59.งานก่อสร้างบ้าน(22) : พื้นไม้



      ย้อนกลับไปสมัยตอนเริ่มเขียนแบบบ้าน เพื่อนสถาปนิกถามว่าจะปูพื้นด้วยอะไร ด้วยความที่สมัยนี้อะไรก็แกรนิโต้ เลยบอกไปว่า แกรนิโต้เลยเพื่อน แล้วมันก็ถามอีกว่าชั้นสองมึงจะเอาอะไรปู(ขออนุญาตหยาบนิด 55+) ผมก็เอ๋อๆ แล้วปกติเขาใช้อะไรปูวะ ไม่ใช่แกรนิโต้เหรอ มันก็บอกว่าส่วนใหญ่ก็ลามิเนต หรือปาร์เกต์ไม่ก็ไม้จริง ไอ่ผมไม่รู้เรื่อง ใจนึกถึงปาร์เกต์แผ่นเล็กๆที่บ้าน ที่มันชอบหลุดเป็นแท่งๆ เลยบอกไปว่าไม่เอาปาร์เกต์อ่ะ เพื่อนก็บอกว่างั้นไม้จริง แต่แพงนะ พอได้ยินคำว่าแพง ผมเลยบอกงั้นลามิเนตก็ได้  มันเจือกบอกอีกว่าลามิเนตไม่ไฮโซนะ..เออ เอาที่สบายใจเลยครัช

   แต่ด้วยความที่ผมไม่รู้เรื่องไม้เลย ผมจินตนาการว่า ไม้ปาร์เกต์คือไม้ท่อนเล็กๆที่มาต่อๆกัน แบบบ้านที่ผมโตมาตอนเด็ก ซึ่งพอน้ำท่วมปี 54 มันหลุดออกมาเกลี้ยงเลยครับ


ปาร์เกต์ที่จินตนาการ เขาเรียก ปาร์เกต์โมเสก

แต่จริงๆ ไม้ปาร์เกตืแบบยาวเป็นแผ่นๆก็มีครับ ผมก็เพิ่งรู้ตอนหาข้อมูลเนี่ยแหล่ะ โง่มานาน มีความยาวตั้งแต่ 1 ฟุต ไปถึง 120 เซนต์ครับ ความกว้างก็ สองนิ้ว ถึง สี่นิ้วเลย


ปาร์เกต์แผ่น


      ปฏิบัติการออกตามหาวัสดุปูพื้นก็เริ่มขึ้น ใช้วิธีเดิมครับ ไปดูบ้านโครงการณ์ใหญ่ๆ แล้วสังเกตุว่าเขาใช้อะไรปูพื้น ถามเซลต่างๆ ก้ได้ความออกมาว่า โครงการณ์ระดับ 10 ลบ. ขึ้นไป จะใช้ไม้มะค่าปู ส่วนโครงการณืรองลงมาก็จะเป็นลามิเนต ความรู้สึกสัมผัสนี่ต่างกันเลยครับ ไม้ก็คือไม้ เดินสบายเท้ามากๆ ความสวยงามก็สวยกว่าชัดเจนเลย ผมเลยสรุปว่าจะเลือกไม้มะค่าปูพื้น แพงก็แพงเอาวะ กัดฟัน เลยให้ ผรม.จัดพื้นไม้มะค่ามาเลยครับ เอาไม้ยาว 90-120 เซน สวยดี แต่ราคามหาโหดมาก เลยลดลงเหลือแค่ปาร์เกต์ยาว 40 เซนต์พอครับ แฮะๆ โดยผมเลือกปูชั้นสองทั้งหมด ส่วนชั้นล่างปูห้องนอน ห้องสมุด ห้องนั่งเล่น กับห้องโฮมเธียเตอร์

      ผมเลยมาหาข้อมูลในเนตเพิ่มเติมครับ ว่าไม้อะไร ดีเสียยังไง ปูแล้วออกมาเป็นแบบไหน ผมเอาแชร์ให้ดูกันครับ เกริ่นก่อนว่า ผมเป็นเพียงแค่ User นะครับ ไม่ใช่ Wood lover ผมไม่รู้วิธีดูไม้อ่อนแก่ หรือวิธีดูไม้แท้ ไม้ไทย ไม้ลาว แอฟริกาอะไรทั้งนั้นนะครับ ผมเพียงเอา Basic เรื่องไม้ต่างๆมาแชร์เฉยๆ เผื่อใครที่ยังไม่ทราบ จะได้มีข้อมูลมากขึ้นในการตัดสินใจครับ และผมจะไม่พูดถึงว่าไม้แท้ ไม้เทียม ลามิเนต หรือไม้เอนจิเนียร์ ดีเสียต่างกันยังไงนะครับ เพราะใจผมเลือกไม้แท้ เลยจะพูดเนื้อหาของไม้จริงอย่างเดียวนะครับ


        ถ้าพูดถึงไม้ที่นิยมมาใช้ปูพื้น โดยทั่วๆไปก้ได้แก่ ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้แดง ราคาก็เรียงกันลงมาเลยครับ ส่วไม้อื่นๆ เช่น เต็ง รัง ตะเคียน พวกนี้อาจจะนิยมปูในบ้านไม้ หรือในกลุ่ม wood lover แต่บ้านโครงการณ์ใหม่ๆ ก็จะนิยมแค่ไม้ 4 - 5 ชนิดแรก เรามาดูกันว่าต่างกันยังไง (เครดิตผมจะลงท้าย blog นะครับ)

1.ไม้สัก

   ไม่บอกทุกคนก็คงรู้จักนะครับ เป็นไม้สวยงามอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ เกิดการบิดงอโก่งตัวได้ยาก ไม้สักที่ดีจะต้องใช้เวลานานมากในการเจริญเติบโต ไม้สักที่มีอายุมาก จะผลิตน้ำมันธรรมชาติของสักซึ่งมีกลิ่นที่ปลวกไม่ชอบ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความเชื่อว่า ไม้สักไม่โดนปลวกกิน แต่หากเป็นสักปลูกที่โตเร็ว จะไม่มีน้ำมันชนิดนี้สะสมอยู่ในเนื้อไม้ ปลวกจึงเลือกกินไม้สักชนิดนี้ได้เช่นกัน ตัวไม้จะมีสีน้ำตาลออกเหลืองทอง ลายใหญ่ สวยงาม นิยมนำมาปูพื้น หรือทำเครื่องเรือน ประตู หน้าต่าง


พื้นไม้สัก


2. ไม้มะค่า

       ลักษณะไม้มีสีน้ำตาลเข้มอมส้ม ไม้มะค่าก็เป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่นิยมมาก ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีคือ เนื้อไม้มีความแข็งแรงมาก สีไม้และเส้นลวดลายไม้ชัดเจนสวยงาม คนจึงนิยมใช้กันมาก ซึ่งนำมาใช้เป็น พื้นไม้ หรือ พื้นบันได หรือส่วนโครงสร้างในบ้านที่ต้องการโชว์ให้เห็นผิวไม้ที่มีความสวยงาม ทำให้ปัจจุบันไม้มะค่าหายากและมีราคาแพง ไม้มะค่าบางส่วนจึงนำเข้ามาจากทางแอฟริกา จะเรียกว่าไม้ดูเช่ต์  ซึ่งภูมิอากาศแถบนั้น มีลักษณะคล้ายคลึงกับบ้านเรา แต่สีของไม้จะไม่สวยและเข้มเท่าไม้มะค่าในประเทศเอง ไม้มะค่าปัจจุบันได้มาจากลาว (เมืองไทยห้ามตัดแล้ว)


พื้นไม้มะค่า

   เนื่องจากเป็นไม้ที่สวย นิยมมาก บ้านผมก็มะค่าเนี่ยแหล่ะ ราคาจึงแพงขึ้นๆเรื่อยๆ ไม้มะค่าที่สวยๆจะมาจากลาว เรียกมะค่าลาว ดังนั้นใครที่สนใจไม้มะค่า ลองสอบถามทางร้านว่าเป็นมะค่าจากไหน ลาว หรือแอฟริกา แต่จากการสอบถามคนรู้เรื่องไม้บอกว่า ถ้าเราดูไม่เป็นแทบไม่ต่างกันเลย แต่คนดูไม้เป็นจะรู้  ถ้าร้านไหนเอาดูเช่มาขายราคามะค่าลาว ก็ให้เลี่ยงเลยครับ..ซึ่งมีอยู่เยอะซะด้วยสิ

3.ไม้ประดู่

    เป็นไม้เนื้อแข็ง ลายไม้ละเอียด แต่สีของไม้จะแตกต่างกันตั้งแต่เหลืองไปจนแดงเข้ม ต้องเลือกดีๆ เพราะร้านไม้ถูกๆจะคละๆกันทำให้สีมันมั่วๆ  ไม้ประดู่หลังๆเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะว่าไม้สักกับมะค่าหายากขึ้นเรื่อยๆ ราคายังไม่แพงมากนัก แต่อนาคตไม่แน่ บางท่านเอามาใช้แทนไม้สักก็มีครับ 


พื้นไม้ประดู่

4. ไม้แดง

  ลักษณะไม้มีสีน้ำตาลเข้มอมแดง ผิวลายไม้มีความชัดเจน เนื้อไม้มีความแข็งแรงทนทาน มีราคาแพงและสัมผัสผิวลาย สีสันของไม้ที่มีความสวยงาม ทำให้นิยมนำมาใช้ในส่วนประกอบโครงสร้างที่เห็นได้ชัด อย่างเช่น พื้น วงกบประตู หน้าต่าง ตง แต่ไม่นิยมนำมาทำเฟอนิเจอร์ เพราะเนื้อไม้มีความแข็งทำให้ขัดแต่งได้ยาก วงกบบ้านผมก็ใช้ไม้แดงครับ



ปาร์เกต์ไม้แดง มันแดงสะใจจริงๆ

5.ไม้เต็ง

ไม้มีสีน้ำตาลอ่อน ถ้าตัดทิ้งไว้นานสีจะเข้มขึ้น เนื้อไม้มีความแข็งมากทำให้ไสและตัดแต่งได้ยาก เมื่อทิ้งไว้ให้แห้งแล้ว ไม่นิยมใช้สำหรับงานภายในเนื่องจากผิวหยาบและเสี้ยนลายไม้ไม่ค่อยสวยงาม จึงนิยมใช้กับงานโครงสร้างที่ไม่ต้องการความสวยงามมาก เช่น เสา คาน ตง วงกบ ประตูหน้าต่าง เหมาะที่จะใช้กับงานภายนอกเป็นหลัก เนื่องจากทนสภาพดิน ฟ้า อากาศได้ดี


ระแนงไม้เต็ง


ด้านบนก็เป็นความรู้รอบตัวคร่าวๆของไม้ที่นิยมนำมาปูพื้นนะครับ ต่อไปก็เป็นภาคปฏิบัติของผมเอง พอผมตัดสินใจว่าจะใช้ไม้มะค่าปูพื้น ก็ลองศึกษาร้านขายไม้ แน่นอนครับ ในกทม.ทุกคนรู้จัก "บางโพ" สาวบางโพนั้นโก้จริงๆ แต่ไม้บางโพ ถ้าโง่ๆ ก็ซวยจริงๆนะครับ มีคนบอกว่าไปซื้อไม้บางโพ เหมือนไปซื้อมือถือใน MBK ตาดีได้ตาร้ายเสีย แนะนำเลย ถ้าจะไปซื้อไม้ที่บางโพ หาคนที่ดูไม้เป็นไปด้วยครับ ท่านจะได้ไม้ดีๆ ราคางามๆ แต่ถ้าท่านไปเองแบบโง่ๆ คงโดนฟันหัวแบะออกมาแน่นอน 

