|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
REVIEW - Sessions For Robert J. (CD + DVD) - Eric Clapton

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แคลปตันออกดีวีดีมามากทีเดียว มีทั้งแสดงสด และรวมมิวสิควีดีโอของตัวเอง จนเมื่อปลายปีที่ผ่านมาก็มีดีวีดีบันทึกการแสดงจาก Crossroads Festival ซึ่งแคลปตันเป็นเจ้าภาพออกมา ภายในบรรจุด้วยการแสดงของแขกรับเชิญมากหน้าหลายตา รวมถึงตัวแคลปตันเองด้วย และภายในเวลาไม่เกิน 2 เดือน ดีวีดี Session For Robert J. ก็ตามมาอีก ทำให้หลายคนบอกว่า จะไม่ออกถี่เกินไปหน่อยเหรอพี่ ? (ผมก็ว่างั้นแหละ)
ต้องขอท้าวความสักนิด (เผื่อใครๆ หลายคนจะสนใจ) เมื่อปลายยุค 80's แคลปตันย้ายสังกัดจากค่าย Universal มาอยู่กับ Reprise Records ของค่ายวอร์เนอร์ แคลปตันเปิดตัวไปได้สวยกับอัลบั้ม Journeyman ในปี 1989 ในแบบเมนสตรีมที่แคลปตันเคยทำๆ มาก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็หันไปออกอัลบั้มแสดงสดอยู่ 2 ชุด นั่นคือ 24 Nights กับ Unplugged ซึ่งประสบความสำเร็จมากพอดู โดยเฉพาะอัลบั้ม Unplugged หลังจากนั้นก็หันกลับมาคัฟเวอร์เพลงบลูส์ทั้งอัลบั้มใน From The Cradle ซึ่งแม้ว่ายอดขายค่อนข้างต่ำเพียง 3x Platinum เมื่อเทียบกับ Unplugged ที่ขายได้ถึง 10x Platinum ก็ตาม แต่ก็เป็นอัลบั้มที่แฟนเพลงและนักวิจารณ์ชื่นชมมากทีเดียว แคลปตันหายไปอีก 4 ปี ก่อนที่แคลปตันจะตัดสินใจผิดอีกครั้งเมื่อแคลปตันลงมาเล่นกับเมนสตรีมอีกรอบกับอัลบั้ม Pilgrim ในปี 1998 ที่เต็มไปด้วยซินธิไซเซอร์ และซาวน์กีตาร์ของแคลปตันก็ดูเปลี่ยนไปมาก ตามด้วยงานคู่กับ B.B. King ใน Riding With The King ที่กลับมาเล่นกับแนวบลูส์อีกครั้ง จนมาในปี 2001 กับอัลบั้ม Reptile ที่ดูสะอาดสะอ้านขึ้นแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นักตามมาด้วยอัลบั้มแสดงสดจากทัวร์ของเขา One More Car, One More Rider และท้ายสุดในปี 2004 แคลปตันก็เดินตามรอย From The Cradle อีกครั้งด้วยอัลบั้มคัฟเวอร์เพลงของราชาแห่งบลูส์ Robert Johnson ใน Me And Mr. Johnson
เริ่มกันที่ดีวีดี Session For Robert J. ชุดนี้เลยดีกว่า หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันเหมือนหรือต่างกับอัลบั้ม Me And Mr. Johnson ตรงไหน อย่างไรบ้าง คำตอบก็คือ Session For Robert J. เป็นดีวีดีบันทึกภาพกึ่งๆ แสดงสด (คือเป็นการแสดงสดเพื่อบันทึกภาพแบบไม่มีผู้ชม คล้ายกับ Live At Pompeii ของ Pink Floyd นั่นแหละครับ) โดยนำเพลงที่แคลปตันเคยบันทึกเสียงมาแล้วใน Me And Mr.Johnson มาเล่นใหม่แบบกึ่งแสดงสดอย่างที่บอกไว้ข้างต้นเนี่ยแหละครับ ทำให้เพลงดูมีชีวิตชีวาขึ้น และเป็นธรรมชาติมาขึ้น ส่วนซีดีอีกแผ่นที่มากับดีวีดีก็คือเวอร์ชั่นเดียวกับดีวีดีนั่นแหละครับ เพียงแต่ทำเป็นเวอร์ชั่นซีดีเท่านั้นเอง
เข้าในส่วนของดีวีดีซะทีครับ ดีวีดีจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 Sessions ด้วยกัน โดยแต่ละ Session ก็จะบันทึกเสียงและภาพโดยต่างสถานที่กันไป 2 Session แรกจะเป็นการบันทึกเสียงแบบเต็มวง ส่วน Session ที่ 3 บันทึกที่ 508 Park Ave ใน Dallas ซึ่งมีข้อมูลว่า Robert Johnson ได้เคยมาบันทึกเสียงที่นี่มาก่อน โดยมีเพียงแคลปตันและ Doyle Bramhall II เล่นอคูสติกกีตาร์ ส่วน Session ที่ 4 เป็นแคลปตันเล่นอคูสติกกีตาร์คนเดียวในโรงแรม พร้อมกับให้สัมภาณ์พูดคุยเกี่ยวกับอิทธิพลทางดนตรีของเขา เทคนิคการเล่นและรายละเอียดของเพลงต่างๆ ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
