<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
25 กันยายน 2553

ขอโทษที...






ขอโทษที...


หรือสังคมนี้มีแต่คนอยากเม้าธ์?






สวัสดีค่ะ

หัวข้อของเอนทรี่นี้ มาจากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน
วันสาร์ที่ 25 กันยายน 2553 ในหน้าบันเทิง-วรรณกรรม ซึ่งอ่านแล้วโดนใจมากๆ
จึงขออนุญาตทาง "มติชน" นำมาลงไว้ให้อ่านในบล็อกนี้ด้วย

ขอขอบพระคุณ "มติชน" มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


- - - - - - - - - - - - -


มีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นกลางวงสนทนาว่าด้วย "วัฒนธรรมการวิจารณ์กับสังคมไทย"

บ้างก็ว่าเราไม่มีพื้นที่ให้วิจารณ์ บ้างก็ว่าเราไม่เคยเคารพการวิจารณ์อย่างจริงใจ
บ้างก็ว่าสังคมนี้นิยมซุบซิบนินทา หรือหยวนๆ ยอมๆ กันไป

ไม่ต้องดูกันให้อื่นไกล แค่เรื่องบันเทิงๆ ศิลปะนานา ทั้งหนัง หนังสือ เพลง ละคร
ถามว่าจะมีผู้สร้างงานสักกี่คนที่ยอมรับการแตะต้องจากสาธารณะได้ด้วยใจจริง

ถึงขั้นเคยมีนักเขียนหญิงนามอุโฆษ ซึ่งสร้างผลงานนับร้อยเรื่องด้วยนามปากกาต่างกัน
และมีแฟนหนังสือมากมาย เคยประกาศก้องไว้เลยว่า

"นักวิจารณ์ก็เหมือนคนอยากเต้นรำ แต่ไม่มีขา"

ขนาดเรื่องศิลปะ ยังยากที่จะยอมรับความเห็นต่าง ดีไม่ดี
บางทีนี่อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่พาบ้านเมืองนี้มาสู่สภาวะแบบนี้ก็เป็นได้

สภาวะที่มีแต่เสียงเม้าธ์กับประวัติศาสตร์แบบกระซิบๆ


- - - - - - - - - - -


"ไม่ใช่ไม่มีวัฒนธรรมการวิจารณ์ แต่เป็นการวิจารณ์อีกระบบหนึ่ง"

ประโยคข้างต้นเป็นของ สิทธิรักษ์ ตุลาพิทักษ์ นักวิจารณ์ภาพยนตร์มืออาชีพ ก่อนขยายความเพิ่มว่า
รูปแบบการวิจารณ์ส่วนใหญ่ของไทยเป็นการแนะนำว่าสนใจ
ไม่ใช่การวิเคราะห์จริงจังเพื่อเผยแพร่ เหมือนอาจจะเป็นลักษณะสังคมเฉพาะของบ้านเรา

"คนไทยชอบประนีประนอม ไม่มีการแสดงทรรศนะอย่างตรงไปตรงมา
เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วัฒนธรรมการวิจารณ์ไม่แข็งแรง
เหมือนไปดูงานแล้วถ้าไม่ชอบก็จะไม่พูดถึง หรืออาจตำหนิด้วยเสียงนินทา
ในเชิงศิลปะจะชัดเจนมาก ไม่พูดถึงต่อหน้าเจ้าของงาน"


จะว่าไปสังคมโดยรวมก็เปิดกว้างมากพอสำหรับการวิจารณ์
แต่ปัญหาคือ ถ้าแสดงทรรศนะออกไป ก็ต้องพร้อมรับแรงเสียดทานทุกรูปแบบ

"มันค่อนข้างสุ่มเสี่ยง เปลืองตัว อาจถูกตีหัวได้ง่ายๆ " สิทธิรักษ์หัวเราะเบาๆ
ก่อนตั้งข้อสังเกตว่า จะว่าไปก็เป็นเรื่องน่าแปลกไม่น้อย ในความประนีประนอม กลับมีความชัดเจนที่ว่า

"ไม่ใช่พวก ก็เป็นศัตรูไปเลย" ปรากฏอยู่

"มันมีประโยคหนึ่งคือ เก่งจริงก็ลองมาทำดูซิ" ถ้ามีตรงนี้ก็พูดกันลำบากแล้ว

"การที่รสนิยมศิลปะไม่ตรงกัน ไม่ได้แปลว่าถูกหรือผิด เป็นเรื่องของความหลากหลาย"

แต่ความหลากหลายนั้น ก็ย่อมไม่มาด้วยอารมณ์ เพียงดี - ไม่ดี ชอบ - ไม่ชอบ

เพราะงั้นถ้าอยากให้สิ่งที่วิจารณ์มีพลังมากพอละก็...

