บทที่ 1 กรุงเทพมหานคร ๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๗ ประกายฟ้าแลบของฝนหลงฤดูมาพร้อมกับลมแรงที่โถมเข้าปะทะม่านบางสีหวานในห้องนอนสีชมพูของชลิตา ลูกสาวคนเล็กของบ้านโยธินพิทักษ์ซึ่งหลับสนิทอยู่บนเตียง ที่คอเด็กหญิงห้อยล็อกเกตนาฬิกาขนาดเหรียญสิบเธอยังอยู่ในชุดนางฟ้าสีขาวที่ใส่ในงานฉลองวันเกิดครอบรอบเจ็ดขวบเมื่อช่วงหัวค่ำงานปาร์ตี้ที่มีพ่อ แม่ พี่ชายวัยสิบห้าและเพื่อนของพี่ชายอีกสองคนเข้าร่วมมันเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ที่อบอุ่นและสนุกสนาน เธอได้ของขวัญพิเศษที่อยากได้มานานนั่นคือเสียงสนับสนุนข้างเธอมีเพิ่มอีกหนึ่งเสียงสถานการณ์เลยพลิกกลายเป็นว่าฝ่ายเธอชนะ จากสองสอง เป็นสามสองเธอจึงมีสิทธิรับลูกแมวมาอยู่ที่บ้านได้แล้ว ทั้งหมดต้องยกความดีให้กับ พี่ชาย คนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านได้พักใหญ่ทุกคนเรียกพี่ชายว่า เคย์แต่เพราะเธอมีเพื่อนที่โรงเรียนชื่อนี้แล้วคนหนึ่งจึงเลือกที่จะเรียกพี่ชายมากกว่าพี่เคย์ นอกจากพี่ชายจะช่วยยกมือสนับสนุนแล้วพี่ยังสัญญาว่าจะช่วย น้องเบลล์ดูแลสมาชิกใหม่ด้วย เธอตื่นเต้นและอารมณ์ดี สนุกเต็มที่ตั้งแต่เช้าจรดเย็นกระทั่งหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน ลมแรงโถมเข้ามาอีกครั้ง ชายม่านสะบัดพรูเปิดให้แสงฟ้าแลบผ่านเข้ามาถึงในเตียง รบกวนการนอนของเด็กหญิงเธอพลิกตัวอย่างรำคาญ แล้วต้องสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงฟ้าผ่าดัง เปรี้ยง! ก่อนจะตามมาอีกระลอกแสงไฟหัวเตียงสว่างพอที่จะให้เด็กหญิงเห็นว่านี่คือห้องนอนของเธอไม่ใช่ห้องโถงจัดปาร์ตี้เมื่อช่วงหัวค่ำ แม่คะ แม้โตพอจะนอนคนเดียวได้แล้วแต่ถ้าสะดุ้งตื่นกลางดึก เด็กหญิงจะต้องเรียกหาใครสักคนแล้วสิ่งที่ทำต่อมาคือกอดหมอนเพื่อเดินไปขอนอนกับพ่อแม่หรือไม่ก็ห้องพี่ชรินทร์ ฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย... เสียงพูดสำเนียงไม่คุ้นลอยเข้ามาในห้องเมื่อประตูถูกแง้มแม้ไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้เด็กหญิงขมวดคิ้ว รู้สึกตื่นเต็มตา เธอเงี่ยหูฟังตอบฉันมา แกจะกลับไปพร้อมกับฉันมั้ย! ไม่! ผมจะไม่กลับไปตกนรกที่นั่นอีก! เธอจำเสียงตอบกลับนั้นได้ นั่นเป็นเสียงของ พี่เคย์ ผมทนอยู่กับคุณก็เพราะแม่ ตอนนี้ไม่มีแม่แล้วต่อให้ตายผมก็ไม่กลับไปกับคุณ แกกล้าปฏิเสธฉันงั้นเหรอ! คำตวาดแข่งกับเสียงของบางอย่างตกแตกทำเอาเด็กหญิงสะดุ้งรับรู้ว่ามีใครบางคนกำลังโกรธมาก ใครบางคนที่เธอไม่รู้จัก เขากำลังตวาดใส่พี่ชาย แกรู้จักฉันน้อยไป! เกิดอะไรขึ้น พี่ชายคุยกับใคร พ่อพี่ชายมาตามหรือไงนะ ความสงสัยพาชลิตาออกมาจากห้องไปหยุดยืนอยู่ที่หัวบันได ซึ่งมองเห็นโถงรับแขก ไฟตรงนั้นเปิดสว่างต้นคริสต์มาสสีเขียวที่เธอและพี่ชายทั้งสองคนช่วยกันตกแต่งยังคงเปิดไฟกระพริบเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำแต่มีบางอย่างต่างออกไป