มรกตนาคสวาท : แมวๆ พิคเจอร์

ขอได้รับความขอบคุณจากแมวๆ พิคเจอร์เช่นเคยค่ะ
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 กันยายน 2552
 
 
..เมื่อเข่ออ้ายเตอะเสี่ยวมาหยากลับไปเยือนจงกั๋วอีกครั้ง : สุวรรณภูมิ - คุนหมิง - ต้าหลี่ (ตอนแรก) .



๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๒ ตีห้ากว่าๆ น้องที่จะเดินทางไปด้วย แวะมารับข้าพเจ้า และพี่อีกคน จากบ้านในย่านอำเภอสันทรายจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเดินทางไปเช็คอินก่อน ๑ ชั่วโมง เตรียมเดินทางจากเชียงใหม่ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ในเที่ยวแรกสุด (เจ็ดโมงเช้า) ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังสนามบินอูเจียป้า ในนครคุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในเวลา ๑๐.๓๐ น.

เมื่อเดินทางถึงสุวรรณภูมิ เช็คอินรับตั๋วเครื่องบินสายการบินไทย เรียบร้อยแล้ว ก็ผ่านพิธีการที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (เอ๊ะ เราจะออกจากเมืองนี่นา) แล้วก็สามารถเดินทางเข้าไปรอยัง GATE ที่จะออกเดินทางทันที


ข้าพเจ้าใฝ่ฝันมานานว่าจะได้ถ่ายภาพประติมากรรมกวนเกษียรสมุทรนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเสียที เพราะเดินทางออกนอกประเทศ น้อยกว่าน้อยครั้งเหลือเกิน อันที่จริง จะพูดว่าเดินทางโดยเครื่องบินน้อยครั้งก็น่าจะได้ เพราะส่วนมากถ้าไม่ขับรถส่วนตัวของตัวเอง ก็นั่งรถของคนอื่น หรือไม่ก็นั่งรถโดยสารไปไหนมาไหนมากกว่า


พอเห็นภาพนี้ในระยะใกล้ เลยขอเก็บภาพไว้สักหนึ่งช็อต ก็น่าจะดี



จากสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมด้วยเพื่อนร่วมทริปจำนวน ๑๙ คน จากที่ต่างๆ และไกด์จากบริษัทที่เราซื้อทัวร์ ชื่อ คุณหยุย เราเดินทางมาถึงสนามบินอูเจียป้า นครคุนหมิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลยูนนาน ในเวลาราวๆ บ่ายสองโมงตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจะเร็วกว่าประเทศไทย ๑ ชั่วโมง เราได้พบกับไกด์ทางเมืองจีนอีกหนึ่งคนชื่อ คุณจันทรา

ผ่านพิธีการการตรวจคนเข้าเมืองของนครคุนหมิงอีกครั้ง ครั้งนี้ข้าพเจ้าผ่านได้เร็วหน่อย เพราะไม่มีปัญหาเรื่องเอกสารใดๆ เว้นแต่เจ้าหน้าที่สงสัยว่า ข้าพเจ้าหน้าคล้ายคนจีนทำไมเป็นคนไทย จึงมีการพูดแซวกันเล่นๆ ก่อนที่จะ เซี่ยเซี่ยหนี่ แล้วออกจาก ตม. มายืนรอเพื่อนในกรุ๊ปซึ่งบางคนมีปัญหาในการกรอกเอกสารไม่ครบกันอีกพักใหญ่

คุณจันทราบอกให้พวกเราออกมาขึ้นรถคล้ายๆ รถมินิบัส ซึ่งพี่คนขับใจดีนั่งรอพร้อมจะออกเดินทางต่อไปยังเมืองต้าหลี่กันแล้วค่ะ


ข้าพเจ้าเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปวิวและทิวทัศน์ต่างๆ ได้อย่างสะดวก งานนี้ข้าพเจ้าพก DSLR ไปตัวเดียว เนื่องจากการเดินทางในประเทศจีนนั้น มีแต่คนเป็นห่วงและเตือนว่าให้ระมัดระวังข้าวของให้ดีๆ จึงไม่อยากพกพาสิ่งของที่จะทำให้ดูรุงรังมากนัก

อีกทั้งในการเดินทางครั้งนี้ ข้าพเจ้าเองก็อยู่ในสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยปรกตินักกับหลายๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต การเดินทางครั้งนี้ จึงเหมือนไปเพื่อที่จะเรียนรู้ความรู้สึกของตัวเอง รวมถึงทบทวนชีวิตของตัวเองอีกครั้งด้วยว่า จะทำอย่างไรต่อไป

