Life is short, so live it!

Six Senses Yaonoi - 2






หาดของ Six Senses ยาวน้อยไม่ได้ใหญ่โตอะไร
ทรายไม่ได้ขาวจั๊วะ แต่น้ำใสและมีความเป็นส่วนตัวมาก

สำหรับ Review Six Senses Yaonoi 1 คลิกที่ชื่อได้เลยค่ะ : )





"The Den" บาร์ของรีสอร์ท ที่จัดได้ว่าเข้าข่าย "บาร์ชิลล์เทพ"
ซึ่งแตกต่างจากบาร์อื่นๆ ตรงที่มีวิวทะเลสวยๆ
มีที่นั่งซึ่งเป็นเหมือนชิงช้าตัวใหญ่สำหรับคน 2 คน
มีดนตรีเบาๆ เข้ากับบรรยาากาศสบายๆ
และมีเครื่องดื่มรสชาติดี พิสูจน์แล้วโดยเจ้าบู
ส่วนตัวฉันชอบสั่ง Homemade Lemonade ซึ่งเค้าเอาสไปร์ทผสมน้ำมะนาว
อร่อยจนเก็บกลับมาทำที่บ้านบ่อยไป สดชื่นดี

ที่นี่ก็เหมือนทั่วๆ ไป คือเราสั่งแล้วแค่บอกเบอร์วิลล่า
บิลจะลอยมาหาตอนเช็คเอาต์เอง (ที่นี่เช็คเอาต์ที่วิลล่าได้เลย)



The Den อีกมุมหนึ่ง ใครที่ทานอาหารค่ำที่นี่
ก็เหมือนได้นั่งทานในสระบัว สนุกไปอีกแบบ






ที่ The Den จะมีห้องสมุด และดีวีดี สำหรับเจ้าตัวน้อย
ซึ่งสามารถเปิดจากเครื่องคอมฯ ภายในห้องสมุดได้เลย


เนื่องจากเรามา Green Season (ที่เข้าใจว่าเป็นฤดูฝน)
เลยมี Happy Hour ทุกๆ 17.30 - 18.30 น. ที่ The Den
มีค็อกเทลประมาณ 7-8 แบบที่บริการฟรี พร้อมกับน้ำอัดลม น้ำมะนาว หรือน้ำเปล่า
(ปกติที่นี่น้ำเปล่าราคาขวดละ 100 บาท // เหมือนจะดีกว่าแต่ก่อน ที่คิดคนละ 100 ถ้าจะไม่ผิด?)
เจ้าบูจัดเต็ม สั่งคราวละ 2-3 แก้ว
ขนมกรอบๆ ที่เค้าเอามาเสิร์ฟก็อร่อยล่ะ
โดยเฉพาะมันสีม่วงๆ มันกรอบๆ หวานๆ ติดใจมาก




ส่วนตรงนี้คือ 'Hill Top'


Hill Top คือ บาร์+ร้านอาหาร ที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดบนเกาะ
อดีตทีนี่เคยเป็นห้องพักแบบหรู ค่าห้องคืนละหลายแสนมาก่อน
ตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นห้องอาหาร ที่มีโต๊ะตั้งริมสระ
เหมาะสำหรับการมาทานตอนกลางคืน เห็นแสงไฟจากเรือปลาหมึกที่ขอบฟ้าชัดเจน
แถมเค้าตั้งโต๊ะแต่ละตัวห่างจากกันมากกก เป็นส่วนตัวยิ่งยวด
ตอนไปรู้สึกจะมี dinner set ที่ 2,000 บาท
เป็นพวกบาร์บีคิวและอาหารไทย

หากใครไม่ชอบก็สามารถนอนกลิ้งบนเบาะขนาดใหญ่มากมายได้
ฉันเดินหอบแฮกขึ้นไปจนถึง Hill Top ได้
ก็ปักหลักสั่งเครื่องดื่ม นั่งอ่านหนังสืออยู่นานเชียว กว่าจะเดินกลับลงมาด้านล่าง
อันที่จริง ที่นี่มีรถกอล์ฟที่สามารถเรียกใช้บริการได้
แต่อย่างที่บอกว่า อยู่ที่นี่ "พุงตึง" ตลอด เลยต้องหาทางออกกำลังกายบ้าง