อะไรบางอย่างที่ดึงดูดให้เด็กหญิงต้องเดินไปดูให้แน่ใจจนเห็นพ่อแม่และพี่ชรินทร์นั่งเหยียดขากับพื้น ทุกคนหันหลังชนกันถูกมัดแน่นมีเทปกาวปิดปาก พ่อคะแม่คะ ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น เล่นเกมกันเหรอคะ เกมใหม่ของพี่ชรินทร์เหรอคะ เสียงทักของเด็กหญิงเรียกสายตาทุกคนให้หันมอง พวกเขามีท่าทางตระหนกโดยเฉพาะคนที่ถูกมัดติดกันแต่ดูเหมือนชลิตาจะมองไม่เห็นว่ามีอันตรายกำลังคืบคลานเข้าหาเธอคิดว่านี่เป็นเพียงเกมสนุกที่ครอบครัวเล่นกัน ตอนที่เธอเผลอหลับไป พี่ชายล่ะคะไปซ่อนเหรอ เธอถามอย่างใสซื่อขณะกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาถึงชั้นล่าง ไม่ทันสังเกตสักนิดว่าพ่อกับแม่กำลังพยายามส่งสายตาเตือนอันตรายที่ดักรออยู่เล่นกันไม่ยอมชวนเบลล์เลยนะ ไม่ยอมด้วย พี่ชาย ออกมาเดี๋ยวนี้นะ เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง สิ่งที่เห็นมีมากขึ้นเธอชะงักถอยหลังเมื่อเห็นผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์ผิวสีดำสองคนก้าวออกมาจากหลังเสาและมีอีกอย่างน้อยก็สี่คนกระจายอยู่รอบๆ พวกเขาแต่งตัวสีดำเหมือนกันบางคนมีปืนอยู่ในมือ แล้วนี่ใครคะ เพื่อนพ่อเหรอคะสิ่งที่ได้รับจากคนในบ้านคืออาการส่ายหน้าส่งเสียงอู้อี้ เกิดอะไรขึ้นคะ คนแปลกหน้ายังไม่มีใครพูดอะไรพวกเขาเอาแต่จ้องเธอนิ่งๆ ใบหน้าบึ้งตึงน่ากลัว เด็กหญิงเริ่มไม่สบายใจแต่ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร นอกจากหาที่พึ่งพาในบ้านนี้ยังมีคนอีกคนที่หายไปจากตรงนี้ พี่ชายอยู่ไหนคะ เบลล์! เสียงพี่ชายดังมาจากอีกฟากหนึ่งของโถงบันไดเด็กหญิงหันไปมอง เห็นพี่ชายกำลังวิ่งออกมาจากห้อง มีคนตามออกมากระชากตัวกลับก่อนจะโยนไปที่พื้น เธอเห็นหน้าพี่ชายมีรอยช้ำ ศีรษะมีเลือดเปรอะ เบลล์หนีไป วิ่ง! หนีไป! ความที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวไม่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้น จึงยังคงยืนขาตายอยู่ตรงนั้น กว่าเธอจะตั้งตัวได้ก็ถูกผู้ชายตัวใหญ่เข้ามารวบตัว บีบแขนแน่นแสดงความคุกคามอย่างที่ไม่เคยเจอในชีวิตเธอจะกรีดร้องแต่ปากถูกอุ้งมือใหญ่และหยาบกร้านบีบแน่น เด็กหญิงรับรู้สถานการณ์ได้แล้วว่านี่คืออันตรายพวกเขาไม่ใช่คนดี พวกเขาไม่บอกให้หยุด แต่พวกเขาทำเธอเจ็บจนรู้เองว่าต้องหยุดดิ้น เรียนรู้ได้เร็วดีนี่... หนึ่งในคนแปลกหน้าเดินเข้ามาหาเขาดูน่ากลัวน้อยกว่าทุกคน แต่ในมือมีปืน และกำลังยกขึ้นจ่อมาที่หน้าเธอรู้ว่าอยู่นิ่งๆ ก็จะไม่เจ็บตัว การข่มขู่นั้นไม่ได้มีผลให้เด็กหญิงกลัวไปมากกว่าเดิมแต่มันได้ผลสำหรับพี่ชายและครอบครัวของเธอที่ถูกมัดอยู่กลางห้อง ทุกคนต่างพยายามดิ้นให้หลุดหวังมาช่วยปกป้องเด็กผู้หญิงเพราะเธอคือหัวใจของบ้าน คือผ้าขาวที่ยังไม่พร้อมจะรับมือเรื่องน่ากลัวหรือคนน่ากลัวเหล่านี้ หนูชื่อเบลล์สินะชายแปลกหน้าเอ่ยถามน้ำเสียงเป็นมิตร เธอจึงพยักหน้ารับรู้มั้ยนี่อะไร...