|
|
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเยอรมนีสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เกินความต้องการใช้ ถึง 321 เปอร์เซ็นต์ แถมยังสร้างรายได้จากการขายพลังงานหมุนเวียนเข้าระบบถึงปีละ 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไม่นานมานี้ทั่วโลกก็ต้องฮือฮากับคำประกาศของรัฐบาลเยอรมันที่มีแผนจะปิด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดในประเทศ พร้อมกับการเดินหน้าสร้างสายส่งไฟฟ้ากว่า 2,800 ไมล์เพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียน แต่สำหรับหมู่บ้านเกษตรแห่งหนึ่งที่ชื่อ Wildpoldsried ในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ก็ได้ก้าวไปข้างหน้าก่อนแล้ว ด้วยการผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองจนเหลือขาย สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับชุมชน
เรื่องราวอันน่าทึ่งของหมู่บ้านแห่งนี้ เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1997 เมื่อนายกเทศมนตรีและสภาหมู่บ้านชุดใหม่ได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งมาพร้อมกับนโยบายพัฒนาว่า จะสร้างอุตสาหกรรมใหม่ รักษาอำนาจการบริหารท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับชุมชน และไม่ก่อหนี้
ในปี ค.ศ. 1999 สภาหมู่บ้านได้ออกแถลงการณ์พันธกิจ WIR 2020 (Wildpoldsried Innovativ Richtungsweisend) ซึ่งกลายมาเป็นพิมพ์เขียวในการพัฒนาชุมชน โดยเน้นให้ความสำคัญกับ 3 แนวทาง ได้แก่ 1) พลังงานหมุนเวียนและการประหยัดพลังงาน 2) การก่อสร้างอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3) การป้องกันน้ำท่วมและการบำบัดน้ำเสีย
แม้นี่ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่หมู่บ้านนิยมในนโยบาย เพราะ 14 ปีต่อมา หรือในปีปัจจุบัน ที่นี่มีอาคารสาธารณะใหม่ 9 แห่งที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ อาทิ โรงเรียน โรงยิม หอประชุม มีการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพไปแล้ว 4 แห่ง และกำลังสร้างโรงที่ 5 มีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม 7 แห่ง และกำลังจะสร้างเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 2 แห่ง แถมแต่ละบ้านกว่า 190 หลังคาเรือน ต่างก็ติดตั้งแผงผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ของตนเอง นอกจากนี้ ยังมีการใช้ประโยชน์จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก 3 โรง รวมถึงการควบคุมน้ำท่วมและบำบัดน้ำเสียด้วยบึงน้ำธรรมชาติ
หมู่บ้านแห่งนี้มีประชากรราว 2,600 คน ผลิตพลังงานได้เกินความต้องการใช้ถึง 321 เปอร์เซ็นต์ สร้างรายได้จากการขายพลังงานเข้าระบบ 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เกิดการจ้างงานและธุรกิจขนาดเล็กด้านพลังงานหมุนเวียนจำนวนมากในท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการลงทุนจากภายในชุมชน โดยมีชาวบ้านถือหุ้นอยู่ด้วย
Wendelin Einsiedler ชาวบ้านคนหนึ่งเล่าว่า ในตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าวิสัยทัศน์ดังกล่าวจะเป็นจริงได้หรือไม่ แต่ก็เริ่มต้นพูดคุยกับเพื่อนๆ และบ้านใกล้เรือนเคียงถึงทิศทางการพัฒนาของชุมชน หลังจากนั้นได้รวมตัวกันตั้งบริษัท EW Wind Energy GmbH Hutoi ในปี 1999 สร้างกังหันลม 2 ตัว ผลิตพลังงาน 3.5 เมกะวัตต์ชั่วโมง
ต่อมาในปี 2001 ก็เกิดบริษัทผลิตพลังงานจากกังหันลมรายที่สองขึ้น ซึ่งประกอบด้วยผู้ถือหุ้น 94 ราย ลงขันกันตั้งแต่ 5,000 ยูโร จนถึง 25,000 ยูโร และใช้เงินกู้ยืมอีกบางส่วน โรงไฟฟ้าแห่งนี้ผลิตไฟฟ้าได้ 4.5 เมกะวัตต์ชั่วโมง เช่นเดียวกันกับที่มีการลงทุนด้านพลังานหมุนเวียนอื่นๆ ทยอยตามมามากมายดังที่ปรากฏ
ปี 2010 พบว่าหมู่บ้าน Wildpoldsried สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงได้ 65 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะแตะที่ตัวเลข 125 เปอร์เซ็นต์ได้ในปี 2012 ขณะที่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศเยอรมนีอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2020 อย่างไรก็ดี หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงต้องพึ่งพาการใช้น้ำมันอยู่บ้างเพื่อเป็นเชื้อเพลิงใน ระบบทำความร้อน แต่ก็มีการนำพลังงานความร้อนจากการเผาไหม้ก๊าซชีวภาพมาทดแทนบางส่วน ทำให้มีการใช้น้ำมันเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้สูงเท่านั้น โดยในส่วนนี้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ 443,550 กิโลกรัมต่อปี
Arno Zengerle นายกเทศมนตรี กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากแรงผลักของด้านใดด้านหนึ่ง แต่เบื้องหลังมาจากความร่วมมือกันของสภาหมู่บ้านและคนในชุมชน
ความสำเร็จจากการพลิกโฉมหน้าหมู่บ้านเกษตรธรรมดาๆ สู่ชุมชนที่มีพลังงานหมุนเวียนระดับแถวหน้าของประเทศ ทำให้ได้รับรางวัลมากมายทางด้านการอนุรักษ์พลังงานและการพิทักษ์ชั้น บรรยากาศทั้งจากในประเทศและในระดับนานาชาติ กลายเป็นหมู่บ้านต้นแบบให้กับสภาหมู่บ้านอื่นๆ มาดูงาน แล้วยิ่งภายหลังจากเหตุการณ์อุบัติภัยของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะที่ประเทศญี่ปุ่น เรื่องราวของหมู่บ้านแห่งนี้ก็กลายเป็นที่จับจ้องมากขึ้น
"พวกเราแสดงให้เห็นถึงต้นแบบที่ดี ซึ่งหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างก็ให้ผลตอบแทนกลับมาในทันที" นายกเทศมนตรีกล่าว
//www.greenworld.or.th/
| |
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [