Universal Studio ฉันมาแล้ววววว!!!

เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวล่าสุด ที่พลาดไม่ได้จริงๆ ถ้ามาถึงสิงคโปร์
แม้ตัวละครจะไม่น่ารักคิขุเท่า HK Disneyland เขา แต่ก็มีเสน่ห์ในตัวมันเอง

สารภาพตามตรงว่าตอนแรกเราไปโดยไม่คาดหวังสักนิด
เพราะได้ข่าวจากเพื่อนว่า รถไฟตีลังกาม้วนตัวจนหัวหมุน “Battlestar Galactica”
ทั้ง blue track และ red track ยังสร้างไม่เสร็จ (สีจะบ่งบอกถึงความสยดสยองของมัน)
แต่พอไปถึงแล้วกลับพบว่า “สนุกเกินคาด!!”
เวลาหนึ่งวัน หรือ 8 ชม.ที่อยู่ในนั้น ผ่านไปเร็วในพริบตา ขอโบกๆ

มาเริ่มต้นการเดินทางก่อนเลยจ้า :
นั่งรถ MRT ไปลง Harbour Front ทางออก Vivocity
จากนั้นมี 2 ทางให้เลือก คือนั่ง Shuttle Bus ราคาเหรียญกว่าที่ชั้นล่าง
หรือขึ้นไปชั้น 3 เพื่อนั่ง Sentosa Express ราคา 3 เหรียญ

สำหรับคนที่เพิ่งเคยขึ้น Sentosa Express (ถ้าเคยมาแล้วก็รู้แล้วไง แหม.....)
มีช่องทางซื้อตั๋วได้ 3 ทางนะคะ
1. ซื้อจากตู้ขายตั๋วโดยพนักงาน
2. ซื้อจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ
3. เอาบัตร Ezylink แตะแล้วเข้าไปได้เลยค่ะ แต่แบบนี้จะไม่มีตั๋ว sentosa express เก็บไว้เป็นที่ระลึกนะ

รถไฟสาย Sentosa Express มีทั้งหมด 3 สถานี
คือ “Waterfront Station”, “Imbiah Station” และ “Beach Station”
ใครจะไป Universal Studio ให้ลงสถานี “Waterfront Station” นะคะ
ส่วนสถานีอื่นๆ มีอะไร วันหลังจะพูดถึง เพราะมีของใหม่มาเพิ่มด้วย
ตอนนี้กำลังก่อสร้างกันระวิงทีเดียว

“Waterfront Station” เป็นที่ตั้งของ Resort World ทั้งโรงแรม คาสิโน อยู่ตรงนี้หมด
อย่าได้วอกแวกค่ะ ให้เลี้ยวขวาไปซื้อตั๋วได้เลย เดี๋ยวเวลาแห่งความสนุกจะหมดซะเปล่า ... มาตั้งแต่ 10 โมงกลับตอน 6 โมงนี่กำลังดีเลยค่ะ
ได้ใช้เวลา 1 วันเต็มๆ ในการเล่นของเล่นทุกอย่างที่มี ถ่ายรูป ดูการแสดง ฯลฯ ช่างคุ้มค่าจิงๆ ขอโบก

ราคาตั๋ว เช็กได้จากลิงก์นี้นะคะ
//www.rwsentosa.com/language/en-US/Attractions/UniversalStudiosSingapore/Tickets

ราคาวันธรรมดา ก็จะถูกกว่าวันหยุดประมาณ 6 เหรียญค่ะ
แต่คนสิคะ แตกต่างกันแยะมาก
เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ มาเที่ยววันธรรมดาจะสบายอุรากว่ากันเยอะค่า คอนเฟิร์มๆ
ตอนไปกับเพื่อน พอดีบัตร DBS ลดเหลือ 60 เหรียญ แบบว่าดีใจเหมือนได้แก้ว 555
ลดนิด ลดหน่อยแล้วสบายใจไทยแลนด์

พอซื้อบัตร ก็ได้จะคูปองมาด้วย มี 2 อย่างคือ
คูปองทานอาหาร S$10 และคูปองซื้อของที่ระลึก S$5
เป็นอะไรที่มีประโยชน์มากค่ะ เพราะเราแทบไม่ต้องเสียอะไรอีก
ได้กินกลางวันฟรี (แต่จ่ายไปแล้วพันกว่า เอิ๊ก)
แถมยังได้ของฝากนิดๆ หน่อยๆ ติดมือกลับไปเป็นที่ระลึกแบบเลือกได้เองด้วย เวิร์กมาก

