เลยรีบแวะเข้าไปดู

ก่อนจะเดินดูรอบๆตามตู้ต่างๆ
ในส่วนแรกนี้ เขาจะแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดค่ะ



จากนั้น ... เดินไปต่อด้านใน ที่”บ่อจรเข้”
มีป้ายขำๆ ฮาๆ ด้วยอ่ะ
^^”

เคยเห็น fwd mail มาก่อน
แต่เพิ่งจะรู้ว่า ป้ายนั้น มันอยู่ที่นี่นี่เอง




ไปต่อกันที่ “โลกใต้ทะเล” ค่ะ
ส่วนนี้ จะต้องจ่ายค่าเข้าเพิ่มอีกคนละ 150 บาท

ไหนๆ มาแล้ว ก็ดูให้ครบ
ส่วนนี้ จะแสดงพันธุ์ปลาทะเล มีอุโมงค์ปลา ตู้ปลา
รวมถึงปลาฉลามด้วย







 ~* เกาะกระต่าย *~

ออกมาแล้ว ... เป้าหมายต่อไปคือ “เกาะกระต่าย”
ตามประสาพ่อ-แม่(คนเลี้ยง)กระต่ายค่ะ

เกาะกระต่าย จะอยู่ในบริเวณสวนสัตว์
เลยต้องขับรถกันไป ... แต่ไม่เสียค่าเข้าชม

แวะให้อาหารปลา ที่”กระชังปลา”กันสักแป๊ป
อยู่ติดๆกัน บรรยากาศดูดีทีเดียว




แวะซื้ออาหาร เอาไปฝากกระต่ายกันค่ะ
ตอนแรกๆ เห็นลานกว้างๆ กระต่ายอยู่กันอย่างอิสระ
ก็แอบคิดอยู่ ว่า”พัฟฟี่น่าจะชอบแบบนี้”

มีสวนกว้างๆ
มีบ้าน มีขอนไม้ ... ให้มุดเล่น

แต่พอดูไปเรื่อยๆ เจอกระต่ายมอมแมม – ผอมโซ
เห็นแล้วเริ่มสงสาร

ที่ ”เรือนกระต่าย” เขามีลูกกระต่ายขายด้วย
เห็นกระต่ายหลายตัว ถูกขังในกรงแคบๆ



บางทีแล้ว ... “เจ้าฟี่” ลูกชายเรา
อาจจะมีความสุขมากกว่า ที่ได้กินอิ่มหมีพลีมันทุกวี่วัน
มีคนเกาคาง เกาหู ลูบหัวเล่น

อยู่ไปสักพัก ชักจะสงสาร
คิดถึงลูกชายที่บ้าน เลยไปต่อดีกว่า



 ~* หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย *~

เริ่มเย็นแล้ว ... เข้าเมืองกันต่อค่ะ
ตอนแรกกะจะแวะ ”พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร” ด้วย
แต่เขาเปิดให้เข้าชมรอบสุดท้าย 1600 น.

ดูเวลาแล้ว ... ไม่น่าจะไปทัน
อีกอย่าง ยังไมได้จองรอบเวลาไว้เลย
(จำกัดจำนวนคนเข้าชม ในแต่ละรอบค่ะ)

เลยแวะกันที่ “หมู่บ้านควายไทย”
ที่เป็นทางผ่านแทน

ไปถึงเขากำลังจะเริ่มการแสดงโชว์พอดี
เลยรีบพุ่งตัว ไปยังลานแสดงเลย

นั่งพักยังไม่ทันหายเหนื่อย
เด็กๆในชุดไทยที่กำลังแสดงอยู่ เดินเข้ามาหา
แล้วชวนออกไปร่วมเล่นด้วยกัน
!!!!

มองซ้าย-มองขวา ... คนก็เยอะแยะ
ทำไมมายุ่งกะฉ๊านนน
T^T

สะกิดให้หมีอ้วนออกไปแทน เขาก็ไม่ยอม
น้องเด็กก็ไม่ยอมเดินไปหาคนอื่น

เอาวะ !! ไปเล่นด้วยก็ได้
สงสารเด็ก

ออกไปที่ลานการแสดงเสร็จ ยืนแบบงงๆ
ถามน้องเขาว่า “จะให้ทำอะไร??”
คือ ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย

น้องบอกว่า เราจะเล่นการละเล่นแบบไทยๆกัน
เริ่มต้นด้วยการชักคะเย่อ
ต่อด้วย”รีๆข้าวสาร” กับ “แม่งูเอ๋ย”

โห ... ไม่เคยคาดคิด
ว่าป้าแก่อย่างฉัน จะได้กลับมาเล่นตอนอายุ 30 ก่าๆ
!!!!