"ต้องศึกษาและมีภูมิความรู้ให้มากพอที่จะแสดงความเห็น ใช้เวลาและความคิดวิเคราะห์งาน"


- - - - - - - - - - - - -


ยิ่งไม่เข้าใจกัน คิดไม่เหมือนกัน ยิ่งต้องคุย

"เพราะถ้าไม่กล้าจะวิจารณ์ สั่งสมไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเราก็จะเกิดการไม่พูดกันเลย"

ที่ จรูญ ปรปักษ์ประลัย นักวิจารณ์วรรณกรรมพูดคือเรื่องของศิลปะ จะว่าไปก็โยงๆ ให้เห็นถึงสังคมอยู่เหมือนกัน

"บ้านเรามีเรื่องระบบอาวุโส จากอดีตการวิจารณ์มีลักษณะเดียวคือ ครูกับศิษย์
หลุดจากกรอบที่วางไว้คือคุณผิด เป็นการตัดสินไม่ใช่ให้เหตุผล ถ้ามองจากงานศิลปะจะเห็นชัดมาก
หลังจากรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา ก็เริ่มมีอีกรูปแบบหนึ่ง
อย่างที่เห็นเข้มข้นหน่อย ก็เป็นในหนังสือพิมพ์สมัยรัชกาลที่ 6
แต่ยังเน้นข้อเสียว่าควรปรับปรุงยังไง จะรู้สึกเหมือนถูกสอนตลอดเวลา ซึ่งไม่มีใครชอบอยู่แล้ว"


"จริงๆ เราเลียนแบบฝรั่ง แต่สุดท้ายก็ไม่กลมกลืนกับสังคมไทย
เพราะจนถึงทุกวันนี้ คนก็ยังมองว่าคือการตำหนิ
ทั้งที่จริงแล้วศาสตร์นี้คือ การแสดงความคิดอย่างมีเหตุมีผลตามมุมของคนที่วิจารณ์"


เมื่อประกอบกับปัญหาเชิงความสัมพันธ์ที่ไม่แยกส่วนระหว่างส่วนตัวกับชิ้นงาน
หลายครั้งเลยกลายเป็นวิวาทะระหว่างบุคคลไปซะงั้น
เลยเกิดการเลี่ยงที่จะทำ เพราะกลัวผลในแง่ของความรู้สึกดังกล่าว
ทั้งที่โดยองค์รวมแล้ว การวิจารณ์จะทำให้เติบโต

"มันเป็นจุดเล็กๆ ที่สะท้อนภาพตอนนี้ได้ชัดมาก
คนที่เห็นทางการเมืองต่างกัน ก็เลือกจะไม่พูดกัน เพราะไม่อยากผิดใจ ทั้งที่เราต้องคุย"


"พูดแล้วซวย เลยไม่พูดดีกว่า ซึ่งไม่ดีเลยนะ ไม่ดี"


- - - - - - - - - - -


"ความเห็นของคนอื่นก็มีความหมาย ไม่ว่าจะบนพื้นฐานไหนก็ตาม"

ชมัยพร แสงกระจ่าง บอกก่อนเสริมว่า
"วัฒนธรรมการวิจารณ์ของบ้านเราไม่เต็มร้อย เป็นการแสดงความเห็นแบบระมัดระวัง
ส่วนใหญ่เป็นการนินทา ถ้าเผชิญหน้าก็จะเป็นการยกยอปอปั้น ทั้งๆ ที่จริงๆ ต้องทั้งตำหนิ ติ ชมได้พร้อมกัน
ซึ่งตัวสะกัดกั้นความคิดมาจากหล่อหลอมเรื่องระบบอาวุโสกันไว้"

และนำไปสู่การสั่งสมความลวงไว้ในตัวเอง

"วันหนึ่งความจริงก็จะกลายเป็นความลวง
เราต้องแก้ สร้างวัฒนธรรมการวิจารณ์ให้เข้มแข็ง ให้การนินทาลดไป แบ่งชัดระหว่างความจริงกับความลวง
ต้องมีการวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาและที่สำคัญ คือฟังว่าคนอื่นพูดยังไง"

"ถ้าใครว่าก้าวร้าว ก็อยู่ที่ท่าทีปรับให้นิ่มนวล อยู่บนเหตุผล ทุกอย่างก็จะไปได้ดี"


ฟังแล้วอาจรู้สึกเหมือนยูโทเปีย แต่ ชมัยพรก็ว่าดีกว่าต่ำสิบอย่างทุกวันนี้

"ไม่มีอะไรได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่เราต่ำสิบแล้ว"

เพราะการวิจารณ์ไม่ได้มีความหมายแต่เพียงบันเทิงหรือศิลปะ แต่....