หนทางหนึ่ง ในการลดสภาวะ "พุงตึง" ก็คือการเดินเล่นในป่าชายเลนขนาดเล็ก
ซึ่งทางรีสอร์ตทำพื้นไม้ให้เดินค่อนข้างสะดวก
ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก็ครบรอบ ระหว่างทางเดินจะมีป้ายบอก
ว่าตรงนี้มีอะไรบ้าง เราก็สังเกตเอา บางทีก็เจอปูบ้าง นกบ้าง และดอกไม้บ้าง



สุดทางไม้ จะพบกับทางขึ้นเขาขนาดย่อม เดินไปประมาณ 5-10 นาทีก็ถึงยอด
ตรงยอดจะเป็นที่สอนโยคะตอนเช้าฟรี (ประมาณ 8 โมง)
ฉันพยายามจะตื่นให้ได้สักเช้า แต่ทว่า... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
แต่แค่เดินขึ้นลงก็สนุกแล้ว อย่างขอนไม้ที่เป็นราวจับ
มันชื้นจัดจนเห็ดหูหนูขึ้น หรือเดินๆ นกก็บินโฉบหัวเราไปเกาะกิ่งไม้อื่น



เราเจอนกเงือก กำลังเกาะกิ่งไม้กินอาหารกันด้วย : D
(ในภาพคือหม่ำเสร็จแล้ว)



แพลตฟอร์มนี้เอง ใช้สอนโยคตอนเช้า
บรรยากาศดีสุดๆ




ตรงที่เป็นทางขึ้นเขา คือชายหาดที่คนส่วนใหญ่มานอนอาบแดด
และลงเล่นน้ำทะเล ตรงนี้มีไวไฟให้เล่นด้วย
ชอบป้ายไวไฟ ^^



ห้องอาหารเช้า คือที่ๆ ฉันและเจ้าบูใช้บริการบ่อยที่สุด
เพราะส่วนใหญ่จะทานเช้า + กลางวัน + กลางคืนที่นี่ครบทุกมื้อ
เนื่องจากมันใกล้ และมีอาหารเกือบทุกประเภทบริการ (เพราะใกล้ครัวใหญ่)
หลักๆ คืออาหารไทย
พอมานั่งนึกๆ แล้ว มื้อแรกที่มาถึง ฉันสั่งกะเพราเนื้อไข่ดาว + ส้มตำ เหมือนกันเด๊ะ!!
(พวกชอบซ้ำซากเนอะ -*-)


อาหารเช้าที่นี่ มีครบถ้วนทุกประการ
คือมุมอาหารไทย ที่มีคนผัดพวกผัดซีอิ๊ว ผัดไทย ข้าวผัด เตี๋ยวน้ำให้เรามุมนึง
อีกมุมนึงเป็นที่ทำแพนเค้ก วาฟเฟิล
อีกมุมนึงเป็นสเตชั่นไข่หลากประเภท นอกจากเบสิกอย่างไข่ดาว ออมเลตต์
ยังมีฟริตตาตา และไข่พิเศษที่เชฟจะครีเอทออกมาวางเป็นตัวอย่างเอาไว้
เบคอน(กรอบดี) ไส้กรอกชีส(อร่อย!)พร้อมหอมผัดจนใส มะเขือเทศย่าง(ไร้รสชาติ)
และโฮมเมดเบคบีน(อร่อยนุ่ม) ก็มีตรงสเตชั่นไข่

ขณะที่พวกขนมปัง และมูสลี่ น้ำผลไม้ ผลไม้จะอยู่ในห้องเล็กๆ ติดแอร์ใกล้ๆ กัน
เวลาสั่งเราจะหยิบกลับไปเองก็ได้ หรือจะบอกเบอร์ห้อง
ให้คนเอาไปให้ก็ได้ พนักงานกระตือรือร้นมาก
ทั้งที่ห้องอาหารอยู่บนพื้นต่างระดับ 3 ระดับ
มิน่า พนักงานถึงได้อายุน้อยและยังเอ๊าะกันเป็นส่วนใหญ่ ^^"



