาซีซานยังคงมีหลากหลายชนิด หลายสมรรถนะ รถเข็นกับจักรยานนี่ก็เช่นกัน ถ่ายภาพนี้มา แล้วลองทำเป็นขาว-ดำบ้าง ไม่ใช่ขาวดำที่สวย แต่แปลกแฮะ เราชอบภาพนี้



ในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงเขาซีซานจนได้ จากจุดนี้ต้องนั่งรถกอล์ฟต่อขึ้นไป ก่อนที่จะต้องเดินขึ้นบันไดไปยังหน้าผาลูกแก้วมังกรอีกทอดหนึ่ง ปิดท้ายตอนนี้ด้วยภาพพี่สาวคนนี้ในทริปเดียวกันก็แล้วกันเนาะ



แล้วค่อยมาเล่าต่อเรื่องเขาซีซานในกระทู้ถัดไป แหมๆ บล็อกหน้านี้ผิดคอนเซ็ปต์สั้นไปนิด แค่ไม่กี่ภาพเอง แหะๆ




สำหรับทุกๆ ท่านที่แวะผ่านมายังบล็อกหน้านี้

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ขอได้รับความขอบคุณจากแมวๆ พิคเจอร์เช่นเคยค่ะ






 

Create Date : 26 กันยายน 2552
4 comments
Last Update : 26 กันยายน 2552 0:52:13 น.
Counter : 2698 Pageviews.

 

ภาพสวยงามและถ่ายทอดเรื่องราวดีได้ดีเหมือนเคยครับแอน

 

โดย: tomcat007 IP: 58.8.11.18 26 กันยายน 2552 0:59:37 น.  

 

สวัสดีวันเสาร์ครับมาทักทายให้หัวใจเบิกบานภาพสวยครับอ่านแล้วเหมือนได้ไปด้วยมีความสุขครับบุญรักษา

 

โดย: ปฐพีหอม 26 กันยายน 2552 12:49:49 น.  

 

ดีค่ะมาแบ่งปันภาพสวยๆดูกัพร้อมเรื่องเล่าที่เหมือนได้ไปเองเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

 

โดย: พี่นู๋นา IP: 125.26.17.103 27 กันยายน 2552 9:15:19 น.  

 

เคยไปทริปนี้เหมือนกัน พักที่โรงแรมเดียวกันเป๊ะเลย King World ถ่ายรูป Chandelier ของโรงแรมมาเหมือนกันเลย มันอลังการดี

 

โดย: โย่งเอง IP: 58.147.74.6 24 ธันวาคม 2552 12:22:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

มรกตนาคสวาท
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




มายาแห่งมาหยา

ยินดีต้อนรับ...

สู่

บล็อกคนชอบถ่ายรูปฝีมือธรรมดาๆ
หน้าตาไม่ดี นิสัยไม่ดี
งานเยอะ ไม่มีเวลาพูดเล่นกับใคร
ไม่ประสงค์จะสนิทสนมกับคนแปลกหน้า




ผีเสื้อ
ชรัส เฟื่องอารมณ์



.....ผีเสื้อตัวน้อยน้อย
บินล่องลอยกลางพนาไพร
โผผินร่อนบินระเริงใจ
คลุกเคล้าดอกไม้ใจชื่นบาน



แสงแดดยามสายสาย
งามพร่างพรายต้องสายธาร
ฉาบทองเมื่อมองแสนตระการ
ผีเสื้อสุขสราญนะเจ้าเอย



***...ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี...



...อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ



***...ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี...



...อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ

... สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ...




เพลงผีเสื้อ




งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มาของข้อความ:เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา







New Comments
[Add มรกตนาคสวาท's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com