Life is short, so live it!

เมือง Chania เกาะ Crete ตอน 2



 photo 048.jpg


บล็อกที่แล้วเราพูดถึงที่พักใน Chania และ Venetian Lighthouse ริมท่าน้ำ
ส่วนวันนี้จะพูดถึงที่เที่ยวในเมือง Chania นะคะ : )


Old Town
ส่วนนี้จะอยู่ติดริมแม่น้ำ เป็นถนนเส้นเล็กที่ขนานกับเส้นริมน้ำ
ร้านรวงแน่นขนัด คนเดินกันขวักไขว่จนถึงค่ำมืด
นอกจากร้านขายของที่ระลึกทั่วไป จำพวกแมกเน็ต กระเป๋าผ้า
ยังมีร้านที่ออกแบบผลงานตัวเองมาวางขาย เป็นที่ๆ เหมาะจะซื้อของฝาก
และมาเดินเล่นดูบ้านเรือนของคนกรีกสมัยก่อน
เห็นซอกหลืบไหนน่าเดินเล่น ก็เตร่เข้าไปได้ไม่มีใครว่า
ถนนหนทางค่อนข้างปลอดภัย และ "สะอาด" เหลือเชื่อ
แทบไม่เห็นเศษกระดาษ หรือขยะ เกลื่อนบนถนนเลย ประทับใจมาก


 photo 047.jpg


 photo 046.jpg
บ้านสีสวยๆ

 photo 045.jpg
อีกมุม

 photo 043.jpg
ชอบโปสการ์ดร้านนี้มาก สวยและแตกต่างจากที่อื่น
นอกนั้นได้เรือใบลำจิ๋วมาในราคา 3 ยูโร



 photo 036.jpg
อันนี้เป็นภาพท่าเรือ ที่เมื่อวาานมาแดดไม่ดี ถ่ายออกมาไม่สวยเท่าวันนี้


 photo 034.jpg
เป็นจังหวะที่ได้สีสันตัดกันสะดุดตาดี



 photo 037.jpg
โบสถ์เก่าริมท่าน้ำ


 photo 038.jpg
โบสถ์เก่าแก่ที่อยู่ริมน้ำ เมื่อวานห็นจากฝั่งตรงข้าม มาดูใกล้ๆ แล้วใหญ่โตมาก
เพราะปกติโบสถ์ในกรีกจะเล็กๆ แค่พอทำพิธีเองค่ะ




 photo P9090345.jpg
อันนี้เห็นจากหน้าบ้านหลังนึง อ่านไม่ออกว่าเป็นอะไร
เลยเดินเข้าไปดู


 photo P9090348.jpg
ปรากฏว่า ใต้บ้านหลังนั้น มีซากปรักหักพัง
ของบ้านเรือนสมัยโบราณอยู่ค่ะ เค้าเลยไม่ทำลาย
และเปิดให้คนเข้าดูได้ แต่สงสัยต้องโทร.ไปบอกล่วงหน้า


 photo P9090359.jpg
ระหว่างทางเอาผ้าไปทิ้งให้คนซัก
ใกล้ๆ ที่พักมีเครื่องซัก-อบผ้า แบบหยอดเหรียญ 3-4 ยูโร/ครั้ง
แต่ด้วยความที่เราขี้เกียจรอ เลยเอาไปจ้างคนซักแบบไม่ต้องรีด
เขาคิดถังละ 9 ยูโรค่ะ ซักกี่ตัวก็ได้ 


 photo 006-1.jpg
เดินกลับจาก Old Town เราก็แวะ Central Market ของฮาเนีย

 photo 005.jpg
หน้าทางเข้า


 photo 007-1.jpg
ออกจากตลาดมาก็จะเจอมุมนี้ค่ะ

Archeological Museum
ในฮาเนียมี 2 แห่งนะคะ แต่ละแห่งไม่ใหญ่มาก
ที่นึงอยู่ใน Old Town เลย ส่วนอีกที่นึงจะอยู่ติดริมน้ำ ทางฝั่งมุม Lighthouse