นี่เรียกว่าปืน...เวลาฉันยิง มันก็จะมีเสียงดังปัง! แต่นี่เป็นปืนเก็บเสียง จะดังไม่มาก แต่ปืนก็ยังเป็นปืนหนูเคยยิงปืนมั้ย...ไม่เหรอ...อยากลองยิงดูมั้ย อย่ายุ่งกับเบลล์ อย่ายุ่งกับเธอ ถ้าแกแตะต้องเบลล์ ฉันจะฆ่าแก! สาบานได้นิค! ชลิตาไม่เคยเห็นพี่ชายโกรธมากขนาดนี้มาก่อนเธอไม่ชอบให้พี่ชายเป็นแบบนี้ แต่ดูเหมือนผู้ชายที่ยกปืนจ่อหัวเธอจะชอบ เพราะเขากำลังหัวเราะเขาทำเหมือนมองไม่เห็นหรือไม่ได้ยินสิ่งที่พี่ชายข่มขู่ ยังคงหันมาพูดกับเธอ อย่าสนใจเสียงนกเสียงกาเลย หนูมาพูดเรื่องปืนต่อกับฉันดีกว่าหนูรู้มั้ยว่าปืน มีไว้ทำอะไร...ไม่รู้เหรอ...มานี่มา มานั่งข้างๆ นี่แล้วฉันจะบอกให้ นิคนำไปนั่งที่หน้าโซฟาชลิตาไม่แน่ใจหันไปมองสบตาพี่ชายอย่างต้องการขอคำปรึกษา พี่ชายส่ายหน้าห้าม แล้วหันไปทางผู้ชายคนนั้น อย่ายุ่งกับน้องเบลล์! อย่านะนิค อย่ายุ่งกับเธอ! ฉันทำอะไร! ฉันก็แค่จะสอนเรื่องปืนให้น้องสาวคนใหม่ของแกเท่านั้นอย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ไม่งั้นฉันจะสอนแบบรวบรัด คนแปลกหน้าพูดกับพี่ชาย ขณะที่เล็งปืนมาจ่อหน้าเธอทางที่ดีแกอยู่เฉยๆ ดีกว่าเควิน ชลิตารู้สึกว่าพี่ชายกำลังกลัวนิคในขณะที่เธอกลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้ดูหน้ากลัวเท่ากับคนแปลกหน้าคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่รอบๆพวกนั้นทำหน้าบึ้งตึง มองเธอดุๆ แล้วหนึ่งในนั้นบีบแขนเธอจนเจ็บไปหมด มานี่มา นิคหันมาเรียก ยิ้มให้อย่างใจดีชลิตาจึงทำตามทั้งที่รู้ว่าพี่ชายคงไม่อยากให้เธอเข้าใกล้ผู้ชายคนนั้น เอาง่ายๆคือ ปืนเป็นอาวุธที่เอาไว้ฆ่า...เอาไว้ทำให้ตาย...เอาไว้ทำให้เจ็บ นิคบอกเด็กหญิง ซึ่งเธอเข้าใจคำว่าฆ่ากับความตายแต่อาจไม่รู้สึกได้เท่ากับคำว่าเจ็บ ที่เบาสุดคือทำให้เจ็บ หนูเคยเจ็บตัวมั้ยเคยเลือดไหลมั้ย เด็กหญิงพยักหน้า หนูเคยโดนกระจกบาดที่ขาเลือดไหลเต็มเลยค่ะ ต้องไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล เจ็บมากเลยค่ะ งั้นเหรอ นิคพยักหน้าปืนทำได้มากกว่านั้นหลายเท่า ปืนสามารถยิงทะลุขาของหนูได้ ทะลุตัวได้เดี๋ยวลุงจะสาธิตให้ดู เอาใครเป็นเป้าดีนะ...พี่ชายคนใหม่เธอดีมั้ย นิคแกล้งถามชลิตาส่ายหน้าพรืด งั้นก็หนู... เธอส่ายหน้าอีกครั้ง หนูไม่อยากเจ็บ หนูกลัว งั้นเอาใครดีล่ะ นิคเล็งปืนไปที่คนนั้นคนนี้แม้แต่ลูกน้องของตน แล้วถามเด็กหญิงซึ่งเธอส่ายหน้าตลอด ไม่ต้องทำใครเจ็บได้มั้ยคะเบลล์ไม่อยากให้ใครเจ็บ เป็นเด็กดีนะเบลล์นิคยิ้มให้เด็กหญิงที่ไม่ได้เห็นความชั่วร้ายในตัวเขา ผิดกับเควินและคนอื่นๆในบ้านที่โตพอจะรู้ว่าที่อยู่ตรงนี้คือปีศาจร้ายซึ่งกำลังสนุกกับนางฟ้าตัวน้อยๆผู้ไร้เดียงสา แต่ฉันทำไม่ได้ บอกแล้วว่าฉันจะสอนให้เธอรู้ว่าปืนทำอะไรได้บ้างเธอไม่เลือก ฉันเลือกให้เองก็ได้... นิคลุกขึ้นยกปืนจ่อที่ศีรษะของเด็กหญิงแต่เบือนหน้าไปทางเด็กหนุ่มคนเดียวในบ้านที่ไม่ถูกมัด เขายังคงถูกชายร่างยักษ์เหยียบหลังให้คว่ำหน้าติดพื้นมีอีกคนยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ เขากัดฟันกรอดพยายามฝืนจะลุกแต่ถูกกระทืบซ้ำให้ต้องฟุบหน้าอยู่อย่างนั้น เอาใครดีนะ... นิคยิ้มเหี้ยมสนุกกับการทำให้ทุกคนกลัว อย่านิค...