~* DAY 1 *~
หาดใหญ่ – ท่าเรือปากบารา (อ.ละงู จ.สตูล) -
อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา – เกาะไข่ (ซุ้มประตูหินธรรมชาติ)
- เกาะหลีเป๊ะ (หาดพัทยา @ บันดาหยา)
.
.
.

ไปเถอะไป ไปเที่ยวกัน
ไปเถอะไป ไปด้วยกัน
ได้เวลาต้องทิ้งงาน ให้รางวัลกับหัวใจ
เปลี่ยนที่นอนซะบ้างเถอะ

- ที่ที่เธอกับฉันไม่เคยไป -
 


++ ซุ้มประตูหิน @ เกาะไข่ ++

... เสียงเพลงนี้ ...
ดังก้องกังวาน อยู่ในโสตประสาทตลอดเวลา
ที่แพ็คเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางคู่ใจ ใบเดิม
:)

... หัวใจเดินทาง ...
เหมือนจะล่องลอยไปสู่ทะเลอันดามันตอนใต้สุด
ก่อนตัวจะเดินทางไปถึงซะแล้วสิ


เลิกงานเที่ยงคืนครึ่ง กลับบ้านรีบจัดกระเป๋า
เอาหัวไถหมอน ได้นอนพักแค่ 2 ชม.
ก็เด้งตัวออกจากที่นอน เตรียมตัวออกเดินทางกันอีกครั้ง

ขอให้ได้ไปเที่ยว
จะเหนื่อยแค่ไหน ก็สู้ตาย
^^V

เที่ยวบินก่อนเช้ามืด วันธรรมดาแบบนี้
... ผู้โดยสารไม่เยอะมากนัก ...
ทำให้พอจะมีที่ว่าง สำหรับคนที่เพิ่งจะตัดสินใจเดินทางแบบเรา

เดินดุ่มๆ ไปเคาน์เตอร์ขายตั๋ว
ออกตั๋วได้ทันที ไม่ต้องเกาะเคาน์เตอร์ stand by รอ

เที่ยวบิน FD3131 BKK/HDY
พาเราเดินทางถึงหาดใหญ่ แบบสบายๆ
เพราะนอนหลับมันตลอดทาง
^^”

ทางบริษัททัวร์ ที่เพิ่งจะติดต่อซื้อ pk ก่อนเดินทางแค่วันเดียว
โทรมาถาม เพราะเกรงว่าเราจะเปลี่ยนใจ
เนื่องจาก เดินทางแบบปุปปัปทัวร์ “ตามใจฉัน”
ไม่ได้มีการยืนยัน ... หรือโอนเงินล่วงหน้าใดๆทั้งสิ้น

พร้อมเดินทางเมื่อไหร่
ก็เดินลากกระเป๋าออกจากบ้านทันที
เป็นแบบนี้เรื่อยเลย

เนื่องจาก “ปุปปัป” อย่างที่บอก
เลยไม่ได้ทำการบ้าน หาข้อมูลมากนัก
เน้นสะดวก จอง pk ทัวร์ ที่เขาเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม

เดินทางต่อด้วยรถเก๋ง ... มารับถึงสนามบินหาดใหญ่
มุ่งหน้าสู่ “ท่าเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูล”

ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 40 นาที
แล้วก็อย่างเคย ถือเป็นเวลาพักผ่อน
นอนหลับๆตื่นๆ ไปตลอดทาง


ถนนหนทางดีมาก ... ถนน 4 เลน
ถนนดูดีทีเดียว เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นย์ทั้ง 2 ข้างทาง


++ มุ่งหน้า สู่อันดามันใต้ @ เกาะหลีเป๊ะ ++

ประมาณ 1005 น. ... ถึง”ท่าเรือปากบารา”
เริ่มต้นอาหารมื้อแรก ที่รวมอยู่ใน pk
ที่ “ครัวบันดาหยา”
ถึงแม้จะรวมใน pk แต่ก็เป็นอาหารตามสั่งจากเมนู

รอเวลา 1130 น.
เพื่อลงเรือเดินทางสู่ ”เกาะหลีเป๊ะ”

เรือ speed boat ลำใหญ่ 5 เครื่องยนต์
บรรจุผู้โดยสารเต็มลำ (85 ที่นั่ง)
จนที่นั่งไม่พอ

เราเลยต้องไปนอนอาบแดด อยู่ด้านหน้าเรือ
ร้อนหน่อย แต่ก็เต็มอิ่มกับบรรยากาศท้องทะเลสวยๆ
ได้อย่างเต็มตา-เต็มใจ


++ เข้าสู่เขตเกาะตะรุเตา ++

เพียง 30 นาที ... เราก็เดินทางถึง
”อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา” (อ่าวพันเตมะละกา)
จุดแวะพักจุดแรก

น้ำใส ... เห็นปลากะตักฝูงใหญ่แหวกว่าย
เดินเล่นเหยียบย่ำทรายขาวๆ
อย่างไม่แคร์แดดร้อนๆ ของเดือนมีนาคม ช่วงเที่ยงวัน