"ความเป็นประชาธิปไตยที่เราเรียกหา ต้องอยู่บนเหตุผลและรับฟังกัน"


- - - - - - - - - - - - - - - -


นำข้อคิดดีๆ มาแบ่งปัน ไว้ให้อ่านกันค่ะ





 

Create Date : 25 กันยายน 2553
17 comments
Last Update : 9 มิถุนายน 2555 12:18:25 น.
Counter : 947 Pageviews.

 

 

โดย: BabyGreace 25 กันยายน 2553 13:02:07 น.  

 

คุณป้าเกรซมาเร็วมาก
มาก่อนตรวจปรู๊ฟเสร็จเสียอีก



 

โดย: addsiripun 25 กันยายน 2553 13:13:13 น.  

 

เห็นด้วยกับข้อความที่ป้าแอ๊ดลงไว้วันนี้เลยครับ

 

โดย: ลุงแอ๊ด 25 กันยายน 2553 13:18:31 น.  

 



นักวิจารณ์ .. นักนินทา ..
จะว่าไป ก็ ..

นักวิจารณ์ .. พวกหารายได้จากงานของคนอื่น
นักนินทา .. พวกหาความสุขจากเรื่องมุมลบของคนอื่น

จะว่าไป ..
ก็ใช้อารมณ์เป็นตัวกำหนดทั้งสองอย่างนะคะ

แต่อย่าง .. มองการเมืองต่างนี่ .. ต้องหุบปากจริงๆเร้ยยย อิอิ
เหมือนที่บทความว่าไว้เลยค่ะ
"พูดแล้วซวย เลยไม่พูดดีกว่า"











 

โดย: d__d (มัชชาร ) 25 กันยายน 2553 13:35:53 น.  

 

อ่านแล้วคิดถึงคุณระบียบรัตน์
คุณเทพไท โฆษกนายก
คุณอะไรต่อมิอะไร
ที่ชอบพูด ชอบสื่อ ชอบเป็นข่าว
ชอบวิจารณ์ ชอบวิพากษ์
และชอบตัดสินคนอื่น....


การวิจารณ์เป็นสิ่งดีนะครับป้าแอ็ด
ผมว่าเป็นเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนความคิด
แต่ไม่ไ่ด้สะท้อนตัวตนของใครคนนั้น
เพราะไม่มีทางที่ใครจะรู้จักใครได้ดี

ขนาดตัวเรา
บางวัน
ยังไม่รู้จักตัวเองดีพอเลยครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 25 กันยายน 2553 13:49:36 น.  

 

โบราณว่า "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลืงทอง"
ปัจจุบัน "พูดไปก็หาว่าพูดมาก ไม่พูดก็หาว่าปากอมอะไร"
ป้าขา หนูจะทำตัวยังไงดี

 

โดย: ลูกสาวเมืองโอ่ง (fuzz_zi3 ) 25 กันยายน 2553 14:10:06 น.  

 

นิ่งเสียตำลึงทองดีกว่า

อิอิ

จริงค่ะ

พูดดีเป็นศรีแก่ปาก

พูดมาก ๆ ปากจะสีสี

 

โดย: Rinsa Yoyolive 25 กันยายน 2553 15:09:29 น.  

 

 

โดย: หน่อยอิง 25 กันยายน 2553 17:58:10 น.  

