ถนนสายนี้มีตะพาบโครงการที่ 60 "มุม"
ตะพาบครั้งที่ 60 มุม โจทย์จากน้องเป็ดสวรรค์ ให้เขียนถึงเรื่อง"มุม"
แต่เป็นมุมที่เปลี่ยนไปจากเดิม
อยากให้เขียนถึงอะไรก็ได้ ที่ทำให้มุมมองในการมองโลก
หรือมองสิ่งเดิมๆ เปลี่ยนไปจากเดิม
จะว่าเป็นจุดเปลี่ยน ก็คงไม่ผิด จะว่าเป็นแรงบันดาลใจ ก็น่าจะไม่ผิดนัก
ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า "เปลี่ยนมุมมองเพื่อปล่อยวาง"
เปลี่ยนมุมมองเพื่อปล่อยวาง
เส้นทางชีวิตสำหรับใครบางคนคงเหมือนเส้นทางรถไฟ
ที่เดินไปตามรางที่มีคนทำไว้ให้เรียบร้อยถึงปลายทาง
แต่สำหรับบางคนอาจเหมือนเส้นทางขรุขระทุรกันดาร
ที่เดินไปได้แสนยากลำบากยิ่ง เป็นทางเดินดินโคลน ลูกรัง
หินทราย ที่มีแต่หลุมและบ่อเป็นอุปสรรคขวางกั้น
หรืออาจเป็นทางขาดหุบเหวลึกที่ต้องไต่ตามลงไปด้วยเชือกก็เป็นไปได้
สำหรับใครบางคนการใช้ชีวิตช่างง่ายดายเหลือเกิน
อาจเป็นเพราะบุญเก่าติดตัวมาทำให้เกิดในครอบครัวฐานะดี
หน้าตาดี สุขภาพแข็งแรง ทำให้มีพ่อแม่ญาติพี่น้อง
ช่วยเหลือปูทางชีวิตให้ไม่ต้องยากลำบากมากนัก
แต่สำหรับใครบางคน ชีวิตช่างลำบากยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน
เกิดมาเป็นเด็กสลัม พ่อแม่ไร้การศึกษา ยากจน สุขภาพไม่แข็งแรง
กว่าจะหาข้าวกินได้แต่ละมื้อ กว่าจะได้เรียน กว่าจะได้ทำงาน
กว่าจะได้วิชาความรู้มาทำมาหากินต้องแลกกับการทำงานหนักหลายสิบปี
แถมยังต้องมีภาระคอยดูแลพ่อแม่พี่น้องครอบครัวที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่
ได้อีก เหมือนรถคันน้อยๆที่ใส่สัมภาระจนหนักอึ้ง
บรรทุกทั้งคนทั้งของจนแน่น วิ่งแทบไม่ไหวกันเลยทีเดียว
ดูเหมือนว่าทางรถไฟอาจไปได้ไกลกว่าทางขรุขระแต่ถ้ารถไฟไม่มีรางจะไป
ต่อไปได้อย่างไร? เปรียบเสมือน
ในวันที่ไม่มีใครนำทางเราจะฝ่าปัญหาชีวิตของเราไปได้อย่างไร?
อะไรคือความแตกต่างกันในคนสองพวกนี้?