++ มุมหนึ่ง ณ เกาะตะรุเตา ++

ออกเดินทางกันต่ออีก 30 นาที สู่ “เกาะไข่”
เพื่อถ่ายรูปกับซุ้มประตูหินธรรมชาติ
(สัญลักษณ์อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา)

พร้อมกับข้อความจารึก แสนโรแมนติก
ถึง”คำสาบานรักนิรันดร์”


++ ซุ้มประตูหิน @ เกาะไข่ ++


++ ซุ้มรักนิรันดร์ ++

ทะเลสวย ... น้ำใส ... แต่แดดร้อนเหลือทน
แทบจะอาบเหงื่อต่างน้ำ

แต่เอาเถอะนะ
ต้องแบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็น ”ทะเลฤดูร้อน”


++ หาดทรายขาวๆ ++


++ ทะเลใสๆ กับหาดทรายขาวๆ @ เกาะไข่ ++


++ นักท่องเที่ยวเยอะแยะ ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดา ++

เดินทางกันต่ออีก 30 นาที (รวมเป็น 1.30 น.)
และแล้ว ... เราก็ถึง “เกาะหลีเป๊ะ”
ในเวลาประมาณ 1430 น.
(เกาะหลีเป๊ะ ห่างจากท่าเรือปากบารา ประมาณ 80 กม.)


++ โป๊ะกลางทะเล ++

เรือ speed boat ถ่ายผู้โดยสารลงบนโป๊ะกลางทะเล
ก่อนจะแยกย้ายลงเรือหางยาว เข้าสู่ที่พัก

จ่ายเพิ่มคนละ 50 บาท สำหรับค่าเรือเล็ก
แต่ของเราไม่ต้อง ... เพราะรวมอยู่ใน pk แล้ว


++ เรือหางยาว นำพาสู่ที่พัก ++

”หาดพัทยา”
ณ บ้นดาหยา รีสอร์ท ... คือที่พักของเราในคืนนี้

รับกุญแจห้องพัก
”Deluxe Garden View #209”
เป็นโซนที่พัก ที่เพิ่งสร้างเพิ่มเติมขึ้นมาใหม่

ห้องพักกว้างขวางสะดวกสบาย
ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้ มีแอร์ – ทีวี – ตู้เย็น
ห้องอาบน้ำ แบบ outdoor


++ Deluxe Garden View @ บันดาหยา ++

ที่นี่ มีน้ำ-ไฟ ตลอด 24 ชม.
ต่างจากเกาะบางแห่ง ที่เราเคยไปพัก
ถือว่าสะดวกสบายทีเดียว

เขาให้เวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย
ด้วยความที่พักผ่อนน้อย บวกกับอากาศร้อนๆ
เลยหลับผล็อย ... ด้วยความเพลีย
^^”

((อ้าวววว ... ไหนว่าเรื่องเที่ยวสู้ตายไง))



จนเกือบถึงเวลานัดหมาย 1700 น.
ถึงได้เวลารวมตัวกันอีกครั้ง
คุณไกด์จะพาไปเดินเที่ยวชมรอบๆเกาะ

เราเดินผ่านถนนเล็กๆ เต็มไปด้วยร้านค้า-ร้านอาหาร
แวะทาน “โรตีขึ้นชื่อ” ของเกาะหลีเป๊ะ
@ ร้าน Thai Pancake

เมนูโรตีมีให้เลือกหลากหลาย
แป้งเนียนนุ่มกำลังดี ... อร่อยสมคำร่ำลือ
^^


++ โรตีน้ำผึ้ง-วนิลา @ ร้าน Thai Pancake ++

แฮ่ ... อิ่มแล้ว พร้อมเดินทางกันต่อ
เดินกันไปจนถึง “หาดชาวเล (Sunrise Beach)”

มองเห็น”เกาะอาดัง”
ที่เต็มไปด้วยภูเขาสูง อยู่ฝั่งตรงข้าม

ด้วยความที่เป็นภูเขาสูง เลยมีน้ำตกธรรมชาติ
และเผื่อแผ่มายังเกาะหลีเป๊ะ โดยการต่อท่อน้ำ ข้ามผ่านทะเล
(น้ำจืดอีกส่วนหนึ่งของหลีเป๊ะ มาจากน้ำบาดาล)

ที่หาดแห่งนี้ มี"โรงเรียนเกาะอาดัง”
มีชั้นเรียนตั้งแต่อนุบาล ถึงม.3


++ ยามเย็น @ หาดชาวเล ++

จาก”หาดชาวเล” มองออกไปไกลๆ ในวันฟ้าใส
จะมองเห็นแนว “เกาะลังกาวี” ของมาเลเซีย
ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 40 กม.
(นั่งเรือประมาณ 45 นาที)

อยู่ใกล้กว่า ท่าเรือปากบาราซะอีก
ไม่ไกลกันเท่าไหร่นี่เอง

มิน่าล่ะ ... “พระนางมัสสุหรี”  
พระนางเลือดขาว ในตำนานของเกาะลังกาวี
ว่ากันว่ามีสายเลือดชาวไทย