 photo 039.jpg
ในรูปจะเป็นมิวเซียมใน Old Townที่ใหญ่กว่านะคะ มีของให้ดูแยะพอสมควร
บางอันที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาะารณะ เขาจะไม่ให้ถ่ายรูปค่ะ


 photo 040.jpg
อันไหนเคยลงหนังสือแล้ว ก็จะถ่ายรูปได้
ใครชอบโบราณคดี มาที่นี่จุใจมาก มีแยะจริงๆ
จบทริปดูหม้อไหโบราณไปประมาณล้านชิ้น (คิดว่านะ 5555)
แต่ของพวกนี้ดูแล้วได้อินสไปร์มากๆ ค่ะ


 photo 041.jpg
มิวเซียมนี้เขามีสวนเล็กๆ ให้ออกไปนั่งตากแดดได้ด้วย


Samaria George (ซามาเรีย กอร์จ)
อีกที่เที่ยว (เหรอ?) หนึ่งของฮาเนีย ก็คือการไปเดินป่าที่ ซามาเรีย กอร์จ
อดีตที่นี่คือแม่น้ำเชี่ยวกราก เซาะภูเขาสองข้างจนเป็นร่อง
ตอนนี้เหลือเพียงท้องน้ำแห้งๆ ที่พื้นดินโรยด้วยหินก้อนเล็ก ก้อนน้อย
สร้างความลำบากตอนเดินเป็นที่สุด
ที่นี่มีร่องทางเดินที่แคบที่สุดของเขา 2 ลูก กว้างเพียงไม่กี่เมตร
และชั้นหินที่มีสีแตกต่าง บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์หลายพันปีก่อน
ระยะทางเดินทั้งหมดคือ 18 กม. เห็นเขาบอกว่าเดินเร็วสุดใช้เวลา 5 ชม.
ดังนั้นการที่เราสองคนใช้เวลาเดิน 5 ชม.ครึ่ง ก็จัดว่าไม่เลว
(แต่อีก 3 วันถัดมา ขานี่แบบว่าแปลบปลาบตลอดเวลาที่เดินเลยนะ)

วิธีไปคือการจับบัสที่สถานีขนส่ง ซื้อตั๋วไป Omalos Village เที่ยว 7.45 น.
ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. ให้หลับเอาแรงไว้เลยนะคะ เพราะได้ใช้เต็มที่แน่!
รถจะจอดตรงทางเข้่าเลย ให้เราซื้อตั๋ว (น่าจะคนละ 5 ยูโร)
เก็บตั๋วให้ดี เพราะมีคนตรวจตอนทางออกด้วย (ของเราหาย แต่เขาก็ให้ผ่านนะ)

ช่วงแรกเป็นทางลงเขาประมาณ 3 โล...หมู? ไม่เลย!
เพราะทางมีแต่หิน ลื่นน่าดู ระหว่างทางมีเขตหินถล่มน่าขนพอง
บางจุดก็ชันมาก แต่วิวสวยบาดตา บาดใจ เหมือนในหนัง the sound of music
เดินไปก็ฮัมเพลงไป...The hill fill my heart...with the sound of musicccccc

จากนั้นจะเป็นทางราบ สลับเนินขาไปจนสุดทาง
...หมู? ไม่อ้ะ! เพราะทางเต็มไปด้วยหิน ถ้าเหยียบพลาดมีโอกาสข้อพลิกง่ายๆเลย
เห็นคนข้อพลิกด้วยอ่ะ สงสารทั้งคนพลิก และคนแบก เพราะมันไกลมาก
แต่เหมือนเขาจะมีลา ให้คนบาดเจ็บขี่ด้วย แต่ไม่รู้ตอนเจ็บ ลามันอยู่ไหนนี่สิ
(แต่อุนจิลา กลิ่นแบบว่า แรงมาก เหมือนอุนจิคน!!!)
เราเองก็พลาดลื่นไป 2-3 รอบอ่ะ ผูกเชือกรองเท้าไป 10 รอบได้
เพราะถ้าหลวมเมื่อไหร่นะ โอกาสเท้าพลิกสูงสุดๆ
ดังนั้น Samaria George ไม่ใช่สนามของเด็กเล่นเลย เตรียมรองเท้าอะไรให้พร้อม
อย่าลืมกระติก หรือขวดน้ำ แต่ไม่ต้องพกไปแยะ
เพราะระหว่างทาง จะมีที่ให้เติมน้ำตลอด เป็นแบบน้ำพุหิน อู๊ยย น่าเอ็นดู


