Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
24 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
เปลือกผลไม้ ไม่ไร้ค่า






เคยบ้างไหม หลายๆ ต่อหลายครั้งเวลาที่เรารับประทานผลไม้แล้วนึกเสียดายเปลือก แหม..ก็เป็นออกบ่อยไป จะกินก็กินไม่ได้ ครั้นจะทิ้งก็กลับนึกเสียดายซะงั้น วันนี้เลยมีข้อแนะนำดีๆ เกี่ยวกับเปลือกผลไม้ที่คิดว่าไร้ค่ามาฝากกันค่ะ 

                         ในบ้านเรามีผลไม้หลากหลายชนิด ที่เราไม่สามารถหรืออาจจะไม่นิยมกินเปลือก อาทิเช่น ส้ม สับปะรด กล้วย หรือแม้แต่ทุเรียน (อันนี้ใครกินได้ทั้งเปลือกขอคาราวะ) อันที่จริง ใช่ว่ากินไม่ได้แล้วจะหมดประโยชน์เลยซะทีเดียวนะคะ อีกทั้งในปัจจุบันข้าวของ อาหาร การกินทุกอย่างล้วนราคาแพง เพราะฉะนั้นเราจึงควรใช้ทุกสิ่งทุกอย่างให้คุ้มค่าที่สุด จะเรียกว่า "งก" ว่า "ขี้เหนียว" คงไม่ได้หรอกนะคะ แต่เราควรจะหาประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ให้มากที่สุดเท่านั้นเองค่ะ ดังนั้นหากเราจะไม่ทิ้งเปลือกผลไม้เหล่านี้แล้ว ลองมาดูกันดีกว่าเราจะสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง เริ่มจาก


                                


เปลือกกล้วย
มีคุณสมบัติทำให้ผิวชุ่มชื่น เพียงคุณใช้เปลือกกล้วยล้างน้ำให้สะอาดแล้วใช้ถูกับมือ ข้อเท้า ขา หรือใบหน้าก็ได้ นอกจากจะทำให้ผิวชุ่มชื่นไม่แห้งกร้านแล้วยังทำให้ผิวนุ่ม นอกจากนั้นเปลือกล้วยน้ำว้ายังสามารถใช้แทนน้ำยาขัดรองเท้าได้อีกด้วย


                              


เปลือกทุเรียน
เวลาที่กินทุเรียนแล้วไม่รู้จะเอาเปลือกไปไว้ไหน ขอแนะนำให้คุณเอาไปตากให้แห้งใช้เป็นเชื้อเพลิงแทนถ่านไม้ได้ หรือเวลาที่คุณกินทุเรียนแล้วเกิดอาการร้อนใน ขอแนะนำให้ลองดื่มน้ำที่รินใส่เปลือกทุเรียนผสมกับเกลือเล็กน้อย อาการก็จะบรรเทา ยิ่งไปกว่านั้นน้ำที่ใส่ในเปลือกทุเรียนหากเอามาล้างมือล้างปากก็สามารถแก้กลิ่นทุเรียนที่ติดอยู่ได้อีกด้วย


                                         

 


เปลือกส้มโอ
นอกจากจะเอาไปทำส้มโอเชื่อมและยาดมส้มโอมือแล้ว เปลือกส้มโอยังสามารถใช้ขัดภาชนะที่ทำจากอะลูมิเนียมให้มีความใสและมันวาวได้อีกด้วย เพียงนำเปลือกส้มโอมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในน้ำเดือดประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะนำเปลือกส้มโอที่ต้มแล้วมาขัดถูภาชนะพร้อมกับสบู่ แค่นี้เครื่องครัวของคุณก็จะแวววาวสดใสโดยไม่ต้องเปลืองตังค์ไปซื้อน้ำยาราคาแพง


                                        


เปลือกสับปะรด 
สามารถนำมาใช้กับภาชนะทองเหลืองได้เพียงเอาภาชนะพวกทองเหลืองหรือเครื่องเงินลงแช่ในน้ำใส่เปลือกสับปะรดลงไปให้มิดทิ้งไว้สักหนึ่งคืนก่อนที่จะนำมาล้างให้สะอาดด้วยน้ำธรรมดา เครื่องเงินและทองเหลืองของคุณก็จะสดใสงามราวกับของใหม่


                                                   


เปลือกส้ม
บ้านใครมียุงชุมก็ขอแนะนำให้ใช้ เปลือกส้ม กำจัดยุง หลังจากที่กินส้มเขียวหวานเรียบร้อยแล้ว เปลือกส้มเขียวหวานอย่าทิ้ง นำไปตากให้แห้งสักแดดสองแดด นำมาสุมไฟไล่ยุงได้เป็นอย่างดีไม่มีสารตกค้าง


ในส่วนของนักวิจัย จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ทำวิจัยไว้ว่า


                                                                   


เปลือกแอปเปิ้ล


เชื่อว่ามีผลในการต่อต้านมะเร็ง ตามที่นักวิจัยพบว่าเปลือกของแอปเปิ้ลแดงผลหนึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่าวิตามินซี 820 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ได้จากน้ำส้มคั้นถึง ควอตช์ เลยทีเดียว


                                                                 



เปลือกมันฝรั่ง อุดมไปด้วยใยอาหาร (fiber) ธาตุเหล็ก โปแตสเซียม และวิตามินบี มากกว่าที่ได้จากเนื้อมันเสียอีก เมื่อเทียบปริมาณเท่า ๆ กันแล้ว


                             


ผิวส้ม มะนาว หรือมะกรูด มีสาร ดี-ไลโมนีน (เป็นน้ำมันหอมระเหยชนิดหนึ่ง) เทอปีน เฮสเพอริดีน (ยาป้องกันการตกเลือดโดยลดความเปราะของเส้นเลือด) คูมาริน (สารต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย) และแคโรทีนอยด์ (สารสีเหลืองช่วยต้านอนุมูลอิสระ) ซึ่งดีต่อสุขภาพ


แหม ... เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ต่อไปเวลารับประทานผลไม้ ก็อย่าทิ้งเปลือกให้ไร้ค่า เก็บกลับมาใช้ประโยชน์ได้ตั้งเยอะแหนะ แถมยังช่วยประหยัดอีกต่างหาก แต่ขอแนะนำเพิ่มเติมนิดนึงว่า สำหรับเปลือกทุเรียนนั้นเค้าไม่ได้มีไว้ใช้ทำร้ายกันนะค่ะ อย่าเอาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน


 


ที่มา : เดลินิวส์, Living Healthy                                                                      








Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2555 16:51:07 น. 0 comments
Counter : 2291 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เอ็กซ์ซ่า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




Friends' blogs
[Add เอ็กซ์ซ่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.