   ผมยอมรับว่าไม่มีความรู้ เลยไม่กล้าไป มีวันนึงไปเดินงานสถาปนิก เจอกับร้านขายไม้จริงอยู่สองเจ้าครับ อ้างชื่อเลยก็ได้ เพราะสองเจ้านี้ไปออกบูทบ่อยๆ ใครไปเดินงานประจำคงเห็น สามธันวา กับ จำปาก้า  ผมก็เข้าไปคุยรายละเอียดกับสองเจ้านี้เรื่องไม้และราคา เพราะผมมีราคาไม้จาก BOQ ผรม.อยู่แล้ว ปรากฏว่าราคาถูกกว่า BOQ พอสมควรเลยครับ มีเจ้านึง ถูกกว่าเกือบพันบาท ผมถามก็บอกมะค่าลาว เลยถอยมาตั้งหลัก โทรไปถามแฟน ผรม.ที่เป็นเพื่อนผม บ้านเขาทำไม้ เพื่อบอกว่ารู้จักกับร้านนี้ เดี๋ยวคุยให้ ผลก็คือมะค่าลาวจริงทั้งหมดไม่ปน แต่ที่ทำราคาได้ถูก เพราะไม้ลอตที่เอามาออกงานได้มาถูก และจะเรียกลูกค้า เลยขายได้ถูก ผมเลยโอเคครับ ทำสัญญาซื้อไม้เลย


นี่เป็นพื้นไม้มะค่า ที่ไปดูที่โกดังของร้านเลยครับ สวยมาก ให้เขาไส ทำรางลิ้นให้เสร็จสรรพ


ไม้ลูกนอนบันได


ไม้ลูกนอนอีกชุด


เอามาวางไว้ที่ Store คลุมผ้าใบให้มิดชิด อ้อ ราดยากันปลวกรอบๆ Store ด้วยครับ

  หลังจากสั่งซื้อ เวลาผ่านไปเกือบปีกว่าจะได้ปูครับ ที่ร้านฝากได้ประมาณ 6 เดือน ต้องขนมาที่ไซต์ เอาผ้าใบคลุมอย่างดี อย่าให้น้ำเข้าเด็ดขาด ผมโคตรเสียวเลยครับ เอามาไว้ Store กลางแจ้ง แต่ก็จำเป็นอ่ะนะ ฝากเขาไว้เป็นปี คงไม่มีใครยอม จากนั้นก็มาถึงส่วนของการปู 

    การปูไม้จริง มีอยู่สองวิธีหลักๆครับ ปูบนพื้นปูน กับปูบนตง การปูบนปูน เขาแนะนำว่าควรใช้กับไม้ที่หน้ากว้างไม่เกิน 4 นิ้ว ความยาวไม่เกิน 120 เซนต์ครับ ไม้ที่ปูก็ควรทำรางลิ้นไว้แล้ว พื้นที่จะปู ต้องเทปูนขัดมันให้เรียบเสมอกัน ทิ้งไว้รอให้ปูนแห้ง ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ใช้กาวลาเท๊กซ์สีขาวๆเนี่ยแหล่ะครับทาพื้น เกลี่ยให้เท่าๆกัน แล้วปูไม้ลงไป อาจจะตอกตะปูยึดไม้ให้แนบกับพื้น รอกาวแห้ง 10 - 14 วัน และก็จะเข้ามาทำการขัดหน้าให้เรียบ และทำสี หรือลงยูริเทนกันหน้าไม้ต่อไป

   ส่วนการปูบนตง แนะนำไม้ที่หน้ากว้างกว่า 4 นิ้ว ยาวมากกว่า 120 เซนต์ พื้นที่จะปูไม่ต้องขัดมันครับ แต่ต้องทำตงไม้มารองรับก่อน ส่วนใหญ่ก็ใช้ไม้เนื้อแข็งเช่น ไม้แดง ไม้ตะเคียน ยึดตงกับพื้น  แล้วเทปูนให้เรียบเสมอตง รอปูนแห้ง 1 สัปดาห์ แล้วเอาไม้มาตีตะปูตอกลงไปบนตงไม้ครับ การปูบนตงจะแข็งแรง และทนทานกว่าปูกาวแน่นอนครับ แต่ราคาก็แพงขึ้นเพราะต้องซื้อไม้ตงมาเพิ่ม

บ้านผมมีไม้สองส่วน ส่วนสั้นยาว 90-150 ปูกาว และมี 180 เซน ปูตงครับ ช่างที่ปูก็ใช้ของร้านไม้แหล่ะครับ ตอนแรกจะให้ ผรม.ทำให้เลย แต่ราคาแอบแพง จริงๆ ช่างปูไม้นี่หาได้ตามเนตเลยครับมีเยอะมากๆ ไม่จำเป็นต้องร้านไม้ หรือ ผรม.ก็ได้ (จะแอบบอกว่า ผรม.ก็จ้างช่างนอกมาอีกทีแหล่ะครับ กินหัวคิวไปอีก ถ้าเราจ้างเองได้จะดีกว่า)


เตรียมพื้นให้เรียบ เทปูน ขัดมันแบบนี้



ตอนเริ่มปูมาไม่ทัน ช่างทำเร็วมากๆ โดยจะเอากาวลาเทกซ์ขาวๆ ราดไปบนพื้น แล้วเอาไม้หวีมาปาด แล้วก็วางไม้ปูลงไป



ทางกาวที่ลิ้นไม้ด้วยนะครับ แล้วใส่ไม้เข้าตามรางลิ้น



ตอกตะปูตัวเล็กๆยึดไม้กับพื้นอีกที เพื่อให้ไม่มีช่องว่างใต้พื้น



นี่คือกาวลาเท๊กซืที่ใช้ ยี่ห้อ KOT100 เป็นลาเทีกซ์ที่จัดว่าอันดับต้นๆในการปูไม้ ถ้าจะให้แน่นหนากว่านี้ก็กาว PU ไปเลย แต่ราคาแพงมาก และไม่จำเป็นขนาดนั้น



การปูพื้นไม้ ควรเว้นช่องว่างตรงขอบกำแพงอย่างน้อย 2 - 5 มิล เพื่อกันการขยายตัวของไม้ในอนาคต จริงๆไม้มะค่า อัตราการหดขยายต่ำมากอยู่แล้ว แต่เพื่อความชัวรืก็เว้นไว้ดีกว่าครับ แล้วค่อยเอาบัวปิด