 photo IMG_6386.jpg
ภูมิประเทศส่วนใหญ่ในซามาเรีย กอร์จ เหมือน "ดาวอังคาร" มากๆ ในความคิดเรา
และมัน "ยิ่งใหญ่อลังการ" จนรู้สึกว่ารูปที่ถ่ายมา บรรยายความใหญ่ของมันไม่ได้เท่าตาเห็น


 photo 007.jpg
ทางเข้า เป็นจุดสูงสุดของภูเขา (เลกแรกของการเดิน จึงเป็นการเดินลงเขา)
ระหว่างทางนั่งรถมา เห็นกังหันลมบนยอดเขาด้วย
ไฟฟ้าในเกาะ ผลิตจากกังหันลมนั่นเอง

 photo P9080158.jpg
Climb every mountain....(เพลงจบของ the sound of music 5555)


 photo 009.jpg
ช่วงแรกค่อนข้างเพลิน และเย็นจัด เพราะอยู่ในป่า ทิวทัศน์สวย

 photo 011.jpg
แต่ดูพื้นสิ!!!!


 photo 015.jpg
แต่พอเดินลงถึงด้านล่าง จะเริ่มมีแห้งบ้างไรบ้าง


 photo 014.jpg
สักพักเห็นหินแบบนี้งง ว่ามันตั้งซ้อนกันได้ไง
พอคุณบูอ่าน ถึงรู้ว่าเป็นการแสดงความเคารพเทพเจ้า

 photo 013.jpg
มีเพียบเลยนะ

 photo 012.jpg
ทุกๆ กินโลจะมี "ป้ายเสริมสร้างกะลังใจ" บอกให้รู้ว่า
เธอเดินได้กี่กิโลแล้ว (บางทีทำลาย)


 photo 016.jpg
หินบางก้อนมีลาย สวยตามธรรมชาติ
บอกตามตรงเลยว่า รองเท้าคู่นี้ไม่เหมาะจะเดินมาก
เอ๋คาดการณ์ต่ำไป ไม่คิดว่าทางจะหินทรหดขนาดนี้


 photo 017.jpg
ระหว่างทาง


 photo 019.jpg
เรารองน้ำจากน้ำพุ(ประดิษฐ์) ได้ตลอดทาง มีประมาณ 9-10 จุด
ตามจุดแวะพัก ซึ่งจะมีเก้าอี้ไม้ให้นั่งพักได้ด้วย
แต่ญ-ช บ้าคลั่ง 2 คนนี้ พักแค่ 2 นาทีก็เดินต่อ ไม่รู้จะทรมานตนไปทำไม


 photo 021.jpg
ตรงนี้คือจุดพักใหญ่ ใกล้ปลายทางออกแล้ว!
ด้วยความที่ระยะเวลาเดินนานมาก และในนั้นไม่มีอาหารขายเลย
ขอให้เตรียมขนมกรุบกรอบติดเป้ไว้บ้างนะคะ
ส่วนเราสองคน เจ้าของที่พักใจดีมาก พอรู้ว่าเราจะมาซามาเรีย กอร์จ
ก็เตรียมแซนวิช ไข่ต้ม น้ำดื่ม ใส่ถุงไว้ให้พร้อมสรรพ (ประทับใจมาก จุดเน้)
เราเลยนั่งแกะไข่ต้มกินกันแถวนี้แหละค่ะ ได้พลังงานสุดยอด ฟู่ๆๆ

 photo 022.jpg
นี่มัน...ดาวอังคาร?