อย่าได้โปรด...อย่ายุ่งกับเธอเควินอ้อนวอนอย่างหวาดกลัว ยิ่งเห็นนิคขึ้นไกปืน เด็กหนุ่มแทบลืมหายใจฮึดสู้อีกครั้งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ่งถูกทำร้ายหนักและยิ่งนึกสมเพชตัวเองมากขึ้นหลับตาลงด้วยความขลาดเหมือนอยากหยุดทุกอย่างไว้ตรงนี้โดยไม่รู้ว่าเวลานี้ปลายกระบอกปืนเล็งไปที่ครอบครัวโยธินพิทักษ์ คนเป็นพ่อพยายามลุกขึ้นให้ตัวเองเป็นเป้าเพื่อปกป้องลูกชายและภรรยา ฉันเลือกพ่อเธอละกัน... พ่อ! เด็กหญิงผวาจะวิ่งเข้าหาทางปืน แต่ถูกสมุนของนิครวบตัวขึ้นก่อนที่เธอจะได้กรีดร้องปากของเธอก็ถูกปิดอีกครั้ง แม้จะเจ็บเธอก็พยายามดิ้นสุดแรงพยายามจะร้องห้าม แม้ทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้ๆ อย่าทำพ่อเบลล์...อย่า! เปรี้ยง! เสียงฟ้าคำรามขึ้นครั้งแรก รุนแรงจนพื้นสะเทือนก่อนจะตามมาอีกระลอก พร้อมกับการที่ชลิตาเห็นพ่อล้มลงดิ้นร่ายๆ อย่างเจ็บปวด แม่และพี่ชรินทร์พยายามจะเข้าไปช่วย แต่ทำไม่ได้ครู่ต่อมากางเกงสีอ่อนของพ่อก็ชุ่มไปด้วยเลือด ที่เวลานี้เริ่มไหลนองพื้นขณะที่เด็กหญิงมองตาค้าง... นี่คือขั้นที่หนึ่งทำให้เจ็บนิคก้มลงพูดกับเด็กหญิง พร้อมจะดูขั้นที่สองรึยัง... ชลิตาส่ายหน้า เธอตัวสั่นเกร็งร้องไห้พยายามจะพูดขอร้องแต่ทำไม่ได้จึงได้แต่ยกมือไหว้ จ้องมองนิคอย่างอ้อนวอนในขณะที่อีกฝ่ายยิ้มเหี้ยมยิ่งเป็นการเพิ่มความกลัวให้เด็กหญิงและทุกคนที่เป็นเหยื่อ เริ่มที่ใครดี หนูจะเลือกหรือให้ฉันเลือก? พอซะทีนิค! พอซะทีพ่อ! คำพูดอย่างเหลืออดนั้นเฉลยตัวตนของพวกมาเฟียปริศนานี้ได้ทันที หยุดซะที...เลิกทำให้พวกเขากลัว ถ้าอยากให้ผมกลับ ผมก็จะกลับไปกับพ่อแค่นั้นใช่มั้ยที่พ่อต้องการ แค่ให้ผมกลับไปกับพ่อ เลิกดื้อรั้น ยอมเป็นลูกหมาเดินตามทางพ่อ แค่นั้นใช่มั้ย! มันไม่ง่ายขนาดนั้น...แกคิดว่าความยุ่งยากที่แกทำให้ฉันมันจะจบลงแค่แกยอมกลับไปเป็นลูกหมาของฉันงั้นเหรอ...ไม่!...มันต้องมีคนรับผิดชอบกับเรื่องนี้ มันต้องมีคนมารองรับความโกรธของฉัน! เควินรู้ว่าคนที่จะรับผิดชอบนั้นนิคได้เลือกไว้แล้ว ผมจะรับผิดทุกอย่าง... เด็กหนุ่มเปลี่ยนความแข็งกร้าวเป็นอ้อนวอนพวกเขาไม่รู้เรื่อง พ่อ ได้โปรด อย่าทำอะไรพวกเขา พวกเขาไม่ผิด! ไม่ผิดงั้นเหรอ... ดวงตาของนิคหันมาทางชรินทร์ก่อนจะย่อลงมากระชากผมให้เงยหน้าขึ้น จ้องหน้าเอาเรื่อง ก่อนจะดึงเทปกาวที่ปิดปากออก แกไม่ผิด? บอกสิ! บอก เคย์ของพวกแกไปว่าพวกแกเป็นคนดีอย่างที่มันเข้าใจจริงมั้ย! สิ้นเสียงตวาดด้ามปืนตบเข้าที่หน้าชรินทร์ ฉันบอกให้ตอบ! ผิด! ผมผิด ผมไม่ใช่คนดีชรินทร์ตอบละล่ำละลัก กลัวลนลานเกินกว่าจะเชื่อได้ว่านั่นเป็นคำสารภาพ ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ...ผมขอโทษครับแม่ ผมขอโทษครับพ่อ...เบลล์พี่ขอโทษ...เคย์...ฉันขอโทษนายด้วย... ชรินทร์ นายไม่ต้องขอโทษ นายไม่ผิด นายไม่ได้ทำผิด...เควินเห็นว่าสิ่งที่ชรินทร์ทำไปเกิดจากความกลัว พอซะทีนิค พอซะทีพ่อ! จะให้ผมทำยังไงผมก็ยอมผมยอมแล้ว...อย่าทำร้ายพวกเขา พวกเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ต้องไปโยนความผิดให้ใคร คนที่ผิดคือผม คือผมที่เข้ามาในชีวิตพวกเขาถ้าเขาไม่เก็บผมมาจากข้างทาง พวกเขาก็ไม่เป็นแบบนี้ พวกเขาไม่ผิด...พ่อ...ได้โปรด อย่าทำให้ผมรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ นิคยังคงไม่พูดอะไรนอกจากจ้องมองชรินทร์ที่เวลานี้ได้แต่ก้มหน้าสะอื้นไห้ มีเลือดไหลออกจากปากที่แตก ผมไม่เคยขอร้องอะไรพ่อ...แค่เรื่องนี้ปล่อยพวกโยธินพิทักษ์ไป แล้วผมจะยอมทุกอย่าง จะเป็นทุกอย่างที่พ่ออยากให้เป็นปล่อยพวกเขาไป...แค่ปล่อยพวกเขาไป...ได้โปรดพวกเขาไม่รู้เรื่องด้วย งั้นเหรอ หันกลับมาทางคนที่เรียกเขาว่าพ่อ ในสายตาแกคนพวกนี้คงเป็นพระเจ้าสินะ ส่วนฉันก็คือซาตาน?! ความเงียบคือคำตอบซึ่งชัดเจนที่สุดมันทิ่มแทงใจของคนเป็นพ่อให้อยากร้ายกว่าที่เคยเป็น ดี...งั้นฉันจะเป็นซาตานให้แกดูแกจะได้รู้ว่าซาตานจริงๆ เป็นยังไง! ขะ--คุณจะทำอะไรเควินสัมผัสได้ว่าแววตาของนิคดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง ก็รับข้อเสนอแกไง แต่ไม่ทั้งหมดหรอกนะเพราะฉันบอกแล้วว่าต้องมีคนรับผิดชอบที่ทำให้ฉันเสียเวลามาที่นี่เพื่อทำเรื่องพวกนี้ นิคจับจ้องเหยื่อทีละคนก่อนจะหยุดที่เด็กหญิงที่ครอบครัวพยายามห้อมล้อมเธอไว้ราวกับว่าจะป้องกันอันตรายให้ทั้งที่รู้ดีว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย ฉันจะยอมปล่อยคนหนึ่งแต่สามคนที่เหลือ แกจะต้องเป็นคนฆ่าพวกเขาเองกับมือ!...ต่อหน้าฉัน! แววตาของนิคเยือกเย็นราวปีศาจร้ายที่จะไม่ต่อรองใดๆอีกแล้ว เลือกเอา แกจะให้ฉันฆ่าทั้งหมดนี่รวมถึงแก! หรือแกจะลงมือเอง แล้วมีสิทธิเลือกเองว่าจะให้ใครรอด ปืนถูกวางลงตรงหน้าเด็กชายวัยสิบห้าปืนจากผู้เป็นพ่อที่กำลังจะสอนให้ลูกชายคนเดียวเดินตามวิถีทางของตนเพราะเชื่อว่าการฆ่าครั้งแรกอาจยาก แต่ถ้าทำแล้วครั้งต่อไปก็ไม่ใช่ปัญหา แล้วที่สำคัญประตูคืนสู่ตระกูลของเควินก็จะถูกเปิดออก ตรงข้ามกับทางย้อนมาที่นี่ก็จะถูกปิดตายอย่างสมบูรณ์ อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ...ไอ้ลูกชาย! นิคบอกเสียงกร้าวไม่มีต่อรองใดๆ ชลิตาเห็นชัดว่าปืนกระบอกเดียวที่ยิงพ่อไปเมื่อครู่ถูกยัดใส่มือพี่ชาย อย่านะ...