จากนั้นก็ไล่ปูไปตามห้องจนเสร็จ ดูรูปยาวๆครับ


ห้องนอนลูก



ห้องสมุด..เจ้าปีโป้ กวนทุกที่



ทางเดินบันได

   หลังจากปู ก็จะรอประมาณ 2 สัปดาห์ครับ แล้วจะเข้ามาขัดทำสี ระหว่างที่รอ ผมก็ลองเดินสำรวจดูความเรียบร้อย ผมเอาเสาไม้ยาวๆที่เหลือๆ มากระทุ้งพื้น ก็พบว่ามีบางจุดที่มันโปร่งครับ ก็คือข้างใต้ไม้อาจไม่ติดกับปูน มีได้หลายสาเหตุ คือทากาวน้อยไป หรือพื้นไม่เรียบ เพราะไม้ยาว 90 - 150 ถ้าพื้นไม่เรียบสัก 30 เซนต์ข้างใต้ เวลาปูก็จะไม่แนบดี ก็จะโปร่งได้ครับ ก็ต้องเรียกช่างมาแก้ ไม่งั้นอนาคตไม้อาจร่อนหลุด แต่ช่างบอกจริงๆไม่ต้องแก้ก็ได้ ยังไงก็ไม่หลุด เพราะไม้มีรางลิ้น จะหลุดได้ต้องหลุดทั้งยวง ไม่เหมือนปาร์เกต์เล็กๆ แบบนั้นหลุดได้ครับ แต่ไหนๆก็แก้ดีกว่า กลัวมีปัญหา


ช่างก็จะเอาสว่างเจาะไปตรงบริเวณที่โปร่งๆ จากนั้นก็จะยิงอัดด้วยปืนกาวลาเท๊กซ์



จากนั้นก็เอาสกรู ไขอัดเข้าไปอีกทีครับ แน่นแน่นอน แต่ข้อเสียคือมีรูหัวสกรู ที่ต้องมาโป๊วอุดอีกทีตอนทำสี

   ตอนที่ปูไม้ จะเห็นว่าหน้าต่างอลูยังไม่ได้ติดตั้งเลยครับ ช่วงนั้นฝนเริ่มมาแล้วด้วย ช่างที่บ้านแทบไม่ได้นอน ต้องคอยเอาผ้าใบมาคลุมหน้าต่างกันฝนสาดโดนไม้ ในที่สุดช่างไม้ก็มาขัดทำสี รอเกือบเดือน การขัดก็จะขัดสามรอบโดยใช้กระดาษทรายเบอร์ใหญ่ ลดหลั่นลงมา ฝุ่นเต็มบ้านเลยครับ ช่วงขัดผมก็ไม่ว่างไปดู แต่ช่างทำเร็วมาก ขัดทั้งบ้าน 200 ตร.ม. ใช้เวลาวันครึ่ง


รถขัดหน้าไม้

พอขัดเสร็จแล้ว ไม้สวยมากเลย มะค่าตอนเปิดหน้าไม้นี่น่าลงไปเกลือกกลิ้งจริงๆ ไปดูกัน



ห้องสมุด



ห้องนอนเล็ก



ห้องนอนใหญ่



สะพานชั้นสอง

    เมื่อขัดเสร็จ ช่างก็จะมาถามว่าเราจะย้อมสีไม้ หรือทำสีธรรมชาติ จากรูปด้านบน จะเห็นว่าไม้สวยมาก บางคนชอบแบบธรรมชาติก็ไม่ต้องย้อมสีไม้ ทำการลงยูริเทนเคลือบหน้าแบบธรรมชาติไปเลย ก็จะได้สีมะค่าสวยงาม แต่ส่วนตัวผมกับแฟน ชอบสีเข้มๆครับ เพราะบ้านจะแต่งโทนโมเดิร์น พื้นไม้โมเดิร์น สีจะออกโอ๊คเข้มๆหน่อย เลยบอกให้ช่างทำตัวอย่างมาให้ดูครับ อย่าลืมบอกช่างให้ทำด้วยนะครับ 



นี่เป็นพื้นไม้ บ้านตัวอย่างที่ผมเข้าไปดุโครงการณ์นี้มาครับ สวยเท่มากมาย เลยบอกช่างจะเอาแบบนี้ สีออกน้ำตาลปนแดง

  การย้อมไม้ ผมลืมถ่ายรูปมา ก็เห็นช่างเอาสีย้อมไม้ ของเบเยอร์ เป็นกระป๋องสีเหลือง สีแดง สีดำ แบบสีวาดรูปเลยครับข้นๆ มาผสมๆกันแล้วทาลงบนไม้ อยากได้เข้มเติมดำ อยากได้อ่อน เติมเหลือง แดง ก็ว่ากันไป ส่วนยูริเทนใช้เบเยอร์ กับเคมเกรซ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาใช้อะไรยังไง แต่ก็ค้นเจอมาว่ายี่ห้อเคมเกรซ เป็นยูริเทนที่ดี ราคาแพงครับ 


ใช้เบเยอร์ กับเคมเกรซ



นี่เป็นตัวอย่างสามแผ่นแรก ออกมาดำเดียวครับ ลายไม้หายหมด



นี่เป็นตัวอย่างที่สอง จะเห็นว่าอันล่างสีใกล้เคียงที่ชอบครับ เลยให้ลองลงสีเลยครับ ช่างบอกว่าลงสีอ่อนๆไปก่อน ค่อยทำให้เข้มได้ แต่ถ้าลงเข้มไปแล้ว ต้องขัดทิ้งย่างเดียวครับ



ทำออกมาแล้ว ได้สีอย่างที่ชอบเลยครับ ออกมายังกะไม้แดง แฟนบอก ทำไมไม่เอาไม้แดงไปเลย ถูกกว่าเยอะ 55+ นั่นดิครับ แต่เหตุผลจริงๆคือลายไม้ครับ ไม้แดงลายจะเรียบๆ แต่มะค่าลายจะเยอะๆหน่อย ดูธรรมชาติดีครับ