หลายๆ เพลงในดีวีดีชุดนี้ดูสดและมีสีสันกว่าสตูดิโอเวอร์ชั่นเก่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะใน 2 Session แรก Kind Hearted Woman Blues แคลปตันโชว์เสียงร้องได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำบ่อยนักในช่วงหลังนี้ ใน They're Red Hot เราจะได้เห็นแคลปตันเกือบจะอารมณ์เสียงที่ตัวเองเล่นอินโทรของเพลงนี้ผิดอยู่หลายรอบหลายหน Sweet Home Chicago เป็นอีกหนึ่งเพลงเด็ดที่ไม่ได้อยู่ในสตูดิโออัลบั้ม Me And Mr. Johnson แต่ยังไงก็ตามยังต้องยอมรับว่าลูกเล่นและความเก๋าของเขายังสู้เวอร์ชั่นที่ Buddy Guy ร้องในดีวีดี Crossroads Festival ไม่ได้ Milkcow's Calf Blues แคลปตันโชว์เสียงกระเส่าในลำคอได้อย่างน่าประทับใน ส่วน If I Had Possession Over Judgement Day ดูจะเร้าใจน้อยกว่าดีวีดี Crossroads Festival เล็กน้อย (คงเป็นเพราะบรรยากาศให้ด้วย) ส่วน 2 Session หลังก็ดูเพลินๆ เหมาะสำหรับแฟนๆ ที่เล่นกีตาร์แนวบลูส์ที่จะชมและศึกษาเทคนิคการเล่นของทั้งแคลปตันและ Doyle Bramhall เราจะได้เห็นทั้งสไลด์กับกีตาร์ Dobro เทคนิคการเล่น Fingerpicking สำหรับแนวบลูส์ซึ่งจัดว่าหาดูได้ยากพอสมควร
นักดนตรีในชุดนี้ก็ยังคงเป็นเซ็ตเดิมๆ ที่แคลปตันเคยใช้อยู่จะมีขาดหรือเพิ่มมาบ้างก็เล็กๆ น้อย อย่างที่ขาดไปก็ Andy Fairweather-Low หายไปตั้งแต่ทัวร์ปี 2004 ส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็มือเปียโน Chris Stainton ที่ร่วมทัวร์กับแคลปตันมาตั้งแต่ทัวร์ปลายยุค 70's โน่นแหละครับ ส่วนคนอื่นๆ ก็หน้าเดิมๆ ทั้งนั้น Doyle Bramhall II (กีตาร์) Billy Preston (แฮมมอนด์ ออร์แกน) Nathan East (เบส) Steve Gadd (กลอง) มั่นใจได้ในมาตราฐานครับ โปรดิวซ์เซอร์ก็ยังเป็น Simon Climie โปรดิวซ์ร่วมกับแคลปตันเหมือนเดิมครับ
สำหรับแฟนๆ ของแคลปตันในต่างประเทศดูจะชื่นชมดีวีดีชุดนี้เป็นอย่างมาก บางคนถึงบอกว่ามันดีกว่า From The Cradle เสียอีก คุณภาพโดยรวมของงานดูเหนือกว่าสตูดิโออัลบั้ม Me And Mr. Johnson สำหรับแฟนของแคลปตันถ้าหากมี Me And Mr.Johnson อยู่แล้ว ดีวีดีนี้ก็เป็นอีกชุดนึงที่ผมบอกได้ว่าถ้าซื้อไปแล้วจะไม่เสียดายตังค์ครับ ส่วนผู้ที่สนใจ แต่ยังไม่ได้ซื้อ และกำลังตัดสินใจว่าจะซื้ออันไหนดีระหว่าง Me And Mr. Johnson กับดีวีดีชุดนี้ ดีวีดีชุดนี้ดูจะเป็นทางเลือกที่เหนือกว่าสำหรับคุณครับ แต่สำหรับแฟนเพลงขาจร ที่หลงไหลแคลปตันเฉพาะกับเพลงอย่าง Tears In Heaven หรือ Wonderful Tonight ก็คงต้องมองผ่านไปก่อนล่ะครับ เพราะมันอาจจะบลูส์หนักเกินไปหน่อย 4 ดาวครับ
Create Date : 19 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 19 ตุลาคม 2548 15:40:28 น. |
|
2 comments
|
Counter : 507 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: บูมเมอร์ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2548 เวลา:22:19:52 น. |
|
|
|
โดย: สาหร่าย (แร้ไฟ ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:25:19 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ผมชอบดีวีดีมากกว่าในหลายๆแง่ครับ อย่างน้อยก็มีโอกาสได้เห็นสไตล์การเล่นอคูสติคบลูส์ของเอริค แคล็ปตัน (เป็นรองก็แต่ใน Unplugged เท่านั้นเอง ) รวมทั้งบทสัมภาษณ์หลายๆตอนที่น่าสนใจครับ
เอาไว้พรุ่งนี้จะเข้ามาคุยด้วยต่อนะครับ บังเอิญต้องขับรถทางไกล ขอตัวไปนอนก่อน
ราตรีสวัสดิ์ครับ