จึงตั้งใจมั่นว่า จะอยู่นิ่งๆ เรียนรู้ทุกอย่างอย่างเงียบๆ และพร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง เพื่อตามจิตที่วิ่งวุ่นของตัวเองให้ทัน

บนถนนสายคุนหมิง-ต้าหลี่ ข้าพเจ้ายังคงพบภาพเดิมที่เคยพบในครั้งแรกของการมาเยือนนครคุนหมิงคราวก่อน เมื่อสองปีที่แล้ว กล่าวคือ มีพาหนะทุกชนิดอยู่บนถนน ไม่ว่าจะเป็น จักรยาน จักรยานยนต์ รถยนต์ รถบรรทุก รถลาก รถม้า และบางครั้งยังเจอคนไล่หมูให้เดินไปบนถนนอีกต่างหาก



สิ่งที่แปลกตาไปของนครคุนหมิงในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๒ เทียบกับเดือนกันยายน ๒๕๕๐ ที่ข้าพเจ้าได้ไปเยือนก็คือ ตึกรามบ้านช่องที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แม้แต่เครื่องบิน ตอนที่จะบินลง ข้าพเจ้ายังงงว่า นี่ใช่นครคุนหมิงที่เคยรู้จักแน่แล้วหรือ ทำไมตึกต่างๆ โผล่ผุดขึ้นมาเยอะปานนี้ ตึกแดงที่เคยเป็นที่อยู่เดิมของชาวบ้านในสมัยก่อน ถูกทุบทิ้ง แล้วสร้างใหม่เป็นตึกรามโอ่อ่าทันสมัยทั้งสิ้น

แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็คือทุกตึกจะมีแผงโซลาร์เซลล์ไว้กักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์เอามาใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นพลังงานทางเลือกที่ใช้ได้จริง ที่น่าสนใจอย่างมากนั่นเอง

รถแล่นไปเรื่อยๆ ความคิดยังคงไม่หยุดนิ่ง ข้าพเจ้าบันทึกภาพเหล่านี้เอาไว้ ด้วยใจที่ยังคงสับสน



ครั้งก่อนวันแรกที่มาถึง เคยมานอนพักที่โรงแรมแถวๆ สถานีรถไฟ ชื่อโรงแรมภาษาอังกฤษเขียนว่า คิงเวิลด์ ค่ะ มาคราวนี้ คงต้องไปต้าหลี่ กับลี่เจียงก่อน ค่อยกลับมาพักค้างคืนที่นี่ ก่อนกลับไปยังเมืองไทย

เมื่อนั่งรถผ่านสถานีรถไฟนครคุนหมิง จิตที่ไม่นิ่ง จึงนำเรากลับไปยังภาพอีกหลายๆ ภาพที่เคยได้พานพบแล้วพลัดพราก ความสุขและความทุกข์ ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจ

วันหนึ่งเราจากไปไกล อีกวันหนึ่งเราอาจได้หวนกลับมาเยือนยังที่เดิม



ด้วยความไม่คุ้นชินทาง เราไม่รู้หรอกว่า คนขับรถจะพาเราไปทางใดบ้าง การเดินทางกับทัวร์ จึงต้องอาศัยความไว้วางใจอย่างที่สุด บ่อยครั้งเราจึงพบข้อร้องเรียนมากมายเกี่ยวกับบริษัททัวร์ที่ใช้บริการ แต่เราโชคดีที่บริษัททัวร์บริษัทนี้ค่อนข้างดูแลเราดีมาก ไม่ว่าจะเป็นคุณหยุยหัวหน้าทัวร์จากเมืองไทย หรือคุณจันทราไกด์ท้องถิ่นจากเมืองคุนหมิง และไกด์ท้องถิ่นที่เป็นชนเผ่าทุกคนในต้าหลี่และลี่เจียง


รถยังคงพาเราไปผ่านสถานที่ต่างๆ ทั้งที่คุ้นเคย และไม่เคยพบเห็นมาก่อน ความคิดของเราก็ยังคงล่องลอยไปเรื่อยๆ



รถพาเราออกนอกเมืองไปทุกทีๆ ทัศนียภาพที่แปลกตา ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจขึ้นมาบ้าง จิตที่ตื่นเต้นนำพาเอาความคิดที่หม่นเศร้าให้จางไปทุกขณะ แม้จะง่วงแสนง่วง ตาก็ยังไม่ยอมหลับ ไม่ยอมปิดรับภาพต่างๆ เหล่านั้น