ลองเอามาเทียบกัน ด้านบนตัวอย่าง ด้านล่างบ้านเราเอง ใกล้เคียงมากๆ

  พอได้สีที่ต้องการก็ให้ช่างทำสีส่วนที่เหลือต่อเลยครับ จากรูป จะเห็นว่าพื้นยังไม่เรียบ เพราะเป็นการทำสีสองรอบ และทายูริเทนกันหน้าไม้รอบเดียวก่อนครับ เพราะต้องรองานบิ้วอินเข้ามาทำให้เสร็จเรียบร้อย แล้วช่างไม้จะเข้ามาทำอีกทีครับ ตอนนั้นค่อยลงยูริเทนเคลือบรอบสุดท้าย เพื่อจะเอาแบบมันวาว แบบด้าน หรือแบบถึ่งเงากึ่งด้านอีกที


ห้องนอนใหญ่


ห้องนอนลูก



จากห้องนอนใหญ่ถ่ายออกไปด้านนอก


สะพานชั้นสอง

   จากนั้นก็มาส่วนห้องที่ต้องปูตง ของผมมีห้องเดียวคือห้องโฮมเธียเตอร์ครับ ถามว่าทำไมต้องห้องโฮม เพราะไม้ที่ปูตงผมได้มา 180 ตร.ม. ได้มาจากที่ร้านเขาให้มาครับ เพราะไม้เหลือ เสียดายไม้ เลยเอามาแลกกับไม้ขนาด 120 เซนต์ของผม ในราคาเดิม ก็คือได้ไม้ยาว 180 มาในราคา 120 เซนครับ คุ้มมาก แต่ห้องที่มีขนาดใกล้ 30 ตร.ม. สุดก็คือห้องโฮมเนี่ยแหล่ะ เลยเอามาไว้ที่นี่


ผมใช้ไม้ตะเคียนทำตงครับ เพราะไม้แดง แพง 55+



เอาตงมาวางต่อกัน หาระดับ แล้วยึดตงกับพื้นปูน



ยึดตงกับพื้นด้วยสกรู และตอกตะปูข้างๆ เพื่อให้ปูนยึดเกาะกับไม้ได้


วางตงเรียบร้อย เตรียมพร้อมเทปูน

ตอนนี้บ้านผมยังไม่ได้เทปูนครับ เพราะผนังห้องโฮมอีกด้านยังไม่ได้ก่อ ก็ยังปูไม้พื้นไม่ได้ ตอนนี้กำลังเร่งก่ออยู่ครับ เพราะกว่าจะฉาบ กว่าพื้นแห้ง ปูไม้ รอขัด อีกเป็นเดือน งานบิ้วอินก็จะช้าไปอีกครับ 

    จะเห็นว่ายังไม่มีงานบันได เพราะว่าช่างไม้ จะรอมาติดตั้งบันได กับไม้ส่วนห้องโฮมนี้พร้อมกันไปเลย ซึ่งงานบันได ผมก็จะยกยอดไปอีกบล๊อคนึงครับ บันไดผมเป็นบันไดเหล็กทั้งชิ้น ก็จะทำไม่เหมือนบันไดโครงสร้างปูน มีรายละเอียดพอสมควร เอาไว้เสร็จผมจะเขียน blog ต่างหากครับ


เอารูปบันไดตอนนี้มาให้ดูก่อนครับ ไม้ที่เห็นเอาไปวางเทียบนะครับ ยังไม่ได้ install


    ลากันไปด้วยห้อง Glass Roof ครับ ห้องนี้แฟนผม Request ตั้งแต่ตอนออกแบบเลย มีดราม่าเล็กน้อย คือเซลไม่ได้ส่งตัวอย่างสีกระจกมาให้ดู ผมเองก้ไม่ได้ขอดู ตย.กระจก ทำให้พอวางกระจกหลังคาแล้วเขียวปี๋เลยครับ แฟนเห็น บอกไม่ผ่านอย่างแรง


กระจก laminate ฟิล์มเขียว มันเขียวปี๋เลยครับ แฟนเห็นแล้วปรี๊ดเลย ถ้าไม่เปลี่ยนนี่มีบ่นยันลูกโตแน่นอน

    เลยต้องขอคุยกับเซลใหม่ จนสุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนกระจกให้ครับ (มีค่าใช้จ่ายนะ ไม่ได้เปลี่ยนฟรี) จำไว้เลยนะครับ ทุกอย่างที่จะเป็นของสวยงานในบ้าน ต้องดูตัวอย่างจริงทุกครั้ง อย่าทึกทักว่าเซลน่าจะรู้ ไม่งั้นเสียใจทีหลัง


กระจกตัวใหม่ กระจกใส + เขียว + ฟิล์มใส สวยสมใจแฟนผมล่ะครับ ฟิล์มกัน UV 99% แต่ไม่กันร้อนเท่าไหร่นะ


** Update 14/2/2560 : ปัจจุบันเซลคุณติ่งที่ผมดีลงานด้วยได้ลาออกไปแล้วนะครับ และทีมช่างที่เคยปูไม้ทีมเดิม ก็ไม่ได้ทำงานให้สามธันวาแล้ว มีเพื่อนสมาชิกที่ติดตาม blog ผมได้ใช้บริการของสามธันวา แล้วพบว่าไม้ไม่ค่อยดี ทีมปูก็มีปัญหา ดังนั้น หากท่านต้องการไม้พื้นร้านนี้ ก็ช่างน้ำหนักเองนะครับ ผมเพียงแค่บอกกล่าวในส่วนที่ทำบ้านผม ซึ่งมันก็ออกมาดีตามความรู้สึกผม และรุปที่ได้เห็นใน blog แต่ก็ไม่ได้การีนตีว่าไปทำให้บ้านท่านแล้วจะต้องดีเหมือนกันนะครับ บางครั้งก็ขึ้นกับความคาดหวังของเจ้าของบ้านเหมือนกัน ว่าคาดหวังระดับไหน คำว่าดีของผม อาจไม่เท่ากับของท่านก็ได้ครับ


เครดิตข้อมูลไม้นะครับ




Create Date : 02 กันยายน 2558
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2560 10:35:19 น.
Counter : 40205 Pageviews.