ที่นี่มีแยมให้เลือกแยะมากกก ประมาณสิบกว่าอย่าง
แยมกระเจี๊ยบ ก็ทำจากกระเจี๊ยบที่ปลูกเองในรีสอร์ท หรือแยมกล้วยเป็นต้น(อร่อย)
เราตักแยมแปลกๆ ไปลองกันสนุกสนานเลย
ขนมปังที่นี่ก็มีให้เลือกแยะอยู่ แม้ซาวร์โดว์ไม่ค่อยซาวว์เท่าไหร่
แต่ก็นะ...ที่นี่มันเมืองร้อนชื้น จะเลี้ยงยีสต์ก็ยากอยู่แม่เอ้ย



ทุกครั้งที่ทานอาหาร (ยกเว้นมื้อเช้า)
ทุกร้านจะมีเครื่องดื่มจิ๋วๆ และของทานเล่นคำเล็กๆ ให้ก่อนเสมอ
ฉันชอบไอเดียการเอาก้านตะไคร้ (ปลูกเองข้างๆ The Den)
มาแทนหลอดอ่ะ ได้กลิ่นด้วยตอนดูดน้ำแครอท : D




พูดถึงเรื่องการปลูกเองแล้ว ฉันพบว่าการเดินเล่นดูสวนครัวของที่นี่ก็สนุก
ด้วยความที่พื้นที่ต่ำสูงไม่เท่ากัน ดังนั้นสวนครัวจึงแยกเป็นหลายๆ ส่วน
ที่ติดด้านหน้าประตูเข้า คือโรงเพาะเห็ด ซึ่งนำมาใช้ทำอาหารจริง
ใกล้ๆ กันมี watercress เป็นพุ่มเขียวอื๋อเชียว
คุยกับคุณลุงที่เปิดร้านอาหารบนเกาะ แกบอกว่าไปซื้อลำบาก ปลูกเองดีที่สุดแล้ว เย้ๆ



สารภาพว่าเคยเห็นต้นหน่อไม้ฝรั่งเป็นครั้งแรก -*-
ลักษณะของมันเหมือนหน่อไม้ไม่มีผิดเลย 



โรสแมรี่ก็ง๊าม งาม อันนี้สำหรับอาหารฝรั่งในห้องอาหาร Dining Room





มะเขือยาวก็มี ถ้าก้อยมา เธอจะต้องแอบเด็ดกลับบ้าน 55555




ไปเจอคุณคนสวนกำลังตัดเก็บ ลิดใบ ต้นกระเจี๊ยบพอดี
คนสวนที่นี่แต่งตัวน่าร้ากกกกกก




อีก 1 ห้องอาหารที่ใช้เปลี่ยนบรรยากาศได้ ก็คือ The Dining Room
เน้นอาหารอิตาเลียน แต่ละคืนจะมีเซ็ตเมนูอาหารประมาณ 3-4 คอร์สมาให้เลือก
แต่ละจานของเซ็ตเมนูจะมาในปริมาณน้อยกว่าปกติ
ราคาขึ้นลงไม่คงที่ แต่ละวันจะมีเซ็ตเมนูไม่เหมือนกัน
ตอนเราไปอยู่ที่ 1900 (2900 พร้อมไวน์แพร์ริ่ง)
ถ้าสั่งแบบเวเจตแทเรียนอยู่ที่ 1500 (2500 พร้อมไวน์แพร์ริ่ง)




ครั้งนี้ประทับใจเมนูนี้ คือ Tortellini สอดไส้ฟักทอง
ฟักทองหวานมาก! อยากสั่งเพิ่มอีกจานใหญ่ๆ เลย
อีกเมนูที่ชอบคือซุปกะหล่ำดอก เพราะทั้งมันและหอมข้น





ทางไป The Dining Room จะมีห้องน้ำ
ชอบไอเดียแบบนี้มาก เท่ดีจัง : D
(อยากแอบเข้าไปดูห้องน้ำชายด้วย)




ห้องนึงที่เราเข้าไปบ่อยมาก คือ "ห้องไอติม"
มีไอติมให้เลือกยี่สิบกว่ารส ซึ่งจะบริการฟรีตั้งแต่เช้าจนถึง 1 ทุ่ม
นอกจากนั้นยังมีพวก คุกกี้ บิสคอตตี และขนมในตู้แช่อีกหลายอย่างเลย
(มิน่า "พุงตึง" ไม่เคยยุบเลย กินตลอด)