 

ใช่เลยค่ะ

ของเราอ่อนแอจริงๆ

อย่างวิจารณ์การประกวดร้องเพลง ถ้าคอมเมนต์เตอเตอร์พูดแรงหน่อย

โห...แฟนคลับถล่มเละ เช้าขึ้นมา สื่อด่าอีก

หาว่าไม่ให้กำลังใจ

แล้วก็ประเภท เก่งจริงมาทำดูเองเนี่ย...บ้านเราถนัดใช้คำนี้มาก

ตกลงว่าคนจะวิจารณ์เนี่ย ต้องทำเรื่องนั้นๆเป็นใช่มั้ย

ใครพูดแบบนี้ ก็อยากตอบกลับบ้างว่า งั้นแกลองมาเป็นนักวิจารณ์ดูบ้างมั้ย

การวิจารณ์ก็เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง ศาสตร์ใครศาสตร์มัน

 

โดย: นักล่าน้ำตก 25 กันยายน 2553 18:24:48 น.  

 

นักวิจารณ์โดยมากชอบแอบหลังเสา
ขี้ขลาดตาขาวครับ

 

โดย: panwat 25 กันยายน 2553 19:05:32 น.  

 

สวัสดีครับ คุณป้าแอ้ดครับ

ปากคน เป็นได้ทั้งเครื่องสร้างสรรค์แลพทำลายนะครับ

ทุกวันนี้ คนปากไม่สร้างสรรค์ มีเยอะไปหน่อย

 

โดย: ชายผู้หล่อเหลา...กว่าแย้นิดนึง. (เป็ดสวรรค์ ) 25 กันยายน 2553 21:04:02 น.  

 

มาเร็ว เคลมเร็ว ..ไม่ใช่ซิ...ต้องบอกว่ามารายงานตัวไว้ก่อน เพราะว่าต้องรีบไปงานศพที่ท่าตะโก ก็เลยยังไม่ได้พูดซักคำ มิใช่กลัวดอกพิกุลร่วงนะคะ

วิจารณ์กับนินทา ใช้อวัยวะเดียวกันคือปาก ส่วนจะใช้สมองซีกไหนคิดก็แล้วแต่ผู้พูดแหละค่ะ สมัยนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้เตี่ยเคยสอนว่าให้ "ก่ำจี้" ไว้ถ้าไม่ใช่เรื่องของเรา

แปลตรงตัวคือ อมลิ้น แปลแบบป้าเกรซคือ หุบปาก แหะแหะลูกทุ่งไปหน่อยนะคะ

ป้าแอ๊ดเริ่มเบื่อหนูแล้ว ลาไปอาบน้ำ ทำกระเป๋าก่อนนะคะ ฝันดีค่ะ

.. ป้าแอ๊ดว่า เฮียฮ้อ จะทำยังไงดี แล้วคุณระเบี...เธอจะแถลงว่าไงอีก 555

 

โดย: BabyGreace 25 กันยายน 2553 22:34:39 น.  

 

ขอบคุณค่ะ ป้าแอ๊ด..ที่มาแบ่งปันอะไรดีๆ ๆ

จริงๆ ๆ ด้วยค่ะ

ต้องคิดก่อนพูด แต่บางคนก็คิดแล้ว
แต่เค้าคิดได้แค่แบบเนี๊ยะแหละค่ะ.....

พูดยากค่ะ

คนทำมักโดนติ คนไม่โดนติ คือ คนไม่เคยทำค่ะ

 

โดย: Gunpung 26 กันยายน 2553 4:35:34 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับป้าแอ็ด







 

โดย: กะว่าก๋า 26 กันยายน 2553 6:11:54 น.  

 

......มาแอบอ่านบทความจ้ะ......

 

โดย: jetsada.999 26 กันยายน 2553 7:09:11 น.  

 



สวัสดียามเช้าค่ะป้าแอ๊ด
พักผ่อนอย่างมีความสุขนะคะวันนี้
ถ้าว่างก็ .. ไปกับดี.นะคะ
ดี.มารับค่ะ

 

โดย: d__d (มัชชาร ) 26 กันยายน 2553 7:10:55 น.  

 

สวัสดียามเช้าวันจันทร์คะ^^
แคร์ไม่ค่อยได้ดูทีวีหรือว่า
อ่านหนังสือพิมพ์เลยคะพักนี้
มีความรู้สึกว่า เราทำงานมาทั้งวัน
เครียดพอแล้วอ่ะคะ เวลาเราไปดู
เราก็เครียดหนักขึ้นกว่าเดิม เป็น
อุปทานหมู่ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ดังนั้น ก็อย่าไปดูมันดีกว่า 5555

 

โดย: yxoxy 27 กันยายน 2553 8:06:08 น.  


addsiripun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [?]




ลบบล็อกงานตัดเย็บทิ้งหมดแล้วนะคะ
[Add addsiripun's blog to your web]