~* TRIP NO. 19/2010 *~
Namba Nankaidori – Bic Camera – Namba Walk
- Ebisubashi Shopping Street - Shinsaibashi Shopping Street
- Dotombori River Walk - Namba Nan Nan
- Swiss Executive Lounge @ Swissotel Nankai Osaka

Accommodation : Swissotel Nankai Osaka
.
.
.

เช้านี้ ... ตั้งปลุกไว้ 0830 น. แต่ลุกไม่ขึ้นด้วยความเพลีย
เพราะก่อนนอนทุกคืน จะนั่งเขียนสรุปทริปแต่ละวัน
รวมถึงแก้ไข plan การเดินทางของวันรุ่งขึ้นบ้าง

ไหนจะมีเมล์จากเมืองไทย ที่ต้องรีบตอบด่วนอีก
ได้นอนเกินตี 2 บ้านเขาตลอด
><~

จนเวลา 0930 น. ต้องรีบไปทานอาหารเช้า
เพราะเขาจะปิดตอน 1000 น.

ขนาดว่าเป็น Executive Club Lounge แล้วนะ
แต่อาหารไม่หลากหลายและน่าทาน เหมือนบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าบ้านเรา

อย่างตัวพ่อหมีเอง เดินทางไปทั่วเป็นว่าเล่น
ยังบอกเลยว่า อาหารเช้าในโรงแรมของเมืองไทย
อลังการที่สุดแล้ว

โปรแกรมวันนี้ ... *เดินเที่ยว – shopping – ตะลอนชิม*
แถวๆโรงแรมเนี่ยแหละค่ะ

ผ่าน Namba มา 3 วันแล้ว
ยังไม่มีโอกาสได้เดินเที่ยวแถวนี้ แบบจริงๆจังๆเลย

อีกจุดประสงค์หนึ่ง
เราต้องการเก็บบัตร Kansai Thru Pass ไว้ใช้พรุ่งนี้ด้วยค่ะ
((ซื้อมาแบบ 3 วัน ตอนนี้ใช้ไปแล้ว 2 วันค่ะ))

 Note (1) :
บัตร Kansai Thru Pass มีแบบ 2 วันและ 3 วัน
ไม่จำเป็นต้องใช้ต่อเนื่องติดต่อกัน

ก่อนเริ่มต้นโปรแกรมวันนี้
เลยถือโอกาสแวะไป Tourist Information Centre
ในสถานี Namba … เพื่อขอ area map และถามข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลที่เราต้องการ คือ “ร้านขายของเด็กอ่อน” ค่ะ
เท่าที่สอบถามมา เขาบอกว่า ไม่มีร้านแบบ stand alone
ส่วนมาก จะอยู่ในห้าง

ออกจากสถานีรถไฟ Namba มา เริ่มต้นกันที่แยกตรง “ห้าง Marui”
ถ้าเดินเข้าซอยด้านข้างห้าง Marui จะเป็น “ถนน Ebisubashi”
ที่เต็มไปด้วยร้านค้าขายของ เต็ม 2 ข้างทาง

แต่เราเลือกเดินไปอีกเส้นทางข้างๆ
ผ่านทาง starbucks ไป ... ชื่อถนน “Namba Nankaidori”
เพราะต้องการแวะไปห้าง Bic Camera ก่อน


++ on the way @ Namba Nankaidori ++

ตามเส้นทางนี้ ก็ยังเต็มไปด้วยร้านค้า-ร้านอาหาร-ร้านเกมส์
เรียงรายกันเยอะแยะ ทั้งสองข้างทาง
ขนาดออกมาสายแล้ว แต่ร้านค้าก็ยังเปิดไม่มากนัก

  . . .   . . . 



@ BIC CAMERA @
เป้าหมาย คือ ต้องการมาดูอุปกรณ์กล้องถ่ายภาพค่ะ
แต่ราคาไม่ถูกเลย ... แพงกว่าบ้านเรามากกก
><

ขนาดลดได้ 5%
เพราะสามารถทำ Tax Refund for Tourist ได้
ก็ยังแพงกว่าบ้านเรา ... หลักร้อย จนถึงหลายพันบาท

แว่บไปดูของเล่นอีกแป๊ปนึง
เพราะตอนนี้ พ่อหมีร้องงอแง จะซื้อของเล่นให้คุณลูกหมี
((เร็วเกินไปมั๊ยคะ คุณขา ... ยังไม่ทันจะคลอดเลย))
- -*


++ @ Bic Camera ~ ไม่รู้ว่าพ่อหรือลูกที่อยากได้กันแน่ ++

  . . .   . . . 