ปิดท้าย ... “มอญซ่อนผ้า”
อันนี้ งานเข้าอย่างหนักเลยค่ะ ท่านผู้ชม
^^”

คือ ต้องวิ่งบนพื้นทรายไม่พอ ... ยังต้องวิ่งไล่กับเด็กๆ
(แล้ววิ่งทันเด็กซะทีไหนกันเล่า)

แล้วเด็กก็ช่างแกล้งผู้ใหญ่อย่างเราซะเหลือเกิน
เอามาซ่อนอยู่แต่หลังเรานั่นแหละ

วิ่งจนเหนื่อย ... อาบเหงื่อไปทั้งตัว
แล้วไม่ใข่ไรนะ
ขาค่ะ ... ขาอิฉันยังเดี้ยงไม่หายดี
ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถออกกำลังกายหนักๆได้เลย



แต่วันนี้ โดนบังคับให้วิ่งแข่งกับเด็ก
ผลคือ ปวดต้นขา ปวดสะโพก ... ฮือๆๆๆๆ

ป้าแก่ ไม่เจียมสังขารจริงๆเล๊ยตรู !!
T^T

เขาเอาควายมาแสดงให้ชมต่อ
นั่งดูแบบเหนื่อยๆ เหงื่อไหลไคลย้อย
อยากจะอาบน้ำเลยล่ะ


++ ควายยิ้ม ++

จบการแสดง ... เดินเล่นต่อ
แต่ส่วนอื่นๆ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่นัก



 ~* หอคอยบรรหาร-แจ่มใส & สวนภัทรราชินี *~

... แวะเข้าเมือง ...
ไปจบที่ “หอคอยบรรหาร-แจ่มใส”

กะว่าจะไปชมพระอาทิตย์ตก จากด้านบน
แต่วิวไม่ค่อยสวย มีแต่วิวเมือง ไม่มีอะไรโดดเด่น
แถมเมฆฝนมามืด ครึ้มไปหมด


++ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ที่อดไป ++

เลยเปลี่ยนใจลงมาด้านล่าง ที่”สวนภัทรราชินี”
แล้วรอเขาเปิดไฟสวยๆ เพื่อถ่ายภาพดีกว่า
(น้ำพุดนตรี เวลา 1700 – 1900 น.)

ฝนเริ่มตกเปาะแปะ จนเกือบถอยจะกลับบ้านแล้ว
แต่อยู่ดีๆ ก็หยุดตกดื้อๆ
สภาพอากาศเริ่มดีขึ้น ... เลยนั่งเก็บภาพต่อ


++ บรรยากาศมามืด ... ฝนกำลังจะตก ++

ได้ภาพสวยๆมาสมใจเยอะแยะเลย
เสียอย่างเดียว เด็กๆใส่ชุดว่ายน้ำ ลงไปเล่นน้ำพุกัน
(เพราะสวนน้ำในบริเวณเดียวกัน ปิดตอน 1800 น.)

ภาพช่วงหลังเลยไม่งาม เพราะมีคนติดมาด้วย



มื้อเย็น ... เลยนั่งหม่ำที่ร้าน”ตี๋ข้าวต้ม”
ติดกับทางเข้าหอคอยเลย สะดวกดี

ทานเสร็จ ... ฝนก็เทกระหน่ำลงมา
จังหวะดีจริงๆเลย
^^”


++ ฟ้าเปลี่ยนสี ++

เนื่องจากมืดแล้ว ประกอบกับฝนตกหนัก
เลยตัดสินใจกลับทาง “บางบัวทอง”
เพราะเป็นถนนใหญ่ และเป็นเส้นทางคุ้นเคย
มาต่อทางด่วน ที่ “งามวงศ์วาน”

สรุปว่า ระยะทางพอๆกัน
แต่จ่ายค่าผ่านทาง แพงกว่าเล็กน้อย

สรุป ... สุพรรณฯ หรรษา – วันเดียว เที่ยวไม่หมด
คงต้องหาโอกาสไปใหม่ละนะ
^^

เมื่อไหร่ดี
??





 
- Since August 12, 2005 -