โดย: เบญจามินทร์ (adel_ew ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:11:48:50 น. |
|
|
|
โดย: หน่อย IP: 125.24.201.184 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:02:15 น. |
|
|
|
โดย: โม IP: 202.91.23.1 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:38:53 น. |
|
|
|
โดย: Athena IP: 210.86.220.150 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:52:58 น. |
|
|
|
|
|
นั่นคืออีกมุมมองหนึ่ง...ข้อแย้งสำคัญที่จะนำมาเบี่ยงเบนความคิดคนที่มาจากคาออส ความเชื่อที่จะมาหักลบตัวตนของเจ้าหญิงน้อย...แต่ในทางกลับกัน ถ้าสิ่งที่เอริเซียร์บอกมาคือเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นล่ะ...ถ้าเหตุการณ์ออกมาในรูปนี้ ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า...ดวงจิตทูลกระหม่อมน้อยอยู่ในร่างใด...แล้วนาเดียนางกลับมาจากความตายทำไม...แก้แค้นอย่างนั้นหรือ...ถ้าเป็นอย่างนั้นนางคิดว่าทำถูกแล้วสินะ ที่เกิดมาเพื่อเป็นตัวเลือกให้คนเกลียดชัง ตัวเลือกที่ไม่มีใครต้องการ...หรือนางหวังเพียงแค่ให้คนเข้าใจผิด แล้วสวมรอย...
"พวกเจ้าจะทำยังไง...เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว..." เอริเซียร์ต้องการรู้สิ่งที่ดวงตาคมสองคู่ที่มองประสานกัน นางเชื่อว่าคนคู่นี้ไม่ต้องพูดคุยก็สามารถสื่อสิ่งที่อยู่ในใจของอีกฝ่ายได้ เพราะอย่างนี้ นางจึงต้องเอ่ยปากจึงจะสามารถรู้คำตอบจากสายตาสองคู่นั้นได้
"...ฝ่าบาททรงให้นายทำอะไรต่อจากนี้ล่ะเฮเดรส..." นั่นเป็นคำตอบ ก็ต้องทำตามพระบัญชาเจ้าเหนือหัว เรื่องพวกนี้มันตอบง่ายจะตายไป ธิดาแฝดเองก็เช่นกัน...เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีผลกับการตัดสินใจของโดเรียส ความรู้สึกของพระองค์ต่างหาก...ราชันแห่งความมืดจะเลือกใคร โมนิคผู้เป็นความหวังของวอเก็ต หรือจะเป็นเจ้าหญิงน้อยผู้สูงศักดิ์ ที่เติบโตมาให้หอคอยเทพ...
แต่จะว่าไปแล้ว ความยุ่งยากมันอยู่ตรงไหนกัน ถ้าโดเรียสเลือกใครคนใดคนหนึ่ง อีกคนก็เป็นผู้ผิดอย่างนั้นหรือ... ซีเซลรู้ดีว่าไม่ใช่แค่โดเรียสเท่านั้นที่จะกำหนดตัวตนที่แท้จริงของร่างจุติทูลกระหม่อมน้อย ยังมีอีกคน นั่นก็คือคัสเซล...เจ้าชายแดนลับแลต้องรู้ว่าเจ้าหญิงผู้ขนิษฐาอยู่ในร่างใด... หากความหวังว่าคนที่เจ้าชายแดนลับแลเลือกจะเป็นโมนิคคงไม่มีแล้ว... แต่คิดอีกทีก็ไม่แน่ ซีเซลเริ่มลำดับความคิดจากคำพูดหนึ่งของคัสเซล... 'ถ้าดาบเล่มนั้น...ฆ่านางได้...ก็สมควรที่นางต้องตาย'
"ถ้ากริชกิเลน...มีอำนาจเหมือนกับดาบแห่งแสง...ก็ดีสินะเฮเดรส" ซีเซลเปรยๆ หลังจากนิ่งคิดอยู่เป็นนาน เฮเดรสตีหน้าแปลกใจ "ดาบของข้าเล่นงานคัสเซลไม่ได้...เพราะคัสเซลเกี่ยวข้องกับทูลกระหม่อมน้อย ในทางกลับกัน...ฝ่าบาทก็เป็นคนสำคัญของทูลกระหม่อมน้อยเช่นกัน...กริชกิเลนจะได้ทำอันตรายพระองค์ไม่ได้...เอาอย่างนี้ไหม...เราก็ใช้ดาบแห่งแสงพิสูจน์ตัวตนของทูลกระหม่อมน้อยสิ"
"เมื่อไหร่นายจะเข้าใจซีเซล...ดาบคืออำนาจจากหัวใจ...ความรู้สึกคนยากจะอธิบาย ความเชื่อและศัธราก็หาคำอธิบายเป็นรูปร่างได้ลำบาก...วันก่อนดาบของเจ้าอาจทำอันตรายคัสเซลไม่ได้...แต่พรุ่งนี้ก็ไม่แน่..."