@ NAMBA WALK @
ห้าง Bic Camera จะอยู่ติดกับทางลง Namba Walk ค่ะ (Exit #21)
เป็น underground shopping
มีทั้งร้านขายเสื้อผ้า/ขายยา/เครื่องสำอางค์

ยังเช้าอยู่ คนยังไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่
แต่กระนั้น ก็ยังอุตส่าห์ได้ Bubble Bath ติดมือมา 1 ชิ้น

กะว่า คืนนี้ก่อนนอน จะขอแช่อ่างน้ำอุ่นๆ คลายเมื่อยสักหน่อย
เดินมาราธอนมาหลายวันแล้ว

จาก Namba Walk เราใช้ Exit #12 โผล่ขึ้นบนดินอีกครั้งค่ะ

  . . .   . . . 



@ EBISUBASHI-SUJI SHOPPING STREET @
กลับขึ้นมาบนดิน
เรามาชนกับถนน Ebisubashi อีกครั้ง
ถ้าเลี้ยวขวาข้ามถนน แล้วเดินตรงไป จะกลับไปยังแยกตรงห้าง Marui อีกครั้ง

แต่เราจะเลี้ยวซ้ายไปค่ะ
เพราะถนนคนเดินเส้นนี้ จะเชื่อมต่อกับแหล่ง shopping อีกแห่ง
คือ “Shinsaibashi”

ที่จุดเชื่อมระหว่าง Ebisubashi และ Shinsaibashi
บริเวณแถวนี้ คือ Dotombori
สังเกตง่ายๆ จะมีร้านที่มีปูตัวใหญ่ แปะเป็นป้ายร้าน

ตอนแรก พ่อหมีตั้งใจชวนเรามากินปูร้านนี้มาก
เพราะอ่านเจอเป็นร้านแนะนำ ในว๊บท่องเที่ยวของญี่ปุ่น
(ร้าน Kanidoraku Honten)



แต่มาดูที่ร้านจริงๆแล้ว
ปูไซส์เล็กกว่าที่คิด เป็น spider crab
ไม่ใช่ Alaska King Crab อย่างที่พ่อหมีต้องการ

พ่อหมีเลยบอกว่า ขนาดเล็กกว่าที่ Busan เยอะเลย
ราคาก็พอๆกัน ไว้จะพาไปกินที่โน่นละกัน

อ้าวววว !! ได้เฮล่ะสิคะ คุณผู้อ่าน
มีคนสัญญาว่าจะพาไปเที่ยวเกาหลีใต้ต่อล่ะ คริ คริ
^O^

เดินตรงไป ข้ามสะพาน Ebisubashi Bridge
หันหลังกลับมา จะเห็นป้าย Glico ขนาดยักษ์

กลายเป็นจุด landmark
ไม่ว่า ใครๆที่ผ่านมา จะต้องถ่ายป้ายนี้เก็บไว้เรื่อย

  . . .   . . . 



@ SHINSAIBASHI SHOPPING STREET @
เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามคลอง Dotombori (Ebisubashi Bridge)
เราจะเข้าสู่ถนน shopping อีกสาย – “Shinsaibashi”

เราก็แวะไปเรื่อย ... ร้านขายเครื่องสำอางค์บ้าง ร้านเกมส์บ้าง
แต่ร้าน 100 เยนที่อยากดู กลับหาไม่เจออ่ะ
T.T


++ แวะหยอดเหรียญ เล่นเกมส์กันสักหน่อย ++

เดินไปจนเจอร้านอาหารน่าสนใจอยู่ร้านนึง
ชื่อ “Ryugu-Tei” อยู่หัวมุมเลย

เขามีบุฟเฟ่ต์ sushi ตอนช่วงเวลา 1100 – 1700 น.
ราคาคนละ 890.- เยน (ไม่รวมเครื่องดื่ม)
ถ้ารวมเครื่องดื่ม คนละ 1,100 เยน