วูบหนึ่งข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกถึงความสุขและความสงบใจ



ระหว่างทางฝนตกหนัก ดูเหมือนการเดินทางครั้งนี้ ฝนจะเป็นเพื่อนสนิทของทุกๆ คนในกลุ่มไปซะแล้ว
ก่อนฝนตกเมฆจะหนาทึบ เมื่อถ่ายภาพผ่านกระจก ทำให้ภาพที่ได้เกิดเงาสะท้อนชัดเจน ซึ่งเงาสะท้อนดังกล่าว บางครั้งก็ดูเหมือนจะน่ากลัว แต่ความน่ากลัวที่ว่า มันคือความน่ากลัวจริงๆ หรือเป็นเพราะมันเกิดขึ้นในใจ ใจจึงปรุงแต่งให้รู้สึกกลัว และไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับมันกันแน่

รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ ผ่านตำบลแล้วตำบลเล่า



ทำไมจีนต้องเร่งก่อสร้างสิ่งต่างๆ มากมายเยอะแยะขนาดนี้นะ เราได้แต่คิดในใจ ระหว่างที่รถพาเราผ่านสถานที่ก่อสร้าง ซึ่งมีอยู่หลายแห่งมากๆ ตอนนั้นเราคงลืมนึกไปว่า ที่เมืองไทยของเรา บ้านของเรา ก็ไม่ต่างกันนัก ความเจริญทางวัตถุที่เพิ่มมากขึ้น เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านรูปธรรม


ส่วนในด้านจิตใจนั้น ใครล่ะ จะมาสนใจว่าเป็นอย่างไร


ในเมื่อผลประโยชน์ทุกอย่างมันบังตาไปหมดแล้ว



จีนแถบนอกเมืองนั้นใช้ประโยชน์จากที่ดินทุกตารางเมตรอย่างคุ้มค่า ภูเขาสุดลูกหูลูกตาเต็มไปด้วยการกสิกรรม ข้าว ข้าวโพด ยาสูบ ทานตะวัน และอื่นๆ อีกมาก มีให้เห็นไปตลอดทาง

ที่ขอบฟ้าไกลๆ เมฆเริ่มก่อตัวหนาทึบ บ่งบอกให้เรารู้ว่า ไม่นานฝนคงตกหนัก เราได้แต่ภาวนา ขอให้เราเดินทางพ้นไปก่อน การเดินทางในขณะถนนลื่น คงไม่น่าจะปลอดภัยนัก

แม้ว่าชีวิตจะไม่มีอะไรดีๆ มากนัก แต่เราก็ยังไม่อยากเอาชีวิตน้อยๆ ของเรามาทิ้งไว้ต่างบ้านต่างเมือง



บ้านของคนจีน อยู่แยกจากพื้นที่กสิกรรมอย่างชัดเจน คนจีนในชนบทน่าจะเหมือนคนไทย ที่ปลูกบ้านรวมกันอยู่เป็นแห่งๆ แล้วออกไปทำมาหากินในท้องไร่ท้องนา พอเย็นย่ำค่ำมาก็กลับมารวมตัวกันที่บ้าน

สิ่งที่แยกคนเราออกจากกันคือวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ที่แตกต่างกันไปตามสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ฝน ฟ้า ลม แผ่นดิน แผ่นน้ำ อาจเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนคิดต่างกันไป

หรือมิใช่



บางสิ่งบางอย่างข้างทาง เมื่อมองไปไกลๆ เรากลับพบการประสมประสานที่ลงตัว ทั้งโลกเก่า โลกใหม่ โลกเดิม และโลกเทคโนโลยี วันนี้เราเคยทบทวนกันไหม ว่าเราอยู่ส่วนไหนของโลก

ระบบการจัดการความเป็นอยู่ของคนจีน ส่วนหนึ่งมาจากระบอบการปกครอง ที่รัฐมีอำนาจเต็มในการดูแลทุกภาคส่วน บางครั้งเราจึงพบความเป็นระเบียบ บนความไม่เป็นระเบียบ และทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเป็นระเบียบทั่วไป



