เราใช้เส้นทางบางปะิอินค่ะ ขับรถลัดเลาะไปเรื่อยๆไปที่วัดพนัญเชิง จุดที่น่าสนใจที่นี่คือ สร้างเมื่อ พ.ศ 1867 บวกลบคูณหาร ณ ตอนนี้ก็ปาเข้าไป 688 ปีมาแล้วค่ะ ด้านในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่มาก เรามองดูก็รู้สึกทึ่งกับช่างสมัยก่อนเขาสร้างอย่างไรได้ใหญ่โตสวยงามขนาดนี้
ต่อด้วยวัดใหญ่ชัยมงคลค่ะ.. มองเห็นเจดีย์ชัยมงคลห่มผ้าเหลืองโดดเด่น เจดีย์ชัยมงคลเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทองซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่เป็นผู่สถาปณากรุงศรีอยธยา นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่นี่ เพราะเป็นวัดที่สวยงามมากกกกกกกกกก
เป็นภาพบริเวณรอบๆวัดค่ะ ว่ากันว่าเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรท่านทรงยุทธหัตถีแล้วติดในวงล้อมข้าศึกและเหล่าทหารตามไม่ทัน ตามกฏต้องประหารชีวิต แต่ท่านทรงเปลี่ยนโทษกลายเป็นสร้างบุญโดยการสร้างเจดีย์ชัยมงคลขึ้นเพื่อประกาศชัยชนะต่อพม่าและความมีน้ำพระทัยอภัยโทษต่อเหล่าทหาร และทรงสร้างให้ใหญ่โตกว่าเจดีย์ที่วัดภูเขาทองที่สร้างโดยพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองสร้างไว้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะที่มีต่ออยุธยาเมื่อคราวทึ่เสียกรุงครั้งที่ 1
เรานึกสงสัยว่า เจดีย์วัดภูเขาทอง เป็นอย่างไร....คงต้องตามไปดู
***************************
เราเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆต่อที่วัดพระรามค่ะ มองโบราณสถานเป็นภาพสท้อนในบึงพระราม สวยดี
เมื่อครั้งกรุงแตกครั้งที่ 2 ที่นี่เสียหายมาก ภาพที่เราเห็นในปัจจุบันได้รับการบูรณะแล้วค่ะ
อันนี้เป็นภาพเก่าๆวัดมงคลบพิตรก่อนการบูรณะค่ะ
ใกล้ๆกันเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดหลวงในพระราชวังโบราณ อยุธยา สร้างสมัยพระเจ้าอู่ทอง
เป็นวัดส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ จึงไม่มี
พระสงฆ์จำพรรษาในวัด ซึ่งเป็นต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)
กรุงเทพมหานคร
พระเจดีย์ใหญ่สามองค์ภายในวัด เป็นสัญญลักษณ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ เจดีย์ทั้งสามองค์มีประวัติน่าสนใจมากค่ะ ตามlinkนี้เลยนะคะ
จินตนาการดูว่ากรุงศรีอยุธยาในอดีตบริเวณนี้คงจะสวยงามมากๆ แต่เมื่อครั้งเสียกรุงที่นีถูกทำลายพังยับเยิน ดูจากสภาพซากปรักหักพังของโบราณสถานแห่งนี้ ชวนให้คิดว่าช่วงนั้นบ้านเมืองคงลุกเป็นไฟผู้คนคงระส่ำระสายหนีตายกันอลหม่าน
โบราณสถานแห่งนี้ยังโดนอุทกภัยตั้งหลายครั้ง ดีใจที่หลายๆหน่วยงานช่วยกันบูรณะปฏิสังขรและป้องกันไม่ให้โบราณสถานพังทลายมากกว่าเดิม
*******************************
ต่อมาเราเดินทางไปวัดภูเขาทอง เรามองเห็นเจดีย์อยู่กลางทุ่ง ดูเงียบๆเหงาๆ ไม่ค่อยมีทัวร์ลง ในภาพเจดีย์เอียงๆเห็นได้ชัดเลยนะคะ
เจดีย์ภูเขาทองนี่ไงค่ะที่พระเจ้าบุเรงนองเมืองหงสาวดีหรือที่รู้ๆกันว่าผู้ชนะสิบทิศ สร้างขึ้นเมื่อตีกรุงศรีอยุธยาสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ 2112 หลังจากนั้นที่นี่ได้รับการบูรณะหลายครั้งค่ะ แต่คงสภาพแบบรามัญ คือส่วนฐานค่ะ
รู้สึกทึ่งกับพม่านะคะ ใกลๆก็ใกลมาได้ไงก็ไม่รู้ แล้วมาตีอยุธยาแตกตั้ง 2 ครั้ง
แล้วเราก็นึกในใจอีกแล้วว่าไทยเราไปตีพม่าแตกบ้างมั้ย แล้วเราได้สร้างอนุสรณ์แบบนี้ที่บ้านเมืองเค้าไว้บ้างมั้ยนะ ถ้ามีจะตามไปดู คงต้องไปย้อนอ่านประวัติศาสตร์อีกแล้วล่ะ
ด้านหลังของเจดีย์คือ วัดภูเขาทองค่ะ
สูงเอาเรื่องเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ชันเหมือนวัดอรุณ ไปต่อกันที่ทุ่งมะขามหย่องดีกว่านะคะ ขับรถต่อจากนี้ไปไม่ใกลเลย
ทุ่งมะขามหย่อง สมรภูมิรบสำคัญในสมัยอยุธยา ที่ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ ถึงการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของวีรสตรีไทย "สมเด็จพระศรีสุริโยทัย" ที่ทรงสละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยในการรบกับพม่าเมื่อปี พ.ศ.2091 นอกจากนี้ยังเป็นที่ดินส่วนพระองค์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวตามแนวพระราชดำริ เป็นพื้นที่แก้มลิง เพื่อรองรับและป้องกันน้ำท่วม
ถ่ายรูปบริเวณ "พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย"
แค่ไม่กี่แห่ง เราก็สามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยาได้มากมาย แดดร้อนค่ะแต่สนุกมาก คงต้องหาโอกาสมาเที่ยวอีกครั้ง มีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่เรายังไม่ได้ไป ..... แล้วเจอกันอีกนะคะ
สวัสดียามสาย ๆ ค่ะ...^^"