ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 100 ฉลอง
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 100 ฉลอง
โจทย์โดยคุณต่อ บล็อกการ์ตูนยอดนิยมตลอดกาลของเรานี่เอง
ขอให้ชื่อตอนนี้ว่า "แง่คิดจากงานฉลอง"
แง่คิดจากงานฉลอง

และแล้วงานตะพาบก็มาถึงครั้งที่ 100 ถ้วน
ถ้านับเวลาก็นานประมาณสี่ปีเลยเชียวนะครับ
น่าจะมีการจัดงานฉลองใหญ่กันสักที
แต่เนื่องจากทางทีมงานบล็อกแก๊งค์เองก็เหมือนจะทราบเป็นนัยๆอยู่ก่อนแล้ว
ว่างานตะพาบเราจะแตะหลักร้อยในครั้งนี้
ก็เลยชิงจัดงานประกาศผลการมอบรางวัลมอบสายสะพายงานตะพาบ
เอ๊ย ไม่ใช่งานมอบสายสะพายบล็อกแก๊งค์ ในวันรุ่งขึ้น
คือวันที่ 1 มีนาคมนี้แทน นี่ผมแอบเหมาเอาเองคนเดียวนะครับอย่าคิดว่าเป็นเรื่องจริงแต่ประการใด
แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่จะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงาน
เพราะเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบสิบปี
ตั้งแต่เริ่มมีบล็อกแก๊งค์เริ่มขึ้นมาบนโลกไซเบอร์
แล้วก็จะดีใจที่จะได้เจอเพื่อนๆหลายๆคนแบบตัวเป็นๆสดๆดิ้นได้อีกด้วย ^^

ในชีวิตของเรานั้นคำว่าฉลองก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ตั้งแต่ฉลองถูกหวย ฉลองได้สองขั้น ฉลองได้โบนัส
ฉลองภรรยาตั้งท้อง ฉลองคลอดลูก ฉลองโกนจุก
ฉลองฝังลูกนิมิตร ฉลองรับตำแหน่ง ฉลองปีใหม่
ฉลองขึ้นบ้านใหม่ ฉลองรถใหม่ ฉลองเปิดกิจการขยายสาขา
ฉลองเปลี่ยนงานใหม่ ฉลองถูกไล่ออก
แต่สองอันนี้คงไม่มีใครอยากฉลองนะครับ แฮะๆ ^^

อันที่จริงงานฉลองก็ถือเป็นงานรื่นเริง กระชับมิตรในหมู่คณะ
สร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ร่วมงานรวมถึงญาติพี่น้อง
อย่างน้อยก็ต้องมีการกินเลี้ยงมีกิจกรรมสนุกสนานเฮฮา
ปลดปล่อยความเครียดจากงานกันบ้างไม่มากก็น้อย
โดยมีเจ้าภาพหรือฝ่ายเจ้าของงานเป็นผู้จัด
แต่มีอยู่เพียงงานเดียวที่เจ้าภาพงานไม่มีโอกาสได้จัด
พอจะเดากันออกไหมครับ อิอิ
แหะๆงานใหญ่สุดท้ายของชีวิตไงครับ นอนเฉยๆไม่ต้องทำอะไรเลย ^^

ชีวิตย่อมมีช่วงวัยต่างๆเปลี่ยนแปลงไปตามอายุและความรับผิดชอบ
งานฉลองสำคัญจริงๆในชีวิตถ้าว่ากันไปแล้วมีไม่มากนัก
เช่นงานฉลองจบการศึกษา
ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีเริ่มจัดงานฉลองให้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลเลยทีเดียวนะครับ
เห็นน้องหนูๆอายุ5-6 ขวบใส่ชุดครุยกันน่ารักจริงๆ
ท้ายสุดของการฉลองการศึกษาโดยทั่วไป
ก็คือฉลองงานตอนจบรับปริญญาตรี
ต่อมาก็คืองานฉลองงานบวช ตามด้วยงานเบียด เอ๊ย ฉลองงานแต่งงาน
ถ้าจะมีต่อจากนั้นก็คงเป็นการร่วมงานของรุ่นลูก รุ่นหลานเสียมากกว่า

โบราณท่านว่าในงานสำคัญๆที่เขียนเล่าข้างต้นนี้
ท่านให้ระวังตัวให้มากที่สุด
เพราะว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของชีวิต
มักจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าเวลาปกติธรรมดาทั่วๆไป

ที่ รพ.ที่ผมอยู่ ลูกชายของพี่พยาบาลเรียนจบนายร้อย
กำลังจะถึงงานพิธีพระราชทานกระบี่ประดับยศจบการศึกษา
ก่อนถึงวันงานสักหนึ่งอาทิตย์ ก็นัดกันไปฉลองที่บ้านเพื่อน
ขากลับรถตกหลุมลูกชายที่นั่งอยู่ในกระบะท้าย
ตกรถลงมาคอหักตายคาที่เพียงคนเดียว
พ่อแม่เสียใจแทบทำใจไม่ได้เลยทีเดียว

หนุ่มสาวกำลังจะแต่งงานกัน ชายหนุ่มขับรถกำลังจะไปเข้าร่วมพิธี
แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน เจ้าบ่าวเสียชีวิตตายคาที่