พี่ชายอย่านะคะ อย่าทำพ่อแม่เบลล์ อย่าทำพี่ชรินทร์นะคำอ้อนวอนคลอเสียงสะอื้นฮัก เธอพยายามยกมือที่สั่นริกนั้นขึ้นไหว้ เบลล์ขอ... เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ชลิตารู้สึกหวาดกลัวใจของพี่ชายซึ่งกำลังก้มมองปืนในมือ... อย่านะคะ อย่านะ เบลล์ขอ... เปรี้ยง! เสียงฟ้าคำรามทำเด็กหญิงขวัญผวาอีกครั้ง เธอหลับตาปี๋ ยกมืออุดหูไม่อยากรับรู้ใดๆ เสียงฟ้ายังคงคำรามมาอีกเป็นระยะๆ ฝนด้านนอกก็ยิ่งตกแรงราวกับจะร่ำไห้กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น... เวลาเหมือนหยุดนิ่ง... แต่ก็ผ่านไปเนิ่นนาน เป็นนาที สองนาทีหรือมากกว่านั้น ชลิตาไม่รู้ว่านานแค่ไหน เธอไม่ยอมรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างทุกอย่างดูขาวโพลนไปหมด เสียงตวาด ความวุ่นวาย ถูกตัดออกไปด้วยความกลัว กระทั่งมือคลำไปเจอน้ำเหนียวหนืด เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมองมือที่เปื้อนคราบสีแดงนั้น ดวงตากลมโตนั้นสั่นเครือราวกับจะสะท้อนหัวใจของเด็กหญิงที่หวาดกลัวและเต้นแรงเธอไม่กล้าแม้แต่จะเบือนสายตาไปจากมือตัวเอง แต่แล้วความอยากรู้ก็เอาชนะภาพที่เธอเห็นคือร่างพ่อ แม่ และพี่ชายนอนเกยกันอยู่ ทุกคนแน่นิ่งหันหลังให้เธอรอบตัวมีกองเลือดจำนวนมาก...มากกว่าตอนที่เธอถูกกระจกบาดมากกว่าที่ไหลออกจากขาของพ่อตอนถูกนิคยิง กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วกลิ่นที่ชวนให้สะอิดสะเอียน ไม่...ไม่จริงเด็กหญิงปฏิเสธความคิดของตัวเองในใจ แต่เสียงนิคก็ลอยเข้ามาในหัว เอาง่ายๆ คือ ปืนเป็นอาวุธที่เอาไว้ฆ่า เอาไว้ทำให้ตาย ฆ่า...ไม่จริง ทุกคนยังไม่ตายเด็กหญิงปฏิเสธสิ่งที่สัมผัสได้ ผวาเข้าหาร่างชรินทร์เป็นคนแรกพยายามพลิกตัวพี่ชายขึ้น แต่ร่างนั้นหนักมากไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ชายจะตัวหนักขนาดนี้เธอพยายามแต่ไม่สำเร็จจึงเป็นคนก้าวไปอยู่ข้างหน้าเสียเอง สิ่งแรกที่เห็นคือรอยเลือดจากรูกระสุนบนอกคราบเลือดย้อมเสื้อสีขาวให้เป็นแดง พี่ชรินทร์! เธอโผเข้ากอด กรีดร้องพลางเขย่าตัวพี่ชาย พี่อย่าเป็นอะไรนะพี่อย่าเป็นอะไรนะ พี่ชรินทร์ ตื่นสิคะ ตื่นมาพูดกับเบลล์ แม่คะ ปลุกพี่ชรินทร์ที เมื่อเรียกพี่ชายไม่ยอมตื่นเธอพยายามกระเสือกกระสนไปที่ร่างแม่ซึ่งอยู่ถัดจากร่างชรินทร์หวังเหลือเกินว่าแม่จะลุกขึ้นมาช่วยปลุกพี่ชายเหมือนทุกๆ เช้า แม่คะ พ่อคะ ปลุกพี่ชรินทร์ที... เมื่อเธอพลิกตัวแม่ออกมาได้ภาพที่เห็นเป็นอันดับแรกคือรอยกระสุนที่เจาะบนหน้าผาก เลือดไหลอาบหน้าเช่นเดียวกับพ่อที่ถูกยิงแสกหน้าทะลุข้างหลัง ทั้งสองตายตาไม่หลับดวงตายังเบิกโพลงจ้องมองลูกสาวคนเล็กที่เวลานี้ช็อกสุดขีดอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น. กระทั่งเสียงฟ้าคำรามขึ้นก่อนที่เด็กหญิงจะกรีดร้องสุดเสียงและหมดสติไป! การรับรู้ของชลิตาจบสิ้นไปพร้อมสติผิดกับเควินที่ยังช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มือที่ถือปืนสั่นเทิ้มเขาเหมือนหลับตาลงไปครู่เดียว แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังเสียงปืนและเสียงฟ้าร้อง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตลอดกาลสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวเวลานี้คือคำถามที่เขาพยายามหาคำตอบ ทุกคนตาย! เราฆ่าทุกคน? เราคือฆาตกร? ทำได้ยังไง...