มีคนกล่าวว่า
ในโชคร้ายย่อมมีโชคดีแฝงอยู่ และในโชคดีย่อมมีโชคร้ายปนมาด้วยในโชคร้ายใหญ่หลวงแฝงโชคดีอย่างมหาศาลมาด้วย
ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือประสบการณ์ในการแก้ปัญหาชีวิตนั่นเอง
ที่สำคัญที่สุดก็คือการเปลี่ยนวิธีคิดหรือมุมมองต่อชีวิต
เพื่อประคองชีวิตฝ่าทางอันยากลำบากหรือพาชีวิตออกจากทางตันให้ได้
ถ้าคุณไม่เคยลำบากคุณจะไม่อดทน
ถ้าคุณไม่เคยอดคุณก็จะไม่ขวนขวายในการเก็บออม
ถ้าคุณไม่เคยรู้คุณค่าของเวลา คุณก็จะไม่ขยัน
ถ้าคุณไม่เคยเจ็บป่วย คุณก็จะไม่รู้วิธีดูแลสุขภาพตัวเอง
และถ้าคุณไม่เคยถึงทางตัน คุณจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความคิด
จากปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตเหมือนซึนามิหลายสิบลูก
คุณรู้ว่า... ทุกครั้งที่มีปัญหา คุณก็ต้องแก้ไขให้ได้
ถ้าคุณมีคนที่คุณรัก คุณจะต้องไม่ยอมล้มง่ายๆ
คุณจะมีกำลังใจ จะทำทุกอย่างที่จะผ่านอุปสรรคนั้นไปให้ได้
แม้จะต้องสูญเสียความคิด ทิฏฐิมานะ รวมทั้งนิสัยความเคยชินแย่ๆออกไป
เมื่อคุณผ่านมันไปได้
มุมมองต่อปัญหาและต่อชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไป
ทุกปัญญาคือความท้าทายมากกว่าเป็นอุปสรรคที่ต้องยอมแพ้
คุณจะพบว่าปัญหายากๆนั้นต้องอาศัยการเปลี่ยนมุมมอง
และแก้ไขให้ตรงจุดด้วยความรอบคอบเป็นที่สุด
ปัญหาทุกอย่างก็ล้วนมีทางออกของมันเองทั้งนั้น
เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็ว ยากหรือง่าย
เวลาจะช่วยเปลี่ยนปัญหาใหญ่ที่เกิดกับเราอย่างรุนแรง
ให้เป็นสิ่งที่เราพอจะยอมรับได้ และกลายเป็นความเคยชินในที่สุด
เมื่อคุณผ่านบททดสอบสองบทใหญ่ได้แล้วคือ
เรื่องการมีอาชีพ เพื่อหาปัจจัยในการดำรงชีวิตให้อยู่รอด
และการช่วยเหลือตัวเองและญาติพี่น้องไปได้แล้ว
ก็จะไปถึงบททดสอบใหญ่ในชีวิตบทสำคัญที่ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต
เพื่อจะผ่านมันไปให้ได้บททดสอบนั้นก็คือ
ทำอย่างไรจึงจะปล่อยวางเงินทองทรัพย์สินภาระความรับผิดชอบต่างๆ
ที่เราหามาด้วยความยากลำบากเหล่านี้ลงเพื่อให้เรามีเวลากับตัวเองมากขึ้น
รวมทั้งทำอย่างไรเราจึงจะปล่อยวางความยึดติดในความคิด
อัตตามานะทิฎฐิ ที่เหมือนเนื้องอกที่เติบโตขึ้นตามวัยของเราให้ได้
เพราะไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนแปลง
ความพลัดพรากกำลังรอเราอยู่
ความเจ็บ ความป่วย ความตาย
ความคิด ค่านิยม สังคมวัฒนธรรมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เราต้องปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงให้ทัน
สังคมที่เจริญทางวัตถุ จิตใจกลับต่ำลง
สังคมที่มีแต่ความแตกแยก
ถ้าเราไม่เข้าใจและปล่อยวาง ใจที่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆจะไม่มีความสุข
ทำอย่างไรเราจึงจะผ่านมันไปได้โดยไม่ทุกข์ หรือทุกข์น้อยที่สุด?
ทำอย่างไรเราจึงจะพาตัวเองไปได้ก่อนและค่อยแนะนำ
พ่อแม่พี่น้องครอบครัวเรา ให้ก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้ด้วย?
เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยเราได้ เราต้องนำหน้าไปก่อน
แล้วจึงจะแนะนำคนอื่นๆให้ทำตามได้
ในฐานะชาวพุทธเราโชคดีที่มีคำสอนนี้อย่างครบถ้วน
คำสอนของศาสดา ท่านสอนชัดเจนใน
เรื่องการฝึกให้มีสติสมาธิ เรียนรู้ความคิดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะจิต
ปล่อยวางความยึดติดในร่างกายและจิตใจที่คิดว่าเป็นตัวเรา
รวมทั้งปล่อยวางความคิดหมกมุ่นของเราให้เป็นอิสระ
อิสระแท้อยู่ในใจของเรานี่เอง
เหลือเพียงรอให้เราเข้าไปเดินให้สุดทางที่วางไว้แค่นั้นเอง
ถ้าเราไม่เดินก้าวไปก่อนให้เขาเห็นและเป็นตัวอย่างให้ดู
เราก็ไม่สามารถพาคนอื่นไปได้นี่คือสัจธรรม
มีเรื่องเล่าเบาๆๆให้อ่านกันเพื่อฝึกการปล่อยวางกันสักเล็กน้อย
ตามโจทย์ที่ตั้งไว้ ^^
วันหนึ่งอวัยวะในร่างกายเกิด คือตากับตีนเกิดทะเลาะกันขึ้นมา
ตีน: ข้าว่าตาหน่ะอาเปรียบ ข้าทำงานแทบตายเพื่อพาตัวอันแสนหนัก
ไปไหนต่อไหน ตากับสบายอยู่บนใบหน้าไม่เมื่อยไม่ลำบาก
ไม่ต้องอบในรองเท้าเหม็นๆ ไม่ต้องเปื้อนดินเปื้อนฝุ่น
วันๆก็เอาแต่เหล่สาว เหม่อลอยเดินเตะเก้าอี้ เตะโต๊ะ
ทำให้ตีนอย่างข้าเจ็บปวดเป็นประจำ"
ตา:พูดกันดีๆหน่อยนะ ข้าก็ทำหน้าที่ของข้าตลอด ข้าทำหน้าที่มองทางให้ตัวกับตีนจะได้เดินไปถูกทาง
ถ้าไม่มีข้าตีนอย่างแกก็เดินไปไม่ถูกทางแน่นอน
ตีน:ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ถ้าขาดเจ้า
ตา:เอ้า ลองดูก็ได้ข้าจะหลับตา ดูซิแกจะเดินได้หรือเปล่า ตาหลับตาปี๋ไม่
ยอมมองทางข้างหน้าเลย
ตีน:นี่ไง ข้าเดินได้สบายไม่เห็นเป็นยังไงเลย ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวๆ
ตาตกใจกลัวแต่ก็ข่มใจเอาไว้ ไม่ยอมลืมมามองทาง เพราะกลัวเสียฟอร์ม
สักครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงตะโกนลั่นทุ่ง
"ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย"เสียงดังนั้นค่อยๆหายลับไป
ตัวพลัดตกลงไปในหุบเหวลึก ตายทั้งตัว ตาและตีน
แน่นิ่งหมดปัญหาไปเลยโดยไม่มีใครชนะ
มีแต่ตัวที่ตายไปพร้อมๆกับความขัดแย้งของตาและตีน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอวัยวะก็เหมือนคนในสังคม สังคมตอนนี้เหมือนการเชียร์บอลในทีวี หรือข้างสนามแข่ง
ที่แบ่งคนเชียร์ทั้งสองข้างตามความรักความชอบตามข้อมูลที่ได้รับกันมา
เพื่อเกิดความสนุกในการชมการแข่งขัน
แต่ที่ไม่เหมือนบอลที่เป็นเพียงกีฬามีแพ้ มีชนะแค่นั้นก็คือ
"ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมผูกใจเจ็บ"
และที่เสียมากที่สุดคือประเทศชาติของเราเพราะแตกความสามัคคี
จะทำอะไรดีๆก็มีแต่ขัดแย้งกันเรื่อยไป สมดังคำกลอนเตือนสติที่แต่งไว้นานแล้วว่า
ชาติใดไร้รักสมัครสมาน
จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
แม้ชาติย่อยยับอับจน
บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร
ฝากนิทานและกลอนไว้เป็นแง่คิดเพื่อการเรียนรู้เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้วยใจที่ปล่อยวางความขัดแย้งไว้ในหัวข้อมุมนี้ด้วยนะครับ ^^
เรื่องและภาพประกอบ วนารักษ์
ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านและช่วยแสดงความคิดเห็น
ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกที่น่ารักทุกๆคน
ขอบคุณน้องรินที่ช่วยมาเตือนไม่งั้นไม่ทันส่งงานแน่ๆ
ขอบคุณน้องเป็ดสำหรับกระทู้สร้างสรรค์ครั้งนี้ ^^
Create Date : 17 กรกฎาคม 2555 |
|
100 comments |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2555 15:30:46 น. |
Counter : 3573 Pageviews. |
|
|
|
ได้เจิมหรือป่าวเนี่ย
เป็นตะพาบที่คลอดก่อนกำหนดตัวที่สองมั้ง (รองจากน้องอุ๊)
ชอบตากับตีนแฮะ ทะเลากันอยู่ได้ สุดท้ายตกเหวตาย วายชีวา 555