ในทุกๆงานที่มีความรื่นเริงก็มักแฝงไว้ด้วยความประมาท
ที่สำคัญก็คือการดื่มสุรา และเล่นการพนันในงานเลี้ยงฉลอง
ทำให้เกิดกรณีทะเลาะวิวาทชกต่อย ตีรันฟันแทงกันก็มีให้เห็นกันบ่อยๆ

แต่พระท่านว่ามีงานหนึ่งที่ไม่ค่อยจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นเลย
ก็คืองานศพ
เพราะทุกคนจะได้พบสัจธรรมชีวิตประการหนึ่งก็คือ
สักวันหนึ่งเราก็ต้องไปสู่จุดนี้กันทุกคน
เหลือไว้แต่คุณงามความดีในใจของคนรอบข้าง ไว้ให้ระลึกถึงกันเท่านั้น
ทรัพย์สินเงินทองไม่มีใครเอาติดตัวไปได้แม้แต่สตางค์แดงเดียว

ท่านว.วชิรเมธี ท่านเขียนไว้ว่า
"ขอบคุณความตายที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ"
ข้อความนี้คงไม่อาจปฏิเสธได้เลยนะครับ
และ"ขอบคุณที่มีความไม่แน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ที่ทำให้เรายังประมาทในการใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข"
อันนี้ผมพูดเองนะครับ
เพราะถ้าขืนรู้วันตายขึ้นมาจริงๆ ชีวิตเราคงจะเครียดขึ้นอีกเยอะ
และการไม่รู้ก็ทำให้เราต้องมีสติไม่ประมาท
ในทุกๆการกระทำของเราอีกด้วย เพราะไม่แน่ว่าจะถึงคราวเราเมื่อไหร่
นี่คือแง่ดีของการที่ชิวิตมี "ความไม่แน่นอน"
ที่ผมคิดขึ้นมาเพื่อมาปลอบใจตัวเอง

ผมได้ยินผู้ใหญ่ที่นับถือกันท่านเล่าให้ฟังว่า
ตอนหนุ่มๆท่านชอบนั่งหลังสุดของงานสวดศพ
เพื่อจะได้คุยกับคนที่มาด้วยกัน เข้าและออกจากงานได้สะดวก
เวลาผ่านไปเขาก็เชิญให้ไปนั่งเป็นแขกที่โต๊ะแถวหน้าๆตามอาวุโส

ตอนหลังก็เริ่มต้องไปเป็นประธานจุดธูปเทียนถวายพระรัตนตรัย
และไปถวายซองเป็นเจ้าภาพในงานศพ
พี่เขาเล่าพร้อมหัวเราะว่า
อีกไม่นานก็คงจะไปนอนเป็นเจ้าภาพในงานแทนแน่ๆ
ผมฟังแล้วก็ขำกับมุกตลกของรุ่นพี่อารมณ์ดีคนนี้
ที่มักมีเรื่องสนุกๆมาให้ฟังเสมอ แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรมากนัก

ผ่านมาหลายปีตอนนี้
เวลาไปงานศพ เหลียวซ้ายแลขวาก็เริ่มไม่เห็นใคร
แล้วก็ต้องนั่งขยับไปข้างหน้าใกล้พระที่มาสวดศพเข้าไปทุกทีแล้ว
เพราะคนข้างหน้าทยอยไปกันหมดแล้ว
นึกถึงคำที่พี่พูดไว้ขึ้นมาได้
คิดแล้วก็หนาวเหมือนกันนะครับ 5555+++ ^^

เราอาจดีใจที่ไปร่วมงานฉลองในความสุขความสำเร็จของเจ้าภาพ
ของหน่วยงาน หรือแม้ความสำเร็จในชีวิตของเราเอง
แต่เราจะมีความสุขที่สุดที่ได้เห็นชีวิตของเราดีขึ้น
แก้ไขความผิดพลาดในชีวิตของเราได้สักเรื่องหนึ่ง
ได้ช่วยเหลือคนอื่นที่ลำบากเดือดร้อน ได้ทำบุญทำกุศล
หรือปล่อยวางความยึดติดในกิเลสหรือเรื่องร้ายๆออกไปจากใจเรา
เป็นการฉลองแบบเงียบๆในใจของเราเอง
แบบที่ไม่ต้องจัดงาน ไม่ต้องเสียเงินทองแต่อย่างใด
แถมยังทำให้เรายิ้มได้อย่างภูมิใจอยู่ได้ทุกๆวันด้วย
อย่าลืมฉลองความดีในใจของตัวเราเองกันบ้างนะครับ ^^

เรื่องและภาพประกอบ วนารักษ์



ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน
และเป็นกำลังใจให้จขบ.เสมอมา
ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกทุกๆคนที่ยังไม่ลืมกัน
แม้ว่าช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้าไปทักทายเหมือนก่อนเนื่องจากมีงานมากขึ้น
ขอบคุณโจทย์ดีๆจากคุณ toor36
ขอบคุณน้องเป็ดสวรรค์ที่จัดงานตะพาบขึ้นทุกครั้ง
ขอบคุณทุกคนที่เขียนงานตะพาบที่ทำให้เราได้มาพบปะ
พูดคุยและมาเป็นเพื่อนกันนะครับ
ขอบคุณที่โลกนี้มีเพื่อนที่ทำให้ชีวิตไม่แห้งแล้งจนเกินไป
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2557 |
|
90 comments |
Last Update : 3 มีนาคม 2557 14:54:37 น. |
Counter : 3151 Pageviews. |
|
 |
|