 photo P9080275.jpg
จำได้ว่ามาถึงแถวนี้นี่...แรงหมดอ่ะ เกือบคลาน
หินสีขาวสะท้อนแดดเปรี้ยงเข้าตา ขนาดใส่แว่นกันแดด ยังต้องหยี


 photo 025.jpg
เดินต่อไป


 photo P9080306.jpg
หลังจาก 5 ชม. ครึ่งผ่านไป เราก็มาถึงท่าเรืออย่างโผเผ
พบว่าวันๆ นึงมีเรือรอบเดียวคือตอน 17.30 น. โห...ยังเหลือเวลาเกือบ 3 ชม.
เลยไปหาร้านและอาหารกินกัน ระหว่างนั้นซื้อตั๋วเรือด้วย

ร้านที่เราไปกิน ให้เดินเลยหาดไปทางด้านขวา
จะมีร้านอาหารเรียงเป็นแถวเลย คุณบูดมๆ แล้วบอกว่าร้าน papari ก็และกัน

 photo 028.jpg
ได้กินหนวดหมึก หนวดแรก เป็นแบบสดด้วยค้า

 photo 000.jpg
ใหญ่จิง ไรจิง ยังกะกินสเต็กหนวดหมึก!

 photo P9080311.jpg
อันนี้ดอกบัตเตอร์กวอต ห่อข้าว
การเอาข้าวยัดไส้ใบไม้ และดอกไม้ เป็นเมนูอาหารประจำชาติกรีกอย่างหนึ่ง

 photo P9080312.jpg
อันนี้กุ้ง กินกับมะนาว ซึ่งคุณบูเธอสั่งมาทำไมไม่รุ
ตัวเองก็ไม่ค่อยกิน สุดท้ายเรากินไปเกือบ 80%
เกือบแปลงร่างเป็นกุ้ง -*-

 photo 031.jpg
ไม่ลืมสลัดกรีก...
มะเขือเทศ น้ำมันมะกอก feta cheese ออริกาโน แตงกวา เธอมาอีกแล้ว!
(บ่นไป แต่อร่อยนะ ชอบ กินทุกมื้ออ่ะ)


 photo P9090321.jpg
คุณลุงให้ผลไม้ กับ Raki เป็นของแถม
(ซึ่งเราต้องให้ทิป เป็นการตอบแทน)


 photo 001.jpg
หลังจากกินไปสักพัก คุณบูถึงเพิ่งรู้ตัวว่า เจ็บเท้าเพราะรองเท้าบีบ
แต่ก็ยังกระเผลกไปซื้อตั๋วเรือ เพราะอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง


 photo 002.jpg
เรือของเรา คนจำนวนมากรอขึ้นอยู่ หน้าตาแต่ละคน...อ่อนเพลียอย่างรู้สึกได้ 5555
เป็นเรือที่จะพาเราไปหมู่บ้าน Hora Sfakion ซึ่งที่นั่นจะมีรถบัสจำนวนมากรออยู่
เราก็ขึ้นรถคันที่ไป Chania ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.
คนขับเท่มาก สูบบุหรี่ + คุยทอสับ + ขับรถด้วยศอก ในเวลาเดียวกัน
ทั้งที่เขาทั้งชัน ทั้งสูง เหมือนผ้าพับตลบไปมา (ตูล่ะเสียวแทน)


อนึ่ง***การสูบบุหรี่ในอาคาร เป็นเรื่องปกติทั่วไปในกรีก
แม้จะมีกฎหมายห้ามสูบ แต่ไม่เห็นมีใครสน กระทั่งคนขับรถบัส ยังสูบตอนขับ!
ผู้หญิงก็สูบกันแยะมากๆ ไปนั่งกินข้าวที่ไหนลำบากจิงๆ
หลบควันไม่ค่อยได้เลย ***


 photo 033.jpg
เห็นภูเขาที่เดินผ่านมาแล้วแอบสั่น...มันทั้งสูง ทั้งไกล ...



 photo 005.jpg
ค่ำนั้น หลังจากอาบน้ำสลัดคราบเหงื่อ เราพาร่างโผเผ
ไปกินอาหารร้าน Mesogeiako ซึ่งเป็นอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน

อนึ่ง ** คนกรีกทานข้าวกันดึกมาก!
อาจจะเริ่มต้นตอน 3 ทุ่ม ดื่มกาแฟ
กินข้าวตอน 4 ทุ่ม แล้วเข้านอนตอนตีหนึ่ง แบบเน้
เขาถึงมีช่วงพักนอน (siesta) ตอนบ่ายๆ ร้านรวงอะไรปิดเงียบเลย ***


 photo 003.jpg
สลัดจานนี้สดชื่นมาก ทำจากเกรนอะไรสักอย่าง
ผสมกับส้มสดและผัก ทำให้ได้เท็กซ์เจอร์ของสลัดที่แตกต่าง และอร่อยด้วย
จานข้างหน้าคือ Haloumi (ฮาลูมี่) ย่าง ... ติดใจเลย ขอบอก ชีสจะเค็มๆ นมๆ
กินกับมะเขือเทศเพส เปรี้ยวนิดๆ ตัดกันดีจัง


 photo 004.jpg
ได้ขนมกรีกแถมมาตอนท้ายมื้อ (แน่นอน พร้อม Raki)
หวานจัดอย่างไม่ต้องชิม ก็รู้ได้


คงไม่ต้องบอกใช่ไหม ว่าคืนนั้นหลับสนิทแค่ไหน....




Holy Monastery of Chrysoskalitissa
เป็นโบสถ์ที่ใช้เวลาขับรถไปแค่ 15 นาทีจากตัวเมือง
นอกจากจะได้เห็นโบสถ์เก่าแก่แล้ว ยังเห็นวิวสวยๆ และผ่านเมืองน่ารักๆ ด้วย


 photo 011-1.jpg
โบสถ์เก่าแก่ เสียค่าเข้าคนละ 2 ยูโร เป็นโบสถ์ติดทะเล
ที่ด้านในมีไอคอน หนังสือ และระเบียงสวยๆ ที่โผล่หน้าไปเห็นทะเลสีเทอร์ควอยซ์


 photo 013-1.jpg
ตอนเราเดินออกมา คุณลุงคนเก็บตั๋วบอกว่า ถ้ามีแรง
จะขึ้นไปดูโบสถ์เก่าบนเนินเขาก็ได้นะ อยู่ตรงข้ามนี้เอง (แล้วลุงก็เดินไปชี้ให้ดู)
เราสองคนเลยขึ้นไปดู บนนั้นคือที่ตั้งของโบสถ์แรกก่อนย้ายไปสร้างด้านล่าง


 photo 014.jpg
สิ่งที่พ่วงมา คือวิวสวยๆ ที่มองเห็นโบสถ์หลังใหม่จากตรงนี้ได้ด้วย

 photo 015-1.jpg
และแบบนี้


 photo 010-1.jpg
รอบๆ โบสถ์ด้านล่าง


 photo 008-1.jpg
รอบๆ โบสถ์

 photo 009-1.jpg
รอบๆ โบสถ์


 photo 016.jpg
จากนั้นคุณบู ก็นำทางไปยังจุดหมายถัดไป คือร้านอาหารกลางวัน
ทริปนี้เอ๋รับหน้าที่พลขับ ส่วนคุณบู คือเนฯ ประจำรถค่ะ
พอดีผ่านท่าเรือ แล้วเธอบอกว่าขอเวลาเช็คแผนที่แปบ เอ๋เลยวิ่งลงไปถ่ายรูป


 photo 022-1.jpg
ตรงนี้เป็นละแวกร้านอาหารกลางวันของเราที่ชื่อ Gramboussa Taberna


 photo 021.jpg
ร้านอาหาร Gramboussa Taberna
ตั้งอยู่ในหมู่บ้านท่ามกลางสวนมะกอก หมู่บ้านนี้ไม่มีอะไรเลยค่ะ
เป็นบ้านคนอยู่จริงๆ แล้วก็มีร้านอาหารนี้หนึ่งร้าน
อ้อ แต่มันเป็นทางผ่านไปหาดๆ นึงค่ะ