22 comments
  
ไม่ทราบว่าปูไม้ชั้นล่าง ป้องกันเรื่องความชื้นยังไงครับ

ของผมกำลังเขียนแบบแต่สถาปนิกบอกว่าชั้นล่างไม่แนะนำให้ใช้ไม้
เพราะบอกว่ายังไงก็มีปัญหา

ขอบคุณครับ
โดย: ๋Jack IP: 171.5.247.108 วันที่: 2 กันยายน 2558 เวลา:15:31:36 น.
  
@Jack ต้องทำตั้งแต่ตอนเทพื้นครับ ถ้าเป็นพื้นหล่อ ต้องถมดินให้เต็ม เอาพลาสติกคลุม ก่อนเทลีนครับ แต่ถ้าพื้นสำเร็จ ท้องพื้นสูงอยู่แล้ว ไอดินจะไม่ระเหยมาสูงจนเกิดเป็นความชื้นสะสมครับ พื้นสำเร็จผมสูงจากดิน 80 เซนต์เลยครับ
โดย: Agent Molder วันที่: 2 กันยายน 2558 เวลา:16:46:15 น.
  
รบกวนขอเบอร์ติดต่อร้านขายไม้มะค่าหน่อยค่ะ

สนใจขนาด 4 นิ้ว X 1 เมตร

ขอบคุณค่ะ
โดย: ML IP: 171.7.71.181 วันที่: 2 กันยายน 2558 เวลา:18:30:12 น.
  
ผมซื้อไม้กับ สามธันวาครับ บอกเลยก็ได้ เซลชื่อคุณติ่ง google หาเบอร์ได้เลยครับ
โดย: Agent Molder วันที่: 4 กันยายน 2558 เวลา:11:14:47 น.
  
ยังตามอ่านอยู่ ตั้งแต่ตั้งBlog ใหม่ๆ

ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกว่า ได้ความรู้แบบรวบรัดตรงประเด็น
ใครกำลังสร้างบ้าน ผมจะแนะนำให้มาอ่านเลยครับ

รออ่านตอนที่เกี่ยวกับห้อง Home Theater นะครับ
โดย: Pairoj H. IP: 202.129.57.194 วันที่: 9 กันยายน 2558 เวลา:12:00:45 น.
  
ตกลงคุณหมอเลือกไฟดาวน์ไลท์อย่างไรบ้างคะ แนะนำด้วยค่ะ

ปกติชอบความสว่างของไฟนีออนหลอดสีขาวสั้น ควรเลือกดาวไลท์แบบไหนดีค่ะ

ไปดูของฟิลิปล ขนาด 12 W หน้ากว้าง 5 นิ้ว แต่ไม่มีฝาปิดด้านหน้า ถ้าห้องกว้าง 4.5 X 5 เมตร ติดดาวไลท์ แบบนี้ 6 ดวง พร้อมกับไฟโคมกลางห้องขนาด 22 W จะสว่างพอเท่ากับไฟนีออนหลอดสั้นสีขาว 18 W ? หรือเปล่าคะ

ขอบคุณค่ะ
โดย: ML IP: 171.7.115.245 วันที่: 10 กันยายน 2558 เวลา:15:33:12 น.
  
คำถามคุณมาลีคือ เลือก"หลอดไฟ" หรือเลือก "โคมไฟ" ครับ? ถ้าโคมไฟผมเลือกมาแล้วครับ ส่วนหลอดก็คำนวนไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ไปซื้อ

ความสว่างมีคำนวนใน blog การเลือกไฟดาวไลท์ครับ เอาเข้าสูตรรได้เลย แต่ต้องใช้ค่า lumen นะครับ ที่ตัวหลอดจะมีเขียนค่า watt กับ lumen

แต่คร่าวๆ หลอดประหยัด ตะเกียบทั่วๆไปที่ติดในห้อง 4x4 ใช้ 4 ดวง ออกมาแล้วสว่างเหมาะสม ก็ตกหลอดละ 14-15 watt นะครับ ถ้าติด 6 ดวงแถมมีโป๊ะอีกนี่สว่างสุดๆเลยครับ ความสว่างขึ้นกับบุคคลด้วยว่าชอบแบบไหน คงแนะลำบาก แต่จากที่ถามก็ถือว่าสว่างแล้วครับ

watt ไม่ได้บอกความสว่างนะครับ ดังนั้นจะบอกว่าหลอดฟิลิปส์สั้นสีขาว 18w สว่างกว่า/น้อยกว่า 12w x 6 ก็ตอบไม่ได้ แต่ตามทฤษฎี สว่างกว่าแน่นอน

แต่มันมีค่าการกระจายแสงมาเกี่ยวข้องอีกครับ โคมดาวไลท์ก็มีมุมการกระจายแสงแคบตามชื่อแหล่ะครับ ส่องลงมาตรงๆด้านล่าง มุมอยู่ที่ 60-70 องศา แต่หลอดนีออนแสงมันออกจากหลอดทุกทิศทาง ถึงแม้ lumen เท่ากัน ก็ให้แสงที่ได้มากกว่าดาวไลท์อยู่ดีครับ
โดย: Agent Molder วันที่: 11 กันยายน 2558 เวลา:9:02:24 น.
  
ขอถามเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ ไม่สันทัดเรื่องนี้เลย แต่ลองคุยกับช่างไฟแล้ว เขาบอกให้ลองซื้อมาให้เขาติดดูก่อน บางบ้านติดขนาดวัตต์ของดาวไลท์สว่างน้อยไป ต้องให้เขามาติดไฟเพิ่มใหม่อีก ก็เลยไม่อยากเสียเงินซ้ำซ้อนนะค่ะ

จำนวนวัตต์ที่ถามคือ วัตต์ของหลอดไฟ LED ของดาวไลท์ค่ะ หรือว่าควรใช้แบบ หลอดตะกียบ ดีกว่ากันคะ แต่โคมไฟดาวไลท์นี้ติดได้ทั้งสองแบบค่ะ แต่วัตต์ของหลอดตะเกียบจะสูงกว่า LED

ปกติเขาติดไฟดาวไลท์กันแบบไหนคะ LED หรือ หลอดตะเกียบ และชนิดของโคมไฟดาวไลท์เลือกแบบไหนดีคะ