"หมายความว่าไง...ข้าว่าเรื่องพวกนี้คงยากเกินกว่าที่ข้าจะเข้าใจอย่างที่นายบอกล่ะมั้ง"
"เรากำลังตามหาทูลกระหม่อมน้อยใช่ไหม...ดังนั้นดาบอาจต้องการนำพานายไปหาความจริงบางอย่างจากคัสเซล...ไม่ใช่ตัดร่างคัสเซลไม่ขาด แต่เพราะมีอำนาจบางอย่างทำให้ดาบไร้คม...อำนาจนั้นคงไปซ้อนทับกับร่างทูลกระหม่อมน้อยที่พวกเราตามหา...ในทางเดียวกัน...มันก็คงพิสูจน์ร่างจุติจากดาบไม่ได้...เพราะยังไงเสีย...คนที่จุติมาพร้อมกันย่อมเป็นพี่น้อง...คงไม่ต่างจากคัสเซล..."
"งั้นตัดประเด็นนี้ทิ้งไป" ซีเซลบอกอย่างหมดสนุก "มาทำงานเราต่อ"
"ฝ่าบาทให้รวบรวมกำลังคนแต่ละเผ่าพันธุ์ให้เป็นพวก...ท่านจ้าวมิคาเอลอยู่ที่วอเก็ต ท่านจ้าวโกดอนอยู่ในอาร์คคิม...ข้าจัดการเผ่านาคา...เหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนดาวดวงนี้กำลังจะอุบัติขึ้น ตามถ้อยคำของฝ่าบาท...งานกาฏีจะเกิดอะไรขึ้น...ข้าว่าพวกเราทุกคนคงเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อ...ไม่มีใครรู้ว่าฝ่าบาทจะทรงทำอะไร"
"แต่พวกเจ้าก็จะทำตามอย่างนั้นน่ะหรือ" เอริเซียร์อดไม่ได้ที่จะแทรกวงสนทนา
"เอริเซียร์...ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหล่ะ...สนุกเสียยิ่งกว่าอะไร...แล้วจะได้เห็นว่า...ราชันของพวกข้าเป็นเช่นไร...ถ้าพวกเจ้าเชื่อในอำนาจของเนตรแห่งดวงดาว...พวกข้าก็หลงไหลในความยิ่งใหญ่ของพลอยแห่งดวงดาวเช่นกัน"
คำพูดของเฮเดรสบอกอย่างคะนอง เอริเซียร์รู้สึกว่าสองคนนี้ดูน่ากลัว และเดาไม่ออกว่าจะทำอะไร รู้เพียงว่าคนทั้งคู่เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้เพียงแค่สบตา ไม่น่าไว้ใจ...เจ้าหญิงวอเก็ตรู้สึกเช่นนั้น แต่ตอนนี้พระองค์จะทำอะไรได้ ต้องลองเชื่อใจ และศรัทธาในคำพูดและสัญญาที่เฮเดรสเคยให้ไว้...