ระหว่างทาง เราได้แวะรับประทานอาหารเย็นที่เมืองเซ๊ยะกวน เมืองที่น่ารักๆ สงบๆ ก่อนถึงต้าหลี่ เสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพในเมืองนั้นไว้ ด้วยความหิว และตื่นตาตื่นใจกับอาหาร (รวมถึงห้องน้ำที่ทำให้เราแทบคายของเก่าออกมาทั้งหมด - ไม่บรรยายสภาพนะคะ แต่คนที่เคยไปเมืองจีน หรืออ่านเรื่องเกี่ยวกับเมืองจีน คงจะพอรับทราบกันมาบ้าง)

ในที่สุด การเดินทางจากคุนหมิงมายังต้าหลี่ของเราก็จบลง เราเข้าพักในโรงแรมเอเชียสตาร์ ภายในล็อบบี้โรงแรมมีภาพเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ ที่มีรูปชนเผ่าต่างๆ กำลังเริงระบำอยู่เบื้องล่าง (แต่ในภาพไม่ปรากฏ) ถ่ายภาพไว้ด้วยมือเปล่าๆ เพราะไม่ถนัดในการพกขาตั้งกล้อง ก็แหม ขนาดกล้องและเลนส์ยังพกไปแค่ตัวเดียวเลย อย่างอื่น คงไม่ต้องพูดถึง



ห้องพักค่อนข้างสบาย ข้าพเจ้าโชคดีที่เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ได้เห็นภูเขาและทะเลสาบเอ๋อไห่ ซึ่งคาดการณ์กันว่า อาจจะเป็น "หนองแส" ในตำนานนาคสองตัวที่ทะเลาะกัน ก่อนจะขุดควักแผ่นดินกลายเป็นแม่น้ำโขงลงมายังตอนใต้นั่นเอง


ฝนตกทั้งคืน อากาศสดชื่นถึงเช้า การได้พักคนเดียวในต่างถิ่น ทำให้ใจสงบขึ้นมาก เรื่องอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามา เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยและเบาหวิวเหลือเกิน
แล้วมันก็คงจะผ่านไปในไม่ช้า



โทรทัศน์ที่โรงแรมเอเชียสตาร์ในต้าหลี่ ไม่มีช่องจากประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวจากเมืองไทย มักใช้เมืองนี้เป็นแค่ทางผ่านไปยังลี่เจียงเมืองมรดกโลก แต่ข้าพเจ้ากลับชอบความสงบสุขที่ต้าหลี่ ความเงียบที่ยังคงไว้ซึ่งมนต์ขลังแห่งเสน่ห์ตะวันออกในความคิดของข้าพเจ้า

คืนนั้นนั่งดูรายงานข่าวเป็นภาษาจีน โดยที่แทบฟังไม่รู้เรื่องเลยอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจไหว้พระ แล้วล้มตัวลงนอน เพื่อที่จะหลับ ฝันดี



ตื่นเช้ามา ฝนยังคงตกหนัก และตกอย่างต่อเนื่อง แต่กำหนดการย่อมเป็นไปตามที่วางไว้ คุณหัวหน้าไกด์คนไทย และไกด์ท้องถิ่นชาวคุนหมิง และไกด์ที่เพิ่มเข้ามาอีกคน ตามคำสั่งของรัฐบาล เป็นไกด์ชาวไป๋ ในมณฑลต้าหลี่ ซึ่งจะดูแลพวกเราไปตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ที่ต้าหลี่ ไม่ได้สอบถามชื่อไว้ แต่จำรอยยิ้มที่น่ารักของเธอในชุดชาวไป๋สีขาวแดงได้เป็นอย่างดี


มองไปที่ลานจอดรถ ฝนยังคงตกพรำ มองไกลออกไป ทะเลสาบเอ๋อไห่ยังคงสงบนิ่ง คล้ายกับว่า พญามังกรใต้ทะเลสาบยังคงหลับใหลไม่ตื่นมาเริงรื่นเล่นน้ำดังในตำนาน



ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป การเดินทางยังไม่จบสิ้น อยู่ใต้ฟ้าจะกลัวอะไรกับฝน ที่สุด เราก็เช็คเอาท์ออกจากเอเชียสตาร์โฮเต็ล แล้วเดินทางต่อไปเพื่อชมเมืองเก่าต้าหลี่ ท่ามกลางสายฝนโปรย



เมืองเก่าต้าหลี่ เป็นเมืองที่มีจุดเด่นที่กำแพงเมืองที่สูง กว้าง และใหญ่โตมโหฬาร ภายในเมืองเก่ายังคงอนุรักษ์สภาพเดิมๆ เอาไว้ได้มาก หรือบางทีอาจเป็นเพราะเรามาเดินชมเมืองในยามเช้ามาก (ก่อนเก้านาฬิกาตามเวลาในท้องถิ่น) สภาพการค้าเพิ่งเริ่มต้น และทำให้เราไม่เห็นสภาพการเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มากนัก