 photo 017.jpg
ร้านอาหาร

 photo 018.jpg
วิวจากโต๊ะที่เรานั่ง สวยมากก มองเห็นทะเล ด้านหลังเป็นภูเขา

 photo 019-1.jpg
งงเหมือนกัน ทำไมถ่ายรูปอาหารมาแค่จานเดียว
แต่เป็นอาหารกรีกค่ะ เน้นสลัด เนื้อย่าง และขนมปัง จำได้ว่ากินอิ่มจุก



 photo 023-1.jpg
ออกจากร้าน เรามุ่งหน้าจะไปหาดชมพู
แต่บังเอิญเจอโบสถ์นี้ก่อน เลยขับรถแวะเข้าไปดู
โบสถ์นี้เป็นที่หลบภัยของชาวบ้าน สมัยมีคนมารุกรานเกาะครีต (ซึ่งมีตลอด 555)


 photo 025.jpg
มุมจากยอดโบสถ์


 photo 024-1.jpg
ถ่ายมาตอนไหน ก็ยังสงสัยอยู่
ชอบน้ำทะเลที่นี่ ที่ใสสีเทอร์ควอยซ์ แต่หาดทรายบ้านเรากินขาดค่ะ เฟิมเลย!!

 photo 012-1.jpg
โบสถ์นี้แมวแยะมาก ลูกแมวก็แยะ
คนกรีกชอบแมว ไปไหนก็เจอ







หาดทรายสีชมพู และทะเลแหวกที่ Elafonisi



 photo 028.jpg
ถ่ายรูปคู่ๆๆๆ


 photo 027.jpg
ทรายสีชมพูพวกนี้ เกิดจากปะการังสีชมพู ที่ถูกน้ำซัดจนละเอียด
ด้วยความที่มีคนชอบเก็บไปเป็นที่ระลึก จึงมีป้ายเตือนว่า
อย่าเอาทรายกลับบ้าน เพราะเมื่อก่อนมันชมพูกว่านี้
และทรายสีชมพูพวกนี้ มันมีวันหมดได้นะจ๊ะหนูๆ จ๋า!

 photo 029.jpg
ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของหาดนี้
ก็คือเหมือนทะเลแหวกบ้านเราค่ะ เราสามาถเดินลุยน้ำตื้นๆ จากแผ่นดิน
ไปยังเกาะเล็กๆ อีกฝั่งหนึ่งได้ สนุกดี มีคนเดินไปๆ มาๆ ตลอดเวลา


 photo 026.jpg
ถ่ายระหว่างเดิน

 photo 030.jpg
ที่นั่งพวกนี้มีไว้ให้เช่าค่ะ ห้องน้ำเสียค่าบริการคนละ 50 เซนต์
หาดสะอาดสะอ้าน ไม่มีเศษกระดาษเลย นับถือจริงๆ


 photo 032.jpg
เราใช้เวลาอยู่หาดกันประมาณ 1 ชม. เพราะไม่อยากกลับเมืองค่ำ
เนื่องจากว่า ถนนหนทาง ทั้งโค้ง ทั้งชัน เลียบผาน่ากลัว
อย่างที่เกริ่นมาตลอดการเขียนบล็อก หัวใจจะวายกันหลายรอบ 555


บล็อกต่อไปจะพูดถึงเมือง Rethymno ซึ่งเป็นเมืองที่ 2 ในทริปนี้ของเราค่ะ : )

















 

Create Date : 04 ตุลาคม 2556
1 comments
Last Update : 4 ตุลาคม 2556 12:29:38 น.
Counter : 2514 Pageviews.

 

สวยมากๆเลยค่ะ
ชอบเกาะครีต เห็นในหนังสือสวยมากๆ

อยากไปบ้างจังค่ะ อิอิ

ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆนะคะ

 

โดย: lovereason 4 ตุลาคม 2556 21:52:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


adaytrip
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อาโหลๆ สวัสดีจ้ะ!
อยากให้สิ่งที่เขียนในบล็อกนี้มีประโยชน์และเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวของเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย แวะมาแล้วก็อย่าลืมทิ้งคอมเมนต์ไว้ให้อ่านกันน้า : )
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add adaytrip's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.