บางแบบใส่หลอดไฟได้ 2 หลอดคู่ แบบตะเคงข้าง บางแบบใส่ได้หลอดไฟดวงเดียว แต่แสงส่องลงมาตรงๆ โดยมีแสงสว่างกว่าแบบแรก บางแบบมีกระจกหรือวัสดุใสปิดด้านหน้า ทำให้แสงสว่างน้อยกว่าแบบไม่มีฝาปิด ไปดูร้านบุญถาวร ก็มีหลายแบบให้เลือก งงมาก เลือกไม่ถูกเลยค่ะ

ลองดูแคตตาล็อกของร้านแลมป์ติจูด ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก คงต้องให้พนง. ขายแนะนำให้ มีหลายแบบหลายรุ่นเยอะมาก

คงต้องกลับไปอ่านตอนโคมไฟใหม่อีกรอบ

จะมีตอนต่อของโคมไฟไหมคะ รออ่านค่ะ อยากรู้ว่าคุณหมอเลือกโคมไฟดาวไลท์แบบไหน และขนาดวัตต์ของหลอดไฟด้วยคะ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ
โดย: ML IP: 171.6.129.237 วันที่: 12 กันยายน 2558 เวลา:1:05:17 น.
  
จริงๆรายละเอียดหลักๆ อยู่ในตอนโคมไฟหมดแล้วนะครับ วิธีดูแคตตาล๊อคต่างๆด้วย พี่มาลีลองอ่านทวนช้าๆดูครับ

หลักๆเลยคือดูว่าเราชอบแบบไหน รูปทรง สี ความสวยงาม แล้วค่อยไปดูแคตตาล๊อคว่าแบบไหนที่เหมาะกับที่เราชอบ อย่าไปเปิดดูกราดทีละหน้า งงแน่นอน จากนั้นดู spec ว่าขนาดเท่าไหร่ ใส่กับหลอดอะไร แนะนำว่าใช้ขั้ว E27 ดีสุดครับ เพราะจะทำให้ใส่ได้ทั้ง LED และหลอดตะเกียบ ส่วนการใส่แนวตั้งแนวนอนก็แค่การใช้งานต่างๆกันไปและความสวยงามครับ ถ้าพื้นที่เพดานกับฝ้าเหลือน้อย ก็ต้องใส่แบบตะแคง ไปซื้อแบบก้นสูงมาก็ใส่ไม่ได้เป็นต้น

ส่วนเรื่องหลอดไฟ LED ตะเกียบ ต่างแค่การประหยัดไฟแหล่ะครับ ความสว่างถ้า lumen เท่ากันก็สว่างเท่ากัน บ้านผมใส่ทั้ง LED และ หลอดตะเกียบแล้วแต่จุด ความสวยงาม ส่วนเรื่องค่าความสว่าง การคำนวน watt ผมบอกในบล๊อกหลอดไฟหมดแล้วนะครับ ลองอ่านดูครับ

ปล.ถ้ามีคำถามไหน เกี่ยวข้องกับบล๊อคไหนให้ถามที่บล๊อคนั้นได้เลยครับ คนที่มาอ่านจะได้รู้เรื่องไปด้วย ผมเชคอัพเดตทุกวันอยู่แล้วครับ ส่วนบล๊อกภาคทฤษฎีการเลือกโคมผมเขียนแน่ครับ แต่อยากเขียนตอนติดตั้งไฟเสร็จเกือบทั้งบ้านแล้วครับ จะได้มีรูปประกอบเยอะๆ
โดย: Agent Molder วันที่: 12 กันยายน 2558 เวลา:18:19:42 น.
  
อ่านคำอธิบายข้างบนนี้แล้ว ทำให้เข้าใจกระจ่างชัดมากค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ปล. คราวหน้าจะตั้งคำถามให้ตรงกับบล็อคค่ะ ขอโทษค่ะ เพราะไม่รู้ว่าคุณหมอจะเข้ามาอัพเดตอยู่ทุกวัน แล้วคุณหมอรู้ได้อย่างไรว่ามีคนตั้งคำถามในตอนเก่าๆ คะ สงสัยค่ะ
โดย: ML IP: 171.7.85.180 วันที่: 15 กันยายน 2558 เวลา:0:38:55 น.
  
ระบบของ blog มันกดดูได้ครับว่ามีใครตอบ reply มั่ง โดยไม่ต้องไล่เปิดทีละ blog ครับ ^^ แต่ถ้าคำถามไหนไม่ได้ตอบเลยก็มาบอกที่ blog ล่าสุดก็ได้ครับ
โดย: Agent Molder วันที่: 15 กันยายน 2558 เวลา:13:57:25 น.
  
พื้นไม้สวยมากเลยค่ะ ดีใจด้วยนะคร้าได้บ้านสวยสมใจ :)
โดย: bluemoon IP: 118.174.129.142 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2558 เวลา:10:52:10 น.
  
รบกวนขอถามเพิ่มค่ะว่า ตงไม้ใช้ไม้ยาง ดีหรือไม่ หรือควรใช้ไม้อื่นดีกว่าคะ

ราคาไม้มะค่า 4"x150 cm กับ 6"x180 cm ของคุณหมอ ราคาต่อตรม.เท่าไหร่คะ

ราคาไม้ที่ปูทั้งหมดของคุณหมอเท่าไหร่คะ ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในราคาก่อสร้างบ้าน BOQ หรือเปล่าคะ

ควรเลือกไม้มะค่าลาวดีสุดใช่ไหมคะ คือลายสวยและทนทานกว่า และมีคุณภาพดีกว่ามะค่าพม่าและอื่นๆ หรือเปล่าคะ

กำลังลังเลว่าจะปูไม้แบบไหนและปูชั้นล่างด้วยไหม จึงอยากรู้งบประมาณก่อนค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
โดย: ML IP: 171.7.111.4 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:13:56:14 น.
  