น่าลองมากๆ
แต่ไปยืนดูเมนู เห็นมีแต่ sushi หน้าปลาดิบเยอะเลย
ถ้าไม่ท้องนะ รับรองไม่พลาด


++ ร้าน Sushi Buffet - Ryugu tei++

แต่ช่วงนี้ ทานของดิบเยอะๆ ไม่สู้ค่ะ
เป็นห่วงลูกหมีในท้อง ... เลยต้องจำยอมเดินผ่านเลยไป
T^T

เดินไปเจอร้านเค้กน่ารักๆอีกล่ะ
ชื่อร้าน “Dalloyau” … มีแต่ขนมน่าทานทั้งนั้นเลย
ชอบเค้กรูปหมีมากกกก ... น่ารักจนไม่กล้ากิน


++ เค้กน้องหมี ที่ทำให้เราแอบกรี๊ดดด เพราะความน่ารัก @ Dalloyau ++

แต่พ่อหมีอยากทาน Krispy Kreme ค่ะ
เห็นคนที่เดินสวนมา ถือกล่องเขียวๆ ของ Krispy Kreme มาเรื่อยๆ

แล้วเราก็หาร้านจนเจอค่ะ
แต่ขอโทษเถอะ ... คิวยาวมากกกกก
><

แบบว่า อึ้งไปเลยค่ะ ... ต้องต่อแถวรอกันนอกร้าน
แล้วเขาจะเรียกเข้าไปทีละกลุ่ม
พ่อหมีเลยเปลี่ยนใจ ไม่เอาแล้ว ... ไม่อยากเสียเวลารอ

มาถึงนี่ ... เริ่มเมื่อยขา+ทรมานมาก
เพราะถนนนี้ เป็นเส้นยาว ไม่มีจุดให้แวะนั่งพักเลย

ถ้าจะหาเก้าอี้นั่ง ต้องแวะเข้าไปในห้างใหญ่
แต่เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีเลยค่ะ ... พาว่างปุ๊บ จะมีคนรีบวิ่งมานั่งปั๊บ

ขนาดเราท้องโต
ยังไม่มีใครจะสนใจ เสียสละลุกให้เรานั่งเลย
Y.Y

เลยแวะเข้าห้าง Daimaru ไปดูของใช้เด็กอ่อน
เจอแต่ aprica แต่หา combi ไม่เจอ

สนนราคาสินค้าแต่ละอย่าง แพงจนซื้อไม่ลง
ที่อึ้งที่สุด คือ เบาะนอนสำหรับเด็ก
เจออยู่ชิ้นนึง คิดราคาเป็นเงินไทยหมื่นกว่าบาท !!!!

ยังไงแล้ว บ้านเราก็ยังมีแบบหลากหลายกว่าเยอะ
และราคาถูกกว่ามาก

 Note (2) :
ห้องน้ำตามห้างใหญ่ๆ อำนวยความสะดวกให้คุณแม่ลูกอ่อนดีจังค่ะ
มีห้องแบบใหญ่ๆ สำหรับเข็นรถเข็นเด็กเข้าไปได้

มีทั้งเก้าอี้นั่งเด็ก พร้อมสายรัด
ไว้ให้เด็กนั่งรอ ระหว่างคุณแม่ทำธุระส่วนตัว

ไหนจะมีมุมโถฉี่ พร้อมอ่างล้างมือเตี้ยๆไซส์เด็ก
สำหรับคุณแม่ที่มีลูกชายค่ะ

ถังขยะ – ปุ่มชักโครก ก็เป็นแบบระบบ censor
ไม่ต้องใช้มือสัมผัสโดยตรง แค่โบกๆให้ censor ทำงานเท่านั้นพอ
ชอบจัง
^^

เริ่มเดินไม่ไหวล่ะ
ดูแผนที่แล้ว เหลืออีกล๊อคเดียว ก็จะสุดถนนช๊อปปิ้ง
ส่วน America-mura (หมู่บ้านอเมริกา)
อยู่แค่เส้นขนานข้างๆ ยังไม่มีแรงจะเดินไปไหวเลย

เพราะเดินมาราธอนมาตั้งแต่ 1030 – 1530 น.
รวมแล้ว 5 ชั่วโมงพอดี
!!!