นอกจากนี้ ยังเพิ่งรู้ว่า ...
บนเกาะหลีเป๊ะ มีตม.ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย
(ค่าเรือลังกาวี – หลีเป๊ะ คนละ 1200 บาทต่อเที่ยวเดียว)

เสียดาย ... ไม่ได้ติด passport มา
ไม่งั้น จะลองข้ามไปเที่ยวลังกาวีสักหน่อย
อิ อิ

บริเวณ “หาดชาวเล" น้ำทะเลใสแจ๋ว ... คลื่นค่อนข้างนิ่ง
แต่มีเรือเล็กจอดเรียงรายเต็มไปหมด
แต่ก็ได้บรรยากาศ “วิถีชีวิตชาวเล อุลักละโว๊ย” แห่งเกาะหลีเป๊ะ

เดินกลับมาที่ ”หาดพัทยา”
ผ่านร้านขายอาหารทะเล อยู่เยื้องๆกับร้าน Pooh’s Bar

ได้เห็นอาหารทะเลหน้าตาแปลกๆ แบบไม่เคยเห็นมาก่อน
อย่าง “ปลาโรนัน”
ที่เป็นลูกผสมระหว่างฉลาม กับกระเบน

ส่วนหัวเขาจะแบนๆ เหมือนกระเบน
แต่มีครีบ เหมือนฉลาม


++ ปลาโรนัน (ตัวสีน้ำตาล) ++

ถ้าไม่ติดว่า ... pk รวมอาหารมื้อเย็นด้วย
ก็อยากจะลองชิมดูสักหน่อย

กุ้งลายเสือตัวใหญ่ กิโลละ 900 บาทเท่านั้น
โอ๊ยๆๆๆ ... อยากหม่ำเหลือเกิน


++ กุ้งลายเสือ ++

สุดท้ายอดใจไม่ได้
ด้วยความรัก และใหลหลงในซีฟู๊ด
จนยอมให้คอเรสเตอรอลพุ่งกระฉูด เฉียด 300

เลยขอลอง “หอยคราง”
ในราคา 150 บาท / 1 กิโลกรัม


++ หอยครางตัวใหญ่ๆ ++

หอยตัวใหญ่มากกกก
เขาว่า เป็นตระกูลเดียวกันกับ”หอยแครง”
หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ ... แต่ตัวใหญ่กว่าเยอะมากๆๆ

ว่าหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์
ใหญ่กว่าหอยแมลงภู่ทั่วไปแล้วนะ
เจอหอยครางเข้าไป ... ใหญ่ ยิ่งกว่าเยอะ

Note : หอยครางจะอาศัยตามแนวหินปะการัง
ต่างจากหอยแครง ที่อาศัยตามแนวดินโคลน
ซึ่งมักจะมีโคลนปนมาด้วย

อุดหนุนมา 1 กก.
น้องไกด์ใจดี ช่วยหิ้วมาให้
บอกว่าจะเอามาให้แม่ครัวที่รีสอร์ทเผาให้
จะได้กินตอนร้อนๆ ... อร่อยๆ

((น้องไกด์คนนี้ ชื่อ“ตั้ม” ขอชมว่า ดูแลดีมากมาย
… จะมาชมให้ฟังในอีกหลายๆเรื่องต่อไป))


++ ยามเย็น @ หาดพัทยา ++

กลับมาทันชื่นชมแสงสวยๆ
ยามพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าที่หาดพัทยา พอดี


ก่อนจะนั่งละเลียดมื้อเย็น บนระเบียงริมหาด
พร้อม”หอยคราง”เผาร้อนๆ
เสริ์ฟถึงโต๊ะ

รสชาติ
อืมม์ ...  เนื้อแน่น กรุบๆกว่าหอยแครง

ปกติ ... พ่อหมีอ้วนจะไม่ค่อยชอบทานหอยแครง
แต่เจอหอยครางตัวหญ๊าย ~ หญ่ายยย
เลยฟาดไปซะหลายตัวเลย
(แถมมีเปรยๆว่า อยากลองชิมกุ้งลายเสืออีกต่างหาก)


++ ร้านอาหารริมทะเล ++

ส่วนเรา ... เริ่มปวดหัว เหมือนจะป่วย
เพราะกลางวันตากแดด แถมตัวชื้น ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ตกเย็น นั่งตากลมทะเล จนปวดหัวตึ๊บๆ
T^T


++ แสงสุดท้ายของวัน ++

กลับห้องพัก อัดยาพาราฯ
นอนหลับปางตาย ด้วยความอ่อนเพลีย

รักษาตัว .. เก็บแรงไว้วันพรุ่งนี้
จะพาไปแหวกว่ายในสายน้ำ ของ”เกาะอาดัง – ราวี” ค่ะ
:)

ไปเที่ยวกัน - เบิร์ด ธงไชย

 
- Since August 12, 2005 -