ถ้าใครอยากนอนดูหนังท่ามกลางดวงดาว สายลม และเสียงคลื่นล่ะก็
ที่นี่เหมาะมาก เราเองยังอยาก อยาก อยาก อยากดูมาก
โดยเฉพาะวันที่ไปฉายเรื่อง Julie & Julia
แต่เวลาเริ่มฉายคือ 09.30 มันดึกเกินไป...พุงตึงก็ง่วงแล้ว
อยากอาบน้ำแผ่หรา บนเตียงดูดวิญญาณเป็นที่สุด
ใครไปดูหนัง เค้ามีปอปคอร์นให้ด้วยล่ะ




สรุปว่าไปครั้งที่ 2 พวกเราก็ยังประทับใจมากมายเหมือนเดิม
คราวนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าบัทเลอร์เท่าไหร่ แต่โทร.ไปบอกให้จัดการอะไรให้ได้ฉับไวมาก
ครั้งนี้อากาศร้อน เลยได้ใช้บริการสระน้ำอย่างเต็มคราบ
เพราะคราวก่อนไปฝนตก แทบจะไม่ได้แตะสระเลย หนาวเกิ๊น!!

ห้องอาหารที่นี่ ส่วนใหญ่รสชาติโอเค ไม่ไทยจ๋า แต่ถ้าเค้าเป็นเราเป็นคนไทย
ก็เผ็ดได้สบายมาก พ่อครัวคนไทยอยู่แล้ว
เวลาออกไปข้างนอก ซื้ออาหารกลับมา ก็เอามาให้ที่นี่อุ่นได้
อย่างเราซื้อแกงปูทะเลมาจากร้านข้างนอก ก็ฝากอุ่นมื้อเย็นได้เลย
พนักงานคงเข้าใจว่า เราต้องการรสชาติออเทนติกจรงิๆ ฮ่าๆๆๆ
เพราะทานไป เหงื่อซึมยังกะตาน้ำ สั่งน้ำหวานๆ มาล้างปากกันแทบไม่ทันแน่ะ

ไปคราวนี้ไม่ได้เข้าสปา เพราะเราแวะภูเก็ตก่อนคืนนึง เลยใช้บริการสปาของที่พักไปแล้ว (โล่งงงง!)
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ครอบคลุมค่าอาหารกลางวัน 1 มื้อ และเย็น 2 มื้อ (มีไวน์ด้วย)
ค่ามินิบาร์ ค่าของที่ซื้อจาก Gallery อยู่ที่เกือบๆ หนึ่งหมื่นบาท
คราวก่อนใช้สปาด้วย รู้สึกจะสองหมื่นกว่า เพราะสปาเค้าเริ่มต้นที่ 3500 บาทเป็นต้นไป แต่มี happy hour นะคือนวดก่อนบ่าย 2 จะได้ 1 แถม 1 (แต่ก็....)


จบมันดื้อๆ งี้ละ สวัสดีจ้ะ : D











 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2556
3 comments
Last Update : 19 พฤษภาคม 2556 10:34:55 น.
Counter : 1554 Pageviews.

 

ฮู๊ยยยย สวยเวอร์อ่ะ
อยากพาคุณแม่ไปพักผ่อนคงจะดีไม่น้อย
ชอบสวน ชอบหลอดตะไคร้ เออ ้ก๋ดี คิดได้ไง
แพทตี้

 

โดย: PinkyPrettyPatty 18 พฤษภาคม 2556 11:48:11 น.  

 

คืนละประมาณหมื่นกว่าบาทรวมอาหารเช้า แต่มีของกินจุ๊บจิ๊บตลอด เนอะ น่าลองเหมือนกัน หยอดกระปุกสักปีก่อนค่ะ :)

 

โดย: settembre IP: 78.134.46.122 18 พฤษภาคม 2556 15:32:50 น.  

 

ตามมาต่อภาคสองค่า ดูแล้วคงไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวแน่เลย ขอตามมาเที่ยวในบล็อกนี้ดีกว่าค่า

ฝันดีน้าค้า

 

โดย: tayya tatar 21 พฤษภาคม 2556 0:05:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


adaytrip
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อาโหลๆ สวัสดีจ้ะ!
อยากให้สิ่งที่เขียนในบล็อกนี้มีประโยชน์และเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวของเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย แวะมาแล้วก็อย่าลืมทิ้งคอมเมนต์ไว้ให้อ่านกันน้า : )
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
17 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add adaytrip's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.