กรุ๊บทัวของเราเดินลอดกำแพงเมือง เข้าไปชมสภาพภายในค่ะ ทั้งๆ ที่ฝนก็ยังคงตกพรำ



ใครเป็นคนจำกัดว่าการเที่ยวที่มีความสุข คือ การเดินเที่ยวท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ แล้วถ้าฟ้าฝนไม่เป็นใจล่ะ... การเดินเที่ยวท่ามกลางสายฝนโปรย ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่อย่าลืมร่ม อย่าลืมป้องกันตัวเองจากโรคหวัด และอย่าลืมป้องกันกล้องจากความชื้น

โลกที่ไม่ถูกจำกัด คือ โลกที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจและความสุข



เพื่อนร่วมทางบางคนเลือกที่จะเดินคุยกับไกด์ เพื่อเก็บข้อมูลบางอย่างตามความประสงค์ของการเดินทาง และเพื่อเป็นหลักประกันว่า จะไม่งุนงงหลงทาง ค่าที่เราพูดภาษาจีนกันได้ไม่ถนัด

น้องหยุย ไกด์เสื้อเหลือง เป็นคนน่ารัก และดูแลพวกเราอย่างดีตลอดการเดินทางที่น่าประทับใจในครั้งนี้ค่ะ



เพื่อนร่วมทริปอีกสามคน เดินชมเมืองเก่าอย่างสนอกสนใจ แต่บางครั้ง เราอดรู้สึกขึ้นมาวูบๆ ไม่ได้ว่า โลก ณ ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว วัฒนธรรมมีไว้เพื่อแสดงโชว์ เพื่อผลประโยชน์ให้ขายของได้มากขึ้น ของดั้งเดิมที่เคยเลือกผู้รับการสืบทอดไม่เหลือให้คงอยู่

ทุกๆ แห่งไม่ต่างกัน ไม่ว่าในเมืองไทย หรือในเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั่วโลก



แม้ว่าสายฝนที่โปรยปรายจะไม่ทำให้เราได้ภาพถ่ายสวยๆ เหมือนใครเขา แต่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ ว่าโลกก็เป็นอย่างนี้ มีฟ้าใส ก็มีฝนพรำ มีความชอกช้ำ ก็มีความสดชื่น หมุนเวียนกันไปอย่างนี้ ไม่มีที่สิ้นสุด


ภาพชีวิตสองข้างทาง รวมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่เราเดินผ่านไป ทำให้ได้เรียนรู้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนเป็นสิ่งดี



หลายคนเดินทางมาเพื่อพบ และรู้จักกัน หลายคนเดินทางมาเพียงเพื่อร่วมงานกันในระยะเวลาสั้นๆ หลายคนต้องทนทำใจให้ร่วมงานกันให้ตลอดรอดฝั่ง แม้ไม่พึงพอใจกันอย่างรุนแรง แต่โลกสอนให้รู้ว่า เราต้องอดทน อดกลั้น แล้วเราจึงจะผ่านวันและเวลาไป อย่างน้อยก็ด้วยใจสงบสุข และไม่มีการปะทะกันอย่างรุนแรง

ขอบคุณเวลาบนโลกนี้ ที่ยาวนาน เมื่อข้าพเจ้าผ่านวันเวลามาได้ถึงช่วงนี้ ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะอดทน ทำใจ และมีความสุขกับสิ่งรอบตัวได้มากยิ่งขึ้น



ในวันที่ฝนพรำ และฟ้าเป็นสีขาว เราอาจจะไม่รู้สึกสดชื่นและสนุกเท่าที่ควร แต่บางทีที่เรารู้สึกเช่นนั้น อาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยมองในระดับสายตาเลยว่า นอกจากท้องฟ้าเบื้องบนแล้ว ที่ถนนเบื้องล่างและสองข้างทาง ยังคงมีสีสันสดใสครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ให้เราเลือกมอง และยังมองเห็นชีวิตที่หลากหลายและน่าสนใจอีกด้วย



และในภาพชีวิตที่หลากหลายนั้น เราจะเลือกเก็บงำจำแต่สิ่งดีๆ หรือเลือกที่จะจมทุกข์อยู่กับสิ่งเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวง ถ้าคนคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงง่ายที่สุด ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงนั้น เราเก็บข้อมูลสิ่งใดได้บ้าง และนำข้อมูลนั้น มาปรับใช้กับตัวเราได้อย่างไร นั่นคือสิ่งดีๆ ที่นำพาให้เราได้ครุ่นคิดอยู่ในใจตลอดมา