ตัดสินใจกลับ
เพราะสถานีรถไฟ Shinsaibashi อยู่ติดกับห้าง Daimaru ที่เราแวะมา

ซื้อตั๋วแบบ Single Way กลับ Namba
เที่ยวนี้ จ่ายไปคนละ 200.- เยน (เก็บบัตรที่มี ไว้ใช้วันพรุ่งนี้แทน)

คิดดูละกัน
เดินมาระยะทางถึง 1 สถานีรถไฟเลยทีเดียว
Y.Y

ขนาดพ่อหมี ยังบ่นว่าเท้าเริ่มพอง ... แล้วท้องโตแบบเราล่ะ !?
หึ หึ เดินจนนิ้วเท้าเป็นรอยแดงถลอกเช่นกัน

  . . .   . . . 



@ SWISS EXECUTIVE LOUNGE @
กลับมาถึงโรงแรม ตรงดิ่งขึ้นไป Swiss Executive Lounge
เพราะช่วงเวลา 1430 – 1700 น.
เขามีบริการ “Afternoon Refreshment”


++ Afternoon Refreshment @ Swiss Executive Club Lounge ++

มีเครื่องดื่ม soft-drink ขนมอย่างเค้กและคุ๊กกี้ให้ทานเล่น
เลยถือโอกาสไปนั่งพัก และกินฟรี
((เดี๋ยวไม่คุ้ม หุ หุ))

พ่อหมีแอบบ่น ...
บอก Sofitel Centara, Hua Hin ที่บ้านเราดีกว่าเยอะ
ทั้งขนม และเครื่องดื่ม หลากหลายกว่าอีก
หุ หุ

กลับไปนั่งพักที่ห้องต่ออีกหน่อย
จน 1700 น. กะจะเริ่มตะลุย-ตะลอนออกเดินรอบๆ ต่อ

แต่พ่อหมีบอกว่า ให้รอทาน Evening Snacks & Cocktails ต่อ
เขาบริการตั้งแต่เวลา 1730 – 2100 น.

ช่วงเวลานี้ จะมีเครื่องดื่ม alcohol เพิ่มเข้ามา
มีทั้งไวน์/วิสกี้/แชมเปญ ฯลฯ


++ Evening Sancks & Cocktails @ Swiss Executive Club Lounge ++

ส่วน snack มีถั่ว/ผลไม้/ชีส ให้ทาน
กินขนมเขาเป็นว่าเล่นเลย
^^”

  . . .   . . . 



@ EBISUBASHI & DOTOMBORI @

1815 น. ตั้งต้นตะลอนเดินเที่ยวกันใหม่อีกรอบ
เริ่มจากแยกตรงห้าง Marui ที่เดิม
แต่เปลี่ยนเส้นทางเดินไปทางถนน Ebisubashi



เจอร้านขนมอร่อยมากกก อยู่ 1 ร้าน
ป้ายเขียนว่า เป็น Hop Chou a la Crème เราเลือกไส้คัสตาร์ด
ชิ้นละ 130.- เยนเอง

เริ่มจะมืดแล้ว ... ถนนย่านนี้คึกคัก และเต็มไปด้วยแสงไฟ
บรรยากาศช่างแตกต่างจากตอนกลางวันลิบลับ

แวะเก็บภาพป้าย Glico ตรงสะพานข้ามคลอง
แล้วเดินเลียบคลองไปเรื่อยๆ (Tombori River Walk)





เส้นนี้ จะผ่านร้าน Donki ที่มีกระเช้าอยู่ด้านบน
เป็นร้านขายของใหญ่มาก

และจุดขึ้นเรือชมวิว(ตึก)ริมสองฝั่งคลอง
*Tombori River Cruise* … ก็อยู่ตรงหน้าร้านนี้เอง
//www.ipponmatsu.co.jp


++ ร้าน Donki ++

เดินวนกลับมาที่เดิม
โดยใช้สะพานข้ามคลองอีกฝั่ง – Tazaemonbashi

แวะซื้อขนมที่ “ร้าน Glicoya” (Little Osaka) มีขนมยี่ห้อกูลิโกะเพียบ
แถมด้วยขนมของฝาก สไตล์พื้นเมืองของญี่ปุ่น