แกทำได้ยังไงเคย์! แกฆ่าคนที่มีบุญคุณกับแกได้ยังไง ทำได้ยังไง! ผมขอโทษครับพ่อเชาว์ แม่นิด ชรินทร์ฉันขอโทษ!...น้องเบลล์พี่ขอโทษ...พี่ขอโทษ... แม้เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่แล้วแต่เควินยังคงขยับตัวไม่ได้หัวใจเขาเหมือนแตกสลาย ไปพร้อมกับความตายของพ่อแม่และชรินทร์ เขายังคงรับรู้ได้ถึงแววตาหวาดกลัวที่คนเหล่านั้นจ้องมอง กระทั่งร่างเหล่านั้นทรุดฮวบ เลือดไหลอาบเสียงปืนและเสียงฟ้าร้องยังก้องอยู่ในหัว เก่งมากไอ้ลูกชายเสียงกระซิบจากผู้ชายที่เขาเกลียดบาดลึกเข้าไปในหัวใจ นับจากวันนี้ชีวิตแม่หนูเบลล์เป็นของแกฉันจะไม่ฆ่าเธอตามสัญญา แต่นับจากนี้แกคงอยู่เคียงข้างเธอไม่ได้แล้วจะอยู่ให้ตำรวจมาลากคอที่นี่หรือกลับบ้านกับฉัน...แต่ถ้าจะกลับไปก็จำใส่กะโหลกไว้ด้วยว่า นับจากนี้ชีวิตแกเป็นของฉัน! เสียงประกาศกร้าวนั้นเหมือนคมมีดที่กรีดเข้าไปในเนื้อใจของเควินให้เจ็บปวดเจียนตายไม่ต่างกับชลิตา ที่นับจากนี้เธอได้สูญเสียครอบครัวและความทรงจำไปพร้อมกันเพราะทนรับความจริงไม่ได้ เด็กหญิงกลายเป็นพยานสำคัญที่เห็นฆาตกร แต่กลายเป็นว่าเธอจำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังในหน้าหนังสือพิมพ์แต่เพียงไม่กี่วันผ่านไปเรื่องก็ถูกลืมเลือนไม่มีใครสนใจการคงอยู่ของเด็กผู้หญิงที่รอดชีวิต นิคใช้อิทธิพลและเงินวิ่งเต้นเรื่องคดีให้คนไปเผาบ้านที่เกิดเหตุรวมถึงทำลายหลักฐานทิ้งแล้วต่อมาตำรวจสรุปสำนวนคดีว่าเป็นการฆาตกรรมในครอบครัว พ่อฆ่าลูกชายและภรรยาแล้วยิงตัวเองตายตาม ไม่มีญาติคนไหนจะรับชลิตาไปอยู่ด้วย เพราะครอบครัวนี้มีหนี้สินมหาศาลเธอจึงถูกส่งไปยังบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าในสภาพบอบช้ำหวาดกลัวเสียงดังโดยเฉพาะเสียงฟ้าร้อง เสียงพลุเพราะมันเหมือนสิ่งกระตุ้นให้เธอเห็นภาพพ่อแม่และพี่ชายถูกฆ่า... ครึ่งปีต่อมา... ช่วยด้วยครับ เด็กแพ้อาหาร ช็อก หมดสติไปแล้วครับ! เสียงตะโกนเรียกดังมาจากชายในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยที่กำลังแบกร่างเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบยืนหันรีหันขวางก่อนจะปรี่ตรงเข้ามาเมื่อเห็นป้ายแผนกฉุกเฉินด้านหลังมีครูพี่เลี้ยงวัยสี่สิบกว่าๆ วิ่งตามติดมาหล่อนพยายามเรียกชื่อเด็กหญิงแต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง น้องเบลล์! ตื่นสิลูก ลืมตาไว้นะช่วยด้วยค่ะ! พนักงานและพยาบาลที่อยู่ในบริเวณนั้นรู้เหตุรีบตรงเข้าไปดูอาการ คนหนึ่งเข้าไปรับคนป่วย อีกคนเข็นเตียงมาเตรียมพร้อมไว้ช่วยกันจับเด็กหญิงให้นอนเหยียดยาว พร้อมกับเข้าช่วยเหลืออย่างรีบเร่ง แกเพิ่งหมดสติไปค่ะ ครูพี่เลี้ยงบอกอย่างร้อนรนยังคงจับมือเด็กหญิงไว้ แกแพ้อาหาร พ่นยาให้แล้วก็ไม่ดีขึ้นทรมานมาก แล้วก็หมดสติ แก... ไม่ต้องห่วงนะคะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เรา