ชีวิตที่ยังคงดำเนินต่อไป ไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะใส คนจะมา คนจะไป ใครจะซื้อ ใครจะแค่มอง แต่ภาพความสัมพันธ์ระหว่างคนที่ได้พบ โดยเฉพาะคนเชื้อชาติ ยังมีอะไรให้อมยิ้มได้เสมอ

คุณมองเห็นไหมล่ะ



ข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่จะถ่ายภาพแล้วสวย มีคนชื่นชมมากมาย ข้าพเจ้าจึงชอบสังเกตว่า เวลาคนอื่นถ่ายภาพ เขาถ่ายภาพกันอย่างไร และเมื่อกดชัตเตอร์แล้ว เขามีความสุขกับภาพที่ได้อย่างไร

ไม่เคยมีข้อจำกัดที่บัญญัติเป็นหลักการว่า การถ่ายภาพต้องทำท่าอย่างนั้น อย่างนี้ มิใช่หรือ



สุดท้ายเราก็เดินจากเมืองเก่าต้าหลี่มา พร้อมกับสายฝนที่ยังคงโปรยปราย เหมือนเป็นนัยว่า เราน่าจะได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง ในวันที่อากาศดี ในโอกาสต่อไป



ก่อนที่จะมุ่งหน้าต่อไปยังวัดเจดีย์สามองค์ วัดมหายานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนต่อไป โปรดคอยติดตามชม

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สำหรับทุกๆ ท่านที่ผ่านมาเยือนบล็อกของมาหยา...

ขอได้รับความขอบคุณจากแมวๆ พิคเจอร์เช่นเคยค่ะ














Create Date : 06 กันยายน 2552
Last Update : 6 กันยายน 2552 13:07:46 น. 8 comments
Counter : 2342 Pageviews.

 
หลังคาจีนแปลกดี

ตะเฆ่สันแหงนขึ้น


โดย: เมี้ยว IP: 222.123.246.148 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:13:10:24 น.  

 
ถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีครบ


โดย: tomcat007 IP: 58.11.88.133 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:13:33:24 น.  

 
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ....อยากไปเที่ยวด้วยจัง ภาพสวยๆๆครับ


โดย: ปฐพีหอม วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:16:12:30 น.  

 
แหล่มเลยอยากไปมั่งอะ


โดย: snoom IP: 112.142.114.230 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:19:50:39 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวเองเลยขอรับ


โดย: จ๋อยขอรับ (@_@) IP: 202.149.25.234 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:20:39:23 น.  

 
อยากไปเมืองจีนอ่ะครับ แต่ไม่มีโอกาสได้ไปสักที

ขอบคุณที่เอามาฝากกันนะพี่


โดย: ดาวตก@ผีเสื้อ@กระบี่ IP: 118.172.21.16 วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:14:58:03 น.  

 
เยี่ยมครับ ตามอ่านต่อไป


โดย: FoxyBae IP: 58.8.79.43 วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:1:04:33 น.  

 
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆที่นำมาให้ชมครับ


โดย: อย่าทำน่ารัก ไม่อยากทำใจ IP: 223.206.188.208 วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:15:07:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

มรกตนาคสวาท
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




มายาแห่งมาหยา

ยินดีต้อนรับ...

สู่

บล็อกคนชอบถ่ายรูปฝีมือธรรมดาๆ
หน้าตาไม่ดี นิสัยไม่ดี
งานเยอะ ไม่มีเวลาพูดเล่นกับใคร
ไม่ประสงค์จะสนิทสนมกับคนแปลกหน้า




ผีเสื้อ
ชรัส เฟื่องอารมณ์



.....ผีเสื้อตัวน้อยน้อย
บินล่องลอยกลางพนาไพร
โผผินร่อนบินระเริงใจ
คลุกเคล้าดอกไม้ใจชื่นบาน



แสงแดดยามสายสาย
งามพร่างพรายต้องสายธาร
ฉาบทองเมื่อมองแสนตระการ
ผีเสื้อสุขสราญนะเจ้าเอย



***...ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี...



...อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ



***...ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี...



...อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ

... สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ...




เพลงผีเสื้อ




งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มาของข้อความ:เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา







New Comments
[Add มรกตนาคสวาท's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com