ที่นี่ ... เราได้ตุ๊กตาปลาหมึกมา 1 ตัว
หลงไหลในความนิ่มมือจนวางไม่ลง กะเอาไว้ให้คุณลูกหมีฟัดเล่น
^^





เดินหาร้านอาหาร สำหรับมื้อเย็นวันนี้
สุดท้าย ... ลงความเห็นไปทานกันที่ร้าน sushi สายพาน
บนถนน Namba Nankaidori ที่เดินผ่านเมื่อเช้านี้

ทานปลาดิบแบบ buffet ไม่ได้เยอะ
ได้ทานแบบ a la carte ก็ยังดี ... อยากกิน sushi แบบ original งิ




นอกจากจานซูชิ บนสายพาน
ยังเป็นระบบสั่งอาหาร ผ่านทางคอมพิวเตอร์ touch screen

เรียนรู้อะไรใหม่ๆซะบ้างก็สนุกดี
((ขอติดรายละเอียดร้านนี้ไว้ก่อนนะคะ)



อิ่มแล้ว ... ได้ของหวานปิดท้าย เป็น “เครปญี่ปุ่น”
จากร้านในบริเวณเดียวกัน
มาจังหวะดี เขากำลังลดราคา 20% เลย




  . . .   . . . 



@ NAMBA なんなん @
ระหว่างทางกลับโรงแรม
จะผ่าน Namba なんなん (อ่านว่า Namba Nan Nan)
เลยถือโอกาสมุดไปใต้ดินอีกครั้ง ขอแวะไปดูหน่อย

บริเวณนี้ จะมีร้านอาหารและร้านขายของเช่นกันค่ะ
แต่แวะมาดึกแล้ว ประมาณ 3 ทุ่ม ... บางร้านก็เริ่มปิดล่ะ
(แต่ร้านค้าด้านบน ยังคงคึกคักกันอยู่เลย)

กะจะเดินไปถ่ายรูปเล่นที่ “Namba Park” ต่อ
แต่สังขารเริ่มไม่ไหวอีกแล้ว ประกอบกับดูแล้ว ไม่ใกล้อย่างที่คิด
เลยตัดสินใจเลี้ยวกลับเข้าโรงแรมเลย

แล้วถ่ายรูป(พุง)เล่น(อีกแระ)กันในห้องพัก
เอา “Tako-san” (ตั้งชื่อแล้ว) ตุ๊กตาปลาหมึก ที่เพิ่งซื้อมา มาถ่ายคู่กับพุง


++ ชุดนอนตัวนี้ ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ในห้องพักด้วยค่ะ ++
((เพิ่งจะเคยเจอแบบนี้ครั้งแรกเนี่ยแหละ))

ขำค่อดๆๆๆ ...
เพราะนอกจาก Tako-san หัวจะกลมเหมือนพุงเราแล้ว
เจ้าปลาหมึกหัวเหม่ง ยังบังอาจทำปากจู๋ ล้อเลียนสะดือเราได้อีก
- -*

((ขออนุญาตไม่ลงรูปนะคะ .. อายพุงตัวเอง ที่โดนปลาหมึกล้อเลียน))
><~


++ TAKO-SAN ++

ปิดท้าย ด้วยการแช่อ่างน้ำอุ่น อย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
Relax Time ของจริง
หลังจากเดินจนเหนื่อยมาทั้งวัน

ก่อนนอน ก็จัดการเก็บข้าวของ แพ็คกระเป๋าบางส่วน
คืนนี้ คืนสุดท้ายในญี่ปุ่นแล้ว

เวลาผ่านไปไวจริงๆ
お休みなさい !! ~ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ !!





ปล. ตอนนี้ ส่งเรื่องราวท่องเที่ยว+ตะลอนชิม
ประกวดในหัวข้อ "กินเที่ยวทั่วไทย สไตล์บล๊อกเกอร์" อยู่ค่ะ

หากใครชอบติดตาม เรื่องราวตะลอนชิม-ตะลอนเที่ยว
ในไดอารี่ของ aeandpop

ขอกำลังใจ และการสนับสนุน ... โดยการคลิ๊กโหวตให้บ้างนะคะ
//www.thaitravelblog.com/?cmd=show&pid=3523

คลิ๊กโหวตได้ทุกๆ 1 ชม.นะคะ
ขอบคุณค่ะ



@ OSAKA
Thu., 09 Sep.'2010