นอกจากคูปองแล้ว เรายังได้แผ่นพับมาด้วยค่ะ เค้าจะแบ่งเป็นโซนๆ ตามหนังนั่นเอง
เริ่มจากโซนแรก “Madagascar” แบบว่าเรากับเพื่อน กระโดดกรี๊ดกร๊าดไปถ่ายรูปกับ (หุ่น)แก๊ง Madagascar
มี “King Julien’s Beach Party-go-round”
ซึ่งเป็นม้าหมุนของเดอะแก๊ง อะไรๆ ก็ดีนะ แต่แบบว่านั่งแป๊บเดีวมากๆ เลย
คนก็ไม่ค่อยแยะ น่าจะจัดสรรปันส่วนมากกว่านี้อีกนิด เฮ้อออ

โซนนี้มีร้านอาหาร 2 ประเภทคือ ร้านอาหารไทย “Marty’s Casa Del Wild” และ ร้านอาหารญี่ปุ่น “Gloria’s Snack Shack”
คือเราเองก็จำไม่ได้นะ แต่เพื่อนบอกว่า ร้านอาหารจะเกี่ยวข้องกับหนังด้วย
เพราะในหนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น ... ใครจำได้บ้าง บอกที
ดูแล้วแต่ลืม T_T

เรายังไม่ได้ทานค่ะ...เพิ่งเริ่ม เก็บแรงต่อไป ...



ที่นั่งพักสไตล์ Madagascar


"ทางม้าลาย" จิงๆ เลย


"King Julien’s Beach Party-go-round"



ตัวไหนๆ ก็น่านั่งอ่ะ น่ารักมากเลย


โซนที่ 2 “Far Far Away” ของหนังเรื่อง Shrek
โซนนี้สนุกมากกกกกก ได้ถ่ายรูปกะ Shrek และเจ้าหญิงผีโอน่าด้วยล่ะ ฮุๆ
ที่สำคัญคือมีโรงหนัง 4D “Shrek 4D-Adventure” ที่สนุกตั้งแต่ยังไม่เข้าไปดู
ที่เราชอบคือเหมือนเป็นรถไฟเหาะน่ะ ชื่อว่า “Enchanted Airways”
ระหว่างต่อแถวก็สนุกแล้ว เพราะมีขนมปังขิงจอมกวนนอนหลับเป็นยามเฝ้า 5555
ที่สำคัญคือเราไม่ได้เตรียมตัวว่ามันจะเสียว เลยกรี๊ดกร๊าดกันซะจนฝรั่งข้างหน้าหันมามอง 555

ออกจากโรงหนังมา เรากินกลางวันกันที่ “Goldilocks” ซึ่งตอนหลังมีเพื่อนคนนึงบอกว่า
มันเป็นร้านอาหารสัญชาติฟิลิปปินส์น่ะ แต่ขอเรคคอมเมนต์มากเลย
เพราะนอกจาก “ไก่ทอดเครื่องเทศ 7 ชนิด” จะทอดได้อร่อยมากแล้ว
“มันบด” ก็อร่อยมากกกกกกกกกก ผิดกับมันบด KFC แบบฟ้ากับ.... (คิดเอาเอง)
ยังคิดถึงอยู่เลยอ่ะทุกวันนี้ จะซื้อบัตรปีไปกินก็ดูจะเกินเหตุไป (แพงด้วยง่า)


ขนมปังขิงจอมกวน



สิ่งนี้คือ "Enchanged Airways" ที่เรากรี๊ดกันกระจาย 555



เห็นไหม คิวรอวันธรรมคนน้อยมากมาย



ตรงนี้คือในปราสาท ต่อคิวเข้าดู 4D


ปราสาทในโซนนี้


อาหารมื้อหย่อยของเรา คิดตึ๋งๆ ..