และถ้าคนพวกนี้ทำสำเร็จ วอเก็ตก็จะกลับไปยิ่งใหญ่ ไม่ต้องทนซุกตัวอยู่ใต้น้ำอย่างทุกวันนี้
+_+_+_+_+_+
โมนิคน้อยมีข้อขัดแย้งกับสิ่งที่โดเรียสทำ เพราะอะไรปีศาจตาดุจึงไม่ยอมปรากฏกายต่อจอมเวทย์บาลากอส อย่างไรเสียนั่นก็คือคนของแดนมายา ต้องช่วยครูสอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่รู้จากท่านฟาลเกี่ยวกับบาลากอสคือสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวน้อยยอมนั่งนิ่ง เมื่อคิดทบทวน ฟาลบอกว่าบาลากอสคือคนที่พาลูกตัวเองมาทิ้งไว้ที่นี่ ผู้เฒ่าบาลาสต้องปกป้องลูกตนเองจากใครคนหนึ่งซึ่งบงการอยู่เบื้องหลัง และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่บาลากอสไม่อาจปล่อยครูสและคนที่รู้ความลับหลุดออกไป
"ครูสจะเป็นไรไหม" โมนิคน้อยอดไม่ได้ที่จะถาม "เราไม่รีบไปช่วยจะดีเหรอ...หรือโดเรียสกลัวจอมเวทย์บาลากอสจริงๆ...แต่ก็น่ากลัวนะ จอมเวทย์บาลากอสเก่งที่สุดเลยนะ"
"แต่คงไม่เก่งพอจะแก้รอยสัจจะให้ลูกชายได้กระมัง...ถึงต้องเอามาซ่อนไกลถึงนี่..." โดเรียสต้องการพูดกระชดเจ้าตัวน้อย และได้ผลเจ้าตัวจ้อยยอมถอยไปสงบปากสงบคำอยู่หลังหมาป่าหิมะอีกตามเคย ดูเหมือนบาลากอสจะจับจิตของโดเรียสและโมนิคไม่ได้ แต่สำหรับหมาป่าหิมะคงไม่มีผลเพราะมันเป็นเรื่องปกติที่จะพบเจ้าป่าในแถบนี้...
"ออกมาแล้ว..." โมนิคพูดเป็นเสียงกระซิบเมื่อแสงสว่างทะยานออกมาจากโพรงด้านในมุ่งหน้าสู่ด้านบนอย่างเร็วหรี่...ไม่ต่างจากตอนแรกที่มันดิ่งลงมา...
"ดูเหมือนครูสของเจ้าจะปลอดภัยนะ..." โดเรียสบอกพร้อมกับหยัดกายขึ้น เบือนหน้ามาทางเจ้าตัวจ้อยที่นั่งกอดเข่าอยู่ไม่ไกล... ใบหน้าคมเหมือนจะเผยรอยยิ้ม "ไปได้แล้ว...ดูเหมือนจะมีใครอีกคนอยู่กับครูส..."
"ท่านฟาลฟื้นแล้วเหรอ..."
"ไม่ใช่ฟาล...แต่เป็นโตมะ...สหายของข้า..."
"สหาย...เพื่อนเหรอ...ปีศาจตาดุมีเพื่อนด้วยเหรอ" เจ้าตัวน้อยไม่ทันได้ตั้งใจ มารู้ตัวอีกทีเมื่อใบหน้าเผยรอยยิ้มก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงและพร้อมจะ...
"...ขอโต้ด...โมนิคขอโทษ..." เจ้าตัวน้อยอยากหายตัวไปเสียในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นโดเรียสคงได้บีบคอเธอตายแน่
อีกฟากหนึ่ง...ซึ่งเป็นสถานที่ๆ โดเรียสและโมนิคน้อยกำลังจะเข้าไป...
"ทำไม...ไม่ออกไปพบจอมเวทย์บาลากอสล่ะฮะ" ครูสรีบถามเมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ "เขาต้องช่วยเรา...เชื่อสิ...ตามไปอาจทันก็ได้นะ...เขามาจากทางนี้..."
"ใจเย็นครูส..." โตมะรีบห้ามดูเหมือนเจ้าตัวจ้อยจะไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง "เรายังไม่แน่ใจ...บาลากอสเป็นพวกของใคร..."
"แต่เขาเป็นคนดี!"
"ก็ไม่แน่หรอก..." เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำเอาคนสองวัยที่อยู่ก่อนเกือบสะดุ้งโดยเฉพาะครูสรีบหันควับไปทางต้นเสียงแทบจะทันที
"โมนิค..."
"ครูส!..."
จบตอน