ญาติรออยู่ข้างนอกนะคะพยาบาลคนหนึ่งเข้ามากันออกไป ขณะที่คนอื่นกำลังเช็คอาการเบื้องต้นต่อให้เราทำหน้าที่ของเราเถอะค่ะ น้องเบลล์ เข้มแข็งไว้นะลูก! ความตกใจทำให้เธอไม่ฟังเสียงห้ามพยายามจะเข้าหาตัวเด็กหญิงจนพนักงานที่มาด้วยกันต้องช่วยดึงออกมาพยายามเตือนสติ น้องเบลล์ถึงมือหมอแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับครู ใจเย็นๆ ครับ เป็นอาการอนาไพลาซิส...หลอดลมปิดไปแล้ว! บุรุษพยาบาลที่เพิ่งดูอาการคนป่วยร้องบอก ไป!เข็นเตียงไปเลย! ความวุ่นวายเมื่อครู่เลือนหายไป เมื่อประตูห้องฉุกเฉินกระแทกปิดแต่ความเศร้าสะเทือนใจกลับยังคงตกค้างอยู่ด้านนอก ผมเห็นเด็กวนเวียนมาที่บ้านอุปถัมภ์ก็เยอะแต่ไม่เคยเห็นใครจะโชคร้ายเท่าน้องเบลล์เลย ชายที่เพิ่งแบกร่างเด็กหญิงเข้ามารำพันอย่างสะท้อนใจเขาก้มมองดูล็อกเกตนาฬิกาขนาดเหรียญสิบในมือ ก่อนจะเปิดมันออกมองดูภาพถ่ายครอบครัวของเด็กหญิงบนฝาครอบนั้นอย่างสะท้อนใจนี่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เด็กหญิงมี เธอจะถือมันติดตัวไว้เสมอโดยเฉพาะเวลาที่ต้องทรมานจากอาการแพ้ กุมมันไว้กระทั่งหมดสติไปร้องไห้คร่ำครวญถึงครอบครัว เวรกรรมอะไรนักหนาลูกเอ๊ย... ไม่ต้องช่วยหนู ปล่อยให้หนูตาย หนูอยากตาย... นั่นคือเสียงอ้อนวอนจากห้วงลึกของเด็กหญิงผู้กำลังถูกช่วยชีวิต ไม่เป็นไรนะลูกเบลล์ หนูไม่ต้องกลัวไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะอยู่กับลูก พ่อ แม่และพี่ชรินทร์จะอยู่กับลูกตลอดไป...หนูหลับซะนะ พ่อสัญญาว่าเมื่อหนูตื่น พวกเราจะอยู่ข้างๆ หนูจะคอยยิ้มให้หนู...พ่อสัญญา ใบหน้าของพ่อที่แสนใจดีลอยเข้ามาในห้วงความทรงจำก่อนภาพนั้นจะกลายเป็นรอยยิ้มของแม่ แม่ทำตามสัญญาแล้วนะนี่เป็นเค้กผลไม้สูตรพิเศษสำหรับเด็กแพ้อาหารอย่างหนู เมอรี่คริสต์มาส แอนด์แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะจ๊ะลูกรัก ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานนางฟ้าน้อยๆ มาให้ครอบครัวเราอธิษฐานสิจ๊ะ แล้วเป่าเทียนนะ อธิษฐานยังไม่เสร็จอีกเหรอ เทียนจะหมดเล่มแล้วนะขออะไรนักหนาเนี่ย พี่ชรินทร์อย่าเร่งสิคะ เบลล์มีเรื่องต้องขอเยอะแยะเลยเบลล์ขอให้คุณพ่อคุณแม่แข็งแรง ขอให้เบลล์เรียนเก่ง ขอให้พี่ชรินทร์ได้เป็นเชฟชื่อดังอย่างที่พี่ชรินทร์ตั้งใจด้วยไงคะข้อหลังเนี่ยต้องตั้งใจมากหน่อยค่ะ เพราะพี่ชรินทร์ทำอาหารไม่ได้เรื่องเลย ว่าพี่เหรอ แต่คอยดูนะพี่จะทำให้ได้เพราะพี่เคยสัญญากับนางฟ้าแถวนี้ไว้แล้วว่า พี่จะตั้งใจเรียนทำอาหารพี่จะเชฟเป็นที่เก่งที่สุด ปรุงอาหารที่วิเศษที่สุดสำหรับคนที่พี่รักโดยเฉพาะกับเบลล์ ไม่ว่าเบลล์อยากทานอะไรพี่ก็จะทำให้ทาน รอหน่อยนะ พี่สัญญาแล้วพี่จะต้องทำให้ได้ ทั้งที่เคยสัญญากับหนู ทำไมทุกคนไม่รักษาสัญญาทำไมถึงทิ้งหนูไว้ตรงนี้... พ่อขา แม่ขา พี่ชรินทร์ อย่าทิ้งเบลล์ไว้คนเดียว... เบลล์ไม่ไหวแล้ว มารับเบลล์ไปอยู่ด้วย ได้โปรด...
|