มีรูปจากหนัง Shrek




โซนที่ 3 “Jurassic Park Rapids Adventure”
เราไปเล่น “Canopy Flyer” ซึ่งนั่งหันหลัง (มันจะมีแบบทั้งหันหน้าและหลัง)
อิฉันก็ใจสู้เสือค่ะ ถ่ายรูปตอนขึ้นไปด้วย กลัวมืออ่อนจะแย่ 5555

แต่ที่ฮาที่สุดคือ “Dino-Soarin” ที่แบบว่า ขึ้นไปนั่งได้ไม่ถึง 1 นาที (จิงๆ!!)
มันก็หมดรอบแล้ว...พี่เทพ....ทำไมทำแบบนี้กับเดี๊ยนได้ลงคอคะ
ร้อนก็ร้อน ยังอุตส่าห์ได้นั่งแป๊บเดียวอีก

ที่ห้ามพลาดคือ “Water World” ซึ่งเป็นการแสดงสตั๊นท์
ระหว่างนั่งรอ เค้าก็จะทำกิจกรรมสนุกๆ ไปด้วย
ให้เลือกสีเก้านั่งให้ดีนะเคอะถ้าไม่อยากเปียก
เพราะโซนใกล้ๆ เปียกมะลอกมะแลกกันทุกคน
เป็นการแสดงจุดไฟเผากระท่อมและอื่นๆ ได้สะใจมากทีเดียว
เราไปหลัง นั่งเกือบบน...ยังรู้สึกถึงเปลวไฟที่ร้อนผ่าวๆ มาได้เลยอ่ะคิดดู


ทางไป "Water World" ร้อนมาก มีแต่สังกะสี


เก้าอี้นั่งเป็นกระดานโต้คลื่น


โซนการแสดง


Canopy Flyer


นั่งหน้า-หลังแบบนี้


ช็อตเสียว 55555


นี่คือ Dino-Soarin 5555 คิดแล้วก็ขำอีก


โซนที่ 4 นี่แบบว่า ขอให้พ่อแม่พี่น้องเตรียมร่ม หรือหมวก มาด้วยนะ
เพราะมันร้อนสมชื่อโซนจิงๆ!!! “Ancient Egypt”

เด่นที่สุดก็คือเครื่องเล่น “Revenge of the Mummy”
ก่อนเข้าไปเล่น พนักงานเค้าจะให้เราฝากกระเป๋าก่อน
ถ้าเราหันหน้าเข้าหาเครื่องเล่น ล็อกเกอร์จะอยู่ทางซ้ายมือ
เดินเข้าไปเลยค่ะ จะเจอตู้เต็มพรืด ให้เราไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงกลาง
กดใช้ล็อกเกอร์ มันบอกให้กรอกวันเกิด สีที่ชอบ เราก็กรอกๆๆ ลงไป (เป็นแบบ touch screen)
จากนั้นมันก็จะบอกเบอร์ล็อกมาให้ เราก็เอาของไปใส่ จากนั้นก็จะล็อกอัตโนมัติ
เวลากลับมาเอาของ ก็กดจอเดิมนั่นแหละค่ะ
ใส่วันเกิดกับสีที่ชอบลงไป ล็อกก็จะเปิดอัตโนมัติ สะดวกดีแท้

เครื่องเล่นนี้สุดยอดจิงๆ เราจะไม่สปอยล์ล่ะ
แต่บอกไว้ก่อนว่า ระหว่างเล่นจะมีกล้องถ่ายรูปให้เราด้วย
ถ้าชอบก็จำหมายเลขภาพมาซื้อได้ เพื่อนบอกว่าเราหน้าตาใช้ได้
น่าจะซื้อเก็บไว้เป็นที่ระทึก...แต่ราคาของมันนี่สิ S$18 = 432 บาท
นั่นมัน 1/3 ของราคาตั๋วเชียวนะ ว่าแล้วก็เดินจากมาอย่างเสียดาย

แต่ “Treasure Hunters” นี่แบบว่า ไม่หนุกเอาเสียเลยในสายตาเรา
เหมาะกับเด็กและคนท้องมาก และคิวนานนนน เพราะรอบนึงใช้เวลาประมาณเกือบ 4 นาทีได้น่ะ


มีแต่รูปทางเข้า "Revenge of the Mummy" แฮะ ที่ไม่มีคน


โซน “Sci-fi City”
เราเสียดายสุดๆ ที่รถไฟเหาะตีลังกา “Battel Star Galactica” ยังไม่เปิด
ตอนนี้เลยได้แต่เล่น “Accelerator” ซึ่งเป็นเหมือนถ้วยหมุนไปก่อน
(แน่นอน รอบนึงเร็วมาก ประมาณนาทีนิดๆ ได้)