ตอบพี่มาลีทีละคำถามนะครับ
- ตงไม้เนื้อแข็งดีสุดครับ แต่เอามะค้ามาทำตงก็แพงไปหน่อย ไม้ยางก็ดีมากแล้วครับ ผมเองใช้ตะเคียนเพราะถูกครับ 55+

-ราคาไม้ผม 4นิ้ว ยาว 90-150 ตร.ม.ละ 1800 ครับ บ้านผมใช้ 200 ตร.ม. ไม่รวมค่าปูนะครับ แต่ราคานี้ตอนนี้ไม่ได้แล้วนะครับ ตอนนั้นผมซื้อในงานสถาปนิก เลยได้ราคาโปร

-ณ ปัจจุบัน ไม้ลาวดีสุดครับ (จริงๆไม้ไทยดีที่สุด แต่เมืองไทยไม่ให้ตัดขายแล้วครับ ผิด กม.)
โดย: Agent Molder วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:34:22 น.
  
คิ้วบัวพื้นเป็นไม้มะค่าหรือเปล่าคะ ขนาดเท่าไหร่ ใครเป็นคนปูและขัดทำสีให้คะ

ขอบคุณค่ะ
โดย: ML IP: 171.7.40.172 วันที่: 29 เมษายน 2559 เวลา:15:30:48 น.
  
@ML เป็นบัวไฟเบอร์ซีเมนต์สำเร็จรูปของ SCG ครับ ที่เลือกตัวนี้เพราะผมจะทาสีขาว(สีเดียวกับฝ้าเพดาน) ใช้บัวไม้ก็เปลือง เพราะยังไงก้ทาสีขาวอยู่ดี ผมซื้อมาเองแล้วให้ ผรม.ติดให้ครับ
โดย: Agent Molder วันที่: 29 เมษายน 2559 เวลา:16:47:51 น.
  
ขอบคุณคุณหมอที่เขียนรีวิวแนะนำ บ.สามธันวา ให้นะคะ

ทั้งนี้เนื่องจากคุณติ่งได้ลาออกไปแล้ว หากคุณหมอหรือท่านผู้อ่านที่สนใจงานพื้นไม้ของทาง บ.สามธันวา สามารถติดต่อได้ที่ พันธ์ทิพย์(จี๋) โทร.086-7784655 หรือ สอบถามทางอีเมล์ samtunwa_team.a@hotmail.com ได้เลยนะคะ
ทางบริษัทฯยินดีให้บริการทุกท่านค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
พันธ์ทิพย์ ทาทอง(จี๋)
เซลล์ บ.สามธันวา
(งานไม้ทุกชนิด)
โดย: พันธ์ทิพย์ ทาทอง(จี๋) IP: 183.89.101.21 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:15:30:47 น.
  
@คุณจี๋ : อย่างที่ผมบอก ตอนที่คุณติ่งขายไม้ และช่างมาทำบ้านผม ผมก็ว่าดีนะครับ แต่ ณ ตอนนี้มีคนรู้จักผมบางท่าน ที่ใช้ไม้ของสามธันวาเพราะผมแนะนำไป กลับเจอว่าไม่ไม่ดี ไม่มีคุณภาพ(หรือเปล่า?) ช่างปูไม่ work ทำงานลวกๆ

ดังนั้นฝากควบคุณคุณภาพช่างด้วยนะครับ ถ้าคุมช่างไม่ได้ ก็บอกลูกค้าว่าขายไม้อย่างเดียวไม่รับปู ลูกค้าจะได้ไม่เสียความรู้สึก
โดย: Agent Molder วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:9:00:28 น.
  
สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามคุณหมอ ที่บ้านปูพื้นไม้มะค่ามา6เดือน และปูเบาะสำหรับกันกระแทก(เด็ก)ทับ ปรากฎว่า6เดือน เชื้อราขึ้นไม้เต็มไปหมด อยากทราบว่าคุณหมอเคยเจอแบบนี้มั้ยคะ และอยากรบกวนขอชื่อบริษัทซื้อไม้ปาร์เก้ขอบคุณค่าา
โดย: cartoon IP: 27.55.74.150 วันที่: 6 เมษายน 2561 เวลา:9:40:18 น.
  
@Cartoon : แบบนี้ไม่เกี่ยวกับไม้แล้วครับ เกี่ยวกับความชื้นในห้อง และตัวเบาะที่เก็บความชื้นหรือเปล่า ไม้เป็นวัสดุธรรมชาติ ชื้นมากๆ ราก็ขึ้นได้ครับ แต่จริงๆพวกเชอร่า ก็ทากันเชื้อราอยู่นะ ไม่น่าขึ้นง่ายขนาดนั้น ต้องดูสภาพแวดล้มในห้องประกอบครับ

บ.ที่ผมซื้อไม้ตอนนี้ไม่ทำแล้วครับ ไปทำอสังหา กับจัดสวนแทน
โดย: Agent Molder วันที่: 12 เมษายน 2561 เวลา:10:59:09 น.
  
เพิ่งบังเอิญเจอบล้อกของคุณหมอครับ อ่านเพลินและขอจับมือเลยครับ เจอปัญหาเดียวกันเยอะมากๆ เข้าใจเลยครับ อยากจะสอบถามเรื่องพื้นไม้มะค่านิดนึงครับ คุณหมอทำเป็นกึ่งเง่นกึ่งด้านใช่ไหมครับ เจอปัญหาเรื่องรอยแปรงและรอยขาวๆบนพื้นไม้หลังช่างทำเสร็จไหมครับ
โดย: เจ้าของบ้าน IP: 58.8.148.21 วันที่: 6 มกราคม 2563 เวลา:1:54:01 น.
  
@เจ้าของบ้าน : ไม่ได้เข้า blog นานมากกกกเลยครับ ขอโทษทีครับ หามีคำถาม ไปถามได้ที่เพจเลยครับ จะตอบได้เร็วกว่า

พื้นไม้กึ่งเงาหึ่งด้านครับ ไม่มีปัญหาเรื่องรอบแปลง แต่มีปัญหาว่าอยู่ๆไป พื้นเป็นรอยได้ง่ายกว่าแบบเงาครับ ทำให้จะวางเฟอนิเจอร์อะไรต้องระวัง
โดย: Agent Molder วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:16:22:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Agent Molder
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 381 คน [?]



กันยายน 2558

 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
All Blog