ถัดจากโซนนี้คือโซน “New York”
จะบอกว่าเป็นโซนที่สนุกมากก็คงได้ (ถ้าร้องเพลงของ Alicia Keys ประกอบไปด้วยจะได้อารมณ์มาก)
ตอนไปเราพลาดถ่ายรูปกับมาริลีน มอนโรลอ้า เพราะมัวแต่เข้าไปดูหนัง
ที่สตีเว่น สปีลเบิร์กกำกับ (จากในหนังอีกที) ชื่อว่า “Lights, Camera, Action!” พูดได้คำเดียวว่า “เจ๋งสุดยอด” อยากให้เจ้าบูไปดูสุดๆ รับรองเฮียแกต้องชอบมากแน่



ทางเข้า "Lights, Camera, Action!"


มี popcorn แบบนี้ แต่อดใจไว้ อย่าเพิ่งซื้อกิน ห้ามเด็ดขาด!



โซนถ่ายรูป / ร้านขายของที่ระลึก






โตป่านนี้ ก็ยังกล้าถ่ายรูปกับแก๊ง B-boy จ้า 5555


เราปิดท้ายด้วยกันนั่งดูการแสดงแถวนั้นซึ่งมีเยอะพอควร
แล้วก็ถ่ายรูป เพราะโซนนี้มีที่ให้ถ่ายรูปเยอะมากขออย่าให้เหนื่อยเสียก่อนเถอะ ฮุๆ

ปิดการเดินทางด้วยขาที่เหนื่อยล้า และกายหยาบที่แหลกละเอียด
แต่ก็สนุกมาก และฝันถึงอยากกินมันบดอีก 555555555555


อ้อๆๆๆๆ ก่อนออกนะคะพี่น้อง (หรือก่อนเข้าก็ได้)
ตรงด้านหน้า ที่พวกเราต้องถ่ายรูปภาคบังคับกัน (ลูกโลก Universal ไงคะ)
มีร้านค้าน่าสนใจอยู่ 2 ร้าน คือ Hershey's World ไปดู แวะเข้าไปดู chocolate bar ใหญ่ยักษ์ในร้านและถ่ายรูปกับตัว Hershey bar กันด้วยล่ะ จะซื้อขนมฝากเพื่อน ที่นี่ก็เหมาะอยู่ค่ะ

ส่วน 2 คือร้าน "ข้าวโพดคั่ว" ชื่อว่า "Garrett"
ที่ส่งกลิ่นหอมแตะประสาทรับรู้ทางกลิ่นตลอดเวลาที่ยืนอยู่แถวนั้น!!
อย่าพลาดน้าาาาาาาา!!!! เพราะมันอร่อยมาก
ตอนไปเราสั่ง "Chicago Mixed" ซึ่งผสมกันระหว่าง
"คาราเมลกรอบหนึบ" กับ "Cheese Corn" คือรสหวานและเค็ม
มันจะกลมกล่อมพอดีมาก โดยเฉพาะคาราเมลนี่ เรียกได้คำเดียวว่า "เทพมาก"
ส่วนรสอื่นๆ ก็มี เนย/ไม่ใส่ไรเลย หรือคาราเมลใส่ธัญพืชต่างๆ
ส่วนขนาดนั้นมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบถุง และถังเหล็ก
แนะนำให้สั่งเล็กที่สุดก่อนคือ S$6 (ราคาขึ้นอยู่กับรส)
เพราะมันเข้มข้นจนเข้ากระแสเลือด กินกันไม่ถึงครึ่งถุงก็ต้องบอกลา
ก่อนเส้นเลือดจะร้อง Help me!!!
อีกทีก็คือ กินแบบร้อนๆ อร่อยกว่ากันแยะค่าาาาา


ภายในร้าน


แบบว่าเพียบบบบ ร้อนๆ


ขนาดสารพัน


รสชาติต่างๆ



ใส่ซองกระดาษซ้อนกันแบบนี้


สองรสในคำเดียวนะ


กรุณาพิจารณาความฉ่ำของชีสเค่อะ เอิ๊กกกก


สำหรับใครที่กำลังจะไป Universal Studio
แล้วเปิดมาเจอหน้านี้เข้า จะถามอะไรเพิ่มเติมก็บอกมานะคะ
ตอบได้ก็จะตอบค่ะ

Create Date : 21 พฤษภาคม 2553		8 comments
Last Update : 21 พฤษภาคม 2553 22:56:27 น.
Counter : 4905 Pageviews.
Share Tweet